ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ
ชื่อเรื่อง มหานิปาตวณฺณนา(เวสฺสนฺตรชาตก)ชาตกฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา (หิมพานต์-นครกัณฑ์)
สพ.บ. 421-2คประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 34 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 59 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา ชาดก
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับชาดทึบ ได้รับบริจาคมาจาก วัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
#ของเด่นของดีพระนครคีรีเมืองพริบพรี ตอนที่ ๔ โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุชิ้นสำคัญของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรีที่จะนำเสนอในครั้งนี้ ก็คือ นาฬิกาตั้งโต๊ะรูปตุ๊กตานักรบที่แต่งกายแบบกรีกโรมัน ๒ คนกำลังต่อสู้กัน นักรบที่ยืนมีลักษณะพิเศษ ก็คือ การสวมหมวกที่มีการประดับสัตว์ในเทพนิยายสฟิงซ์ลักษณะมีใบหน้าและทรวงอกของหญิงสาว ท่อนล่างเป็นสิงโตและมีปีกแบบนกอินทรีอยู่บนหมวก นักรบทั้งสองอยู่บนฐานรูปไข่รองรับด้วยฐานเหลี่ยม ชำรุดตรงกลางฐานมีช่องกลมทะลุทั้งสองด้าน ดาบนักรบทั้ง ๒ หักหายไป ขาที่รองรับมุมชำรุดหักหายทั้ง ๒ ข้าง ซ่อมใหม่โดยนำโครงไม้มาเสริมทั้งสองข้าง ชายผ้าด้านหลังนักรบที่ยืนหักหาย ลายใบไม้ที่ตกแต่งฐานล่างหักหาย เป็นของที่เก็บรักษาอยู่ที่พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์มาแต่เดิม ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ห้องพระสุธารสชา พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์
แนะนำหนังสือน่าอ่านเรื่อง อุดม อุดมผล ราชาแห่งพิมพ์ดีดไทย
อุดม อุดมผล ราชาแห่งพิมพ์ดีดไทย. กรุงเทพฯ: ม.ป.พ., 2533. 138 หน้า ภาพประกอบ
เป็นเรื่องราวประวัติของนายอุดม อุดมผล ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เป็นผู้บุกเบิกวงการพิมพ์ดีดของไทย เป็นบุคคลแรกๆที่ตั้งโรงเรียนพิมพ์ดีดอุดมวิทยา ให้บริการซ่อมและจำหน่ายเครื่องพิมพ์ดีดด้วย เนื้อหาด้านในประกอบด้วยประวัติของนายอุดม อุดมผล การกำเนิดพิมพ์ดีดโลก กำเนิดพิมพ์ดีดไทย บิดาแห่งพิมพ์ดีดไทย โรงเรียนพิมพ์ดีดเคลื่อนที่ เกิดโอลิมเปียไทย “ปัตตะโชติ” ของดีที่ถูกลืม นักประดิษฐ์โลก ราชาแห่งพิมพ์ดีดไทย ฯลฯ
ท
923.8593
อ786
(ห้องจันทบุรี)
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม(สงฺคิณี-มหาปัฏฐาน)
สพ.บ. อย.บ.3/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 74 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา ชาดก
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
"พิกุล" (ชื่อวิทยาศาสตร์: Mimusops elengi Linn.) เป็นพืชที่มีต้นกำเนิดในประเทศอินเดีย พม่า มาเลเซีย ไทย และตอนเหนือของทวีปออสเตรเลีย มักพบตามป่าดงดิบ ลักษณะเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีดอกสีขาวขนาดเล็ก กลิ่นหอม ผลสีแสดรูปไข่ เป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่นำไปใช้ทำประโยชน์ได้หลากหลาย ทั้งทำเครื่องเรือน เป็นยาสมุนไพรรักษาโรคต่าง ๆ และมีความเกี่ยวข้องกับความเชื่อมากมายตามความเชื่อของพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู พิกุลเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งในสวนมิสกวันของพระอินทร์ซึ่งตั้งอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นอกจากนี้ คนไทยเชื่อกันว่าพิกุลเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ และเป็นไม้มงคลที่มีเทวดาสถิตรักษาอยู่จึงนิยมปลูกไว้ในบ้านบริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เพื่อให้เจ้าของบ้านมีอายุยืนยาว สุขภาพร่างกายแข็งแรงซึ่งสอดคล้องกับสรรพคุณทางยาของพิกุล ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงหัวใจ บำรุงครรภ์ แก้วิงเวียน เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงมักพบดอกพิกุลในงานศิลปกรรมมาตั้งแต่อดีต อาทิ ลวดลายบนเครื่องสังคโลกจากอาณาจักรสุโขทัย ลายจีวรของพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ตามแบบจีวรที่พระสงฆ์ในสมัยนั้นนิยมนุ่งห่ม รวมถึงเป็นลวดลายประดับประเกือม (ลูกปัด ทำจากเงินหรือทอง) ในวัฒนธรรมท้องถิ่นของจังหวัดสุรินทร์ โดยถือเป็นเครื่องหมายของการบูชาในพิธีกรรมและเป็นนัยยะเชิงคำสอนเกี่ยวกับความเสมอภาค การปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน และความยุติธรรมนอกจากนี้ พิกุลยังเป็นส่วนหนึ่งในพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษกโดยพระมหากษัตริย์ผู้เป็นสมมติเทพจะทรงโปรยดอกพิกุลทอง ดอกพิกุลเงินระหว่างพระราชพิธี เปรียบเสมือนเทพเจ้าทรงโปรยดอกไม้จากสวรรค์ลงมาให้มนุษย์ได้เก็บนำไปบูชาเป็นสิริมงคล รวมทั้งได้รับการกล่าวถึงในงานวรรณศิลป์ด้วย เช่น ในหนังสือมหาชาติคำหลวงที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถโปรดเกล้าฯ ให้แต่งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๐๒๕ และในบทละครนอกสมัยกรุงศรีอยุธยา เรื่อง พิกุลทองจากที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าพิกุลมีอิทธิพลต่อความเชื่อในพระราชพิธีของราชสำนักไทย งานศิลปกรรม และงานวรรณศิลป์ ซึ่งสะท้อนความเชื่อในด้านต่าง ๆ ทั้งความเชื่อทางศาสนาและความเชื่อในท้องถิ่นที่มีจุดเริ่มต้นมาจากธรรมชาติรอบตัว ก่อนจะหลอมรวมเข้ากับงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ เกิดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมสำคัญของชาติตกทอดมาจนถึงปัจจุบัน
มหาเวสฺสนฺตรชาตกานิสํสกถา (อานิสงส์มหาเวสสันดรชาดก) ชบ.บ 108/1
เอกสารโบราณ
(คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 157/2 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขวัตถุ
ชื่อวัตถุ
ขนาด (ซม.)
ชนิด
สมัยหรือฝีมือช่าง
ประวัติการได้มา
ภาพวัตถุจัดแสดง
35/2553
(6/2549)
ขวานหินกะเทาะ
ย.16.5
ก.7.2
หนา 3
หิน
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย อายุราว 2,500-2,000 ปีมาแล้ว
ได้จากบ้านเขาเพิ่ม อำเภอบ้านนา จ.นครนายก เมื่อประมาณ พ.ศ. 2539
เลขทะเบียน : นพ.บ.423/ค/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 48 หน้า ; 4.5 x 56 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 151 (96-103) ผูก ค5 (2566)หัวเรื่อง : มูลกัจจายน์--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.564/2 ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 48 หน้า ; 4 x 51 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 184 (337-339) ผูก 2 (2566)หัวเรื่อง : ชนสันทชาดก--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
"ตระเวนเลาะสูงเนิน ชมร่องรอย 2 วัฒนธรรมโบราณ"
สำหรับท่านใดที่ไม่มีแพลนเที่ยวในช่วงหยุดยาวนี้ พี่นักโบ ขอฝากเส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมในพื้นที่อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพื่อศึกษาเรียนรู้ ตามรอยเรื่องราวทางโบราณคดี เเละประวัติศาสตร์ กับ 2 วัฒนธรรมโบราณ อันได้แก่
1) วัฒนธรรมทวารวดี เเละ 2) วัฒนธรรมเขมรหรือขอมโบราณ โดยเริ่มต้นเส้นทางกันที่เมืองโบราณเสมา เเละไปจบเส้นทางกันที่ปราสาทเมืองเก่า กับระยะเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง หวังใจว่าเส้นทางท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมเส้นนี้จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับทุกท่าน
องค์ความรู้ จากสำนักการสังคีต
การแสดงเบิกโรง เรื่อง ตำนานท้าวเวสสุวัณ
การแสดงเบิกโรง เรื่อง ตำนานท้าวเวสสุวัณ เป็นนาฏกรรมสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ ของสำนักการสังคีต กรมศิลปากร แนวคิดและการออกรูปแบบการแสดงโดยนายจรัญ พูลลาภ นักวิชาการละครและดนตรีชำนาญการ ได้นำบทบาทและความเป็นมาของท้าวเวสสุวัณมาจากพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มาจัดทำเป็นบทนาฏกรรม ซึ่งไม่เคยมีจัดแสดงมาก่อน และเป็นการแสดงเบิกโรงชุดใหม่นอกเหนือจากที่กรมศิลปากรเคยจัดแสดงมา จัดแสดงครั้งแรกในรายการศรีสุขนาฏกรรม ประจำปี ๒๕๖๓ เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๙ และวันอาทิตย์ที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ ณ โรงละครแห่งชาติ
เรื่องราวท้าวเวสสุวัณ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงกล่าวไว้ว่าเป็นบุตรพระฤษีวิศระวัส (วิศราวะ) หรือเปาลัสตยะกับนางธาดาหรือเทพวรรณี ธิดาพระภารทวาชมหาฤษี ตั้งแต่กำเนิดมามีร่างกายไม่งดงาม จึงมีอีกนามหนึ่งว่า “กุเวร” หมายถึง ตัวขี้ริ้ว อาศัยในป่าหิมพานต์เมื่อเจริญวัยได้บำเพ็ญตบะอยู่หลายพันปี
พระพรหมและพระอินทร์จึงพากันเสด็จลงมาโปรด ท้าวเวสสุวัณขอพรให้ตนมีฤทธิ์อำนาจเป็นผู้ดูแลมนุษย์โลก พระพรหมประทานพรให้ตามที่ขอ และมอบหน้าที่ให้เป็นโลกบาลประจำทิศอุดร (ทิศเหนือ) แล้วยังประทานบุษบก วิเศษสำหรับใช้เดินทางไปในอากาศตามต้องการ พระอินทร์เชิญให้ไปประทับยังพิมานชั้นจาตุมหาราชิกา เพราะเป็นที่สถิตของท้าวโลกบาล อีก ๒ องค์ คือพระวรุณและพระยม แต่ท้าวเวสสุวัณขอผัดผ่อนโดยให้เหตุผลว่า ต้องการอยู่ปรนนิบัติพระบิดาที่ชรามากแล้วไปจนกว่าจะละสังขาร
ต่อมาพระวิศระวัสผู้เป็นพระบิดาแนะนำให้ไปอยู่เมืองลงกา ซึ่งพระวิษณุกรรมได้สร้างขึ้นไว้ในปางก่อนเพื่อเป็นที่อยู่ของพวกรากษส แต่ได้ทิ้งร้างหนีไปอยู่บาดาลเพราะเกรงเดชพระนารายณ์ อยู่มามีพญารากษสตนหนึ่งชื่อ ท้าวสุมาลี ซึ่งถูกพระนารายณ์ขับไล่ลงไปอยู่บาดาล ได้ขึ้นมาเยี่ยมมนุษย์โลกเห็นท้าวเวสสุวัณขึ้นบุษบกลอยไปในอากาศเพื่อไปเฝ้าพระบิดา ก็มีใจริษยาคิดอุบายจะแย่งชิงและเอาพระนครลงกาคืน จึงใช้ให้ธิดา ชื่อ“ไกกะสี” ไปยั่วยวนพระฤษีวิศระวัส จนเป็นที่พอใจรับนางไว้เป็นชายา ให้กำเนิดบุตรธิดา คือ ท้าวราพณ์ (ทศกัณฐ์) กุมภกรรณ พิเภษณ์ (พิเภก) และนางศูรปนขา (สำมนักขา) นางไกกะสียุยงท้าวราพณ์ลูกชายให้ไปแย่งชิงเอาเมืองลงกาและบุษบก ท้าวเวสสุวัณสู้ไม่ได้จึงหลบหนีภัยออกจากกรุงลงกา แรมรอนมาในป่าแทบสิ้นชีวิต จนพระพรหมต้องเสด็จมาช่วยเหลือ สร้างเมืองใหม่ให้ทางทิศอุดร ชื่อว่า “อลกา” หรือมีชื่อเรียกอื่นๆว่า “ประภา”หรือ“วสุสถลี” (วสุธา) บ้าง เป็นเมืองทิพย์ มีอุทยานวิเศษรโหฐานชื่อว่า เจตระรถหรือเจตรถ อยู่บนเขามันทรอันต่อเนื่องกับเขาพระสุเมรุ พระนครและสวนขวัญ เป็นรมณียสถานสำราญ
ผู้ที่อยู่ในที่นั้นจะปราศจากโรค ความเหน็ดเหนื่อย ความวิตก ความหิว และไม่กลัวเกรงภัยต่าง ๆ มีอายุยืนถึงหมื่นปี ต้นไม้มีใบเป็นผ้าเนื้อดี มีดอกเป็นมณีมีค่าและมีผลออกเป็นนารี (นารีผล) เหล่าข้าบาทบริจา ในเมืองอลกาล้วนแต่เป็นกินรี กินรา จึงมีนามเรียกอีกว่า“มยุราช” (เจ้าแห่งมยุคือกินนร) นอกจากนี้ ยังประทานให้เป็นเจ้าแห่งทรัพย์สินทั้งหลายบนแผ่นดินโลกมนุษย์ จึงมีนามอีกนามหนึ่งว่า “ธนบดี” (หมายถึง เจ้าแห่งทรัพย์ทั้งหลาย) และให้อยู่เป็นอมฤตหรืออมตะ (ไม่มีตาย)
ท้าวเวสสุวัณ มีนามเรียกอีกว่า กุเวร เวสสวัณ ไพษรพน์ กุตนุ ยักษราช กำเนิดเป็นยักษ์ เชื้อสายพรหมพงศ์ มีกายสีขาว รูปร่างลักษณะค่อนข้างประหลาด ถืออาวุธ คือ กระบองยาว เพราะร่างกายพิการขาโกงมี ๓ ขา (ขาที่ ๓ หมายถึงกระบองยาว ที่ใช้ช่วยค้ำยันเวลาเดิน ซึ่งตั้งไว้ในลักษณะของไม้เท้าเพื่อให้ดูสวยงามภูมิฐาน เป็นยักษ์ที่ยึดถือคุณธรรม ในเรื่องรามเกียรติ์ได้กล่าวประวัติไว้ว่า ชื่อ “กุเปรัน” พี่ชายต่างมารดาของทศกัณฐ์ บทบาทปรากฏเพียงแค่ เมื่อถูกทศกัณฐ์แย่งชิงบุษบกไป ต่อจากนั้นก็มิได้กล่าวถึง
เรียบเรียง : นายจรัญ พูลลาภ นักวิชาการละครและดนตรีชำนาญการ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร