ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ
เว็ปไซต์หอสมุดแห่งชาติ ชลบุรี: www.finearts.go.th/chonburilibrary
หอสมุดแห่งชาติชลบุรี เป็นหอสมุดแห่งชาติสาขาภาคตะวันออกสาขาหนึ่งที่ตั้งอยู่บนถนนวชิรปราการ ตำบลบางปลาสร้อย ถนนวชิรปราการ ตำบลบางปลาสร้อย อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี มีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 3 งาน 84 วา ตัวอาคาร เป็นอาคารชั้นเดียวต่อเนื่องกัน 2 หลัง ซึ่งได้รับมอบจากที่ดินจังหวัดชลบุรีเมื่อ พ.ศ. 2522 อาคารด้านหน้าเป็นอาคารโบราณสถาน ( ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2463 ) ลักษณะอาคารเป็นแบบตะวันตกมีหลังคาเป็นทรงปั้นหยามุง ด้วยกระเบื้องว่าว (ปรับปรุงเมื่อ พ.ศ. 2544 ) ส่วนอาคารด้านหลังเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวสร้างเชื่อมต่อกับอาคารด้านหน้า (ได้ปรับปรุงและรื้อถอนสร้างใหม่เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 2 ชั้น เมื่อปี พ.ศ.2548 และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2549 )
ปัจจุบันปี หอสมุดแห่งชาติชลบุรีได้เปิดดำเนินการให้บริการนักเรียน นักศึกษาและประชาชนทั่วไปตามปกติ ตั้งแต่วันอังคาร –วันเสาร์ เวลา 9.00 –17.00 น. หยุดวันอาทิตย์- วันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์แต่เดิม(ปี พ.ศ. 2526 เป็นต้นมา) หอสมุดแห่งชาติชลบุรี มีสายการบังคับชาขึ้นตรงต่อผู้อำนวยการสำนักหอสมุดแห่งชาติ ปัจจุบันหอสมุดแห่งชาติชลบุรี สังกัดสำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2549 เป็นต้นมา มีหัวหน้าหอสมุดแห่งชาติชลบุรี (เทียบเท่าหัวหน้าฝ่าย) เป็นผู้บริหารงานโดยรับนโยบายและคำสั่งการปฏิบัติงานจากผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี สังกัดกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
ศูนย์ข้อมูลข่าวสารกรมศิลปากร
ลำดับ
ชื่อเรื่อง
เล่มที่
ตอนที่
วันที่ประกาศ
หน้า
๑
พระราชบัญญัติว่าด้วยการส่งโบราณและศิลปวัตถุออกนอกประเทศ พุทธศักราช ๒๔๖๙
๔๓
๐ ก
๓๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๖๙
๕๔๐
๒
พระราชบัญญัติคุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม พุทธศักราช ๒๔๗๔
๔๘
๐ ก
๒๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๗๔
๑๒๗
๓
พระราชบัญญัติว่าด้วยโบราณสถาน ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุและการพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พุทธศักราช ๒๔๗๗
๕๒
๐ ก
๑๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๗๘
๓๙๔
๔
พระราชบัญญัติว่าด้วยโบราณสถาน ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ และการพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พุทธศักราช ๒๔๘๖
๖๐
๕๔ ก
๑๒ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๘๖
๑๔๘๘
๕
พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔
๗๘
๖๖ ก
๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๐๔
๙๘๐
๖
พระราชบัญญัติโอนอำนาจหน้าที่และกิจการบริหารบางส่วนของกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ และของกรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ ไปเป็นของกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ พ.ศ. ๒๕๓๕
๑๐๙
๑๖ ก
๔ มีนาคม พ.ศ.๒๕๓๕
๓
๗
พระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕
๑๐๙
๓๘ ก
๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๓๕
๑๒
๘
พระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๕๐
๑๒๔
๙๓ ก
๑๘ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๐
๑
"น้อมรำลึกถึงสมเด็จย่า ณ นิวาสสถานเดิม"
เนื่องในโอกาสวันพระราชสมภพ ครบรอบ 115 ปี
กิจกรรมจัดวันพุธที่ 21 ตุลาคม 2558
ณ อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี(ซอยสมเด็จเจ้าพระยา3 เขตคลองสาน กทม)
ตั้งแต่ 7.00น. - 19.00น.
รายการ
- พิธีเปิด "เพชรจรัสแสง"
- โจหลุยส์ โขน 2 วัย
- ดาวในไพจิตร วง BSO
- วาดทรายเล่าเรื่อง โดย อ.ก้องเกียรติ (Thailand got's talent)
และอื่นๆอีกมากมาย
รายละเอียดเพิมเติมwww.theprincessmothermemorialpark.org
เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี วันที่ ๒ เมษายน ของทุกปี รัฐบาลได้ประกาศให้เป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย และในปีพ.ศ.๒๕๕๘ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงพระเจริญพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา (๕ รอบ) ในการนี้เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติและเผยแพร่พระราชกรณียกิจ ในการทรงงานและให้การสนับสนุน ด้านการอนุรักษ์มรดกทางศิลปวัฒนธรรมของชาติ โดยเฉพาะในด้านกิจการพิพิธภัณฑ์ และการอนุรักษ์และรักษาโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ แหล่งโบราณสถาน แหล่งโบราณคดี ของชาติ ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาชน เยาวชนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง อีกทั้งยังเพื่อเป็นการส่งเสริมและสร้างจิตสำนึกให้ประชาชน เยาวชน เล็งเห็นถึงคุณค่า ความสำคัญ ของโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ แหล่งโบราณสถาน และแหล่งโบราณคดีที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตนเอง
สำนักศิลปากรที่ ๙ ขอนแก่น โดยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น จึงได้จัดทำนิทรรศการพิเศษเรื่อง ตามรอยพระบาทสยามบรมราชกุมารีกับงานโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ไทย ขึ้น โดยนิทรรศการดังกล่าวจัดเป็นนิทรรศการพิเศษที่สามารถนำไปจัดหมุนเวียนตามสถานที่สำคัญในจังหวัดขอนแก่น
วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๑ นางประนอม คลังทอง รองอธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการวันอนุรักษ์มรดกไทย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ณ เมืองโบราณเวียงท่ากาน ตำบลบ้านกลาง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายสุพจน์ พรหมมาโนช ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ กล่าวรายงานและให้การต้อนรับ
มีลักษณะเป็นก้อนหินทราย ๒ ก้อน วางซ้อนกันอยู่ หินก้อนล่างตั้งตรงเป็นแกนรองรับหิน ก้อนบนที่วางตัวตามแนวยาว ทำให้เกิดเพิงหินยื่นออกมา หินก้อนล่างมีการสกัดเป็นห้องขนาดเล็ก ผนังเหนือห้องมีภาพเขียนสีสมัยก่อนประวัติศาสตร์เป็นลายเส้นคู่ขนานตามแนวนอน ๖ เส้น บริเวณโดยรอบกู่นางอุสา มีการติดตั้งใบเสมาอยู่ทั้ง ๘ ทิศ ในกรอบรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใบเสมามีขนาดค่อยข้างใหญ่ ไม่ตกแต่งลวดลายด้านบนโค้งแหลมคล้ายกลีบบัว
วัสดุ หินทราย
อายุสมัย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 (ประมาณ 800 ปีมาแล้ว)
ตัวอักษร อักษรขอมโบราณ ภาษาสันสกฤต
สถานที่พบ พบจากการขุดแต่งบรรณาลัยด้านทิศตะวันตก กู่คันธนาม อำเภอโพนทราย จังหวัดร้อยเอ็ดเมื่อ ปี 2545
จารึกของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา สาระสำคัญเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ในด้านการก่อสร้างโรงพยาบาลหรืออโรคยศาลทั่วพระราชอาณาจักรขอม 102 แห่ง ข้อความคล้ายกับจารึกที่ พบในอโรคยาศาลแห่งอื่นๆ สามารถสรุปได้ดังนี้
ด้านที่ 1 จารึกข้อความกล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้ายอพระเกียรติและพระปณิธานในพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
ด้านที่ 2 มีข้อความต่างกันเล็กน้อยในแต่ละหลักโดยกล่าวถึงการแต่งตั้งผู้ทำหน้าที่ในอโรคยศาล
ด้านที่ 3 กล่าวถึงเครื่องบูชาและปริมาณสิ่งของที่มอบให้กับอโรคยศาลแต่ละแห่ง
ด้านที่ 4 กล่าวถึงผู้ประกอบยัญกิจและโหราจารย์ รายการเครื่องอุปโภคบริโภคที่มอบแก่ผู้ประกอบยัญกิจและโหราจารย์ในรอบปี ซึ่งอโรคยศาลแต่ละแห่งได้รับไม่เท่ากัน นอกจากนี้ยังกล่าวถึง พระราชกุศลและพระปณิธานของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ในการสถาปนาอโรคยศาล
โครงการสำรวจขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุในครอบครองของวัดและเอกชน ประจำปี ๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๑,๑๒,๑๓,๒๑ และ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ที่อำเภอศีขรภูมิและอำเภอสนม จังหวัดสุรินทร์ จำนวน ๓๐ วัด ได้ทำทะเบียนโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ จำนวน ๕๒ รายการ
ชื่อวัตถุ ลูกปัดหินแหล่งโบราณคดีนางย่อน
ทะเบียน ๒๗/๒๔/๒๕๕๕
อายุสมัย สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์
วัสดุ(ชนิด) หินคาร์เนเลียน
แหล่งที่พบ พังงา อำเภอคุระบุรี, นางย่อน, Pit๒, ๙๐-๑๐๐cm.Dt. สำนักศิลปากรที่ ๑๕ภูเก็ต มอบให้เมื่อวันที่ ๑๐พ.ย. ๕๔
สถานที่เก็บรักษา พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง
“ลูกปัดหินาร์เนเลียนและอาเกต”
ลูกปัดหินกึ่งรัตนชาติ คือ หินคาร์เนเลียน และหินอาเกต ลูกปัดหินมีลักษณะต่างๆ กัน อาทิ ทรงกลม ทรงกลมแบน ทรงเหลี่ยม และลูกปัดทรงกระบอกฝังเส้นสี เป็นต้น
หินคาร์เนเลียนและหินอาเกตถือเป็นหินกึ่งรัตนชาติ ซึ่งนิยมนำมาทำเป็นเครื่องประดับ หินทั้งสองชนิดมีแหล่งวัตถุดิบอยู่ในบริเวณแคว้นเดคข่านทางตะวันตกของอินเดียอยู่ที่หมู่บ้านลิโมทราใกล้เมืองรัตนปุระ ทำให้ในบริเวณใกล้เคียงกันนั้นมีแหล่งผลิตเครื่องประดับหินกึ่งรัตนชาติเกิดขึ้นหลายแหล่ง เช่น อุชเชนวิทิศา นาสิก และเตอร์ เป็นต้นหินคาร์เนเลียนของอินเดียถือเป็นหินที่มีคุณภาพดีมีสีสันสดใสเนื่องจากเกิดในชั้นทับถมของดินที่มีแร่เหล็กในปริมาณสูง และเมื่อความนิยมเครื่องประดับหินคาร์เนเลียนมีมากขึ้นอาจจะทำให้หินคาร์เนเลียนคุณภาพดีที่มีอยู่ตามธรรมชาติมีไม่มากพอ ช่างชาวอินเดียจึงได้คิดค้นวิธีการหุงหินโดยการใช้ความร้อนทำให้หินมีสีส้มสดใสมากขึ้น วิธีการดังกล่าวยังใช้สืบต่อมาจนกระทั่งปัจจุบัน
ลูกปัดหินเหล่านี้พบจากการขุดค้นที่แหล่งโบราณคดีนางย่อน (ควนบางโร)จังหวัดพังงา จากการขุดค้นทางโบราณในปี พ.ศ.๒๕๕๑โดยสำนักศิลปากรที่ ๑๕ ภูเก็ต ซึ่งสันนิษฐานว่าแหล่งโบราณคดีเขานางย่อนน่าจะมีการอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์หรือในราวพุทธศตวรรษที่ ๕ ซึ่งพบการอยู่อาศัยไม่หนาแน่นมากนัก และพบว่ามีการใช้พื้นที่อย่างต่อเนื่องจนถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๔ ซึ่งเป็นช่วงที่มีอยู่อาศัยหนาแน่น
ในพื้นที่ภาคใต้ได้พบเครื่องประดับที่ทำจากหินคาร์เนเลียนและอาเกต อาทิ ในฝั่งอันดามันที่กลุ่มแหล่งโบราณคดีภูเขาทอง จังหวัดระนอง แหล่งโบราณคดีคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ฝั่งอ่าวไทยที่แหล่งโบราณคดีเขาสามแก้ว จังหวัดชุมพร และแหล่งโบราณคดีท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ลูกปัดหินคาร์เนเลียนและอาเกตจึงถือเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการติดต่อค้าขายในอดีตระหว่างอินเดียและเมืองท่าโบราณในภาคใต้ซึ่งปรากฏเด่นชัดในช่วงสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์หรือในราวพุทธศตวรรษที่ ๕
เอกสารอ้างอิง
- ธราพงศ์ ศรีสุชาติ. “ลูกปัดต่างชาติในแหล่งโบราณคดีไทย,” ศิลปากร ๓๓,๑ (มีนาคม - เมษายน ๒๕๓๒):, ๑๔-๑๕.
- ผาสุขอินทราวุธ. สุวรรณภูมิจากหลักฐานทางโบราณคดี, กรุงเทพฯ: ศักดิ์โสภาการพิมพ์, ๒๕๔๘.