ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,852 รายการ
เลขทะเบียน : นพ.บ.155/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 48 หน้า ; 4.5 x 53 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 93 (1-16) ผูก 5 (2565)หัวเรื่อง : คันถาภรณะ--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทศนา (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
ชบ.บ.37/1-4
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ปฐมสิกฺขาปท (ปถมสิกฺขาปท)
ชบ.บ.98/1-2
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.313/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 78 หน้า ; 5 x 56.5 ซ.ม. : ทองทึบ-ล่องชาด ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 128 (317-320) ผูก 2 (2565)หัวเรื่อง : สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม(สงฺคิณี - กถาวตฺถุ)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อเรื่อง : นิราศพระปฐม
ชื่อผู้แต่ง : จักรปาณี (ฤกษ์), หลวง
ปีที่พิมพ์ : 2513
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์คุรุสภาพระสุเมรุ
จำนวนหน้า : 56 หน้า
สาระสังเขป : หลวงจักรปาณี (มหาฤกษ์) แต่งนิราศพระปฐมขึ้นเมื่อเดินทางไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ทางเรือ โดยเริ่มออกเดินทางผ่านหน้าวัดสุทัศน์เทพวราราม ท่านนึกถึงเมื่อครั้งบวชเณรเพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมกับสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ(อู่) และจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ตลอดมาจนสิ้นรัชกาลที่ 3 จึงลาสิกขา เมื่อผ่านวัดราชบพิธ ได้อธิษฐานขอให้บุญอานิสงส์ที่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ ส่งให้ทรงเจริญด้วยพระเกียรติยศ จากนั้นผ่านวังหน้าออกทางคลองหลอด ผ่านที่ต่าง ๆ จนถึงเมืองนครปฐม ได้จอดเรือที่ท่าหน้ากงสีของขุนพัฒน์ แล้วไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ เมื่อนมัสการพระปฐมเจดีย์แล้วจึงไปเยี่ยมพระยาสุธรรมไมตรี
การสำรวจเพื่อการออกแบบบูรณะโบราณสถานประเภทหิน และโบราณสถานประเภทอาคารอุโบสถ(สิม)
วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๕ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ตรัง ได้มาจัดกิจกรรมรณรงค์ดูแลรักษามรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๕ ณ โบราณสถานวัดจอมไตร จึงขอนำเสนอองค์ความรู้เรื่อง "โบราณสถานวัดจอมไตร"
๑. ที่ตั้ง
หมู่ที่ ๗ บ้านกระเจาะ ถนนเพชรเกษม ตำบลนาโยงเหนือ อำเภอนาโยง จังหวัดตรัง
๒. การขึ้นทะเบียนโบราณสถาน
กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ตามประกาศวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๔๑
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๖ ตอนพิเศษที่ ๑๗ ง หน้า ๓ วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๔๒
๓. ประวัติและความสำคัญ
วัดจอมไตร เดิมชาวบ้านเรียกว่า “วัดเจาะ” หรือ วัดกระเจาะ” ตามชื่อบ้านซึ่งเป็นชุมชนเก่าของตรัง สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๙๓ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดจอมไตร” เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๔ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๔๘๕
อุโบสถขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๕ โดยสถาปัตยกรรมฝีมือช่างท้องถิ่น อุโบสถเป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าบนฐานเตี้ย ตามลักษณะอุโบสถแบบภาคใต้ โครงสร้างอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หลังคาซ้อนชั้นกัน ๓ ชั้น เครื่องบนเป็นไม้ทั้งหมด ตัวอาคารไม่มีการตกแต่งมากนัก
ส่วนภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปชื่อ “พระพุทธจอมไตร” เป็นพระประธาน สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๘ เป็นพระพุทธรูปที่ทำพิธีหล่อด้วยโลหะองค์แรกของจังหวัดตรัง
ต่อมาในภายหลังตัวอุโบสถทรุดโทรมไปมากแล้ว กรมศิลปากรจึงได้ทำการบูรณะโดยรักษารูปแบบเดิมไว้ทุกประการ และดำเนินการแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๕๕๕
บรรณานุกรม
ภานุวัฒน์ เอื้อสามาลย์. ๒๔๗ โบราณสถานภาคใต้ที่ขึ้นทะเบียนแล้วและข้อมูลหลักฐานใหม่
ทางโบราณคดี. นครศรีธรรมราช: สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช, ๒๕๖๑.
ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน). วัดจอมไตร : ฐานข้อมูลแหล่งโบราณคดีที่สำคัญใน
ประเทศไทย. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ ๑ เมษายน ๒๕๖๕,
https://db.sac.or.th/archaeology/archaeology/809
หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ตรัง. อุโบสถวัดจอมไตร. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ ๑ เมษายน ๒๕๖๕, https://www.andamannlttrang.com/
เนื่องในโอกาสวันสงกรานต์ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ ขอประมวลภาพบรรยากาศประเพณีสงกรานต์ของจังหวัดเชียงใหม่ เช่น พิธีรดน้ำดำหัว ขบวนแห่สรงน้ำพระ การเล่นน้ำสงกรานต์ ขนทรายเข้าวัด ปักตุง ก่อกองทราย ถวายไม้ค้ำต้นโพธิ์ เป็นต้น เพื่อร่วมสืบทอดประเพณีสำคัญและสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของไทยภาพ :๑. หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่.๒. หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่. ภาพส่วนบุคคล ชุด นายบุญเสริม สาตราภัย.๓. บุญเสริม สาตราภัย. ๒๕๕๔. เชียงใหม่ในความทรงจำ. เชียงใหม่: Sansilp Printing.
เรื่อง "ปัญจรูป"การผลิตสื่อเพื่อสื่อความหมายทางวัฒนธรรมครั้งที่ ๑จัดทำโดย นางสาวธิติพร สายฝั้นนิสิตฝึกงาน ระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการจัดการทรัพยากรวัฒนธรรม ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำภูมิภาคตะวันออกของไทย ได้ปรับปรุงการจัดแสดงนิทรรศการด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปรับปรุงภูมิทัศน์ และสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับผู้พิการและผู้สูงอายุ ตามแผนพัฒนาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของกรมศิลปากร ขณะนี้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ส่วนการจัดแสดงนิทรรศการใหม่ นำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์และโบราณคดีภาคตะวันออก ที่สมบูรณ์ที่สุด มีโบราณวัตถุชิ้นสำคัญจัดแสดงกว่า ๒๐๐ ชิ้น แบ่งส่วนจัดแสดงเป็น ๕ ห้อง ได้แก่ ๑. ห้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์และโบราณคดีในภาคตะวันออกด้วยสภาพภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้เหมาะแก่การตั้งถิ่นฐานของชุมชนผ่านการชมวีดิทัศน์ร่องรอยวัฒนธรรมลุ่มน้ำบางปะกงและภูมิภาคตะวันออก ๒. ห้องชุมชนโบราณในภาคตะวันออกจัดแสดงเนื้อหาชุมชนโบราณสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ในภูมิภาคตะวันออกที่สำคัญ ได้แก่ ชุมชนโคกพนมดีราว ๓,๕๐๐ – ๔,๐๐๐ ปี มาแล้ว และชุมชนหนองโนราว ๒,๗๐๐ – ๔,๕๐๐ปีมาแล้ว ผ่านหลุมศพจำลองเจ้าแม่โคกพนมดีและโบราณวัตถุที่พบจากแหล่งโบราณคดีโคกพนมดีและหนองโน จ.ชลบุรี ๓. ห้องพัฒนาการของชุมชนและเมืองโบราณในภาคตะวันออก จัดแสดงพัฒนาการของชุมชนและเมืองโบราณในภาคตะวันออก เริ่มต้นจากความสัมพันธ์กับดินแดนโพ้นทะเล เข้าสู่ช่วงรับวัฒนธรรมทวารวดีและวัฒนธรรมเขมรโบราณในภาคตะวันออก โบราณวัตถุชิ้นสำคัญที่พบในภาคตะวันออก ได้แก่ทับหลังจากปราสาทเขาน้อยสีชมพู ทับหลังจากปราสาทสด๊กก๊อกธมรวมถึงจารึกที่พบจากปราสาททั้ง ๒ แห่ง ๔. ห้องวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำบางปะกงจัดแสดงเรื่องราวของชุมชนในบริเวณลุ่มแม่น้ำบางปะกง ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนเข้าสู่วัฒนธรรมทวารวดี ผ่านผนังสื่อมัลติมีเดียโปรเจกเตอร์ทัช ที่สัมผัสเพื่อรับชมเนื้อหา ๕. ห้องเมืองศรีมโหสถ นครรัฐแรกเริ่มแห่งลุ่มน้ำบางปะกงซึ่งกำเนิดขึ้นร่วมสมัยกับอาณาจักรฟูนันตอนปลาย และพัฒนาเข้าสู่วัฒนธรรมทวารวดีในพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๖ ก่อนที่วัฒนธรรมเขมรจะเข้ามาในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ - ๑๘ มีการแสดงพระคเณศพระวิษณุจตุรภุช พระพุทธรูปปางสมาธิ รวมถึงเครื่องสำริดประกอบพิธีกรรมที่มีจารึกภาษาเขมรกล่าวถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ ขอเชิญชวนผู้สนใจเรียนรู้ประวัติศาสตร์อารยธรรมในภูมิภาคตะวันออกของไทย ชมโฉมใหม่ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี เปิดทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดชดเชย สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๓๗๒๑ ๑๕๘๖
ขันถมเงินลายสัตว์หิมพานต์
ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ ๒๓-๒๔
ขุดได้ที่ลัดคลองสุภา อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ย้ายมาจากห้องกลางกระทรวงมหาดไทย
ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ณ พระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข หมู่พระวิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ขันถมเงินทรงมะนาวตัด ปากกว้างก้นแคบ ขึ้นรูปด้วยโลหะเงินตกแต่งลวดลายโดยการถมดำ ปากขันถมลายบัวคว่ำ ตัวขันถมลายสัตว์หิมพานต์ ๔ ชนิด ได้แก่ กินรี อัปสรสีหะ คชสีห์ และราชสีห์ ล้อมรอบด้วยกระหนกเปลวในช่องสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบหก พื้นตัวขันถมลายดอกลอย ก้นขันด้านนอกตกแต่งลายราชสีห์ในช่องกลม
ขันถมเงินใบนี้เป็นตัวอย่างงานเครื่องเงินถมดำในศิลปะอยุธยา จากการขุดค้นทางโบราณคดีพบโบราณวัตถุศิลปะอยุธยาทำด้วยวัสดุเงินหลายประเภท เช่น พระพุทธรูป ภาชนะ จารึกลานเงิน เป็นต้น ประกอบกับหลักฐานประเภทลายลักษณ์อักษร อาทิ กฎมณเทียรบาล มีข้อความกล่าวถึงการพระราชทานเครื่องเงินเป็นรางวัลแก่เจ้าพนักงานที่ทำความดีความชอบ เช่น หากเจ้าพนักงานพบช้างสำคัญหรือช้างเผือกที่เหมาะจะเป็นช้างต้นและนำความกราบบังคมทูล จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน ขันเงินและเสื้อผ้า ดังความว่า
“...ข้าหลวงกลับมากราบทูลเปนมั่นแม่น พระราชทานขันเงิน เสื้อผ้า...” อีกทั้งในเอกสารคำให้การชาวกรุงเก่ากล่าวถึงการพระราชทานเครื่องเงินเป็นเครื่องยศประจำตำแหน่งขุนนาง และเอกสารว่าด้วยแผนที่กรุงศรีอยุธยา* ระบุว่ามี “ย่านขันเงิน” เป็นตลาดขายขัน จอก ผอบ ตลับเงินเลวและแบบถมดำ ในเกาะเมืองกรุงศรีอยุธยา
นอกจากนี้สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงมีลายพระหัตถ์ลงวันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๘๓ กล่าวถึงรูปแบบลวดลายของเครื่องถมเงินไว้ความว่า
“...เครื่องถมนั้นชอบกล เป็นของที่มีทำนานมาแล้ว ของเก่าเรียกกันว่า “ถมดำ” เพราะลายห่างเห็นพื้นดำมาก เกล้ากระหม่อมได้สังเกตเห็นของเก่าทีเดียว เป็นพื้นดำลายเงินถัดมามีตะทองสลับกับเงิน ถัดมาอีกเป็นลายตะทองล้วน ต่อนั้นมาก็เปลี่ยนเป็นทำพื้นแคบเข้า ลายถี่แน่นเข้า ตกมาถึงถมบางขุนพรหมมีพื้นน้อยเต็มที มีลายเป็นทองอร่ามไปทั้งนั้น เข้าใจว่าเป็นด้วยคนสมัยหลังต้องการให้มีทองมาก ถือกันว่าเป็นของดี...”
*สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า แต่งขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยผู้แต่งทันเห็นสภาพบ้านเมืองกรุงศรีอยุธยาก่อนการเสียกรุง และต่อมาพระยาโบราณราชธานินทร์ได้สอบชำระเกี่ยวกับสถานที่ต่าง ๆ ในเกาะกรุงศรีอยุธยา เรียบเรียงขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙
อ้างอิง
ยุทธนาวรากร แสงอร่าม. โลหศิลป์ ณ พระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, ๒๕๖๐.
องค์ความรู้ทางวิชาการ เรื่อง หินช้างสี โดยนางสาวกุลวดี สมัครไทย นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ ๘ ขอนแก่น #หินช้างสีไม่ได้มีแค่จุดชมวิว#ขอนแก่น #เที่ยวขอนแก่น #รีวิวขอนแก่น