ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ


ชื่อเรื่อง                     สารานุกูล เล่ม 5 ปีที่ 4 ตำรวจกับหน้าที่ผู้แต่ง                       พระยาอุปเทศทวยหารประเภทวัสดุ/มีเดีย       หนังสือหายากหมวดหมู่                   ความรู้ทั่วไปเลขหมู่                      030 อ839สสถานที่พิมพ์               พระนครสำนักพิมพ์                 โรงพิมพ์สารานุกูลปีที่พิมพ์                    2471ลักษณะวัสดุ               58 หน้าหัวเรื่อง                     รวมเรื่องภาษา                       ไทยบทคัดย่อ/บันทึก       เป็นวารสารรายสัปดาห์ที่กำหนดออกทุกวันเสาร์ ภายในเล่มจะประกอบด้วยนวนิยายที่มีเนื้อหาต่อจากฉบับที่แล้ว, เกมส์ตอบปัญหา, ความทั่วไป และการโฆษณาขายสินค้าต่างๆ


          ปราสาทพระเทพบิดร สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหา มกุฏวิทยมหาราช (รัชกาลที่๔) เดิมชื่อว่า “พุทธปรางค์ปราสาท” โดยมีพระราชประสงค์เดิมเพื่อจะอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต)มาประดิษฐาน แต่เมื่อสร้างเสร็จแล้วมีขนาดไม่เพียงพอแก่การพระราชพิธีต่าง ๆ จึงอัญเชิญพระเจดีย์กาไหล่ทองของรัชกาลที่ ๔ มาประดิษฐานเป็นประธานแทน ต่อมาเกิดเหตุเพลิงไหม้เครื่องบนหลังคาปราสาททำให้เสียหายจนหมดสิ้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ปรับปรุงและบูรณะขึ้นใหม่และพระราชทานนามใหม่ว่า “ปราสาทพระเทพบิดร” เพื่อประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชแห่งราชวงศ์จักรีและให้มีพระราชพิธีถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัติยาธิราช ในวันที่ ๖ เมษายน ของทุกปี และทรงกำหนดให้เป็น“วันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์” เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี           ต่อมาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราช วันที่ ๑๓ – ๑๕ เมษายน ของทุกปีเนื่องในวันสงกรานต์และในวันที่ ๕ พฤษภาคม ซึ่งตรงกับวันฉัตรมงคลเป็นประจำทุกปี           เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สวรรคต พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้จัดสร้างพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์ โดยทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระบรมรูปเมื่อวันที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๒ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง พระบรมรูปมีขนาดความสูง ๑๗๒ เซนติเมตร และมีความสูงของฐาน ๗ เซนติเมตร หล่อด้วยบรอนซ์ในฉลองพระองค์บรมราชภูษิตาภรณ์และทรงประกอบพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรม ชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวันที่ ๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ เพื่ออัญเชิญไปประดิษฐาน ณ ปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง ภาพ : วงปี่พาทย์พิธีในพิธีบวงสรวงพระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ที่มาภาพ : https://ch3thailandnews.bectero.com/news/180908) ลำดับขั้นตอนพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร           พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จลงจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงประกอบพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงวางพวงมาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงจุดเทียนทอง และเทียนเงิน ที่โต๊ะเครื่องบวงสรวงสังเวย แล้วทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องบวงสรวงสังเวย (ขณะนั้นฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงสาธุการ ) ทรงตั้งพระราชสัตยาธิฐาน ถวายเครื่องราชสักการะ แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์อ่านโองการบวงสรวง พราหมณ์แกว่งบัณเฑาะว์ (ขณะนั้นฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงมหากาล ) เมื่อพราหมณ์อ่านโองการจบ (ฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงมหาชัย) จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงโปรยข้าวตอกดอกไม้ แล้วจึงอัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อไปประกอบพิธีประดิษฐานและสมโภชที่ปราสาทพระเทพบิดร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง (ขณะนั้น ฆ้องชัย สังข์แตร ประโคมวงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงช้าเรื่องสร้อยสน) เสร็จพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพล อดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร           เมื่ออัญเชิญพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มายังปราสาทพระเทพบิดร วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง (ขณะนั้นฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงช้าเรื่องพระรามเดินดง)           เวลา ๒๐.๔๐ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร- มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ราชกัญญา ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตน-ศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนนมัสการท้ายที่นั่งบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระพุทธะยอดฟ้าจุฬาโลกย์และพระพุทธเลิศหล้านภาไลย แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ที่หน้าธรรมาสน์ศิลา ทรงกราบ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนนมัสการเครื่องทองทิศที่หน้าธรรมาสน์ศิลา (ขณะนั้นฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลง เพลงสาธุการ ) ทรงกราบ ทรงศีล สมเด็จพระอริยวงศาณาตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ทรงเป็นประธานสงฆ์ถวายศีล พระสงฆ์ ๑๐ รูป เจริญพระพุทธมนต์ ภาพ : วงปี่พาทย์พิธีบริเวณศาลารายพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (ที่มาภาพ : กิติศักดิ์ เขาสถิตย์)           จากนั้นเสด็จ ฯ ออกจากพระอุโบสถ เสด็จพระราชดำเนินไปยังปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง ทรงประกอบพิธีประดิษฐานและสมโภชพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิมพระสุพรรณบัฏจารึกคำถวายราชสดุดีและดวงพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร แล้วทรงบรรจุที่ฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระสุหร่าย ทรงเจิม และทรงคล้องพวงมาลัยที่ฐานพระบรมรูป เสร็จแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยาราชาวดี สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องราชสักการะทองลงยารอง แล้วทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ทรงกราบถวายบังคมพระบรมรูปสมเด็จพระบูรพ-มหากษัติยาธิราช (ขณะนั้นฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงมหาฤกษ์ )           จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินออกจากปราสาทพระเทพบิดร ไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์ ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา เสด็จพระราชดำเนินกลับ (ขณะนั้น ฆ้องชัย สังข์แตร ประโคม วงปี่พาทย์พิธีบรรเลง เพลงกราวรำสองชั้น)           หลังจากเสด็จพระราชดำเนินกลับได้มีพิธีสมโภชพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เจ้าพนักงานตั้งบายศรีแก้ว ทอง เงิน พราหมณ์เบิกแว่นเทียน ข้าราชบริพารในพระองค์รับแว่นเวียนเทียนสมโภช พราหมณ์เป่าสังข์ แกว่งบัณเฑาะว์ (ฆ้องชัย สังข์แตร ประโคมเมื่อจบในแต่ละรอบจนครบ ๓ รอบ วงปี่พาทย์พิธีบรรเลงเพลงเรื่องเวียนเทียน ) เป็นอันเสร็จพิธี ภาพ : วงปี่พาทย์พิธีบริเวณปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง (ที่มาภาพ : ฐาปณัฐ ธรรมเที่ยง) ภาพ : เจ้าพนักงานตั้งบายศรีแก้ว ทอง เงิน พราหมณ์เบิกแว่นเทียน ข้าราชบริพารในพระองค์ รับแว่นเวียนเทียนสมโภช (ที่มาภาพ : ฐาปณัฐ ธรรมเที่ยง)           สำหรับพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วงปี่พาทย์พระราชพิธี วงปี่พาทย์พิธีของกลุ่มดุริยางค์ไทย สำนักการสังคีต มีทั้งหมด ๓ วง ดังนี้            ๑.วงปี่พาทย์พิธี ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต ในพิธีบวงสรวงพระบรมรูปพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพลงที่ใช้ประกอบพิธีมีทั้งหมด ๔ เพลง ได้แก่ เพลงสาธุการ เพลงมหากาล เพลงมหาชัย และเพลงช้าเรื่องสร้อยสน            ๒.วงปี่พาทย์พระราชพิธี ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง ในการพระราชพิธีวันพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและวันที่ระลึกมหาจักรีบรมราชวงศ์ เพลงที่ใช้ประกอบ พระราชพิธีมีทั้งหมด ๒ เพลง ได้แก่ เพลงสาธุการและเพลงกราวรำสองชั้น                  ๓.วงปี่พาทย์พิธี ณ ปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง เพลงที่ใช้ประกอบพิธีมีทั้งหมด ๓ เพลง ได้แก่ เพลงช้าเรื่องพระรามเดินดง เพลงมหาฤกษ์และเพลงเรื่องเวียนเทียน -------------------------------------------เรียบเรียงโดย : นายสุกิตติ์ ทำบุญ นักวิชาการละครและดนตรีปฏิบัติการ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร


ชื่อเรื่อง :  กฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ของ ท. เลียงพิบูลย์ผู้แต่ง :  ท. เลียงพิบูลย์ปีที่พิมพ์ : ๒๕๑๕สถานที่พิมพ์ : นครหลวงฯสำนักพิมพ์ : สากลการพิมพ์จำนวนหน้า : ๑๐๒ หน้า                     เรื่องกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ของ ท. เลียงพิบูลย์ พิมพ์แจกเป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ คุณแม่บุญช่วย ทันนิเทศ ในเล่มนี้ ผู้จัดพิมพ์ได้แจ้งไว้ว่า ได้นำเรื่อง "คิดถึงแม่ในวันเกิด" ของ ท. เลียงพิบูลย์ และ "ประวัติพระบุญนาคเที่ยวกรรมฐาน" มาจัดพิมพ์ไว้ 


แบบเรียนหนังสือภาษาโบราณ    ผู้แต่ง : กรมสิลปากร   ฉบับพิมพ์ :  พิมพ์ครั้งที่ ๑   สถานที่พิมพ์ :  กรุงเทพมหานคร   สำนักพิมพ์ :  วัชรินทร์การพิมพ์   ปีที่พิมพ์ :  ๒๕๒๕   แบบเรียนหนังสือภาษาโบราณ                 แบบเรียนหนังสือภาษาโบราณจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับความหมายของอักษรนั้น ๆ และการเขียนแบบตัวอักษรต่าง ๆ ที่มีด้วยกัน ๘ แบบตัวอักษร


เศียรมหาโยคีและพระพุทธเจ้าประทับนั่งบนเศียร   ปูนปั้น ศิลปะสุโขทัย พุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๐ ได้จาการขุดแต่งโบราณสถานในเมืองโบราณสุโขทัย ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย   เศียรมหาโยคีและพระพุทธประทับนั่งบนเศียร แสดงให้เห็นถึงตำนานทางศาสนาที่กล่าวถึงเหตุการณ์ ดังนี้   เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว กิติศัพท์เกียรติคุณของพระพุทธเจ้าก็เลื่องลือกระฉ่อนไปทั่ว วันหนึ่งพวกเทพบุตรเทพธิดาพากันลงมาจากสรวงสวรรค์มาเฝ้าสดับพระธรรมเทศนา ครั้นถึงเวลาพระอิศวรเป็นเจ้าเสด็จออกมาประชุมเทวสภาก็ไม่มีเทวดาเข้ามาเฝ้าอย่างเคยพระอิศวรจึงเสด็จลงมาเมืองมนุษย์ ทรงเห็นเทพบุตร เทพธิดาต่างนั่งสดับพระธรรมเทศนาสงบอยู่ พระอิศวรเป็นเจ้าทรงเห็นดังนั้นจึงเสด็จเข้าไปในพระวิหาร ประดิษฐานพระองค์อยู่ตรงพระพักตร์พระพุทธเจ้า แล้วตรัสต่อว่าท้าทายพระพุทธเจ้าให้มาประลองฤทธิ์กันด้วยวิธีซ่อนหา ครั้งที่ ๑ พระอิศวรจึงนิรมิตพระองค์เป็นธุลีละอองปลิวไปซ่อนพระองค์อยู่ในเมล็ดรัตนซึ่งประดับอยู่บนยอดพรหมพิมานพระพุทธเจ้าก็ทรงทราบด้วยพระญาณ พระศิวะพูดขอโอกาสซ่อนเป็นครั้งที่ ๒ พระอิศวรเสด็จไปซ่อนพระองค์อยู่ใต้บาดาล พระพุทธเจ้าก็ทรงทราบด้วยพระญาณ ครั้งที่ ๓ เสด็จลงไปซ่อนอยู่ในยมโลก พระพุทธเจ้าก็ทรงค้นพบด้วยพระญาณ ครั้นถึงคราวพระพุทธเจ้าซ่อนบ้าง ก็ทรงนิรมิตพระกายเล็กเป็นละอองปรมาณู ปลิวไปติดอยู่ ณ ปลายเกศาของพระอิศวร พระอิศวรก็ทรงเปล่งรัศมีฉายแสงสว่างทั่วทุกทิศ ทรงค้นหาทุกหนทุกแห่งจนเหนื่อยอ่อนพระวรกาย ก็ไม่พบพระพุทธองค์ พระอิศวรจึงจำเป็นต้องทรงจำนนประกาศพระวาจายอมแพ้แก่พระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงเห็นว่า พระอิศวรยอมแพ้แล้ว ก็ทรงเปล่งพระฉัพพรรณรังสีออกมาจากที่ซ่อนให้ทราบว่า พระองค์ทรงซ่อนพระวรกายอยู่ ณ กลุ่มพระเกศาเหนือพระเศียรของพระอิศวรนั่นเอง   ที่มาของข้อมูล : http://www.sujipuli.com/index.php?lay=show&ac=article...   ข้อมูลนำชมโบราณวัตถุ ศิลปะวัตถุ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง ผ่าน QR code จัดทำโดย นางสาวสาธิตา วรรณพิรุณ คณะบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ สาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรม ชั้นปีที่ ๔ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ล้านนา ตาก โครงการสหกิจศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๓




ชื่อเรื่อง                     เทศนาสังคิณี-มหาปัฎฐานสพ.บ.                       192/4ประเภทวัสดุ/มีเดีย        คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               28 หน้า : กว้าง 4.7 ซ.ม. ยาว 54.4 ซ.ม. หัวเรื่อง                     พุทธศาสนา                              บทสวดมนต์บทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดพยัคฆาราม อ.ศรีปนะจันต์ จ.สุพรรณบุรี


ชื่อเรื่อง                                เทสนาสุวรรณสิรสาสูตร(สุวรรณสิรสาสูตร)สพ.บ.                                  117/1ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           22 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 54 ซ.ม. หัวเรื่อง                                 พระอภิธรรม                                           พระไตรปิฎก  บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจาก วัดประสพสุข   ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี


เลขทะเบียน : นพ.บ.67/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  50 หน้า ; 4.5 x 57 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 43 (14-18) ผูก 3 (2564)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ (8 หมื่น) --เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.99/จ/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  80 หน้า ; 4.5 x 55.5 ซ.ม. : ทองทึบ ; ไม้ประกับธรรมดา  ชื่อชุด : มัดที่ 58 (154-159) ผูก 1 (2564)หัวเรื่อง : กจฺจายนมูล (พระมุลลกัจจายนนาม-ตัทธิต) --เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.128/7ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  52 หน้า ; 4.5 x 51 ซ.ม. : รักทึบ ; ไม้ประกับธรรมดา  ชื่อชุด : มัดที่ 74 (267-274) ผูก 7 (2564)หัวเรื่อง : มูลตันไตย (มุลฺลตันไตย)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


สรรพสาระ อยุธยา... ในหัวข้อ เบ็ดเตล็ด กรุงเก่า เรื่อง "ดอกไม้จากวรรณกรรมสมัยอยุธยา" เรียบเรียงข้อมูลโดย นางสาวชญาดา สุวรัชชุพันธุ์ นักโบราณคดีชำนาญการ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทศนา (เทศนาสังคิณี-มหาปัฎฐาน) เลขที่ ชบ.บ.3/1-7  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ชื่อเรื่อง : คำพิพากษาศาลยุติธรรมระหว่างประเทศคดีปราสาทพระวิหาร ชื่อผู้แต่ง : สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี ปีที่พิมพ์ : 2505 สถานที่พิมพ์ : พระนคร สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี จำนวนหน้า : 262 หน้า สาระสังเขป : คดีปราสาทพระวิหารเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศกัมพูชากับประเทศไทย ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2501 และเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2502 ประเทศกัมพูชาได้ยื่นคำร้องเริ่มคดีต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศขอให้ศาลสั่งให้ประเทศไทยถอนกำลังทหารออกจากปราสาทพระวิหาร และวินิจฉัยว่าอำนาจอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา จนในที่สุดศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ชี้ขาดคดีนี้เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 ตัดสินด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ลงความเห็นว่าปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ในอาณาเขตภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา ไทยต้องถอนกำลังทหารหรือตำรวจออกจากพื้นที่ และคะแนนเสียง 7 ต่อ 5 ตัดสินว่า ไทยต้องคืนวัตถุสิ่งประติมากรรม แผ่นศิลาส่วนปรักหักพังของอนุสาวรีย์รูปหินทราย เครื่องปั้นดินเผาโบราณ และอื่น ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยอาจโยกย้ายออกไปให้แก่กัมพูชา


black ribbon.