ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ
ปรีชา พันธเสน. คู่มือสอบชุดวิชา กฎ ข้อบังคับ และระเบียบ กองทัพเรือและกระทรวงกลาโหม. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ: สูตรไพศาล, 2562.376 หน้า. ภาพประกอบ. 300 บาท.รวบรวมกฎ ข้อบังคับ และระเบียบของกองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเตรียมสอบเลื่อนฐานะนายทหารประทวน สอบเลื่อนยศนายทหารสัญญาบัตร และผู้ที่ต้องการมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของกฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ของกองทัพเรือ ติดตามอ่านได้ในเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้343ป467ค (ห้องหนังสือทั่วไป1)
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม(สงฺคิณี-มหาปฏฐาน)
สพ.บ. อย.บ.52/5ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 28 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา บทสวด พระวินัย คำสอน
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ล่องชาด ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
กรมศิลปากร โดยสำนักหอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญชมนิทรรศการ "ร.ศ. ๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงานศิลป์" ชมความงดงามของศิลปะลายรดน้ำ จากตู้พระธรรมสมัยรัตนโกสินทร์ ณ อาคารถาวรวัตถุ (ตึกแดง) ถนนหน้าพระธาตุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.
ตู้ลายทอง ถือได้ว่าเป็นศิลปะอันวิจิตรที่มีศาสนาเป็นบ่อเกิด คือ เกิดจากแรงศรัทธาของ
พุทธศาสนิกชนผู้ปรารถนาอุทิศตนสร้างผลงานอันวิจิตรงดงามสะท้อนผ่านพุทธศิลป์ชั้นเลิศด้วยฝีมือชั้นครูของช่างหลายแขนง สำหรับงานประณีตศิลป์บนตู้พระไตรปิฎกหรือตู้พระธรรมนั้น เป็นตัวอย่างของจิตรกรรมชั้นสูงที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนวัตถุ ที่ช่างฝีมือสมัยโบราณบรรจงจำหลักเส้นสายที่งดงามและแช่มช้อย เพื่อบอกเล่าเรื่องราวคำสอนในพระพุทธศาสนาผ่านลวดลายต่าง ๆ เช่น ลายรดน้ำ ลายกำมะลอ ลวดลายเหล่านี้ประดับตกแต่งส่วนต่าง ๆ ของตู้ การจัดแสดงนิทรรศการในครั้งนี้ มีเนื้อหาเกี่ยวกับตู้พระธรรมในสมัยรัตนโกสินทร์ โดยจัดแสดงตู้พระธรรม จำนวน ๔๗ ตู้ และนาฬิกา ๑ เรือน แบ่งการจัดแสดงออกเป็น
ห้องที่ ๑ จัดแสดงนาฬิกาปารีส ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพประทานแก่หอพระสมุด
วชิรญาณ ในโอกาสที่ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ครบรอบ ๒๕ ปี
ห้องที่ ๒ จัดแสดงตู้พระธรรมในสมัยอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ที่มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์
ห้องที่ ๓ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเกี่ยวกับเรื่องราวของพระพุทธบาท
ห้องที่ ๔ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเกี่ยวกับเรื่องการสังคายนาพระไตรปิฎก
ห้องที่ ๕ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายในเรื่องรามเกียรติ์
ห้องที่ ๖ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายที่เป็นรูปทวารบาลทั้งไทยและจีน
ห้องที่ ๗ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเรื่องพุทธประวัติ
ห้องที่ ๘ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเรื่องชาดก
ห้องที่ ๙ จัดแสดงตู้พระธรรมที่มีลวดลายเรื่องป่าหิมพานต์และสัตว์หิมพานต์
ตู้พระธรรมที่นำมาจัดแสดงนอกจากจะได้เห็นถึงศิลปะในเชิงช่างสมัยรัตนโกสินทร์ผ่านลวดลายต่าง ๆ บนตู้พระธรรมที่แบ่งเป็นหมวดหมู่ตามห้องจัดแสดงดังกล่าวแล้ว ยังมีตู้พระธรรมที่มีความโดดเด่นและน่าสนใจ อาทิ ตู้พระธรรม กท.๒ ที่ได้มาจากวัดจันทารามวรวิหาร กรุงเทพฯ ตกแต่งลวดลายจากเรื่องรามเกียรติ์ มีความพิเศษด้วยภาพที่หน้าบานประตูของตู้พระธรรมซึ่งโดยปกติ ภาพของทวารบาลจะเป็นภาพใหญ่เต็มองค์บนบานประตูตู้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา แต่สำหรับตู้ใบนี้ภาพทวารบาลจะอยู่ที่ด้านล่างของหน้าบานประตู ซึ่งเป็นภาพทวารบาลที่ดูแปลกตาแตกต่างออกไป ตู้ไซอิ๋ว เป็นตู้พระธรรมลายภาพเขียนสีบนพื้นรักสีแดง เป็นสมบัติเดิมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ มีการตกแต่งตู้ด้วยภาพเขียนสีแบบจีน บอกเล่าเรื่อง ไซอิ๋ว หรือเรื่องราวการเดินทางไปยังชมพูทวีปเพื่ออัญเชิญคัมภีร์พระไตรปิฎกของพระถังซำจั๋ง ที่ขอบบนของตู้มีจารึกเป็นอักษรและภาษาจีน อ่านว่า “เต้าก้วงสือปาเนียนลี่” หมายถึง ปีที่ ๑๘ ในรัชสมัยของพระเจ้าเซียนจง ซึ่งตรงกับ พ.ศ.๒๓๘๑ - ๒๓๘๒ ประมาณรัชกาลที่ ๓ ของสมัยรัตนโกสินทร์ ถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง
ตู้พระธรรมแต่ละใบล้วนสร้างด้วยเทคนิคและลวดลายที่แตกต่างกัน ลวดลายอันอ่อนช้อยที่ปรากฎอยู่บนตู้พระธรรมเป็นงานศิลปะไทยของช่างศิลป์โบราณ อันเกิดจากขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม และความเชื่อที่บ่มเพาะสืบทอดต่อกันมา และความเชื่อมั่นศรัทธาในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจมาช้านานจนก่อเกิดเป็นงานศิลป์ที่มีรูปแบบเฉพาะ กลายเป็นความงามบนพื้นฐานวิถีแห่งไทย วิถีแห่งธรรม ที่นำความภาคภูมิใจของคนในชาติมาจนถึงปัจจุบัน
ผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ "ร.ศ. ๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงานศิลป์" ณ อาคารถาวรวัตถุ (ตึกแดง) ถนนหน้าพระธาตุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. ปิดวันจันทร์ - วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 155/3 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนีเผด็จ) ชบ.บ 181/17เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ครบรอบ ๓๐ ปี พิธีวางศิลาฤกษ์อาคารหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ สังกัดสำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม มีพื้นที่รับผิดชอบ ๕ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง และแม่ฮ่องสอน มีลำดับการก่อตั้งหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ ดังนี้ พ.ศ.๒๕๒๖ มีสถานภาพเป็นหน่วยจดหมายเหตุ ตั้งอยู่ ณ ชั้น ๔ อาคารสำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๓๕ มีสถานภาพเป็นหน่วยจดหมายเหตุ ตั้งอยู่ ณ ชั้นล่าง อาคารหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ พ.ศ.๒๕๓๖ ก่อสร้างอาคารหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ โดยสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ในการนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินวางศิลาฤกษ์อาคารหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๖ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่เก็บรักษาเอกสารจดหมายเหตุไว้เป็นหลักฐานชั้นต้นในการค้นคว้า อ้างอิงถึงการดำเนินงานของหน่วยงานเจ้าของเอกสาร และเป็นประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นรวมถึงประวัติศาสตร์ของประเทศ ด้วยวิธีการปกป้อง คุ้มครอง สงวนรักษาเอกสารจดหมายเหตุแต่ละประเภทให้ถูกต้องเหมาะสม และได้มาตรฐานตามหลักวิชาการจดหมายเหตุสากล เพื่อยืดอายุเอกสารจดหมายเหตุนั้น ๆ ให้มีสภาพที่สมบูรณ์ มีอายุยืนยาว คงคุณค่าของความเป็นหลักฐานในการศึกษาค้นคว้า อ้างอิงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของชาติ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติที่มีคุณค่าถาวรตลอดไป เอกสารจดหมายเหตุที่ให้บริการ ค้นคว้า และวิจัย ได้แก่ เอกสารจดหมายเหตุลายลักษณ์และเอกสารโสตทัศนจดหมายเหตุ เปิดให้บริการนักเรียน นักศึกษา ประชาชน และหน่วยงานที่สนใจ ในวันและเวลาราชการ โดยผู้ใช้บริการต้องปฏิบัติตามระเบียบกรมศิลปากรว่าด้วยการให้บริการแก่ประชาชนของหอจดหมายเหตุแห่งชาติ การทำสำเนาเอกสารจดหมายเหตุ อัตราค่าทำสำเนาเอกสารจดหมายเหตุและค่าบริการอื่น พ.ศ. ๒๕๖๔ ผู้ใช้บริการสามารถเข้าใช้บริการเอกสารได้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่ ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ๕๐๒๐๐ ในวันและเวลาราชการ ปิดให้บริการวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือสามารถใช้บริการสืบค้นได้ในระบบสืบค้นเอกสารจดหมายเหตุ https://archives.nat.go.th หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการใช้บริการเอกสารจดหมายเหตุ สามารถติดต่อได้ที่ โทร ๐ ๕๓๒๘ ๑๔๒๔ โทรสาร ๐ ๕๓๒๘ ๑๔๒๕หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่6 กุมภาพันธ์ เวลา 12:07 น. · Chiang Mai National Museum พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่6 กุมภาพันธ์ เวลา 08:30 น. · วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ครบรอบ 50 ปี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ .พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งแรกในภาคเหนือตอนบน เริ่มก... ดูเพิ่มเติมหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่5 กุมภาพันธ์ เวลา 14:26 น. · #nowadayschiamgmai#วันนี้ที่เชียงใหม่#เชียงใหม่ #มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ มหกรรมไม้ดอกไม้ประดับจังหวัดเชียงใหม่ ครั้งที่ ๔๖ ประจำปี ๒๕๖๖ ระหว่างวันที่ ๓ - ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ณ สวนสาธารณะหนองบวกหาด ภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่3 กุมภาพันธ์ เวลา 10:38 น. · ชุมชนบ้านฮ่อ ชุมชนชาวจีนยูนนานที่นับถือศาสนาอิสลามดั้งเดิมของเมืองเชียงใหม่ มากมายด้วยเรื่องราวครั้งอดีต ที่ยังคงอัตลักษณ์มาถึงปัจจุบัน ตามถนน ตรอกซอกซอยประกอบไปด้วยอาคารบ้านเรือน ศาสนสถาน และกาดนัดจีนยูนนาน หรือกาดบ้านฮ่อ ที่ยังคงบอกเล่าเรื่องราวครั้งอดีต ผ่านวัฒนธรรมประเพณี อาหารการกิน รวมทั้งสีสันของชุมชน ถ่ายทอดให้คนภายนอกได้เข้ามาสัมผัสอย่างใกล้ชิด เข้าสู่ศูนย์กลางชุมชนครั้งอดีต ณ บ้านขุนชวงเลียง (เจิ้งชงหลิ่ง) หรือบ้านลือเกียรติ คือสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวยูนนาน ครั้งมีชาวมุสลิมเพิ่มขึ้นจึงมีการสร้างมัสยิดขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ซึ่งเป็นอาคารมัสยิดหลังแรกของชาวยูนนาน ณ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักในนาม มัสยิดเฮดายาตูลอิสลามบ้านฮ่อ และมีการรื้อถอนอาคารหลังเดิมและก่อสร้างอาคารใหม่ (หลังปัจจุบัน) เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๙ จากจุดเริ่มต้นของชาวมุสลิมที่มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ณ บ้านไม้ของขุนชวงเลียง ชักชวนกันตั้งร้านค้าตลาดชุมชนเล็ก ๆ บอกเล่าปากต่อปาก จนกลายเป็นศูนย์รวมของผู้คนทั้งภายในและภายนอกชุมชน พ่อค้าแม่ค้าต่างนำสินค้าที่ดูแปลกตา พืชผักผลไม้จากพื้นที่สูง วัตถุดิบการปรุงอาหารหลากหลายชนิด อาหารการกินที่ชวนให้ได้ลิ้มลอง อาทิ ข้าวแรมฟืน ข้าวโพดทอดสูตรยูนนาน ข้าวหมกหลากหลายสีสัน ฯลฯ ปัจจุบันกาดบ้านฮ่อได้กลายเป็นอัตลักษณ์ของชุมชนชาวมุสลิมจีนยูนนานที่อยู่คู่เมืองเชียงใหม่มายาวนานกว่า ๓ ทศวรรษ ผู้เรียบเรียง : นายวีระยุทธ ไตรสูงเนิน นักจดหมายเหตุชำนาญการ ภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ #กาดบ้านฮ่อ #เชียงใหม่อ้างอิงคณะทำงานฝ่ายรวบรวมประวัติและพัฒนาการของศาสนาในเชียงใหม่. ๒๕๓๙. มรดกศาสนาในเชียงใหม่. เชียงใหม่ : นพบุรีการพิมพ์.
เลขทะเบียน : นพ.บ.420/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 32 หน้า ; 4 x 55 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 150 (90-95) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : ปัญญาบารมี--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.559/1กห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 24 หน้า ; 5 x 57 ซ.ม. : ชาดทึบ-รักทึบ-ลานดิบ-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 182 (2) (324-328) ผูก 1ก (2566)หัวเรื่อง : แทนน้ำนมแม่--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
องค์ความรู้: ความทรงจำแห่งโลกในประเทศไทย
จารึกวัดโพธิ์ Epigraphic Archives of Wat Pho
จารึกวัดโพธิ์ Epigraphic Archives of Wat Pho มีแผ่นหินที่บันทึกเรื่องราว เป็นภาษาไทยเกี่ยวกับความรู้และสรรพวิชาต่าง ๆ ทั้งด้านการเมืองการปกครอง การค้าขาย และวัฒนธรรม ทั้งหมด 1,431 แผ่น ในช่วงตั้งแต่ปีค.ศ. 1831-1841 ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนในระดับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เมื่อปีพ.ศ.2551 และขึ้นทะเบียนในระดับโลกใน ปีพ.ศ.2554 “วัดโพธิ์” หรือ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร” เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก เป็นวัดโบราณเก่าแก่ที่ราษฎรสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ต่อมาได้ถือว่าเป็นพระอารามหลวงประจารัชกาลที่ 1 และมีการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ซึ่งได้เริ่มมี “จารึกวัดโพธิ์” ขึ้น โดยพระองค์ได้ทรงมีพระราชประสงค์ให้พระอารามแห่งนี้เป็น “มหาวิทยาลัย” สำหรับประชาชนทั่วไป พระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นาเอาองค์ความรู้จากปราชญ์ของไทยและสรรพศิลปวิทยาการต่างๆ เช่น ตาราการแพทย์ โบราณคดี และวรรณกรรม โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนทั้งหลาย ฯลฯ มาจารึกลงบนแผ่นหินอ่อน ประดับไว้ตามบริเวณผนัง-เสาพระระเบียงรอบพระอุโบสถ พระวิหาร พระวิหารคด และศาลารายรอบพระมณฑปภายในวัด ซึ่งทรงมุ่งหวังให้ยั่งยืนและเผยแพร่ให้ประชาชนศึกษาได้อย่างเสรี เป็นแหล่งเล่าเรียนวิชาความรู้ของมหาชน โดยไม่เลือกชนชั้น วรรณะ ยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีหนังสือ ไม่มีโรงเรียน การเล่าเรียนส่วนใหญ่จะมีสอนให้อยู่ตามวัดต่างๆ เท่านั้น พระอารามแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนมหาวิทยาลัยแห่งแรกของไทย เพิ่มเติมจากการเล่าเรียนวิชาสามัญศึกษาที่มีอยู่ตามวัดทั่วไป แม้ว่าเวลาจะผ่านไปกว่า178 ปี วัดโพธิ์ก็ยังคงเป็นแหล่งเรียนรู้สรรพวิทยา เห็นได้จากความรู้เกี่ยวกับโยคะศาสตร์และตำราการนวดแผนโบราณวัดโพธิ์ เป็นที่รู้จักแพร่หลายออกไปทั่วโลกในปัจจุบัน
ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำเอเชียแปซิฟิก วันที่ 21/2/2551
ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำโลก วันที่ 27/5/2554
ได้รับการขึ้นทะเบียน มรดกความทรงจำประเทศไทย วันที่ 21/12/2558
ข้อมูล/ภาพ: สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ
เรื่อง วัดสำคัญกลางเมืองชลบุรี
ชลบุรีมีทั้งปูชนียสถาน และรมณียสถาน ตัวเมืองคับคั่งไปด้วยตึกรามถนนหนทาง ยวดยานพาหนะขวักไขว่ โรงภาพยนตร์ โรงแรม ทุกอย่างมีพร้อม ผู้ที่เที่ยวเมืองชลบุรีรักความสนุกสำราญก็ไปกันประเภทหนึ่ง ผู้ที่รักจะศึกษาปูชนียสถานก็จะไปที่วัดสำคัญๆ
มีวัดสำคัญตั้งอยู่กลางเมืองเดิมชื่อ วัดอินทาราม ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดใหญ่อินทาราม เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในจังหวัดชลบุรี เข้าไปชมจะพบศิลปต่างๆ สมัยกรุงศรีอยุธยา และที่พลับพลาตัวมุขมีรูปหล่อสัมฤทธิ์ขนาดโตกว่าคนธรรมดา ทรงเครื่องอาภรณ์อย่างกษัตริย์ มีเครื่องประดับองค์นุ่งผ้าเชิงและสวมมงกุฎ รูปนี้ชาวบ้านเชิญมาจากวัดสมณโกฏิ ซึ่งเป็นวัดร้างอยู่ห่างจากวัดนี้ประมาณ ๑ กิโลเมตร นำมาประดิษฐานไว้ ณ พลับพลานี้โดยก่อทำเป็นซุ้มสำหรับตั้งโดยเฉพาะ และขนานนามว่า “หลวงพ่อเฉย” หลวงพ่อองค์นี้มีอิทธิฤทธิ์ในการบันดาลให้เด็กเล็กซึ่งเจ็บออดแอดสามวันดีสี่วันไข้ กลับเป็นเด็กเลี้ยงง่ายอย่างน่าพิศวง เวลาเย็นจะพบชาวบ้านนำเด็กขี้โรคมาจุดธูปเทียน ถวายเป็นลูกหลวงพ่อเฉยกันมากมาย เมื่อเสร็จพิธีแล้ว ก็ฉีกชายผ้าเหลืองที่ห่มคลุมองค์หลวงพ่อเฉยผูกข้อมือเด็ก แล้วเด็กนั้นจะหายโรคภัยเลี้ยงง่าย ผ้าที่ฉีกกันไปคนละชิ้นไม่มีหมดสิ้น เพราะมีผู้มาห่มถวายให้ใหม่มิได้ขาด
อีกวัดหนึ่งคือ วัดเขาบางทราย มีพระพุทธบาทประดิษฐานอยู่ ที่ตั้งเขาพระพุทธบาทบางทรายอยู่ก่อนจะถึงตัวเมืองชลบุรี ที่นั่นจะเห็นเขาอยู่ลูกหนึ่งที่เชิงเขามีวัด คือวัดเขาบางทรายนั่นเอง พระพุทธบาทประดิษฐานอยู่บนมณฑปยอดเขา วัดเขาบางทรายเป็นสถานที่สำคัญคือเคยเป็นสถานที่ถือน้ำพิพัฒน์สัตยาแต่เดิมมา
ที่มา
ประยูร พิศนาคะ. ของดี ๗๑ จังหวัด. พิมพ์ครั้งที่ ๒. พระนคร: สำนักหอสมุดกลาง ๐๙, ๒๕๑๓.
พระบรมราชานุศาสนีย์ เรื่อง แสดงคุณานุคุณ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จัดพิมพ์เนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ ท่านผู้หญิงแปลก ราชศุภมิตร ณ เมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส 21 กุมภาพันธ์ 2505
ผู้แต่ง : กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร
ต้นฉบับอยู่ที่ : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี (ห้องกรมศิลปากร)
โรงพิมพ์ : บริษัทชุมนุมช่าง จำกัด
ปีที่พิมพ์ : 2505
รูปแบบ : PDF
ภาษา : ไทย
เลขทะเบียน: น. 31 บ. 12440
เลขหมู่ : 294.303 ม113พป
สาระสังเขป : พระบรมราชานุศาสนีย์ เรื่องแสดงคุณานุคุณนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงบรรยายให้ข้าราชการในพระราชสำนัก ทหารบก ทหารเรือ และข้าราชการหัวเมือง ผู้ที่ได้มาประจำรักษาหน้าที่อยู่ ณ ค่ายหลวง หาดเจ้าสำราญ ที่จังหวัดเพชรบุรี เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2461 ทรงแสดงให้เห็นคุณพระรัตนตรัย คุณบุรพการี คุณพระมหากษัตริย์ และความรักชาติ ได้ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2469