ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,831 รายการ
เลขทะเบียน : นพ.บ.652/ก/1กห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 34 หน้า ; 4 x 53 ซ.ม. : ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 207 (106-114) ผูก ก/1ก (2568)หัวเรื่อง : กจฺจายมูล--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.782/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 4 x 51 ซ.ม. : ชาดทึบ-รักทึบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 241 (452-462) ผูก 4 (2568)หัวเรื่อง : เทวทูตสูตร--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อเรื่อง : ประวัติวัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม)
ผู้แต่ง : พุทธนิคมเชียงใหม่
ปีที่พิมพ์ : 2524 (พิมพ์ครั้งที่ 6)
สถานที่พิมพ์ : เชียงใหม่
สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์กลางเวียง
จำนวนหน้า : 80 หน้า
สาระสังเขป: วัดอุโมงค์และสวนพุทธธรรม เป็นสถานที่ส่งเสริมการปฏิบัติธรรมของพุทธนิคม เชียงใหม่ วัดอุโมงค์ (อุโมงค์เถรจันทร์) เป็นชื่อเรียกวัดเก่าที่พระเจ้ากือนาธรรมิกราช ทรงสร้างอุโมงค์ขึ้นถวายเพื่อให้พระมหาเถรจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญในพระไตรปิฏกอาศัย สวนพุทธธรรม เป็นชื่อใหม่ที่ภิกขุ ปัญญานันทะ ตั้งขึ้น เรียกสถานที่ป่าฝืนใหญ่ที่ปกคลุมวัดร้างโบราณ ที่พุทธนิคมเชียงใหม่จัดขึ้นเป็นที่อยู่ของภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา และผู้แสวงหาความสงบ โดยประวัติวัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) หลักฐานทางตำนานอาจจะไม่ละเอียดนัก จึงต้องอาศัยหลักวิชาโบราณคดีและประวัติศาสตร์เมืองเชียงใหม่ด้วย จึงได้ความชัดเจน หลักฐานที่นำมาเรียบเรียงในหนังสือเล่มนี้จะทำให้ผู้ที่สนใจเข้าใจประวัติวัดอุโมงค์ (สวนพุทธธรรม) ได้ใกล้เคียงความจริงมากที่สุด
เลขเรียกหนังสือ : 294.3135 พ829ป (ห้องมรดกล้านนา)
เลขทะเบียนหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ : nlcm_lc2568_00007
โครงการ : อนุรักษ์ จัดเก็บ และบริการหนังสือ วารสาร หนังสือพิมพ์และเอกสารโบราณของหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568 (ไฟล์เอกสารเพื่อการอนุรักษ์เท่านั้น)
สาระอีสาน นำเสนอและเผยแพร่เกร็ดความรู้ต่าง ๆ จากข้อมูลท้องถิ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและจากหนังสือสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน ตลอดจนหนังสืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีให้บริการอยู่ที่หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา ขอนำเสนอที่มาของคำที่ชาวบ้านมักจะใช้เรียกคู่รักที่หนีตามกัน นั่นก็คือ คำว่า "ผัวควายเมียควาย" เรียบเรียงโดย นางสาวกุลริศา รัชตะวุฒิ นักภาษาโบราณ เนื้อหามีดังนี้
ผัวควายเมียควาย (ผัวควยเมียควย) เป็นคำเรียกหญิงชายที่หนีตามกันไปโดยไม่มีการสู่ขอตามจารีตประเพณี เปรียบเสมือนวัวควายที่สมสู่กันโดยไม่มีการสู่ขอ ซึ่งในอดีตชาวโคราชเรียกประเพณีการแต่งงานว่า เส่นผี (เซ่นผี)
ประเพณีการแต่งงานของชาวโคราชในอดีตจะมีขั้นตอนลักษณะเฉพาะแบบชาวโคราชอยู่ 3 ขั้นตอน ได้แก่ 1. การทาบทาม 2. การหมั้น และ 3. การแต่งงาน หากหนุ่มสาวชอบพอกันและตกลงที่จะแต่งงาน ฝ่ายชายจะเตรียมสินสอดจำนวน 10 ถึง 80 บาท เรียกว่า “เงินมาด” และเงินค่าน้ำนมจำนวน 4 บาท พร้อมขันหมากและเครื่องเซ่นผีมาประกอบพิธีที่บ้านฝ่ายหญิง ซึ่งก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะตกลงกันฝ่ายชายจะต้องผ่านประเพณีอุปสมบทมาแล้ว ส่วนฝ่ายหญิงจะต้องรู้จักงานบ้านงานเรือน และทั้งสองฝ่ายต่างก็จะสืบสอบถามญาติพี่น้องของแต่ละฝ่าย โดยฝ่ายชายมักจะสืบถามว่าญาติฝ่ายหญิงมีเชื้อผีชมก(ชมบ) ผีปอบ หรือเป็นบ้าหรือไม่ ส่วนฝ่ายหญิงก็จะสืบถามว่าญาติฝ่ายชายเป็นโจรขโมย หรือเล่นการพนันหรือไม่
แต่ถ้าหากฝ่ายหญิงหนีตามฝ่ายชายชาวโคราชเรียกว่า “วิ่งตาม” และหญิงชายคู่นี้จะเป็นที่กล่าวขานของชาวบ้านว่า “ผัวควายเมียควาย” เมื่อหนีตามกันได้ 3-7 วัน ผู้ใหญ่ของฝ่ายชายจะพาฝ่ายหญิงมาส่งบิดามารดา ซึ่งเรียกว่า “เอาควายมาส่ง” หรือ “เอามาทำผี” พร้อมเครื่องขอขมาที่เรียกว่า “เครื่องสัมบั๊ดสัมมา” ซึ่งประกอบด้วยดอกไม้ ธูป เทียน หมากพลู บุหรี่ ใส่พานมาพร้อมด้วยเงินค่าปรับ (ค่าเสียผี) ที่เรียกว่า “ค่าล่างหน่าล่างตา” (ค่าล้างหน้าล้างตา) ตั้งแต่ 1 เฟื้อง จนถึง 10 บาท
บรรณานุกรม
ผัวควายเมียควาย. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2567, จาก: https://nm.sut.ac.th/korat_dic/?m=detail&vocab_id=2073&search_type=
มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์. สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน. กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์, 2542.
เมตต์ เมตต์การุณ์จิต. พจนานุกรมภาษาโคราช. พิมพ์ปรับปรุงแก้ไขครั้งที่ 7. นครราชสีมา: ยืนหยัดชัดเจน, 2560.
ภาพจาก: The MATTER และ วิกิพีเดีย
สำนักสถาปัตยกรรม โดยกลุ่มวิศวกรรม ดำเนินการจัดทำ ความรู้ด้านวิศวกรรม โครงการมาตรฐานงานก่อสร้างของกรมศิลปากร ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๘ สำหรับใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงานด้านวิศวกรรมของหน่วยงานในสังกัดกรมศิลปากรและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถดำเนินได้อย่างถูกต้องเป็นไปตามารตรฐานวิชาชีพ
บทความจากนิตยสารศิลปากร ปีที่ ๕๔ ฉบับที่ ๔ เดือนกรกฏาคม - สิงหาคม ๒๕๕๔ คอลัมน์ภาพเก่า-เล่าอดีต : ไปรษณียบัตรจดหมายเหตุ เขียนโดย บุศยารัตน์ คู่เทียม นักจดหมายเหตุชำนาญการ ไปรษณียบัตรเป็นเอกสารโสตทัศนจดหมายเหตุประเภทหนึ่งที่น่าสนใจ ด้วยความงดงามของภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรูปลักษณ์ทางศิลปกรรม สถาปัตยกรรม จิตรกรรม และอื่นๆ รวมทั้งลายลักษณ์ของผู้เขียนในการสื่อสารกับบุคคลต่างๆ อันเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันกับบุคคล เหตุการณ์ สถานที่ ซึ่งปรากฏอยู่บนไปรษณียบัตรเหล่านั้น... อ่านต่อได้ในเอกสารที่แนบ
วันอังคารที่ 28 มิถุนายน 2559 ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม จัดสัมมนาวิชาการ หัวข้อ "เทคโนโลยีสารสนเทศกับงานมรดกศิลปวัฒนธรรม" ณ โรงละครแห่งชาติ (โรงละครเล็ก) ในการนี้นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ให้เกียรติเป็นประธาน โดยมีนายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ รองอธิบดีกรมศิลปากร ในฐานะผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง กรมศิลปากร กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของงานสัมมนาวิชาการในครั้งนี้
โครงการองค์ความรู้เรื่อง ธาตุอิสาน (องค์ความรู้ปี ๒๕๕๓)
๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ตรัง กำหนดจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน (กิจกรรมที่ ๒) ตามโครงการพัฒนาหอสมุดแห่งชาติเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต ประจำปี ๒๕๖๒" โดยจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง" เทคนิคการทำหนังสือเล่มเล็ก" ประกอบด้วยกิจกรรมการบรรยายและฝึกปฏิบัติ เรื่อง "เทคนิคการทำหนังสือเล่มเล็ก" วิทยากรโดยอาจารย์อาจารีย์ ณ สงขลา และ เรื่อง "ภาพวาดในหนังสือเล่มเล็ก" วิทยากรโดยอาจารย์นาฎลดา เดชอรัญ โดยนางตรีทิพย์ บัวริน ในฐานะหัวหน้าโครงการฯ และนายธีราธร ชมเชย หัวหน้าหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกีรยติ ฯ ตรัง ให้เกียรติกล่าวต้อนรับวิทยากรและผู้เข้าร่วมกิจกรรมร่วมกันพร้อมมอบเกียรติบัตรและของที่ระลึกแก่วิทยากรและผู้เข้าร่วมกิจกรรม ทั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น ๗๑ คน (๑๕โรงเรียน)
วัสดุ หินทราย
แบบศิลปะ ศิลปะเขมรในประเทศไทย แบบบายน
อายุสมัย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 (ประมาณ 800 ปีมาแล้ว)
สถานที่พบ พบบริเวณมุมโคปุระทางด้านทิศใต้ จากการขุดแต่งกู่คันธนาม อำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อ พ.ศ.2545
พระวัชรธร เป็นรูปเคารพในพระพุทธศาสนา ลัทธิมหายาน ซึ่งถือเป็นพระอาทิพุทธ หรือประธานของพระพุทธเจ้าผู้ให้กำเนิดพระพุทธเจ้าองค์อื่นๆ สลักเป็นรูปเทพบุรุษประทับนั่งขัดสมาธิราบบนฐานกลีบบัว ด้านล่างมีเดือยเพื่อเป็นแกนเสียบกับฐานรูปเคารพ ศิราภรณ์ทรงมงกุฎมีกระบังหน้าลักษณะศิลปะเขมรแบบบายน สวมกุณฑล (ตุ้มหู) พระหัตถ์ขวาทรงวัชระ สัญลักษณ์ของปัญญา พระหัตถ์ซ้ายทรงกระดิ่ง สัญลักษณ์ของอุบาย (อุปายะ-หนทาง หรือวิธีการ) โดยหันทางส่วนด้ามที่ทำเป็นรูปกลีบบัวออกมาข้างหน้า พระหัตถ์ทั้งสองซ้อนกันอยู่ที่ระดับพระนาภี