ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
องค์ความรู้ : อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
เรื่อง : เจ้าพ่อปราสาททอง ศูนย์รวมศรัทธา ณ เชิงเขาพนมรุ้ง
ณ ภูเขาพนมรุ้ง อันเป็นที่ตั้งของปราสาทพนมรุ้ง ศาสนสถานในศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูอันศักดิ์สิทธิ์ ที่สร้างขึ้นตามรูปแบบวัฒนธรรมเขมรโบราณ ซึ่งผู้คนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาสักการะขอพรอยู่เสมอ โดยเฉพาะในช่วงต้นเดือนเมษายนจะมีพิธีบวงสรวงและจัดงานประจำปีประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้งอย่างยิ่งใหญ่อลังการ และอีกสถานที่หนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชุมชนโดยรอบเขาพนมรุ้งก็คือ “ศาลเจ้าพ่อปราสาททอง” ตั้งอยู่เชิงเขาฝั่งตะวันตกในท้องที่ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ ริมถนนทางขึ้นสู่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง เป็นศาลที่มีความสำคัญและผู้คนให้ความนับถืออย่างมาก ดังปรากฏในคำขวัญของอำเภอเฉลิมพระเกียรติว่า “เมืองพนมรุ้ง ทุ่งฝ้ายคำ นามพระราชทาน ตำนานทับหลัง ที่ตั้งเจ้าพ่อปราสาททอง ของดีผ้าภูอัคนี”
ศาลเจ้าพ่อปราสาททองแห่งนี้ ไม่พบการกล่าวถึงในเอกสารหรือตำนานนิทานท้องถิ่นใดๆ แต่จากการสอบถามผู้สูงอายุในชุมชนที่มีอายุ ๗๐ – ๘๐ ปีในปัจจุบัน เล่าว่าตั้งแต่เด็กมีศาลไม้มุงสังกะสีที่เชิงเขา เรียกว่าศาลเจ้าพ่อปราสาททอง ชาวบ้านต่างเคารพยำเกรง มีเรื่องเล่าปาฏิหาริย์ต่างๆ ส่วนนาม “ปราสาททอง” เดิมคงเรียกขานจากการประทับทรงตามความเชื่อและอาจเกี่ยวเนื่องกับภูเขาพนมรุ้งที่มีปราสาทโบราณตั้งอยู่ โดยเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ จึงได้แสดงออกถึงความเคารพด้วยบุคลาธิษฐานผสมผสานกับความเชื่อท้องถิ่น เรียกกันในนาม “เจ้าพ่อปราสาททอง” ต่อมาได้สร้างศาลใหม่ขึ้นในพื้นที่เดิมเป็นศาลปูนมุงกระเบื้องจำนวนสองศาลตั้งลดหลั่นกันที่เชิงเขา โดยศาลด้านหน้าเป็นจุดที่ตั้งศาลเดิม ภายในมีก้อนหินธรรมชาติแทนรูปเคารพ มีผู้คนมากราบไหว้ขอพรบนบานเสมอ ปกตินิยมไหว้ด้วยดอกไม้ธูปเทียน เหล้าบุหรี่ หมากพลู หัวหมู ไก่ต้มหรือรูปปั้นช้างโดยเชื่อว่าช้างเป็นพาหนะขององค์เจ้าพ่อ มีพิธีไหว้ประจำปีในช่วงเดือนหกหรือราวเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงต้นฤดูทำนา ผู้นำชุมชนและชาวบ้านร่วมกันจัดพิธีบวงสรวงและประทับทรงตามความเชื่อเพื่อขอให้ฝนตกตามฤดูกาล ต่อมามีการสร้างประติมากรรมเจ้าพ่อปราสาททองขึ้นเป็นครั้งแรก ด้วยวัสดุปูนปั้นทาสีเสมือนคนจริง เป็นชายสูงวัย ผมขาว นั่งบนตั่งทอง มือจับไม้ตะพดวางราบบนเข่าทั้งสองข้าง มีพิธีอัญเชิญขึ้นประดิษฐานภายในศาล เมื่อวันที่ ๒๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ด้วยเหตุนี้ทางคณะผู้ศรัทธาจึงได้ตกลงกำหนดเอาวันที่ ๒๖ กรกฎาคม เป็นวันบวงสรวงสมโภชประจำปีต่อไป
คติการสร้างศาลประจำชุมชน ในจังหวัดบุรีรัมย์มักจะพบได้ทั่วไป ตามหมู่บ้านต่างๆ เรียกว่า ศาลปู่ตา ศาลตาปู่หรือศาลพ่อเฒ่า แล้วแต่การเรียกในกลุ่มชนชาติพันธุ์ต่างๆ โดยในจังหวัดบุรีรัมย์พบทั้งกลุ่มคนไทย- ลาว ไทย-เขมร ไทย-โคราช และชาวไทย-กวย โดยเชื่อว่าในแต่ละหมู่บ้านจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ มักจะสร้างบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน เนินดิน เชิงเขา หรือริมหนองน้ำในเขตชุมชน ซึ่งป่าเขาพนมรุ้งเป็นพื้นที่กว้างมีชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ อาศัยอยู่โดยรอบภูเขา จึงทำให้ศาลเจ้าพ่อปราสาททองเป็นอีกหนึ่งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ศูนย์รวมศรัทธา เป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านทุกชุมชนในพื้นที่แถบนี้
เรียบเรียงโดย: นายสุทธินันท์ พรหมชัย ผู้ช่วยนักโบราณคดี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
ชื่อเรื่อง การอนุรักษ์และพัฒนาโบราณสถานวัดชมภูเวก อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรีผู้แต่ง อรุณศักดิ์ กิ่งมณีประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN 978-974-417-850-3หมวดหมู่ ศาสนา เลขหมู่ 294.3135 อ417กสถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ กรมศิลปากรปีที่พิมพ์ 2550ลักษณะวัสดุ 202 หน้า : ภาพประกอบ ; 29 ซม.หัวเรื่อง วัดชมภูเวก นนทบุรี – โบราณสถาน – การบำรุงรักษาและการซ่อมแซมภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก รวบรวมและประมวลองค์ความรู้เกี่ยวกับวัดชมพูเวกทั้งในด้านสถาปัตยกรรม จิตรกรรม ศิลปกรรม ตลอดจนวิธีการดำเนินการอนุรักษ์และพัฒนาโบราณสถานภายในวัดชมภูเวก พ.ศ. ๒๕๔๙ – ๒๕๕๐
ชื่อเรื่อง ศัพท์โพธิสัตว์ (สับโพธิสัด)
สพ.บ. 260/2ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 38หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 56 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา ชาดก เทศน์มหาชาติ คาถาพัน
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากวัดทุ่งอุทุมพร ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เสด็จพระราชดำเนินทรงงานในพื้นที่ภาคเหนือ : ตอนที่ ๓ แม่ฮ่องสอนตลอดระยะเวลา ๗๐ ปี ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงครองสิริราชสมบัติ พระองค์เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อรับทราบปัญหาและทรงหาแนวทางการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติและประชาชน ทรงอุทิศพระวรกายบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการในการพัฒนาประเทศเพื่อความผาสุก ความเจริญรุ่งเรือง และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพสกนิกรชาวไทย๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๔ เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในโอกาสนี้ ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเชิญพระบรมฉายาลักษณ์พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่เสด็จพระราชดำเนินทรงงานในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดไม่ได้ ภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (วิภังค์-มหาปัฏฐาน)
สพ.บ. 307/2กประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 26 หน้า กว้าง 4.8 ซม. ยาว 54.6 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม ภาษาบาลี-ไทย เส้นจาร ฉบับทองทึบ-ล่องชาด ได้รับบริจาคมาจาก วัดบ้านหมี่ ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
วินยธรสิกฺขาปทวินิจฺฉย (วินยสิกฺขาปทวินิจฺเฉยฺย)
ชบ.บ.96/1-9
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.310/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 48 หน้า ; 4 x 51.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 125 (302-305) ผูก 4 (2565)หัวเรื่อง : เทวทูตสุตฺต(เทวทูตสูตร)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง จำนงค์ ทองประเสริฐ
ชื่อเรื่อง ปรัชญาตะวันตก : สมัยโบราณ
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ ๓
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ แพร่พิทยา
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๔
จำนวนหน้า ๗๓๐ หน้า
หนังสือ ปรัชญาตะวันตก : สมัยโบราณ เล่มนี้ กล่าวถึงวิชาปรัชญาเริ่มตั้งแต่สมัยก่อนโสคราเตส
ยุคของโสคราเตสเป็นต้นมา มีจุดมุ่งหมายที่จะให้นักศึกษาได้ทราบถึงแนวทฤษฎีของความคิดในปัญหาต่างๆ
ที่จะวิเคราะห์ด้วยวิธีการของปรัชญา เนื่องจากวิชาปรัชญาเป็นวิชาที่สอนให้คนเรามีเหตุผล ใจกว้าง พร้อมที่
จะรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นและพร้อมนำเอาความคิดเห็นต่าง ๆ เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวัน
ได้ตามความเหมาะสม
พระแสงราชศัสตราประจำเมือง พระแสงราชศัสตรา เป็นสัญลักษณ์แทนพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ หากพระมหากษัตริย์พระราชทานพระแสงราชศัสตราแก่ผู้ใดหมายความว่าพระองค์มีพระประสงค์ให้ผู้นั้นมีอำนาจเด็ดขาดในการปฏิบัติราชกิจแทนพระองค์ในวาระสำคัญต่าง ๆ เปรียบเสมือนเป็นผู้แทนพระองค์ในการใช้อำนาจราชสิทธิ์ มีความชอบธรรมในฐานะผู้มีอำนาจเต็ม สามารถออกคำสั่งได้เด็ดขาดทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่เรื่องการตัดสินพิพากษาลงโทษด้วยการสั่งประหารชีวิตได้ โดยไม่ต้องกราบบังคมทูลให้ทราบก่อน ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างพระแสงราชศัสตราสำหรับพระราชทานไว้ประจำหัวเมือง เพื่อเป็นที่ระลึกในคราวเสด็จพระราชดำเนินถึงและประทับค้างแรม ณ เมืองนั้น ๆ โดยมีพระราชประสงค์หลักที่จะให้พระแสงราชศัสตราเป็นสัญลักษณ์แทนพระองค์และใช้สำหรับแทงน้ำในการพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาในหัวเมือง และมีพระราชกำหนดว่าเมื่อพระมหากษัตริย์เสด็จไปประทับในจังหวัดใด ให้ถวายพระแสงราชศัสตรามาไว้ประจำพระองค์ตลอดเวลาที่เสด็จประทับอยู่ในจังหวัดนั้น การพระราชทานพระแสงราชศัสตราดังกล่าวจึงไม่ได้หมายถึงการให้อำนาจเฉพาะบุคคลเหมือนในกาลก่อน ธรรมเนียมการพระราชทานพระแสงราชศัสตราประจำเมืองได้สืบทอดมาตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจนถึงพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีการพระราชทานพระแสงราชศัสตราประจำหัวเมืองต่าง ๆ รวม ๓๒ องค์ ได้แก่ ๑. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทาน จำนวน ๑๓ องค์ แก่หัวเมืองต่าง ๆ ได้แก่ มณฑลกรุงเก่า เมืองอ่างทอง เมืองสิงห์บุรี เมืองชัยนาท เมืองอุทัยธานี มณฑลนครสวรรค์ เมืองพิจิตร มณฑลพิษณุโลก เมืองพิชัย เมืองกำแพงเพชร เมืองตราด มณฑลจันทบุรี และมณฑลปราจีน๒. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทาน จำนวน ๑๓ องค์ แก่หัวเมืองต่าง ๆ ได้แก่ เมืองนราธิวาส เมืองสายบุรี มณฑลปัตตานี มณฑลนครศรีธรรมราช เมืองตรัง เมืองนครศรีธรรมราช มณฑลชุมพร มณฑลราชบุรี เมืองเพชรบุรี เมืองประจวบคีรีขันธ์ เมืองระนอง มณฑลภูเก็ต และมณฑลนครชัยศรี๓. พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทาน จำนวน ๖ องค์ แก่หัวเมืองต่าง ๆ ได้แก่ เมืองแพร่ เมืองลำปาง เมืองเชียงราย เมืองเชียงใหม่ เมืองลำพูน และเมืองพังงาพระแสงราชศัสตราดังกล่าวเก็บรักษาไว้ประจำเมืองที่ได้รับพระราชทาน ยกเว้นพระแสงราชศัสตราประจำเมืองพิชัยและเมืองสายบุรี เก็บรักษาไว้ที่สำนักพระราชวัง เนื่องจากเมืองถูกยุบเป็นอำเภอในจังหวัดอุตรดิตถ์และปัตตานี ตามลำดับ ปัจจุบัน แม้ว่าไม่มีการพระราชทานพระแสงราชศัสตราประจำเมืองต่าง ๆ เพิ่มอีก แต่ยังคงมีการสืบทอดธรรมเนียมโบราณราชประเพณีของการถวายพระแสงราชศัสตราแก่พระมหากษัตริย์อยู่ โดยจังหวัดใดที่เคยได้รับพระราชทานพระแสงราชศัสตราประจำเมือง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอัญเชิญพระแสงราชศัสตราประจำเมืองทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายคืนไว้ประจำพระองค์ ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานหรือประกอบพระราชพิธีสำคัญ ณ จังหวัดนั้น ๆ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับจึงพระราชทานคืนไว้แก่จังหวัดนั้นดังเดิม โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้แทนในการรับพระราชทานคืนตามธรรมเนียมเดิมผู้เรียบเรียง : นางเกษราภรณ์ กุณรักษ์ นักจดหมายเหตุชำนาญการภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่๑. กรมศิลปากร. ๒๕๓๙. พระแสงราชศัสตราประจำเมือง. กรุงเทพฯ: เกรท โปร กราฟฟิค.๒. สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ และ สถาบันพระปกเกล้า. ๒๕๕๘. จดหมายเหตุเสด็จพระราชดำเนิรเลียบมณฑลฝ่ายเหนือ พระพุทธศักราช ๒๔๖๙. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.๓. สถาบันดำรงราชานุภาพ. ๒๕๕๐. โครงการศึกษาวิจัย เรื่อง “การเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของผู้ว่าราชการจังหวัด”. ม.ป.ท.๔. ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์. ม.ป.ป. “สิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นมงคลยิ่งประจำเมือง.” สกุลไทย (Online). http://www.sakulthai.com/magazine/reader/14871, สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๕.
นานา...น่ารู้จากเอกสารจดหมายเหตุ
เรื่อง พิธีพระราชทานเพลิงศพ นายไวพจน์ สกุลนี (ไวพจน์ เพชรสุพรรณ) ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (นักร้องเพลงลูกทุ่ง) พุทธศักราช 2540
วันที่ 6 – 11 กรกฎาคม 2565 National Museum of China จัดงาน Treasure Hunt Relay: Global Museum Director’s Choice ภายใต้แนวคิด “Hand in Hand: Share the Splendor of World Civilizations” บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้บริหารพิพิธภัณฑ์จีนและพิพิธภัณฑ์ทั่วโลกจาก 5 ทวีป จำนวน 24 คน
ติดตามรับชมการนำเสนอผลงานหัวข้อ “Museum in Facilitating Dialogue of Civilizations” จาก นางสาวนิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ได้ในวันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2565 เวลา 14.00 น. ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.chnmuseum.cn/portals/0/web/zt/gmdc2022/indexen.html หรือสแกน QR code
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปราจีนบุรี เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำภูมิภาคตะวันออกของไทย ได้ปรับปรุงการจัดแสดงนิทรรศการด้วยระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปรับปรุงภูมิทัศน์ และสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับผู้พิการและผู้สูงอายุ ตามแผนพัฒนาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของกรมศิลปากร ขณะนี้เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ว
ส่วนการจัดแสดงนิทรรศการใหม่ นำเสนอเรื่องราวประวัติศาสตร์และโบราณคดีภาคตะวันออก ที่สมบูรณ์ที่สุด มีโบราณวัตถุชิ้นสำคัญจัดแสดงกว่า ๒๐๐ ชิ้น แบ่งส่วนจัดแสดงเป็น ๕ ห้อง ได้แก่ ๑. ห้องเรียนรู้ประวัติศาสตร์และโบราณคดีในภาคตะวันออก ๒. ห้องชุมชนโบราณในภาคตะวันออก ๓. ห้องพัฒนาการของชุมชนและเมืองโบราณ ๔. ห้องวัฒนธรรมลุ่มแม่น้ำบางปะกง และ ๕. ห้องเมืองศรีมโหสถ นครรัฐแรกเริ่มแห่งลุ่มน้ำบางปะกง จัดแสดงพระคเณศ พระวิษณุจตุรภุช พระพุทธรูปปางสมาธิ รวมถึงเครื่องสำริดประกอบพิธีกรรมที่มีจารึกภาษาเขมร กล่าวถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗
ขอเชิญชวนผู้สนใจเรียนรู้ประวัติศาสตร์อารยธรรมในภูมิภาคตะวันออกของไทย ชมโฉมใหม่ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี เปิดทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดชดเชย สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๓๗๒๑ ๑๕๘๖