ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,797 รายการ

  ***บรรณานุกรม***     ผดุงถิ่นยุคข่าวเศรษฐกิจ     ปีที่ 18     ฉบับที่ 717    วันที่ 1-15 ธันวาคม 2536


ชื่อเรื่อง : ในราชสำนักพระนารายณ์   ผู้แต่ง : อุดม  ประมวลวิทย์   ปีที่พิมพ์ : ๒๕๐๕   สถานที่พิมพ์ : พระนคร   สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์อักษรบริการ                        ในราชสำนักพระนารายณ์ กล่าวถึงพระราชประวัติของพระเจ้าอยู่หัว "มหาราช" และยังมีเรื่องราวและประวัติชีวิตบุคลสำคัญๆในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์อีกหลายคน อาทิ เจ้าพระยาวิชเยนทร์หรือฟอลคอน ฝรั่งชาติกรีก อันเป็นชาวยุโรปคนแรกที่มารับราชการในกรุงสยามและมีบรรดาศักดิ์ได้เป็น "เจ้าพระยาคนแรกและบุคลสำคัญฝ่ายไทยคนอื่นๆ อาทิ "โกษาปาน" นักการฑูตเอกคนแรกของไทยและ "ศรีปราชญ์" ราชกวีเอกประจำราชสำนักและบุคคลอื่นๆอีกหลายคน ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลสำคัญของชาติไทยในสมัยที่ผ่านมา





ชื่อเรื่อง                           เทศนาสังคิณี-มหาปัฎฐานสพ.บ.                             147/2ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           22 หน้า กว้าง 4 ซ.ม. ยาว 53 ซ.ม. หัวเรื่อง                                 พระอภิธรรม                                           บทสวดมนต์  บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด  ได้รับบริจาคมาจากวัดป่าเลไลยก์ ต.รั้วใหญ่ อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี


เลขทะเบียน : นพ.บ.63/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  48 หน้า ; 5 x 58.2 ซ.ม. : ทองทึบ ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 41 (1-5) ผูก 1 (2564)หัวเรื่อง :  สังฮอมธาตุ --เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


ชื่อผู้แต่ง             ศิลปากร , กรม ชื่อเรื่อง              กลอนเพลงยาว เรื่อง หม่อมเป็นสวรรค์ และพระอาการประชวรของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ครั้งที่พิมพ์           - สถานที่พิมพ์         พระนคร สำนักพิมพ์           ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิวพร ปีที่พิมพ์              ๒๕๐๗ จำนวนหน้า          ๘๔  หน้า หมายเหตุ            ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิวพร พิมพ์ชำร่วยในการทอดกฐินพระราชทาน ของ กรมศิลปากร ณ วัดเทพธิดารา ๖ พฤศจิกายน ๒๕๐๗


#จารึกกลุ่มอักษรมอญโบราณ สร้างขึ้นระหว่างพุทธศตวรรษที่ ๑๗ – ๑๘ หรือประมาณ ๑,๐๐๐ ปีล่วงมาแล้ว พบในพื้นที่จังหวัดลำพูนและจังหวัดเชียงใหม่  ในปัจจุบัน ซึ่งเคยเป็นพื้นที่เดิมของแคว้นหริภุญไชย มีทั้งจารึกด้วยภาษามอญโบราณ ภาษาบาลี และจารึกด้วยภาษามอญกับภาษาบาลีร่วมกัน                              ++++จารึกของอาณาจักรหริภุญไชย กำหนดอายุจากรูปอักษรมอญโบราณ ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับตัวอักษรที่ปรากฏบนศิลาจารึก “มรเจดีย์” (Mayazedi) ของพระเจ้าจันสิตถา (Kyanzittha) กษัตริย์แห่งอาณาจักรพุกาม (พม่า) ซึ่งจารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๑๖๒๘ และ ๑๖๓๐ อันได้รับอิทธิพลด้านตัวอักษรไปจากมอญ แต่ครั้งเมื่อพระเจ้าอนิรุทธ (อโนรธามังฉ่อ) ได้ทรงยกทัพไปตีเมืองสะเทิม (ถะทนหรือสุธรรมวดี) ซึ่งเป็นราชธานีของหัวเมืองมอญฝ่ายใต้สำเร็จ มีการกวาดต้อนผู้คน ช่างฝีมือ ตลอดจนภิกษุสงฆ์และคัมภีร์ทางพุทธศาสนาที่มีอยู่ในเมืองสะเทิมไปสู่พุกามทำให้วัฒนธรรมมอญแพร่หลายในพุกาม รวมไปถึงการใช้ตัวอักษรด้วย  ++++จากหลักฐานตำนาน “จามเทวีวงศ์” ซึ่งเป็นพงศาวดารของเมืองลำพูน ระบุไว้ว่าในช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๖ เมืองหริภุญไชยได้เกิดเหตุการณ์โรคระบาดที่มีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก   จึงได้อพยพผู้คนจากเมืองหริภุญไชยไปพำนักที่เมืองสะเทิมเป็นเวลา ๖ ปี สันนิษฐานได้ว่าคนมอญหริภุญไชยจะถูกกวาดต้อนจากเมืองสะเทิมไปยังพุกามในคราวนี้ ทำให้อักษรมอญแบบหริภุญไชย มีความคล้ายคลึงกับอักษรมอญโบราณที่ปรากฏบนศิลาจารึก “มรเจดีย์” (Mayazedi) นั้นเอง ++++ศาสตราจารย์ เรอชินาล์ด เลอเมย์ (Reginald Le May) อดีตรองกงสุลอังกฤษประจําเชียงใหม่ระหว่างปี ค.ศ.๑๘๘๕-๑๙๗๒ กล่าวว่า พม่ารับวัฒนธรรมการเขียนหนังสือไปจากมอญ เมื่อราว พ.ศ. ๑๖๐๖ ตรงกับช่วงสมัยที่อาณาจักรพุกามถูกปกครองโดยพระเจ้าอนิรุทธ (อโนรธามังฉ่อ) ระหว่าง พ.ศ.๑๕๘๗ – ๑๖๒๐ นั้นเอง  หลักฐานข้อมูลจากศิลาจารึกแสดงให้เห็นว่า กลุ่มชนที่สร้างจารึกเหล่านี้นับถือพุทธศาสนาที่ใช้ภาษาบาลีเป็นหลักมาตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ เป็นกลุ่มชนที่มีอิสรภาพหรือเป็นเอกราช ด้วยเนื้อหาในจารึกบ่งบอกถึงพฤติการณ์ของกษัตริย์ที่ทรงดำเนินแบบอย่างทางพระพุทธศาสนาและเป็นชุมชนที่ใช้ภาษามอญเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร หลังจากนั้นไม่ปรากฏหลักฐานอักษรมอญโบราณในศิลาจารึกช่วงระยะต่อมาอีกเลย สันนิษฐานว่ากลุ่มชนที่ใช้อักษรมอญและภาษามอญในพุทธศตวรรษที่ ๑๗ นี้ได้สูญหายไป และมีกลุ่มชนที่ใช้อักษรไทยและภาษาไทยแบบต่างๆ เกิดขึ้นมาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๒๐ หรือ พ.ศ.๑๙๑๓ จากหลักฐานศิลาจารึกวัดพระยืนปรากฏขึ้นแทน




สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน) เลขที่ ชบ.บ.35/1-5 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)




          โบราณสถานปราสาทบ้านพลวง ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านพลวง อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ปราสาทบ้านพลวงเป็นปราสาทก่อด้วยหินทราย ซึ่งเหลือแต่เพียงเรือนธาตุ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ล้อมรอบด้วยคูน้ำรูปตัวยู (U) เว้นทางเข้าด้านทิศตะวันออก ถัดไปทางด้านทิศตะวันออก ประมาณ 100 เมตร มีบารายขนาดใหญ่ ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของปราสาทบ้านพลวง มีลักษณะคล้ายกับปรางค์น้อย ของปราสาทพนมรุ้ง และปราสาทเขาปลายบัด 1 จังหวัดบุรีรัมย์ จากการกำหนดอายุปราสาทบ้านพลวง กำหนดให้มีอายุอยู่ในช่วง ครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ 16 – ต้นพุทธศตวรรษที่ 17 โดยกำหนดอายุจากรูปแบบศิลปกรรมที่พบ ซึ่งตรงกับศิลปะเขมรแบบบาปวน          ภาพสลักหน้าบัน ด้านทิศตะวันออก ของปราสาทประธาน ซึ่ง สลักภาพเล่าเรื่อง กฤษณาวตาร ตอน พระกฤษณะยกเขาโควรรธนะ ประทับยืนเหนือหน้ากาลคายท่อนพวงมาลัย กรอบซุ้มหน้าบันสลักเป็นลำตัวนาค 2 ตัว หันหลังชนกัน โดยเศียรนาคอยู่ที่มุมล่างซ้ายเเละขวา เเละปลายหางนาคอยู่ที่ส่วนยอด         พระกฤษณะ เป็น อวตารที่ 8 ของ พระนารายณ์ ซึ่งรู้จักกันทั่วไปว่า “กฤษณาวตาร” และเป็นบุคคลสำคัญของเรื่อง มหาภารตะ ภาพสลักในตอนนี้ เป็นเหตุการณ์ตอนวัยรุ่น ซึ่งพระกฤษณะพยายามโน้มน้าวให้คนเลี้ยงโค เลิกบวงสรวงบูชาพระอินทร์ เเละให้ไปบูชาภูเขาโควรรธนะแทน ทำให้พระอินทร์โกรธและ บันดาลให้เกิดพายุฝนตกหนักตลอดทั้ง 7 วัน 7 คืน เพื่อเป็นการลงโทษ แต่พระกฤษณะใช้นิ้วยกภูเขาโควรรธนะขึ้น เพื่อกำบังฝูงคนเลี้ยงโคเอาไว้ ตลอด 7 วัน 7 คืน กระทั่งท้ายที่สุด พระอินทร์ยอมพ่ายแพ้ กลุ่มคนเลี้ยงโคก็หันมานับถือเขาโควรรธนะแทนพระอินทร์ในเวลาต่อมา                     บริเวณใต้หน้าบัน ยังปรากฏภาพสลักทับหลังพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ซึ่งเป็นเทพประจำทิศตะวันออก โดยองค์ประกอบภาพสลัก ประกอบด้วยพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ อยู่ในซุ้มเรือนแก้ว เหนือหน้ากาล คายท่อนพวงมาลัย มีใบไม้ตั้งขึ้นและตกลง แถวด้านบนสลักเป็นรูปโยคี ฝั่งละ 3 ตน โดยความพิเศษอยู่ที่ช้างเอราวัณ ซึ่งเป็นช้างเศียรเดียว คล้ายกับที่พบ ณ ปราสาทปรางค์กู่ อำเภอปรางค์กู่ ปราสาทตาเล็ง อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ---------------------------------------------เรียบเรียงโดย นายวรรณพงษ์ ปาละกะวงษ์ ณ อยุธยา นักโบราณคดีปฏิบัติการ  สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา---------------------------------------------


black ribbon.