ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ
องค์ความรู้คู่พิพิธภัณฑ์ ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ร้อยเอ็ด เรื่อง "ปราสาทเขมรในจังหวัดร้อยเอ็ดและโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้อง" ตอน : โบราณสถานดอนขุมเงิน (ปราสาทหินบ้านหนองคูน) เรียบเรียงโดย : นางสาวอโนชา ทับทิม ภัณฑารักษ์ชำนาญการ
โลหะผสม
สูง ๕๑ เซนติเมตร
ซินโยเสตโย กงสุลสยามที่เมืองฟลอเรนซ์ ถวายสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เมื่อคราวเสด็จไปยุโรป พ.ศ. ๒๔๗๓ สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ประทาน
ปัจจุบันจัดแสดงใน พระที่นั่งวสันตพิมาน (ชั้นบน)
ชวาลา เครื่องตามประทีบแบบโบราณลักษณะคล้ายตะเกียง แต่ชวาลามีลักษณะต่างไปจากตะเกียง คือ ชวาลาทำฐานอย่างจานรอง และต่อตีนสูงขึ้นไปรับดวงตะเกียงยาวมาก มีพวยสำหรับสอดไส้ใช้จุดตามไฟมากหลายพวยด้วยกัน
ชวาลา ๓ ไส้ ทำด้วยโลหะ ใช้งานโดยตั้งพื้นหรือแขวน มีหม้อก้นมนสำหรับใส่น้ำมัน และมีพวยสำหรับสอดไส้ติด ๓ พวย ชวาลาลักษณะนี้ นิยมใช้กันในกรุงเทพฯ สืบต่อกันจนถึงสมัยใช้น้ำมันก๊าด เดิมเชื่อกันว่าเป็นชวาลามาจากจีน แต่เมื่อสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จไปยุโรป พ.ศ. ๒๔๗๓ ทรงพบชวาลาแบบนี้ที่ประเทศอิตาลีว่า เป็นแบบของตะวันตก ตั้งแต่สมัยโรมัน และยังมีตัวอย่างปรากฏอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์จำนวนมาก
ชื่อเรื่อง อสีติมหาสาวกนิพฺพาน (พระอสีติมหาสาวกนิพพาน)
สพ.บ. 265/3ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 62 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง พุทธสาวก--ชีวประวัติ สงฆ์--ชีวประวัติ
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดทุ่งอุทุมพร ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
หมอเจ้าฟ้า (ตอนที่ ๒)เมื่อสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ทรงสำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรและวิชาสาธารณสุขศาสตร์แล้ว ทรงตั้งพระทัยที่จะนำความรู้มาใช้ประโยชน์ด้วยการเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาล การวิจัยเรื่องเชื้อโรค การสำรวจความเป็นอยู่ของประชาชนในแง่สุขาภิบาล ซึ่งทรงปฏิบัติให้สอดคล้องกับงานพัฒนากิจการแพทย์สยามของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ผู้บัญชาการโรงเรียนแพทยาลัย ทั้งยังทรงช่วยจัดการเรื่องการศึกษาวิชาแพทย์ให้เจริญขึ้น การยกฐานะพื้นความรู้ของนักเรียนแพทย์จากชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ขึ้นเป็นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๘ และทรงสอนนักเรียนแพทย์ด้วยพระองค์เองในวิชากายวิภาคศาสตร์เปรียบเทียบ (Comparative Vertebrate Anatomy)อย่างไรก็ตาม ด้วยฐานันดรศักดิ์ของพระองค์ทำให้เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงานทางการแพทย์ เนื่องจากประเพณีปฏิบัติบางประการของราชสำนัก จึงแจ้งพระประสงค์ที่จะเสด็จไปทำงานในหน้าที่แพทย์ประจำโรงพยาบาลแมคคอร์มิค จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อได้รับพระบรมราชานุญาตแล้ว นายแพทย์เอ็ดวิน ซี.คอร์ท ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ตอบรับด้วยความยินดี วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๒ เสด็จไปทรงงานเป็นแพทย์ประจำโรงพยาบาลแมคคอร์มิค ทรงปฏิบัติหน้าที่แพทย์อย่างเต็มพระกำลัง พระจริยวัตรที่ทรงปฏิบัติกับคนไข้ โดยทรงแสดงออกถึงความเอาพระทัยใส่ ดูแลและให้ความเห็นใจในความทุกข์ร้อนของผู้ป่วยและญาติ ทำให้ทรงเป็นที่ประทับใจของชาวเชียงใหม่ในสมัยนั้น และเรียกพระองค์ว่า “หมอเจ้าฟ้า”วันที่ ๑๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๒ เสด็จกลับกรุงเทพมหานคร ในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงษาภิมุข เจ้าฟ้ากรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช ทรงประชวรด้วยโรคฝีเป็นพิษและโรคพระวักกะ (ไต) พิการ และสิ้นพระชนม์ ในวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๗๒ด้วยทรงปฏิบัติพระภารกิจในการวางรากฐานและสร้างคุณูปการแก่วงการแพทย์ให้เจริญก้าวหน้า บุคลากรทางการแพทย์จึงถวายพระสมัญญาว่า “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย” นอกจากนี้ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ร่วมใจกันสร้างพระราชานุสาวรีย์ขึ้น ณ โรงพยาบาลศิริราช โดยมอบให้กรมศิลปากรเป็นผู้ดำเนินการสร้าง ศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี เป็นผู้ควบคุม เพื่อน้อมเกล้าถวายและเฉลิมพระเกียรติคุณ ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินในพิธีเปิดพระราชานุสาวรีย์ เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๓ และในวันที่ ๒๔ กันยายน ปีเดียวกันนี้ นักศึกษาแพทย์ได้ริเริ่มจัดงานเนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ โดยมีพิธีวางพวงมาลา ถวายบังคมพระรูป อ่านคำสดุดีพระเกียรติ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ คณะแพทยศาสตร์พร้อมด้วยศิริราชพยาบาล ได้มีความเห็นว่าควรยึดถือวันที่ ๒๔ กันยายนของทุกปี เป็นวันที่น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่มีต่อการแพทย์และสาธารณสุขไทย โดยใช้ชื่อว่า “วันมหิดล” ซึ่งงานวันมหิดลได้จัดขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๙ โดยจัดพิธีสงฆ์ ทำบุญตักบาตร ถวายภัตตาหารเช้า และการนำพวงมาลาสักการะพระราชานุสาวรีย์ผู้เรียบเรียง : นางเกษราภรณ์ กุณรักษ์ นักจดหมายเหตุ ชำนาญการภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่อ้างอิง : ๑. รุ่งทิพย์ สุวรรณอภิชน. ๒๕๕๙. เจ้าดารารัศมี: พระศรีมิ่งเมืองเชียงใหม่. กรุงเทพมหานคร: เม็ดทรายพริ้นติ้ง.๒. ศันสนีย์ วีระศิลป์ชัย. ๒๕๕๙. เจ้าฟ้า เจ้าชายในพระพุทธเจ้าหลวง. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์มติชน.
ข้อง เครื่องจักสานชนิดหนึ่ง สานด้วยไม้ไผ่ มีลักษณะปากแคบคล้ายคอหม้อดิน มีฝาปิดเปิดคือ ฝาข้อง ทำจากกะลามะพร้าว แล้วสานด้วยไม้ไผ่ทำเป็นรูปกรวย ปลายกรวยแหลมปล่อยเป็นซี่ไม้ไว้เรียกว่า งาแซง ข้อง ใช้สำหรับใส่สัตว์น้ำ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ข้องมีหลายลักษณะ เช่น ข้องยืน ลักษณะคล้ายโอ่งน้ำหรือทรงกระบอก ก้นข้องสานเป็นรูปสี่เหลี่ยม ตัวข้องกลมป่องตรงกลาง แล้วบานออกที่ปากคล้ายปากแตร ข้องนอนหรือข้องเป็ด รูปทรงเป็นแนวนอน ตัวข้องรูปร่างคล้ายตัวเป็ด ปลายปากข้องหงายขึ้นด้านบน มักไม่ค่อยสะพายติดตัวขณะหาปลา แต่มักใช้วางไว้ในเรือ หรือริมตลิ่ง เป็นต้น ข้องลอย ใช้ลอยน้ำในการจับปลา มักใช้ข้องยืมหรือข้องนอนมัดตืดลูกบวบ ทำด้วยกระบอกไม้ไผ่สองท่อน มัดขนาบกันให้ลอยน้ำได้ แล้วผูกเชือกมัดติดเอวภาพ : พิพิธภัณฑ์ชุมชนวัดเกตการามอ้างอิง : สนม ครุฑเมือง.๒๕๓๔.สารานุกรมของใช้พื้นบ้านไทยในอดีต.กรุงเทพฯ : บริษัท ต้นอ้อ จำกัด
โลกธมฺมสุตฺต (โลกธมฺมสูตร)
ชบ.บ.69/1-1
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.190/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 46 หน้า ; 4.5 x 55 ซ.ม. : ทองทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 107 (123-132) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : อาการวตฺตสุตฺต(อาการวัตตสูตร)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
เลขทะเบียน : นพ.บ.291/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 38 หน้า ; 4 x 55.5 ซ.ม. : ทองทึบ-รักทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 122 (266-274) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : ปญฺญาบารมี(ปัญญาบารมี) --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง สุมาลี วีระวงศ์
ชื่อเรื่อง โมรา - ในวงวัฏฏ์ - ปฤถวีเทพ
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์กรมแผนที่ทหาร
ปีที่พิมพ์ ม.ป.ป.
จำนวนหน้า ๑๓๐ หน้า
ในเล่มนี้ แบ่งเนื้อเรื่องเป็นสามส่วน คือ โมรา : รหัสยภาคแห่งอดีตตำนาน กล่าวถึงนิทานเดิม เรื่องจันทโครพ ซึ่งมีตัวละครคือจันทโครพและนางโมรา ส่วนที่สอง คือ ในวงวัฏฏ์ กล่าวถึง ทุกสิ่งทุกอย่าง ล้วนเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ไม่มียกเว้น และ ส่วนที่สาม คือ ปฤถวีเทพ เป็นงานแปลจาก งานของ คาฮ์ลิล ยิบราน
จารึกวัดบุนบาน พ.ศ. ๒๐๔๖ ลพ.๒๐ จารึกวัดบุนบาน ทำจากหินทราย จารึกด้วยอักษรฝักขาม มีด้านเดียว จำนวน ๑๙ บรรทัด ตั้งแต่บรรทัดที่ ๑ - ๑๐ โดยเฉพาะส่วนข้อความช่วงต้นบรรทัดกระเทาะหายไป ทำให้การอ่านจารึกไม่สมบูรณ์ เนื้อหาจารึกสามารถสรุปใจความได้ว่าเมื่อศักราช ได้ ๘๖๖ ตัวตรงกับปีพุทธศักราช ๒๐๔๖ ตรงกับรัชกาลพระเมืองแก้ว กษัตริย์ล้านนาในราชวงศ์มังราย ซึ่งครองราชย์ใน พ.ศ. ๒๐๓๘-๒๐๖๘ ได้มีพระสงฆ์ ๒ รูป ได้แก่ พระมหาเถรเจ้าจุล....(ข้อความขาดหาย) อยู่วัดท่าแพ กับ มหาเถรผาสาทหรือมหาเถรปราสาท และเจ้าพันนาหลัง สันนิฐานว่าเป็นชื่อของขุนนางท่านหนึ่ง ได้ถวายข้าคนไว้อุปฐากวัดบุนนาน อัน “มหาราชตนพ่อ” ได้สร้างไว้ ซึ่งมหาราชตนพ่อนี้ สันนิษฐานว่าเป็นการกล่าวถึงวัดนี้สร้างโดยพระเจ้ายอดเชียงราย กษัตริย์ล้านนาพระองค์ที่ ๑๐ แห่งราชวงศ์มังราย อันเป็นพระชนกของพระเมืองแก้ว ครองราชย์ใน พ.ศ. 2030-2038 ข้อความจารึกตอนท้าย กล่าวถึงการถวายทองคำสำหรับวัดแห่งนี้ มีการระบุชื่อขุนนางในตำแหน่งต่างๆ เช่น เจ้าหมื่น พัน แสน และพระสงห์ในตำแหน่งต่างๆ เช่น พระมหาสังฆราชา พระมหาสามี มหาเถร เพื่อเป็นสักขีพยานในครั้งนี้ จารึกวัดบุนบาน เรียกตามชื่อวัดที่ให้สร้างตามที่ปรากฏในจารึก ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถระบุได้ว่าอยู่ในบริเวณใด แต่เดิมอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งมณฑลพายัพ วัดพระธาตุหริภุญชัย มีเพียงข้อมูลทะเบียนที่ระบุว่าได้มาจากวัดกู่เส้า ปัจจุบันมีชื่อว่าวัดกู่เรือง ตำบลเหมืองจี้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ห่างออกไปจาตัวเมืองลำพูนทางทิศใต้ราว ๑๕ กิโลเมตร อ้างอิงก่องแก้ว วีระประจักษ์ (และคนอื่นๆ). จารึกล้านนา ภาค ๒ เล่ม ๑-๒ : จารึกจังหวัดเชียงใหม่ ลำปาง ลำพูน และแม่ฮ่องสอน. กรุงเทพฯ :กรมศิลปากร, ๒๕๕๑.คงเดช ประพัฒน์ทอง, วิเคราะห์ศิลาจารึกในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หริภุญไชย. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๒๒.