ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,765 รายการ
เมืองดงละครเป็นเมืองโบราณเนื่องในวัฒนธรรมทวารวดี ตั้งอยู่ในตำบลดงละคร อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ เมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๗๘ การทำงานโบราณคดีในเมืองดงละครเริ่มขึ้นในปีพ.ศ. ๒๕๑๕ และ ๒๕๒๙ โดยกองโบราณคดี กรมศิลปากร โดยผลจากการศึกษาพบว่า เมืองดงละครเป็นเมืองที่ขยายตัวจากชุมชนในแผ่นดินออกมาเพื่อสร้างเครือข่ายการค้าทางทะเล มีความสัมพันธ์กับชุมชนอื่นในแถบลุ่มแม่น้ำบางปะกง มีอายุช่วงราวพุทธศตวรรษที่ ๑๕-๑๖ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๓๒-๒๕๓๓ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้รับสั่งให้กรมศิลปากรศึกษา อนุรักษ์ และพัฒนาแหล่งโบราณคดีเมืองโบราณดงละคร เพื่อให้เป็นประโยชน์ในด้านวิชาการและเศรษฐกิจ จึงเกิดโครงการอนุรักษ์เมืองดงละคร โดยฝ่ายวิชาการ กองโบราณคดี กรมศิลปากร มีนักโบราณคดีผู้รับผิดชอบการขุดค้น คือ นายอำพัน กิจงาม และนายอาณัติ บำรุงวงศ์ โดยได้มีการได้มีการสำรวจทางโบราณคดี การขุดแต่งโบราณสถานหมายเลข ๑-๒ และขุดค้นทางโบราณคดี ๘ หลุม แบ่งเป็น หลุมภายในเมือง ๔ หลุม และขุดใกล้กับคูเมืองหรือสระน้ำอีก ๔ หลุม ระหว่างการขุดค้นสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงนำคณะผู้เข้าร่วมสัมมนาวิชาการ เรื่องภาษากับประวัติศาสตร์และความเคลื่อนไหวในวิชาประวัติศาสตร์ไทย จำนวน ๔๐๐ คน ไปทัศนศึกษาที่เมืองโบราณดงละคร ผลการศึกษาทางโบราณคดีครั้งนี้ พบว่าโบราณสถานหมายเลข ๑ เป็นศาสนสถาน เนื่องจากมีการพบเศียรพระพุทธรูปและและแผ่นทองคำ แนวสิ่งก่อสร้างที่พบสันนิษฐานว่าเป็นกำแพงแก้วล้อมรอบ ศาสนสถานขนาด ๓๒x๔๓ เมตร บริเวณกึ่งกลางโบราณสถานพบแท่นอิฐผสมศิลาแลงก่อเป็นรูปสี่เหลี่ยม ยาวด้านละ ๑-๑.๒๐ เมตร คาดว่าเป็นแท่นประดิษฐานรูปเคารพ กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๖ ส่วนโบราณสถานหมายเลข ๒ อยู่ห่างจากโบราณสถานหมายเลข ๑ ไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๑๕ เมตร เป็นกรอบศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสล้อมรอบเนื้อที่ประมาณ ๙ ตารางเมตร ตรงกลางมีการขุดพบแท่งศิลาแลงรูปทรงกระบอกขนาดใหญ่ ภายในบรรจุตุ้มหู แหวน หัวแหวน พื้นที่รอบแท่งศิลาแลงพบลูกปัดหินและลูกปัดแก้วจำนวนมาก สันนิษฐานว่าเป็นการฝังสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือศิลาฤกษ์กลางศาสนสถาน กำหนดอายุโบราณสถานราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๖ หลังจากการศึกษาในปีพ.ศ. ๒๕๓๓ ได้มีการศึกษาทางโบราณคดีอีกหลายครั้ง และได้ข้อมูลที่ช่วยให้ภาพรวมการใช้พื้นที่ของเมืองดงละครเด่นชัดขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลการศึกษาทางโบราณคดีของเมืองดงละคร สามารถติดตามได้จากหนังสือ “เมืองโบราณดงละคร” ของกรมศิลปากร ราคาเล่มละ ๖๕๐ บาท สั่งซื้อได้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์ และสำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา---------------------------------------------------ที่มาข้อมูล : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครนายก พระบรมชนกชลพัฒน์---------------------------------------------------อ้างอิง : ธงชัย สาโค. เมืองโบราณดงละคร. นนทบุรี : ไทภูมิ พับลิชชิ่ง, ๒๕๕๘.
กรมศิลปากร ขอเชิญร่วมโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน การเสวนาทางวิชาการ เรื่อง "มิติใหม่การเล่าเรื่อง (คน) ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในนิทรรศการใหม่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร" ในวันอาทิตย์ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕ เวลา ๐๘.๓๐ – ๑๖.๓๐ น. ณ ห้องประชุมอาคารดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สำรองที่นั่ง โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๓๓, ๐ ๒๒๒๔ ๑๔๐๒ กรมศิลปากร โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จัดกิจกรรม เผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และงานประณีตศิลป์ของไทยจากส่วนจัดแสดงนิทรรศการไปยังกลุ่มเป้าหมาย ผ่านช่องทางการเสวนาทางวิชาการและระบบออนไลน์ ตลอดจนการแลกเปลี่ยนมุมมองความคิดเห็นของนักวิชาการ ประชาชนและผู้สนใจเพื่อการปรับปรุงพัฒนาในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักรัก หวงแหน อนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติอีกทางหนึ่งด้วย การเสวนาทางวิชาการ เรื่อง "มิติใหม่การเล่าเรื่อง (คน) ยุคก่อนประวัติศาสตร์ในนิทรรศการใหม่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร" ประกอบด้วย การบรรยายพิเศษ เรื่อง บทบาทแหล่งการเรียนรู้จากอดีตถึง ปัจจุบัน : การจัดแสดงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยนายสมชาย ณ นครพนม ผู้ทรงคุณวุฒิ กรมศิลปากร การเสวนาทางวิชาการ เรื่อง มุมมอง ข้อคิด และการเล่าเรื่องนิทรรศการใหม่ “คนแรกเริ่มยุคก่อนประวัติศาสตร์” การบรรยายนําชมนิทรรศการใหม่ ห้องก่อนประวัติศาสตร์ในประเทศไทย อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และการเสวนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง ความทันสมัยของคนโบราณ (ที่ไม่โบราณ) ในวัฒนธรรมก่อนประวัติศาสตร์ โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และภัณฑารักษ์ กรมศิลปากร ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน สำรองที่นั่งและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายวิชาการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๓๓, ๐ ๒๒๒๔ ๑๔๐๒ (วันพุธ - อาทิตย์ เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น.)
วันพุธที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๙ น. นายดุสิต ทุมมากรณ์ ผู้อำนวยการกลุ่มโบราณคดี นายสรรเพชญ จำปาเทศ ผู้อำนวยการกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน นางกชพร รัตนภักดี หัวหน้าฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำนักศิลปากรที่ ๘ ขอนแก่น พร้อมคณะ เข้าร่วมพิธีบวงสรวงก่อนดำเนินการบูรณะและปรับปรุงภูมิทัศน์โบราณสถานวัดธาตุเมืองพิณ ณ วัดธาตุเมืองพิณ บ้านโนนธาตุ ตำบลฝั่งแดง อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมี เจ้าอาวาสวัดธาตุเมืองพิณ วัฒนธรรมจังหวัดหนองบัวลำภู ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านบ้านโนนธาตุ เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว
นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ เรื่อง ๙๐ วัสสา ผืนป่าห่มหล้า ผืนผ้าห่มเมือง องก์ที่ ๑ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของพลเอกพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ ขณะดำรงพระยศเป็นพันเอกหม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร กับหม่อมหลวงบัว กิติยากร มีพระนามเดิมว่า หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ซึ่งพระนาม “สิริกิติ์” พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาพระราชทาน มีความหมายว่า “ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร” ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันศุกร์ ที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๗๕ ณ บ้านพลเอกเจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) ผู้เป็นบิดาของหม่อมหลวงบัว พระองค์ทรงตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการด้วยความมุมานะ ตรากตรำพระวรกายเคียงคู่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อบรรเทาทุกข์ บำรุงสุขแก่อาณาประชาราษฎร์ ด้วยมีพระราชประสงค์รับทราบปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรทุกภูมิภาคทั่วประเทศ และพระราชทานพระราชดำริให้จัดทำโครงการพัฒนาที่หลากหลาย ให้ราษฎรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นภายใต้สิ่งแวดล้อมที่สมบูรณ์และยั่งยืน ดังพระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ “...ข้าพเจ้าไปภาคเหนือคราวที่แล้ว ก็ไปจัดตั้งโครงการหมู่บ้านบ้านเล็กในป่าใหญ่ เพราะได้ไปเห็นว่าชาวไทยภูเขาตามพื้นที่ชายแดนต่าง ๆ โดยมากมักจะไม่มีที่ทำกินหรือว่าไม่มีบ้านพักก็เตร็ดเตร่ไปเรื่อย ๆ ...แล้วก็รับชาวเขาเผ่าต่าง ๆ ที่จะมาอยู่ในบ้านนั้น แล้วเราก็จะสอนทุกอย่าง วิธีดำเนินชีวิตของเขา ให้เขาเป็นสมาชิกศิลปาชีพ แล้วในที่สุดก็ให้เขาเป็นผู้ดูแลป่าไม้ด้วย ให้เป็นหูเป็นตา และการตั้งหมู่บ้านนี้บางครั้งก็โชคดี หมู่บ้านชาวเขานั่นน่ะกลายเป็นหูเป็นตาในการขัดขวางเส้นทางของการค้ายาเสพติดด้วย คือเขาก็เป็นหูเป็นตาให้...”ผู้เรียบเรียง : นางเกษราภรณ์ กุณรักษ์ นักจดหมายเหตุชำนาญการภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชอ้างอิง :๑. สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ. ๒๕๖๐. ๘๔ พรรษา ราชินีศรีแผ่นดิน. กรุงเทพฯ: กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล.๒. คณะอนุกรรมการจัดทำหนังสือไม้ดอกและไม้ประดับเฉลิมพระเกียรติ. ๒๕๓๖. ไม้ดอกและไม้ประดับ. กรุงเทพฯ: ด่านสุทธาการพิมพ์.๓. กระทรวงศึกษาธิการ. ๒๕๖๑. จดหมายเหตุงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙. กรุงเทพฯ : ศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์.๔. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี. ๒๕๔๘. ประมวลพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่พระราชทานในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.๕. กรมการศาสนา. ๒๕๕๗. พระราโชวาทและพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.๖. กรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงวัฒนธรรม, และ สภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์. ๒๕๕๐. ถักร้อยดวงใจมหกรรมทอผ้าไทย เทิดไท้พระบรมราชินีนาถ. กรุงเทพมหานคร: ศรีสยามการพิมพ์. ๗. สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน). ม.ป.ป. ผลิตภัณฑ์ศิลปาชีพ (Online). https://www.sacict.or.th/th/listitem/10223 , สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๔.๘. อรุณวรรณ ตั้งจันทร, เกษร ธิตะจารี, และ นิรัช สุดสังข์. ๒๕๕๖. “การพัฒนาผลิตภัณฑ์เคหะสิ่งทอจากผ้าปักชาวเขาเผ่าม้ง จังหวัดเพชรบูรณ์.” วารสารวิชาการ ศิลปะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ๔ (๒): ๕๕-๖๗. ๙. กระทรวงวัฒนธรรม. ๒๕๕๘. อัคราภิรักษศิลปิน. กรุงเทพมหานคร: มปท.๑๐. นิตยสารศิลปวัฒนธรรม. ๒๕๖๔. ครูช่างทอ ผู้ได้ชื่อว่า “๔ ทหารเสือราชินี” แห่งวงการผ้าไหมไทย (Online). https://www.silpa-mag.com/culture/article_67780 , สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๔.๑๑. กรมการพัฒนาชุมชน. ม.ป.ป. สืบสานอนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทยดำรงไว้ในแผ่นดิน. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม(สงฺคิณี-มหาปฏฐาน)
สพ.บ. อย.บ.52/4ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 28 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา บทสวด พระวินัย คำสอน
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ล่องชาด ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
กรมศิลปากร โดยสำนักหอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญผู้สนใจร่วมกิจกรรมส่งคลิปสั้นเข้าประกวดในหัวข้อ “ร.ศ.๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงานศิลป์” ชิงเงินรางวัลรวมกว่า ๑๐,๐๐๐ บาท โดยส่งเป็นคลิปวิดีโอ ความยาวไม่ต่ำกว่า ๑ นาที และไม่เกิน ๓ นาที ดาวน์โหลดใบสมัครและรายละเอียดหลักเกณฑ์การประกวดได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ National Library of Thailand กำหนดส่งผลงานได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๖
กรมศิลปากรได้จัดนิทรรศการ “ร.ศ.๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงานศิลป์” ชมความงดงามของศิลปะลายรดน้ำจากตู้พระธรรมสมัยรัตนโกสินทร์ ณ อาคารถาวรวัตถุ ถนนหน้าพระธาตุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ เวลา ๐๙.๐๐ น. – ๑๖.๐๐ น. และจัดกิจกรรมเชิญชวนผู้สนใจร่วมส่งคลิปสั้นเข้าประกวด โดยมีเนื้อหาตามหัวข้อที่กำหนดเกี่ยวกับตู้พระธรรมสมัยรัตนโกสินทร์ และต้องมีภาพของตู้ลายทองที่จัดแสดงภายในห้องนิทรรศการเป็นส่วนหนึ่งของผลงาน เนื้อหาของผลงานอาจมีภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวและอื่นๆ ประกอบได้เพื่อความสมบูรณ์ของเนื้อหา ไม่จำกัดรูปแบบ วิธีการ และเทคนิคในการนำเสนอ ความละเอียดของไฟล์ผลงานจะต้องไม่ต่ำกว่า ๗๒๐ pixel (๑๒๘๐ x ๗๒๐) ประเภทไฟล์ mp4 ผลงานที่ส่งเข้าประกวดต้องไม่เคยผ่านการนำไปเผยแพร่จากที่ใดมาก่อนและไม่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ผู้จัดประกวดจะพิจารณาผลงานที่ส่งประกวดทุกชิ้น เมื่อผลงานนั้นถูกต้องตามกติกาจะได้รับการเผยแพร่ในเฟซบุ๊กแฟนเพจของสำนักหอสมุดแห่งชาติ “National
Library of Thailand”
ส่งผลงานพร้อมใบสมัครทางไปรษณีย์โดยบันทึกคลิปใส่ HDD หรือ CD ส่งมาที่ สำนักหอสมุดแห่งชาติ ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทมหานคร ๑๐๓๐๐ ระบุที่ซอง “ส่งผลงานโครงการ ร.ศ. ๒๔๒ ชมตู้ลายทองสืบสานงาน ศิลป์” หรืออัพโหลดคลิปบนเว็บไซต์รับฝากไฟล์เช่น google drive, dropbox เป็นต้น จากนั้นกรอกข้อมูลการสมัครและแนบลิงก์ผลงานใน Google form กำหนดส่งผลงานได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๖ ประกาศผลการประกวดในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดหลักเกณฑ์การประกวดและดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ลิงก์ shorturl.at/kvDSW หรือเฟซบุ๊กแฟนเพจ National Library of Thailand ของสำนักหอสมุดแห่งชาติ สอบถามเพิ่มเติม นางสาวงามเพ็ญ ยาวงษ์ บรรณารักษ์ชำนาญการ สำนักหอสมุดแห่งชาติ โทร. ๐๖ ๒๖๔๕ ๔๙๕๙
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 155/2 เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)
มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนีเผด็จ) ชบ.บ 181/16เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชุมชนบ้านฮ่อ ชุมชนชาวจีนยูนนานที่นับถือศาสนาอิสลามดั้งเดิมของเมืองเชียงใหม่ มากมายด้วยเรื่องราวครั้งอดีต ที่ยังคงอัตลักษณ์มาถึงปัจจุบัน ตามถนน ตรอกซอกซอยประกอบไปด้วยอาคารบ้านเรือน ศาสนสถาน และกาดนัดจีนยูนนาน หรือกาดบ้านฮ่อ ที่ยังคงบอกเล่าเรื่องราวครั้งอดีต ผ่านวัฒนธรรมประเพณี อาหารการกิน รวมทั้งสีสันของชุมชน ถ่ายทอดให้คนภายนอกได้เข้ามาสัมผัสอย่างใกล้ชิด เข้าสู่ศูนย์กลางชุมชนครั้งอดีต ณ บ้านขุนชวงเลียง (เจิ้งชงหลิ่ง) หรือบ้านลือเกียรติ คือสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวยูนนาน ครั้งมีชาวมุสลิมเพิ่มขึ้นจึงมีการสร้างมัสยิดขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. ๒๔๕๘ ซึ่งเป็นอาคารมัสยิดหลังแรกของชาวยูนนาน ณ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นที่รู้จักในนาม มัสยิดเฮดายาตูลอิสลามบ้านฮ่อ และมีการรื้อถอนอาคารหลังเดิมและก่อสร้างอาคารใหม่ (หลังปัจจุบัน) เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๙ จากจุดเริ่มต้นของชาวมุสลิมที่มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ณ บ้านไม้ของขุนชวงเลียง ชักชวนกันตั้งร้านค้าตลาดชุมชนเล็ก ๆ บอกเล่าปากต่อปาก จนกลายเป็นศูนย์รวมของผู้คนทั้งภายในและภายนอกชุมชน พ่อค้าแม่ค้าต่างนำสินค้าที่ดูแปลกตา พืชผักผลไม้จากพื้นที่สูง วัตถุดิบการปรุงอาหารหลากหลายชนิด อาหารการกินที่ชวนให้ได้ลิ้มลอง อาทิ ข้าวแรมฟืน ข้าวโพดทอดสูตรยูนนาน ข้าวหมกหลากหลายสีสัน ฯลฯ ปัจจุบันกาดบ้านฮ่อได้กลายเป็นอัตลักษณ์ของชุมชนชาวมุสลิมจีนยูนนานที่อยู่คู่เมืองเชียงใหม่มายาวนานกว่า ๓ ทศวรรษ ผู้เรียบเรียง : นายวีระยุทธ ไตรสูงเนิน นักจดหมายเหตุชำนาญการ ภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ #กาดบ้านฮ่อ #เชียงใหม่อ้างอิงคณะทำงานฝ่ายรวบรวมประวัติและพัฒนาการของศาสนาในเชียงใหม่. ๒๕๓๙. มรดกศาสนาในเชียงใหม่. เชียงใหม่ : นพบุรีการพิมพ์.
ยักษ์ยักษ์ ภาษาสันสกฤตว่า ยกฺษ (yakṣa) ภาษาบาลี คือ ยกฺข(yakkha) จัดเป็นอมนุษย์กึ่งเทพพวกหนึ่ง มีกล่าวถึงทั้งในทางศาสนาและวรรณคดี ปรากฏในคัมภีร์ศาสนาพุทธ พราหมณ์ และศาสนาเชน มีฐานะเป็นเทพบริวารผู้พิทักษ์รักษาศาสนาและศาสนสถาน เพศชายเรียกว่า ยักษะ(yakṣa) เพศหญิงเรียกว่า ยักษี (yakṣī) หรือ ยักษิณี (yakṣiṇī) บางทีใช้ปะปนกับคําว่า อสูร (asūra)กุมภัณฑ์ (kumbhaṇḍa) คุหยัก (guhyaka) แทตย์ (daityas) หรือทานพ (Danavas) รากษส (rākṣasas) และมาร (māra) ก็มียักษ์แปลตามศัพท์หมายถึง บุคคลที่ควรบูชา ผู้ที่มีคนเซ่นสรวง สัตว์ผู้รับของเซ่นไหว้ ตามความเชื่อดั้งเดิมในประเทศอินเดีย ยักษ์เป็นจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ จัดเป็นเทวดาพวกหนึ่ง อาศัยอยู่ในป่าและภูเขา มักใจดีมีเมตตา กรุณา แต่บางครั้งก็ซุกซน เอาแต่ใจ เป็นผู้มีราคะจริตมาก มีความสามารถเชิงมายากล และแปลงร่างได้ มีความเกี่ยวข้องกับน้ำ ความอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ ป่า ดิน ภูเขา และทรัพย์สมบัติ อีกลักษณะหนึ่ง จัดเป็นพวกดุร้าย มีจิตริษยา อาฆาต เบียดเบียนมนุษย์ เป็นภูติ ผี ปีศาจ วิญญาณร้ายที่หลอกหลอนอยู่ตามท้องถิ่นทุรกันดาร ทางสัญจร จับมนุษย์และสัตว์กิน คล้ายกับรากษสยักษ์มักได้รับการสักการบูชาในฐานะเทพผู้ปกครองเมือง เขต แขวง ทะเลสาบ หรือบ่อน้ำ ร่วมกับความนิยมนับถือนาค และพระแม่ธรณี อาจมีต้นกำเนิดมาจากชนพื้นเมืองดั้งเดิมของอินเดีย มีการบูชายักษ์อยู่ร่วมในการสังเวยของนักบวชในยุคเวทต่อมายักษ์จึงถูกมองว่าเป็นเทพผู้พิทักษ์โลก เป็นผู้อารักขาทรัพย์ (แร่ธาตุและอัญมณี) ที่ซ่อนอยู่ในดินYakshaYaksha or ‘Yakṣa’ in Sanskrit language and ‘Yakkha’ in Pali language is a semi-deity mentioned in both religion and literature. According to Buddhist, Hindu, and Jain scriptures, yaksha is the attendant of gods, and the guardian of religion and religious sites. A male yaksha is called ‘Yaksha’, a female one is called ‘Yakshi’ or ‘Yakshini’. Sometimes Yaksha is referred to in combination with the words ‘Asura’, ‘Kumbhanda’, ‘Guhyaka’, ‘Daitya’, or ‘Danava’, ‘Rakshasa’ and ‘Mara’.Yaksha literally means a person who deserves an act of worship, one whom people give offerings to, and a being who that receives offerings. According to traditional belief in India, yakshas are the nature-spirits and classified as one of the deities. They live in forests and mountains.They are often benevolent, but sometimes mischievous, capricious, and very sensual. Also, they have magical abilities and can transform themselves into different appearance. They are associated with water, fertility, trees, forests, soil, mountains, and wealth. From another point of view, they are fierce, envious, and malicious. They persecute humans and appear as ghosts, demons, and evil spirits that haunt rural areas, roads and capture humans and animals to eat in a similar manner to rakshasas.Yakshas are often given homage as guardian deities of a city, district, lake or well like Nagas and Earth goddess. This may have its roots in the indigenous peoples of India. Yaksha worship coexisted with the sacrifices of priests in the Vedic era. Later, yakshas are regarded as the guardian deities of the world and the custodians of treasures (minerals and gems) that are hidden in the earthภาพ: ประติมากรรมยักษ์เมืองปาร์ขัม (Parkham)ศิลปะอินเดียสมัยโบราณราชวงศ์ศุงคะ (พ.ศ. ๒๕๐ - ๓๕๐)มีขนาดใหญ่หนาหนัก แข็งกระด้าง จัดเป็นประติมากรรมศิลารุ่นแรกของอินเดียปัจจุบันเก็บรักษาที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติมถุรา รัฐอุตรประเทศ อินเดียข้อมูล: สมุดภาพมรดกศิลปวัฒนธรรม เรื่อง ภูมิบริรักษ์ : ครุฑ ยักษ์ นาค
เลขทะเบียน : นพ.บ.419/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 38 หน้า ; 4 x 54 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 149 (86-89) ผูก 4 (2566)หัวเรื่อง : สังฮอมธาตุ--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม