ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ

สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 130/2 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 166/1เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


การกำหนดอายุเจดีย์ประธานวัดช้างรอบ โดยวิธีศึกษาเปรียบเทียบรูปแบบทางศิลปกรรมกับลวดลายเครื่องประดับเทวรูปพระอิศวร เมืองกำแพงเพชร..เทวรูปพระอิศวรสำริด แต่เดิมประดิษฐานอยู่ที่ศาลพระอิศวรอันเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดูเพียงแห่งเดียวในเมืองกำแพงเพชร ปัจจุบันจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร ลักษณะประทับยืนมี 1 เศียร 2 กร พระพักตร์รูปเหลี่ยม พระขนงเชื่อมต่อกันเหนือสันพระนาสิก พระโอษฐ์เม้มเป็นเส้นตรง ทรงไว้พระทาฐิกะ (เครา) เป็นรูปสามเหลี่ยม กลางพระนลาฏมีพระเนตรที่สาม สวมกระบังหน้า เกล้าพระเกศารูปทรงกระบอกปรากฏอุณาโลม ประดับกุณฑลที่พระกรรณ ด้านข้างพระเศียรมีกรรเจียก สวมกรองศอที่ประดับลายประจำยามและมีพวงอุบะขนาดเล็กห้อยตกลงมา ส่วนองค์ท่อนบนคล้องสายยัชโญปวีตและสวมพาหุรัดในรูปของนาค สวมทองพระกร ทองพระบาท พระธำมรงค์ทุกนิ้ว ทรงภูษาโจงกระเบนสั้นจีบเป็นริ้ว คาดทับด้วยเข็มขัดที่ประดับด้วยพวงอุบะขนาดเล็ก และชักขอบผ้านุ่งด้านบนให้แผ่ออกเป็นรูปสามเหลี่ยมมีชายผ้าห้อยตกลงมาทางด้านหน้า..การกำหนดอายุโดยการเปรียบเทียบตามความหมายในคู่มือการปฏิบัติงานด้านโบราณคดี หมายถึงอายุที่ไม่สามารถระบุเวลาเป็นจำนวนปีที่เทียบเคียงและเชื่อมโยงเข้ากับเวลาของปฏิทินปัจจุบัน กล่าวคือไม่สามารถระบุเป็นตัวเลขจำนวนปี หรือสมัยได้ ระบุได้เพียงว่าอายุเท่ากับ หรืออายุเก่ากว่า หรืออายุน้อยกว่าหลักฐานทางโบราณคดีชิ้นใด ชุดใด หน่วยใดเท่านั้น.ในที่นี้การพิจารณาวิวัฒนาการของรูปแบบในลักษณะศิลปกรรม โดยการคัดเลือกลวดลายตกแต่งของโบราณวัตถุ และโบราณสถาน อาศัยเหตุทั่วไปว่า ศิลปะทางศาสนา หรือที่ทำขึ้นตามระเบียบประเพณีนั้น ความคิดอ่านทางการช่างมีการสืบช่วงอายุต่อกัน เริ่มต้นจากอิทธิพลภายนอกแล้วกลายเป็นแบบของตนเองในภายหลัง หลักสำคัญอยู่ที่การคัดเลือกลวดลาย จำแนกลวดลายตามวัตถุนั้นๆ ออกเป็นกลุ่มๆ จากนั้นคัดเลือกวัตถุชิ้นใดชิ้นหนึ่งเป็นหลัก ซึ่งวัตถุชิ้นหลักนี้ต้องสามารถกำหนดอายุได้อย่างแน่นอน เช่น วัตถุที่มีจารึกบอกเวลาที่สร้าง หรือวัตถุที่สามารถเปรียบเทียบอายุจากวัตถุที่เป็นศิลปกรรมของพื้นที่อื่นที่ให้อิทธิพลแก่วัตถุชิ้นนั้น แล้วจึงคัดลวดลายจากโบราณวัตถุชิ้นอื่นๆ นำมาสืบช่วงก่อนหลังตามลักษณะลวดลายที่ปรากฏ..เทวรูปพระอิศวรสำริดนี้ปรากฏจารึกโดยรอบฐานอักษรไทยสุโขทัย ภาษาไทย ระบุปีพุทธศักราช 2053 มีข้อความโดยสรุปว่า เจ้าพระยาศรีธรรมโศกราชได้ประดิษฐานเทวรูปพระอิศวรนี้ไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองมนุษย์และสัตว์ที่อาศัยอยู่ภายในเมืองกำแพงเพชร กล่าวถึงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามทั้งในเมืองและนอกเมืองกำแพงเพชร อีกทั้งยังมีรับสั่งให้ขุดลอกคลองแม่ไตรบางพร้อและคลองส่งน้ำจากเมืองกำแพงเพชรไปถึงเมืองบางพาน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จบพิตรพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ สันนิษฐานว่าพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์นั้นหมายถึงสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ผู้เสวยราชสมบัติเมืองอยุธยาสมัยนั้นพระองค์หนึ่ง และพระเจ้าอยู่หัวองค์ก่อนหน้านี้ คือ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 หรืออาจหมายถึงพระอาทิตยวงศ์ผู้ที่ได้รับการสถาปนาเป็นอุปราชครองเมืองพิษณุโลก และขึ้นครองราชสมบัติพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4 หน่อพุทธางกูร ในเวลาต่อมา .ตัวอย่างลวดลายเครื่องประดับที่ปรากฏบนกระบังหน้า กรองศอ และผ้านุ่งของเทวรูป อาทิ ลายประจำยาม ลายดอกไม้ก้านขด ลายกระหนก และลายดอกกลม อันมีลักษณะคล้ายคลึงกับลวดลายเครื่องประดับที่ปรากฏบนตัวช้างประติมากรรมที่ฐานเจดีย์ประธานวัดช้างรอบ บริเวณสร้อยคอ ข้อมือ และข้อเท้า .จารึกโดยรอบฐานเทวรูปพระอิศวรระบุปีพุทธศักราช 2053 (พุทธศตวรรษที่ 21) ลวดลายเครื่องประดับที่ปรากฏมีความสอดคล้องกับลวดลายเครื่องประดับที่ปรากฏบนประติมากรรมรูปช้างที่ฐานเจดีย์ประธานวัดช้างรอบ จึงอนุมานจากการกำหนดอายุโดยการเปรียบเทียบได้ว่าวัดช้างรอบ เมืองกำแพงเพชร น่าจะสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21 ..เอกสารอ้างอิงกรมศิลปากร สำนักโบราณคดี. คู่มือการปฏิบัติงานด้านโบราณคดี. กรุงเทพฯ : ห้างหุ้นส่วนจำกัด อรุณการพิมพ์, 2551.กรมศิลปากร. นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร. กรุงเทพฯ : บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (1977) จำกัด, 2557.กรมศิลปากร. ประชุมจารึก ภาคที่ 8 จารึกสุโขทัย. กรุงเทพฯ : สำนักหอสมุดแห่งชาติ, 2548.นารีรัตน์ ปรีชาพีชคุปต์, ธาดา สังข์ทอง และอนันต์ ชูโชติ ; ผู้แปลภาษาอังกฤษ, นันทนา ตันติเวสสะ และ สุรพล นาถะพินธุ. นำชมอุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร (Guide to Sukhothai Si Satchanalai and Kamphaeng Phet historical parks) (พิมพ์ครั้งที่ 2). กรุงเทพฯ : สำนักโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ, 2542.




ชื่อเรื่อง : เจ้าฟ้าธรรมธิเบศ พร้อมด้วย พระประวัติ และพระนิพนธ์บทร้อยกรอง ฉบับตรวจสอบชำระใหม่มีภาพและแผนที่ประกอบเรื่องชื่อผู้แต่ง : -ปีที่พิมพ์ : 2505สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : หจก.ศิวพร จำนวนหน้า : 370 หน้า สาระสังเขป : หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องพระประวัติ และพระนิพนธ์บทร้อยกรอง ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศ พระราชนิพนธ์บทร้อยกรองอันได้แก่บทเห่เรือ 1. เห่ชมเรือกระบวร 2. เห่ชมปลา 3. เห่ชมไม้ บทเห่เรื่องกากี บทเห่สังวาสและเห่ครวญ กาพย์ห่อโคลง นิราศธารโศก กาพย์ห่อโคลง นิราศธารทองแดง นันโทปนันทสูตรคำหลวง พระมาลัยคำหลวง เพลงยาว ในส่วนของภาคผนวก ได้อธิบายเรื่อง อธิบายตำนานเห่เรือ บันทึกเรื่องธารโศกและธารทองแดง บันทึกเรื่องนันโทปนันสูตรและพระมาลัย


ชื่อผู้แต่ง             สุตต์ ชื่อเรื่อง              พระคาถาสรรเสริญพระธรรมวินัย พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 4 ครั้งที่พิมพ์         - สถานที่พิมพ์      กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์         โรงพิมพ์มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ ปีที่พิมพ์             ๒๔๕๗ จำนวนหน้า        40 หน้า     “กัสสปสังยุตตาคตสูตร” นี้ สมเด็จพระสังฆราช วัดราชประดิษฐ์ ทรงนิพนธ์และมีพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เป็นคาถาภาษามคธว่าด้วยพระธรรมวินัยในพระพุทธศาสนา แทรกอยู่ด้วย 40 คาถา และสมเด็จพระสังฆราชวัดราชประดิษฐ์ได้ทรงแปลพระราชนิพนธ์นี้เป็นภาษาไทยไว้


เลขทะเบียน : นพ.บ.447/1กห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 12 หน้า ; 5 x 59 ซ.ม. : ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 158  (149-162) ผูก 1ก (2566)หัวเรื่อง : เล่มหลวง--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.597/1                      ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 80 หน้า ; 4.5 x 55 ซ.ม. : รักทึบ-ลานดิบ-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 192  (392-398) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : สังคายนา--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


         วันนี้ในอดีต 21 เมษายน 2566 ครบรอบ 241 ปี วันสถาปนา “กรุงรัตนโกสินทร์” ตอนที่ 1          ต่อมาในเมื่อวันอาทิตย์ เดือน 6 ขึ้น 10 ค่ำ ซึ่งตรงกับวันที่ 21 เมษายน ปีพุทธศักราช 2325 เวลา 06.54 นาฬิกา เป็นวันที่พระองค์ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กระทำ “พิธียกเสาหลักเมือง” โดยเป็นประเพณีไทยโบราณเมื่อมีการสร้างเมืองขึ้นใหม่ จะต้องหาฤกษ์มงคลสำหรับฝังเสาหลักเมืองเป็นประการแรก เพื่อความเป็นสิริมงคลของบ้านเมืองและประชาชน           โดยเรื่องราวของ “หลักเมือง” คือเรื่องราวที่ปรากฏในลักษณะเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมา และแฝงด้วยความอาถรรพ์ แต่ทว่ายังคงมีเรื่องราวแห่งความจริง ซึ่งเป็นแก่นรวมอยู่ด้วย ยกตัวอย่างเช่นเรื่องราวในสมัยกรุงศรีอยุธยาที่เล่าถึง “หลักเมือง” ไว้ว่า          “พิธีสร้างพระนครหรือสร้างบ้านสร้างเมืองต้องฝังอาถรรพณ์ ๔ ประตูเมือง ต้องฝังเสาหลักเมือง การฝังเสาหลักเมือง และเสามหาปราสาท ต้องเอาคนมีชีวิตทั้งเป็น ๆ ลงฝังในหลุมเพื่อให้เป็นผู้เฝ้าทวารมหาปราสาทบ้านเมืองป้องกันอริราชศัตรู ในการทำพิธีดังกล่าวนี้ต้องเอาคน ชื่อ อิน จัน มั่น คง มาลงฝังในหลุมจึงจะศักดิ์สิทธิ์ ”          สำหรับเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ เชื่อว่าได้รับอิทธิพลทางพิธีการของพราหมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องในพิธีจารึกดวงชะตาพระนคร โดยสำคัญอย่างยิ่งในด้านความเชื่อถือ ซึ่งมีผลโดยตรงทางด้านจิตใจและเป็นการสร้างความมั่นใจผ่านทางพิธีกรรมเพื่อความมงคลว่าบ้านเมืองจะอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข  นอกจากนั้น ภายหลังยังมีการประดิษฐาน “ศาลเทพารักษ์” เพื่อเป็นที่สถิตของเทพารักษ์ประจำหลักเมือง คอยอำนวยความสุข ความมงคล และป้องกันเภทภัยแก่ผู้ที่เคารพบูชา ประกอบด้วยเทพารักษ์จำนวน ๕ พระองค์ ได้แก่ พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระกาฬไชยศรี เจ้าเจตคุปต์ และ เจ้าหอกลอง           ปัจจุบันเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยามีเนื้อที่ประมาณ ๑ งาน ๑๕ ตารางวา อยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ของท้องสนามหลวง ภายในบริเวณเสาหลักเมืองกรุงเทพฯ ได้จัดพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วนรับรองการมาสักระนมัสการของประชาชน          ในวาระการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ครบ ๒๔๑ ปี ในวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๖ นี้ ถือเป็นโอกาสดีที่คนไทย โดยเฉพาะเยาวชนคนรุ่นใหม่ จะได้เรียนรู้และสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องประวัติศาสตร์ความเป็นมาของการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ก่อให้เกิดความรักและภาคภูมิใจในความเป็นไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการรักษาเอกลักษณ์ศิลปวัฒนธรรม  



           พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ขอเชิญร่วมกิจกรรมบรรยายทางวิชาการ ในหัวข้อ “อันเนื่องมาจากเครื่องพุทธบูชา กรุพระเจดีย์ วัดพระศรีสรรเพชญ์” โดยวิทยากร นางสาวศุภวรรณ นงนุช ภัณฑารักษ์ชำนาญการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในวันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๓๐ - ๑๒.๐๐ น. ณ ห้องบรรยายฯ อาคารเครื่องทองอยุธยา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา           ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมฟังการบรรยายได้ฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยสแกน Qr code ในภาพด้านบน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐ ๓๕๒๔ ๑๕๘๗ ต่อ ๑๑


        พระบรมสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว  ประทับบนพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ ภายใต้พระบวรเศวตฉัตรทรงรับน้ำอภิเษก           เทคนิค : สีฝุ่นบนเฟรมพื้นไม้            ศิลปิน : นายนพพล  งามวงษ์วาน           ตำแหน่ง : นายช่างศิลปกรรมชำนาญงาน         กลุ่มงาน : กลุ่มจิตรกรรม  สำนักช่างสิบหมู่  กรมศิลปากร         ขนาด : ๗๑ x ๙๒ เซนติเมตร          ผลงานศิลปกรรมออกแบบและจัดสร้างโดย  กลุ่มจิตรกรรม  สำนักช่างสิบหมู่  กรมศิลปากร  จัดแสดงในนิทรรศการพิเศษ “เถลิงรัชช์หัตถศิลป์”  ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร  ระหว่างวันที่ ๙ มิถุนายน – ๑๗ กันยายน ๒๕๖๖  เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. วันพุธ – วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์ – วันอังคาร)         การเขียนพระบรมสาทิสลักษณ์ด้วยเทคนิคการเขียนสีฝุ่นบนบนเฟรมพื้นไม้ชิ้นนี้  จิตรกรได้บันทึกประวัติศาสตร์เหตุการณ์สำคัญในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก  ในวันเสาร์ที่ ๔ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๒ เวลา ๑๑.๓๙ น.  พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์  ทรงฉลองพระองค์ครุยสายสะพายนพรัตนราชวราภรณ์  สายสร้อยจุลจอมเกล้า  เสด็จออกจากหอพระสุราลัยพิมานเข้าพระที่นั่งไพศาลทักษิณแล้วประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร  แปรพระพักต์สู่บูรพาทิศเป็นปฐม  เพื่อทรงรับน้ำอภิเษก           เมื่อสมเด็จพระมหากษัตริย์ทรงผลัดฉลองพระองค์เป็นเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์แล้ว เสด็จออกพระที่นั่งไพศาลทักษิณประทับเหนือพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ภายใต้พระบวรเศวตฉัตร เพื่อทรงรับน้ำอภิเษกจากผู้แทนทิศทั้งแปด ราชบัณฑิตประจำทิศเข้าไปคุกเข่าถวายบังคมกล่าวคำถวายพระพรชัยมงคล ถวายแว่นแคว้น ถวายดินแดน ถวายพุทธศาสนา และถวายประชาชน ซึ่งอยู่ในทิศนั้น ๆ ให้ทรงปกป้องคุ้มครองและทำนุบำรุง  แล้วจึงถวายน้ำอภิเษก ทรงรับน้ำอภิเษกด้วยพระหัตถ์แล้วทรงจิบและทรงลูบพระพักตร์ กับทรงรับด้วยพระเต้าเบญจคัพย์  แล้วจึงมีกระแสพระราชดำรัสตอบ เมื่อสิ้นกระแสพระราชดำรัส พราหมณ์เป่าสังข์ พราหมณ์พิธีถวายน้ำพระมหาสังข์ พราหมณ์พฤฒิบาศถวายน้ำเทพมนตร์ด้วยพระครอบสัมฤทธิ์ ต่อจากนั้นจึงทรงผันพระองค์ไปโดยทักษิณาวัฏ ทรงปฏิบัติโดยนัยเดียวกับทิศบูรพาจนรอบพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์โดยลำดับ          การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ปรากฏมาตั้งแต่ครั้งพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. ๒๔๙๓ คือ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชครูพราหมณ์น้อมเกล้าฯ ถวายพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ภายหลังจากที่ถวายน้ำอภิเษก ณ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์เป็นปฐม ก่อนเสด็จไปประทับเหนือพระที่นั่งภัทรบิฐเพื่อทรงรับการทูลเกล้าฯ ถวายเครื่องราชชกกุธภัณฑ์และเครื่องประกอบพระบรมราชอิสริยยศต่อไป ธรรมเนียมปฏิบัติดังกล่าวได้ยึดถือเป็นแบบแผนมาถึงพระราชพิธีบรมราชาภิเษกรัชกาลปัจจุบัน  อันส่งผลให้พระเศวตฉัตรที่กางกั้นเหนือพระที่นั่งภัทรบิฐในรัชกาลที่ ๙ และรัชกาลปัจจุบัน  เปลี่ยนจากพระบวรเศวตฉัตรเป็นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร   บรรณานุกรม คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์งานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก.  คำเกี่ยวกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก.   [ออนไลน์].  สืบค้นเมื่อ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๔, จาก  http://www.phralan.in.th/coronation/vocabdetail.php?id=79 กรมศิลปากร.  เถลิงรัชช์หัตถศิลป์ = Coronation Art. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๖๖.     ผู้ที่สนใจขั้นตอนการการเขียนสีฝุ่นบนเฟรมพื้นไม้ สามารถเข้าชมวีดิทัศน์ได้ทางลิ้งค์ด้านล่าง https://datasipmu.finearts.go.th/knowledge/26  


วันที่ 11 สิงหาคม 2566กลุ่มโบราณคดี ทำการสำรวจโบราณสถานในพื้นที่อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี จำนวน 2 แห่ง คือ1).โบราณสถานบริเวณที่พักสงฆ์วัดไทย บ้านหัวสวยพบซากเจดีย์ (ธาตุ) ก่ออิฐฉาบปูนแปดเหลี่ยม และฐานอาคารในผังสี่เหลี่ยมวางตัวนแนวแกนตะวันออก – ตะวันตก(ธาตุอยู่ด้านหลังอาคารในผังสี่เหลี่ยม)2).เจดีย์ (ธาตุ) ร้าง ก่ออิฐ มีต้นไม้ปกคลุม ไม่สามารถศึกษารายะเอียดได้มากนักสันนิษฐานว่าโบราณสถานทั้ง 2 แห่ง สร้างขึ้นในสมัยวัฒนธรรมล้านช้าง เมื่อราว 400 – 100 ปีมาแล้วสอบถามหรือแจ้งข้อมูลโบราณสถาน 043-242129 Line: finearts8kk E-mail: fad9kk@hotmail.comพื้นที่ในความรับผิดชอบขอนแก่น เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร#ความรู้ #องค์ความรู้ทางวิชาการ #บทความ #สำนักศิลปากรขอนแก่น #ขอนแก่น #กรมศิลปากร #แหล่งโบราณคดี #โบราณคดี


ปราสาทจอมพระ   ปราสาทจอมพระ ก่อสร้างด้วยศิลาแลงและใช้หินทรายประกอบ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก มีองค์ประกอบและแผนผังเหมือนกับอโรคยศาลแห่งอื่น ประกอบด้วย 1. ปราสาทประธาน รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง 5 เมตร ยาว 5 เมตร มีมุขยื่นออกมาด้านหน้า คือทิศตะวันออกเป็นทางเข้า มีขนาดกว้างประมาณ 2 เมตร ยาว 3 เมตร มีชาลาด้านหน้า 2. บรรณาลัย รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตั้งหันหน้าเข้าหาปราสาทประธาน อยู่ทางมุมตะวันออกเฉียงใต้ 3. กำแพงแก้ว ล้อมรอบปราสาทและบรรณาลัย มีซุ้มประตูอยู่กึ่งกลางกำแพงด้านตะวันออก 4. สระน้ำ 1 สระ อยู่นอนกำแพงแก้ว ทางมุมตะวันออกเฉียงเหนือ จากการขุดแต่งพบโบราณวัตถุสำคัญ ได้แก่ ประติมากรรมหินทรายรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสี่กร ประทับนั่งบนแผ่นหิน เทวสตรี พระพุทธรูปนาคปรกหินทราย และ แท่งจารึกหินทราย ปราสาทจอมพระ ตำบลจอมพระ อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์


            กรมศิลปากร โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี และมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย ขอเชิญชมนิทรรศการ เรื่อง “ตามรอยพระศาสดาและพุทธสถานในอินเดีย” ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี จัดแสดงตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม - ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗              นิทรรศการ “ตามรอยพระศาสดาและพุทธสถานในอินเดีย” The Buddhist Exhibition “Buddha Carika – in Footsteps of Buddha” จัดขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมประชาสัมพันธ์การอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ประดิษฐาน ณ จังหวัดอุบลราชธานี ตามความร่วมมือของรัฐบาลไทยและอินเดีย และเป็นความร่วมมือทางวัฒนธรรมเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตเชิงพระพุทธศาสนา (Buddhism Diplomacy) ระหว่างจังหวัดอุบลราชธานี และ สถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การพัฒนาเมืองคู่มิตรระหว่างกันต่อไป โดยจัดแสดงภาพถ่ายบอกเล่าเรื่องราวพระพุทธประวัติจากโบราณสถานในอินเดีย พร้อมรับหนังสือนิทานชาดกที่ระลึกสำหรับเด็กและเยาวชนฟรี              ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการนี้ได้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เปิดวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. (ปิดวันจันทร์ – วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) 


black ribbon.