ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,784 รายการ
กรมศิลปากร โดยสำนักหอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญชมนิทรรศการ "ร.ศ. ๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงานศิลป์" ชมความงดงามของศิลปะลายรดน้ำ จากตู้พระธรรมสมัยรัตนโกสินทร์ ณ อาคารถาวรวัตถุ (ตึกแดง) ถนนหน้าพระธาตุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.
ตู้ลายทอง ถือได้ว่าเป็นศิลปะอันวิจิตรที่มีศาสนาเป็นบ่อเกิด คือ เกิดจากแรงศรัทธาของ
พุทธศาสนิกชนผู้ปรารถนาอุทิศตนสร้างผลงานอันวิจิตรงดงามสะท้อนผ่านพุทธศิลป์ชั้นเลิศด้วยฝีมือชั้นครูของช่างหลายแขนง สำหรับงานประณีตศิลป์บนตู้พระไตรปิฎกหรือตู้พระธรรมนั้น เป็นตัวอย่างของจิตรกรรมชั้นสูงที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนวัตถุ ที่ช่างฝีมือสมัยโบราณบรรจงจำหลักเส้นสายที่งดงามและแช่มช้อย เพื่อบอกเล่าเรื่องราวคำสอนในพระพุทธศาสนาผ่านลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายรดน้ำ ลายกำมะลอ ลวดลายเหล่านี้ประดับตกแต่งส่วนต่าง ๆ ของตู้ การจัดแสดงนิทรรศการในครั้งนี้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับตู้พระธรรมในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยจัดแสดงตู้พระธรรม จำนวน ๔๗ ตู้ และนาฬิกา ๑ เรือน แบ่งการจัดแสดงออกเป็น
ห้องที่ ๑ จัดแสดงนาฬิกาปารีส ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพประทานแก่หอพระสมุด
วชิรญาณ ในโอกาสที่ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ครบรอบ ๒๕ ปี
ห้องที่ ๒ จัดแสดงตู้พระธรรมในสมัยอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ที่มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์
ห้องที่ ๓ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเกี่ยวกับเรื่องราวของพระพุทธบาท
ห้องที่ ๔ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเกี่ยวกับเรื่องการสังคายนาพระไตรปิฎก
ห้องที่ ๕ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายในเรื่องรามเกียรติ์
ห้องที่ ๖ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายที่เป็นรูปทวารบาลทั้งไทยและจีน
ห้องที่ ๗ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเรื่องพุทธประวัติ
ห้องที่ ๘ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเรื่องชาดก
ห้องที่ ๙ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเรื่องป่าหิมพานต์และสัตว์หิมพานต์
ตู้พระธรรมที่นำมาจัดแสดงนอกจากจะได้เห็นถึงศิลปะในเชิงช่างสมัยรัตนโกสินทร์ผ่านลวดลายต่าง ๆ บนตู้พระธรรมที่แบ่งเป็นหมวดหมู่ตามห้องจัดแสดงดังกล่าวแล้ว ยังมีตู้พระธรรมที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจ อาทิ ตู้พระธรรม กท.๒ ที่ได้มาจากวัดจันทารามวรวิหาร กรุงเทพฯ ตกแต่งลวดลายจากเรื่องรามเกียรติ์ มีความพิเศษด้วยภาพที่หน้าบานประตูของตู้พระธรรมซึ่งโดยปกติ ภาพของทวารบาลจะเป็นภาพใหญ่เต็มองค์บนบานประตูตู้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา แต่สำหรับตู้ใบนี้ภาพทวารบาลจะอยู่ที่ด้านล่างของหน้าบานประตู ซึ่งเป็นภาพทวารบาลที่ดูแปลกตาแตกต่างออกไป ตู้ไซอิ๋ว เป็นตู้พระธรรมลายภาพเขียนสีบนพื้นรักสีแดง เป็นสมบัติเดิมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ มีการตกแต่งตู้ด้วยภาพเขียนสีแบบจีน บอกเล่าเรื่อง ไซอิ๋ว หรือเรื่องราวการเดินทางไปยังชมพูทวีปเพื่ออัญเชิญคัมภีร์พระไตรปิฎกของพระถังซำจั๋ง ที่ขอบบนของตู้มีจารึกเป็นอักษรและภาษาจีน อ่านว่า “เต้าก้วงสือปาเนียนลี่” หมายถึง ปีที่ ๑๘ ในรัชสมัยของพระเจ้าเซียนจง ซึ่งตรงกับ พ.ศ.๒๓๘๑ - ๒๓๘๒ ประมาณรัชกาลที่ ๓ ของสมัยรัตนโกสินทร์ ถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง
ตู้พระธรรมแต่ละใบล้วนสร้างด้วยเทคนิคและลวดลายที่แตกต่างกัน ลวดลายอันอ่อนช้อยที่ปรากฎอยู่บนตู้พระธรรมเป็นงานศิลปะไทยของช่างศิลป์โบราณ อันเกิดจากขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อที่บ่มเพาะสืบทอดต่อกันมา และความเชื่อมั่นศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจมาช้านานจนก่อเกิดเป็นงานศิลป์ที่มีรูปแบบเฉพาะ กลายเป็นความงามบนพื้นฐานวิถีแห่งไทย วิถีแห่งธรรม ที่นำความภาคภูมิใจของคนในชาติมาจนถึงปัจจุบัน
ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ "ร.ศ. ๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงานศิลป์" ณ อาคารถาวรวัตถุ (ตึกแดง) ถนนหน้าพระธาตุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ปิดวันจันทร์ - วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 155/3 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนีเผด็จ) ชบ.บ 181/17เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ครบรอบ ๓๐ ปี พิธีวางศิลาฤกษ์อาคารหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ สังกัดสำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม มีพื้นที่รับผิดชอบ ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน มีลำดับการก่อตั้งหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ ดังนี้ พ.ศ.๒๕๒๖ มีสถานภาพเป็นหน่วยจดหมายเหตุ ตั้งอยู่ ณ ชั้น ๔ อาคารสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๓๕ มีสถานภาพเป็นหน่วยจดหมายเหตุ ตั้งอยู่ ณ ชั้นล่าง อาคารหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๓๖ ก่อสร้างอาคารหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ โดยสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินวางศิลาฤกษ์อาคารหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๖ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่เก็บรักษาเอกสารจดหมายเหตุไว้เป็นหลักฐานชั้นต้นในการค้นคว้า อ้างอิงถึงการดำเนินงานของหน่วยงานเจ้าของเอกสาร และเป็นประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นรวมถึงประวัติศาสตร์ของประเทศ ด้วยวิธีการปกป้อง คุ้มครอง สงวนรักษาเอกสารจดหมายเหตุแต่ละประเภทให้ถูกต้องเหมาะสม และได้มาตรฐานตามหลักวิชาการจดหมายเหตุสากล เพื่อยืดอายุเอกสารจดหมายเหตุนั้น ๆ ให้มีสภาพที่สมบูรณ์ มีอายุยืนยาว คงคุณค่าของความเป็นหลักฐานในการศึกษาค้นคว้า อ้างอิงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชาติ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติที่มีคุณค่าถาวรตลอดไป เอกสารจดหมายเหตุที่ให้บริการ ค้นคว้า และวิจัย ได้แก่ เอกสารจดหมายเหตุลายลักษณ์และเอกสารโสตทัศนจดหมายเหตุ เปิดให้บริการนักเรียน นักศึกษา ประชาชน และหน่วยงานที่สนใจ ในวันและเวลาราชการ โดยผู้ใช้บริการต้องปฏิบัติตามระเบียบกรมศิลปากรว่าด้วยการให้บริการแก่ประชาชนของหอจดหมายเหตุแห่งชาติ การทำสำเนาเอกสารจดหมายเหตุ อัตราค่าทำสำเนาเอกสารจดหมายเหตุและค่าบริการอื่น พ.ศ. ๒๕๖๔ ผู้ใช้บริการสามารถเข้าใช้บริการเอกสารได้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ๕๐๒๐๐ ในวันและเวลาราชการ ปิดให้บริการวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือสามารถใช้บริการสืบค้นได้ในระบบสืบค้นเอกสารจดหมายเหตุ https://archives.nat.go.th หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้บริการเอกสารจดหมายเหตุ สามารถติดต่อได้ที่ โทร ๐ ๕๓๒๘ ๑๔๒๔ โทรสาร ๐ ๕๓๒๘ ๑๔๒๕หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่6 กุมภาพันธ์ เวลา 12:07 น. · Chiang Mai National Museum พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่6 กุมภาพันธ์ เวลา 08:30 น. · วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ครบรอบ 50 ปี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ .พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งแรกในภาคเหนือตอนบน เริ่มก... ดูเพิ่มเติมหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่5 กุมภาพันธ์ เวลา 14:26 น. · #nowadayschiamgmai#วันนี้ที่เชียงใหม่#เชียงใหม่ #มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ ๔๖ ประจำปี ๒๕๖๖ ระหว่างวันที่ ๓ - ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ณ สวนสาธารณะหนองบวกหาด ภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่3 กุมภาพันธ์ เวลา 10:38 น. · ชุมชนบ้านฮ่อ ชุมชนชาวจีนยูนนานที่นับถือศาสนาอิสลามดั้งเดิมของเมืองเชียงใหม่ มากมายด้วยเรื่องราวครั้งอดีต ที่ยังคงอัตลักษณ์มาถึงปัจจุบัน ตามถนน ตรอกซอกซอยประกอบไปด้วยอาคารบ้านเรือน ศาสนสถาน และกาดนัดจีนยูนนาน หรือกาดบ้านฮ่อ ที่ยังคงบอกเล่าเรื่องราวครั้งอดีต ผ่านวัฒนธรรมประเพณี อาหารการกิน รวมทั้งสีสันของชุมชน ถ่ายทอดให้คนภายนอกได้เข้ามาสัมผัสอย่างใกล้ชิด เข้าสู่ศูนย์กลางชุมชนครั้งอดีต ณ บ้านขุนชวงเลียง (เจิ้งชงหลิ่ง) หรือบ้านลือเกียรติ คือสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวยูนนาน ครั้งมีชาวมุสลิมเพิ่มขึ้นจึงมีการสร้างมัสยิดขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ซึ่งเป็นอาคารมัสยิดหลังแรกของชาวยูนนาน ณ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักในนาม มัสยิดเฮดายาตูลอิสลามบ้านฮ่อ และมีการรื้อถอนอาคารหลังเดิมและก่อสร้างอาคารใหม่ (หลังปัจจุบัน) เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๙ จากจุดเริ่มต้นของชาวมุสลิมที่มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ณ บ้านไม้ของขุนชวงเลียง ชักชวนกันตั้งร้านค้าตลาดชุมชนเล็ก ๆ บอกเล่าปากต่อปาก จนกลายเป็นศูนย์รวมของผู้คนทั้งภายในและภายนอกชุมชน พ่อค้าแม่ค้าต่างนำสินค้าที่ดูแปลกตา พืชผักผลไม้จากพื้นที่สูง วัตถุดิบการปรุงอาหารหลากหลายชนิด อาหารการกินที่ชวนให้ได้ลิ้มลอง อาทิ ข้าวแรมฟืน ข้าวโพดทอดสูตรยูนนาน ข้าวหมกหลากหลายสีสัน ฯลฯ ปัจจุบันกาดบ้านฮ่อได้กลายเป็นอัตลักษณ์ของชุมชนชาวมุสลิมจีนยูนนานที่อยู่คู่เมืองเชียงใหม่มายาวนานกว่า ๓ ทศวรรษ ผู้เรียบเรียง : นายวีระยุทธ ไตรสูงเนิน นักจดหมายเหตุชำนาญการ ภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ #กาดบ้านฮ่อ #เชียงใหม่อ้างอิงคณะทำงานฝ่ายรวบรวมประวัติและพัฒนาการของศาสนาในเชียงใหม่. ๒๕๓๙. มรดกศาสนาในเชียงใหม่. เชียงใหม่ : นพบุรีการพิมพ์.
เลขทะเบียน : นพ.บ.420/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 32 หน้า ; 4 x 55 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 150 (90-95) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : ปัญญาบารมี--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.559/1กห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 24 หน้า ; 5 x 57 ซ.ม. : ชาดทึบ-รักทึบ-ลานดิบ-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 182 (2) (324-328) ผูก 1ก (2566)หัวเรื่อง : แทนน้ำนมแม่--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
องค์ความรู้: ความทรงจำแห่งโลกในประเทศไทย
จารึกวัดโพธิ์ Epigraphic Archives of Wat Pho
จารึกวัดโพธิ์ Epigraphic Archives of Wat Pho มีแผ่นหินที่บันทึกเรื่องราว เป็นภาษาไทยเกี่ยวกับความรู้และสรรพวิชาต่าง ๆ ทั้งด้านการเมืองการปกครอง การค้าขาย และวัฒนธรรม ทั้งหมด 1,431 แผ่น ในช่วงตั้งแต่ปีค.ศ. 1831-1841 ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อปีพ.ศ.2551 และขึ้นทะเบียนในระดับโลกใน ปีพ.ศ.2554 “วัดโพธิ์” หรือ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร” เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก เป็นวัดโบราณเก่าแก่ที่ราษฎรสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ต่อมาได้ถือว่าเป็นพระอารามหลวงประจารัชกาลที่ 1 และมีการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ซึ่งได้เริ่มมี “จารึกวัดโพธิ์” ขึ้น โดยพระองค์ได้ทรงมีพระราชประสงค์ให้พระอารามแห่งนี้เป็น “มหาวิทยาลัย” สำหรับประชาชนทั่วไป พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นาเอาองค์ความรู้จากปราชญ์ของไทยและสรรพศิลปวิทยาการต่างๆ เช่น ตาราการแพทย์ โบราณคดี และวรรณกรรม โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนทั้งหลาย ฯลฯ มาจารึกลงบนแผ่นหินอ่อน ประดับไว้ตามบริเวณผนัง-เสาพระระเบียงรอบพระอุโบสถ พระวิหาร พระวิหารคด และศาลารายรอบพระมณฑปภายในวัด ซึ่งทรงมุ่งหวังให้ยั่งยืนและเผยแพร่ให้ประชาชนศึกษาได้อย่างเสรี เป็นแหล่งเล่าเรียนวิชาความรู้ของมหาชน โดยไม่เลือกชนชั้น วรรณะ ยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีหนังสือ ไม่มีโรงเรียน การเล่าเรียนส่วนใหญ่จะมีสอนให้อยู่ตามวัดต่างๆ เท่านั้น พระอารามแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เพิ่มเติมจากการเล่าเรียนวิชาสามัญศึกษาที่มีอยู่ตามวัดทั่วไป แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่า178 ปี วัดโพธิ์ก็ยังคงเป็นแหล่งเรียนรู้สรรพวิทยา เห็นได้จากความรู้เกี่ยวกับโยคะศาสตร์และตำราการนวดแผนโบราณวัดโพธิ์ เป็นที่รู้จักแพร่หลายออกไปทั่วโลกในปัจจุบัน
ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำเอเชียแปซิฟิก วันที่ 21/2/2551
ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำโลก วันที่ 27/5/2554
ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำประเทศไทย วันที่ 21/12/2558
ข้อมูล/ภาพ: สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
เรื่อง วัดสำคัญกลางเมืองชลบุรี
ชลบุรีมีทั้งปูชนียสถาน และรมณียสถาน ตัวเมืองคับคั่งไปด้วยตึกรามถนนหนทาง ยวดยานพาหนะขวักไขว่ โรงภาพยนตร์ โรงแรม ทุกอย่างมีพร้อม ผู้ที่เที่ยวเมืองชลบุรีรักความสนุกสำราญก็ไปกันประเภทหนึ่ง ผู้ที่รักจะศึกษาปูชนียสถานก็จะไปที่วัดสำคัญๆ
มีวัดสำคัญตั้งอยู่กลางเมืองเดิมชื่อ วัดอินทาราม ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดใหญ่อินทาราม เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดชลบุรี เข้าไปชมจะพบศิลปต่างๆ สมัยกรุงศรีอยุธยา และที่พลับพลาตัวมุขมีรูปหล่อสัมฤทธิ์ขนาดโตกว่าคนธรรมดา ทรงเครื่องอาภรณ์อย่างกษัตริย์ มีเครื่องประดับองค์นุ่งผ้าเชิงและสวมมงกุฎ รูปนี้ชาวบ้านเชิญมาจากวัดสมณโกฏิ ซึ่งเป็นวัดร้างอยู่ห่างจากวัดนี้ประมาณ ๑ กิโลเมตร นำมาประดิษฐานไว้ ณ พลับพลานี้โดยก่อทำเป็นซุ้มสำหรับตั้งโดยเฉพาะ และขนานนามว่า “หลวงพ่อเฉย” หลวงพ่อองค์นี้มีอิทธิฤทธิ์ในการบันดาลให้เด็กเล็กซึ่งเจ็บออดแอดสามวันดีสี่วันไข้ กลับเป็นเด็กเลี้ยงง่ายอย่างน่าพิศวง เวลาเย็นจะพบชาวบ้านนำเด็กขี้โรคมาจุดธูปเทียน ถวายเป็นลูกหลวงพ่อเฉยกันมากมาย เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ก็ฉีกชายผ้าเหลืองที่ห่มคลุมองค์หลวงพ่อเฉยผูกข้อมือเด็ก แล้วเด็กนั้นจะหายโรคภัยเลี้ยงง่าย ผ้าที่ฉีกกันไปคนละชิ้นไม่มีหมดสิ้น เพราะมีผู้มาห่มถวายให้ใหม่มิได้ขาด
อีกวัดหนึ่งคือ วัดเขาบางทราย มีพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ ที่ตั้งเขาพระพุทธบาทบางทรายอยู่ก่อนจะถึงตัวเมืองชลบุรี ที่นั่นจะเห็นเขาอยู่ลูกหนึ่งที่เชิงเขามีวัด คือวัดเขาบางทรายนั่นเอง พระพุทธบาทประดิษฐานอยู่บนมณฑปยอดเขา วัดเขาบางทรายเป็นสถานที่สำคัญคือเคยเป็นสถานที่ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาแต่เดิมมา
ที่มา
ประยูร พิศนาคะ. ของดี ๗๑ จังหวัด. พิมพ์ครั้งที่ ๒. พระนคร: สำนักหอสมุดกลาง ๐๙, ๒๕๑๓.
พระบรมราชานุศาสนีย์ เรื่อง แสดงคุณานุคุณ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดพิมพ์เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิงแปลก ราชศุภมิตร ณ เมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส 21 กุมภาพันธ์ 2505
ผู้แต่ง : กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร
ต้นฉบับอยู่ที่ : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี (ห้องกรมศิลปากร)
โรงพิมพ์ : บริษัทชุมนุมช่าง จำกัด
ปีที่พิมพ์ : 2505
รูปแบบ : PDF
ภาษา : ไทย
เลขทะเบียน: น. 31 บ. 12440
เลขหมู่ : 294.303 ม113พป
สาระสังเขป : พระบรมราชานุศาสนีย์ เรื่องแสดงคุณานุคุณนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงบรรยายให้ข้าราชการในพระราชสำนัก ทหารบก ทหารเรือ และข้าราชการหัวเมือง ผู้ที่ได้มาประจำรักษาหน้าที่อยู่ ณ ค่ายหลวง หาดเจ้าสำราญ ที่จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2461 ทรงแสดงให้เห็นคุณพระรัตนตรัย คุณบุรพการี คุณพระมหากษัตริย์ และความรักชาติ ได้ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2469
ตุ๊กตาดินเผารูปคนจูงลิง
แบบศิลปะ : ทวารวดี
ชนิด : ดินเผา
ขนาด : กว้าง 4.5 เซนติเมตร สูง 8.5 เซนติเมตร
อายุสมัย : ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 - 14 (หรือราว 1,200 - 1,400 ปีมาแล้ว)
ลักษณะ : ตุ๊กตาดินเผารูปบุคคลยืนตรง ด้านหน้ามีลิง 1 ตัว นั่งเกาะขา มือซ้ายของบุคคลดังกล่าว ถือกิ่งไม้แนบกับต้นขา ส่วนมือขวา ถือปลายเชือกผูกล่ามคอลิงเอาไว้ บุคคลดังกล่าวสวม เครื่องประดับที่คอและกำไลข้อมือหลายวงซ้อนกัน และเป็นที่น่าสังเกตว่าศีรษะของ ประติมากรรมดังกล่าวมักหักออกจากลำตัว ทำให้นักวิชาการบางท่านเชื่อว่าประติมากรรมเหล่านี้อาจปั้นขึ้นเพื่อใช้ในการสะเดาะเคราะห์ก็เป็นได้
ประวัติ : พบบริเวณเมืองอู่ทอง
สถานที่จัดแสดง : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/uthong/360/model/02/
ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/uthong
เหรียญที่ระลึกในการสร้างสะพานพระพุทธยอดฟ้า
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ พ.ศ.๒๔๗๕
(ซ้าย) บริษัทดอร์แมนลอง ให้เมื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๕
(ขวา) รับมาจากราชพัสดุ กระทรวงการคลัง
เก็บรักษาอยู่ในคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จัดแสดงในนิทรรศการพิเศษ เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๗ เรื่อง “เอกสารล้ำค่าจารึกสยาม” ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างวันที่ ๒๘ มีนาคม - ๓๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๗
เหรียญเงินกลม ส่วนขอบเหรียญเรียบ ยกขอบขึ้นเล็กน้อย ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปสะพานพระพุทธยอดฟ้าอยู่ในกรอบวงกลมยกขอบขึ้นเล็กน้อย นอกกรอบด้านบนมีอักษรภาษาอังกฤษจารึกว่า PHRA BUDDHA YOD FA ด้านล่างเขียนว่า MEMORIAL BRIDGE BANGKOK ด้านหลังมีข้อความภาษาอังกฤษว่า
COMMENCED NOVEMBER 20th 1929
COMPLETED JUNE 4th 1931
TOTAL LENGTH 754 FT.
DOUBLE LEAF BASCULE SPAN 260 FT.
TWO FIXED SPANS OF 247 FT. EACH
DESIGNED AND BUILT BY
DORMAN,LONG &CO.LTD.,ENGLAND
UNDER THE SUPERVISION OF
H.R.H. PRINCE PURACHATRA
OPENED APRIL 6th 1932
BY
H.M. KING PRAJADHIPOK
เหรียญที่ระลึกในการสร้างสะพานพระพุทธยอดฟ้า สร้างขึ้นโดยบริษัท ดอร์แมนลอง จำนวน ๗๐ เหรียญ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๕ และทางบริษัทได้ถวายพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ดังข้อความในหนังสือกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม ที่ ก.๑๘/๗๕ ลงวันที่ ๔ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ถึงมหาเสวกเอกเจ้าพระยามหินธร เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร (กรมราชเลขาธิการ) ความว่า “ด้วยนายเจ.รัก (J.Ruck) ผู้แทนบริษัทดอรแมนลองได้กลับเข้ามากรุงเทพฯ อีกเนื่องด้วยการพระราชพิธีเฉลิมกรุงเทพมหานครและเปิดสะพานปฐมบรมราชานุสรณ์ ได้มอบเหรียญที่ระลึกในการสร้างสะพานพระพุทธยอดฟ้าไว้ให้แก่ฉัน ๗๐ เหรียญ เหรียญเหล่านี้ฉันเห็นควรจะให้ไว้แก่เจ้าหน้าที่ ที่ได้ช่วยเหลือในการนี้เป็นที่ระลึก เช่นกรรมการที่ได้ฉลองพระเดชพระคุณในการก่อสร้างสะพาน ทั้งที่ยังคงอยู่บัดนี้และออกจากราชการไปแล้ว รวมทั้งนายช่างทุกคน ฉันเห็นว่าถ้าทางกรมราชเลขาธิการเป็นผู้จัดส่งไปให้จะงดงามดีกว่าที่จะส่งจากกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม เพราะฉะนั้นจึงขอส่งเหรียญที่กล่าวมานี้มายังเจ้าคุณ ๖๐ เหรียญ ถ้าขาดเหลือจะได้ส่งมาเพิ่มให้อีก”
ในเวลาต่อมากระทรวงมุรธาธร (กรมราชเลขาธิการ) ได้ประกาศรายชื่อผู้ได้รับเหรียญ เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ มีผู้ได้รับแจกทั้งหมด ๖๖ ราย เป็นจำนวน ๖๖ เหรียญ ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว จำนวน ๒ เหรียญ และส่งให้กับพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนครจำนวน ๑ เหรียญ (ตามพระประสงค์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต) สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงมีลายพระหัตถ์ตอบกลับลงวันที่ ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๕ ความว่า “เกล้าฯ ได้รับหนังสือเจ้าพระยามหินธร เสนาบดีกระทรวงมุรธาธรที่ ๒๖/๘๒๘ ลงวันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. นี้ รับสั่งฝ่าพระบาทโปรดให้ส่งเหรียญของบริษัทดอร์แมนลองสร้างขึ้นเป็นที่ระลึกในการสร้างสะพานพระพุทธยอดฟ้า มาประทานพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนครเพื่อเก็บรักษาไว้เป็นเหรียญที่ระลึกในตำนาน ๑ เหรียญนั้น ได้รับไว้แล้วด้วยความยินดีในนามของราชบัณฑิตยสภา ขอขอบพระเดชพระคุณเป็นอันมาก”
สำหรับสะพานพระพุทธยอดฟ้านั้นเริ่มดำเนินการสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ด้วยพระองค์มีพระราชประสงค์โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์เนื่องในโอกาสที่กรุงเทพมหานครเป็นราชธานีของไทยครบ ๑๕๐ ปีบริบูรณ์ ประกอบด้วย พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่มหาชนได้สัญจรระหว่างพระนครกับจังหวัดธนบุรี โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เสนาบดีกระทรวงพาณิชย์และคมนาคม เป็นผู้อำนวยการสร้าง โดยบริษัทดอร์แมนลอง ประเทศอังกฤษ เป็นผู้ออกแบบ ลักษณะเป็นสะพานเหล็กยาว ๒๒๙.๗๖ เมตร กว้าง ๑๖.๖๘ เมตร ท้องสะพานสูงเหนือน้ำ ๗.๕๐ เมตร มีระบบยกตอนกลางของสะพานด้วยระบบไฟฟ้า เปิดช่องกว้าง ๖๐ เมตร เพื่อให้เรือใหญ่สามารถแล่นผ่านได้
อ้างอิง
หอจดหมายเหตุแห่งชาติ. ร.๗ บ.๕/๒๓ เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ ๗ เบ็ดเตล็ด เรื่อง เหรียญที่ระลึกสร้างสะพานของบริษัทดอรแมนลอง (๔ เมษายน - ๒๙ กรกฎาคม ๒๔๗๕).
“พระบรมราชโองการ ประกาศ สร้างสะพานพระพุทธยอดฟ้า” ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๔๖ ตอนที่ ก. (๑๒ มกราคม ๒๔๗๒) หน้า ๒๘๘.