ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
วันพฤหัสบดีที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๓ คุณปกรณ์ ศรีจันทราพันธุ์ จากองค์กร ไอเฟิล ประจำประเทศไทย (EIFL - Electronics Information For Libraries) เป็นวิทยากรอบรมสาธิตการใช้ข้อมูลหนังสือพิมพ์และนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการสืบค้นข้อมูล (ออนไลน์) ให้กับบุคลากร หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ณ ห้องวารสารและหนังสือพิมพ์
กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ขอเชิญผู้สนใจส่งผลงานเข้าร่วมการประกวดเพลง (เพชรในเพลง) เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๓ ประเภทผู้ประพันธ์คำร้อง “ใช้ภาษาไทยดีเด่น” และผู้ขับร้อง “ใช้ภาษาไทยดีเด่น”เพื่อยกย่องบุคคลในวงการเพลงผู้มีผลงานดีเด่นด้านการใช้ภาษาไทย และสนับสนุนให้มีการสร้างสรรค์ผลงานอย่างมีคุณภาพทั้งการประพันธ์คำร้องและผู้ขับร้อง โดยส่งผลงานเพลงได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ การประกวดเพลง (เพชรในเพลง) เนื่องในวันภาษาไทยแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๕๖๓แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ ๑. รางวัลผู้ประพันธ์คำร้อง “ใช้ภาษาไทยดีเด่น” เพลงไทยสากล เพลงไทยลูกทุ่ง และเพลงเพื่อชีวิต ๒. รางวัลผู้ขับร้อง “ใช้ภาษาไทยดีเด่น” ทั้งชายและหญิง เพลงไทยสากล เพลงไทยลูกทุ่ง และเพลงเพื่อชีวิต ผู้มีสิทธิส่งเพลงเข้าประกวด ได้แก่ ๑. ศิลปินเพลง หมายถึง นักร้อง นักแต่งเพลง ๒. หน่วยงานต้นสังกัด หมายถึง บริษัท ค่ายเพลงหรือองค์กรที่เป็นต้นสังกัดของศิลปิน ๓. องค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น สมาคมนักร้องแห่งประเทศไทย สมาคมนักแต่งเพลงแห่งประเทศไทย สถาบันการศึกษา ฯลฯ ๔. บุคคลทั่วไป โดยคุณสมบัติของเพลงที่ส่งเข้าประกวด ประเภทการประพันธ์คำร้องต้องเป็นเพลงที่ประพันธ์คำร้องขึ้นใหม่ และเผยแพร่สู่สาธารณชนระหว่างเดือนเมษายน ๒๕๖๒ - เดือนเมษายน ๒๕๖๓ ส่วนประเภทผู้ขับร้อง ต้องเป็นเพลงที่เผยแพร่สู่สาธารณชนระหว่างเดือนเมษายน ๒๕๖๒ - เดือนเมษายน ๒๕๖๓ เช่นกันสำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ประเภทการประพันธ์คำร้อง พิจารณาจากเนื้อหาสาระในเชิงสร้างสรรค์ การนำเสนอที่สอดคล้องเหมาะสมกับลักษณะและประเภทของเพลง การร้อยเรียงคำร้องสอดคล้องกับทำนองเพลง มีศิลปะและความงามในการใช้ภาษาเชิงวรรณศิลป์ประเภทผู้ขับร้อง พิจารณาจากน้ำเสียง ความชัดเจนในการออกเสียงถ้อยคำ ศิลปะการใช้เสียงกลมกลืนกับดนตรี จังหวะและอารมณ์ในการขับร้อง
ทั้งนี้ การส่งผลงานเพลงเข้าประกวด ค่ายเพลง สมาคม และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ส่งผลงานเพลงได้ ไม่เกินประเภทละ ๕ เพลง ศิลปินเพลงและบุคคลทั่วไป ส่งผลงานเพลงได้ไม่เกินประเภทละ ๓ เพลง โดยส่ง Audio CD ไฟล์ผลงานเพลงและเอกสารระบุ ชื่อผู้ประพันธ์คำร้องหรือผู้ขับร้อง พร้อมคำร้อง (เนื้อเพลง) จำนวน ๒ ชุด ในกรณีที่ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดเป็นบุคคลทั่วไป ขอให้แนบภาพถ่ายและประวัติโดยสังเขป ความยาวประมาณ ๑ หน้ากระดาษเอ ๔ เพื่อใช้เป็นข้อมูลเรียบเรียงประวัติในกรณีที่ได้รับรางวัล สามารถส่งผลงานด้วยตนเอง หรือไปรษณีย์ลงทะเบียน ระบุชื่อผู้ส่งผลงาน ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ให้ชัดเจน โดยส่งผลงานได้ที่ สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ เลขที่ ๘๑ /๑ อาคารกรมศิลปากร ชั้น ๖ ถนนศรีอยุธยา แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพ ฯ ๑๐๓๐๐ ภายในวันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐ ๒๑๖๔ ๒๕๑๗ ต่อ ๖๐๗๖ อีเมล: fineart.thai@gmail.comและเฟสบุ๊กเพชรในเพลง www.facebook.com/pechtnaipleng
คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดทำหนังสือที่ระลึกและจดหมายเหตุงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ขอความร่วมมือให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีความประสงค์จะจัดทำหนังสือที่ระลึก เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ดำเนินการตามขั้นตอนการขอจัดทำหนังสือตามหลักเกณฑ์และแนวทางการพิจารณาที่คณะทำงานฝ่ายกลั่นกรองการพิจารณาการจัดทำหนังสือที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้กำหนดไว้ เพื่อให้การจัดทำหนังสือ มีวัตถุประสงค์และลักษณะเนื้อหา รูปแบบ ที่ถูกต้องและเหมาะสม
สามารถดูรายละเอียดได้ที่ http://wow.in.th/qVu4 และเว็บไซต์ของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ www.nat.go.th หมดเขตการส่งแบบสรุปการขอจัดทำหนังสือที่ ในวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. ๐ ๒๒๘๒ ๘๔๒๓, ๐ ๒๒๘๑ ๑๕๙๙ ต่อ ๑๔๒ - ๑๔๕ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๕๓๔๑, ๐ ๒๒๘๒ ๓๘๒๖
ต้นกัลปพฤกษ์ ต้นไม้ทรงปลูก สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระ เทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในการประกอบพิธีเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ทรงปลูกต้นกัลปพฤกษ์ไว้บริเวณด้านหน้าของอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรีเพื่อไว้เป็นที่ระลึก และเป็นแบบอย่างในการให้ความสำคัญแก่การปลูกต้นไม้
ต้นกัลปพฤกษ์ (ชื่อวิทยาศาสตร์: Cassia Bakeriana) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง นิยมปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ มีความสูงประมาณ ๑๐ – ๑๕ เมตร มีการแตกกิ่งก้านไม่เป็นระเบียบ พุ่มใบแบนกว้างเป็นแผง มีใบย่อย ๕ – ๖ คู่ออกเรียงตามก้านใบเป็นคู่ๆ ขนาดของใบกว้าง ๒ - ๔ เซนติเมตร ใบยาวประมาณ ๔ - ๗ เซนติเมตร ดอกสีชมพูอ่อน ออกเป็นช่อระหว่างทิ้งใบหรือผลิใบใหม่ กลางดอกมีเกสรตัวผู้สีเหลือง ผลเป็นฝักกลม ยาว มีสีดำ ฝักยาวประมาณ ๑๕ – ๓๐ เซนติเมตร ฝักมีสรรพคุณทางยาเป็นยาระบายอ่อน ๆ เปลือกฝักและเมล็ดทำให้อาเจียน ลดไข้[๑]
วาระครบรอบการเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๓ นี้ ต้นกัลปพฤกษ์ ต้นไม้ทรงปลูกสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีนี้ จะมีอายุ ๓๕ ปี
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ขณะทรงปลูกต้นกัลปพฤกษ์บริเวณหน้าอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี
ภาพ : ต้นกัลปพฤกษ์บริเวณหน้าอาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ในฤดูกาลต่างๆ
[๑] https://th.wikipedia.org/wiki/กัลปพฤกษ์ สืบค้นเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ข้อมูล : นางสาววัชรี ชมพู ภัณฑารักษ์ชำนาญการพิเศษ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี
วันจันทร์ที่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๓
เวลา๑๕.๑๕-๑๖.๓๐น.คุณเรวดี กองเกี้ยว พร้อมคณะ๔คนจากจังหวัดหนองคายเข้าเยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท
โดยมีนายสมพงษ์ ช่วยแสงเป็นวิทยากรนำชม
กรมศิลปากรนำสื่อมวลชน “ตามรอยอารยธรรมล้านนา” ว่าด้วยแหล่งโลหกรรม สถาปัตยกรรม จิตรกรรมล้านนากับการอนุรักษ์ ณ จังหวัดเชียงใหม่ - ลำพูน
นายพนมบุตร จันทรโชติ รองอธิบดีกรมศิลปากร นำคณะสื่อมวลชนร่วมโครงการสื่อมวลชนสัญจร “ตามรอยอารยธรรมล้านนา” ว่าด้วยแหล่งโลหกรรม สถาปัตยกรรม จิตรกรรมล้านนา กับการอนุรักษ์ ณ จังหวัดเชียงใหม่ – ลำพูน ระหว่างวันที่ ๒๖ – ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
กรมศิลปากร ได้ดำเนินโครงการสื่อมวลชนสัญจรขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อนำคณะสื่อมวลชนศึกษาดูงาน และบรรยายให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับงานด้านศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนการดำเนินโครงการและกิจกรรมต่างๆ ของกรมศิลปากรในส่วนภูมิภาค รวมถึงการอนุรักษ์แหล่งโบราณคดี โบราณสถานที่กรมศิลปากรดูแลและ มีส่วนร่วม เผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณสถาบันพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ที่ทรงมีคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่องานด้านอนุรักษ์และสืบทอดมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ โดยในครั้งนี้ได้นำคณะสื่อมวลชนศึกษาดูงานการดำเนินโครงการของสำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ ได้แก่ ผลการดำเนินการขุดค้นทางโบราณคดีในพื้นที่วัดท่ากาน ซึ่งจากการขุดค้นทางโบราณคดีเมื่อปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๕๖ พบว่าพื้นที่บริเวณกลางเวียงท่ากานมีการใช้พื้นที่มาตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ จนถึงพุทธศตวรรษที่ ๒๐ โดยในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๓ -๑๖ นั้น ใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ฝังศพหรือสุสาน ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๒ จึงได้ขุดค้นทางโบราณคดีเพิ่มเติมเพื่อนำโครงกระดูกที่พบขึ้นมาอนุรักษ์และเก็บรักษา ซึ่งหลักฐานที่พบจากหลุมขุดค้นฯ ในพื้นที่วัดท่ากาน เป็นข้อมูลที่สำคัญอย่างยิ่งต่อโบราณคดีภาคเหนือ ที่ยังขาดหลักฐานเชิงประจักษ์ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวประวัติศาสตร์ หรือช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๓-๑๗ ดังนั้น สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ ต้องการเก็บหลักฐานที่พบทั้งหมดให้สมบูรณ์ที่สุด จึงดำเนินการจัดทำหลุมขุดค้นทางโบราณคดีจำลอง เพื่อเป็นสื่อสำหรับเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับแหล่งโบราณคดีเวียงท่ากานต่อไป
จากนั้นได้รับฟังการศึกษาโครงการโบราณคดีแหล่งโลหกรรมในพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย “กิจกรรมศึกษาแหล่งถลุงเหล็กโบราณบ้านแม่ลาน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน” ซึ่งเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้เห็นถึงพัฒนาการของสังคม ผู้คน และเศรษฐกิจของกลุ่มคนพื้นเมืองดั้งเดิม ก่อนจะมีการเข้ามาของกลุ่มคนจากภายนอก (วัฒนธรรมทวารวดีภาคกลางของประเทศไทย) จนก่อเกิดบ้านเมืองระดับรัฐ อย่างหริภุญไชย (พุทธศตวรรษที่ ๑๓ – ๑๔) และเชียงใหม่ (พุทธศตวรรษที่ ๑๙) ในช่วงเวลาต่อมา รวมถึงการดำเนินงานทางโบราณคดีกลุ่มโบราณสถานสบแจ่ม ในเขตตำบลบ้านแปะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งพบสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมที่มีรูปแบบอิทธิพลสุโขทัย นับเป็นข้อมูลสำคัญที่เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของล้านนาและแอ่งที่ราบเชียงใหม่ ตลอดจนเยี่ยมชมการดำเนินงานศึกษาและอนุรักษ์โบราณสถานวัดผาลาด ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ และการดำเนินงานทางโบราณคดีในพื้นที่เวียงเจ็ดลิน
นอกจากนี้ ยังได้นำสื่อมวลชนศึกษาดูงานโครงการอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนัง และประติมากรรมปูนปั้นประดับราวบันไดหน้าวิหารวัดป่าแดด ตำบลท่าผา อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งโครงการดังกล่าวเริ่มจากเมื่อ พ.ศ.๒๕๕๙ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จพระดำเนินไปวัดป่าแดดเพื่อทรงปฏิบัติพระกรณียกิจคัดลอกภาพลายเส้นจิตรกรรมฝาผนัง ขนาดเท่าจริงและคัดลอกภาพจิตรกรรมฝาผนังเสมือนจริงในโครงการคัดลอกจิตรกรรมฝาผนังในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ โดยกลุ่มอนุรักษ์จิตกรรรมและประติมากรรม กองโบราณคดี ได้ถวายงานในครั้งนั้นด้วย พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นว่าอาคารวิหารวัดป่าแดดมีสภาพชำรุด ภาพจิตรกรรมฝาผนังเกิดการชำรุดเสียหาย จึงทรงมีพระดำริให้มีการบูรณะวิหาร อนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนังและประติมากรรมปูนปั้นประดับราวบันไดหน้าวิหารวัดป่าแดด เป็นการเร่งด่วน ซึ่งการบูรณะอาคารวิหารวัดป่าแดดแล้วเสร็จเมื่อปี ๒๕๖๑ ต่อมากรมศิลปากรได้มอบหมายให้กลุ่มอนุรักษ์จิตรกรรมและประติมากรรม กองโบราณคดี ดำเนินการอนุรักษ์จิตรกรรมฝาผนังและประติมากรรมปูนปั้นประดับราวบันไดหน้าวิหารวัดป่าแดด เพื่อให้มีสภาพมั่นคงแข็งแรง และเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาติ
การดำเนินโครงการสื่อมวลชนสัญจร ยังเป็นโอกาสอันดีที่กรมศิลปากรจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสื่อมวลชนที่เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อนำไปปรับปรุงการดำเนินงานของกรมศิลปากรในการเผยแพร่ความรู้และสร้างความเข้าใจในการดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้กับสาธารณชน ก่อให้เกิดความร่วมมืออันจะเป็นประโยชน์ต่อการปกป้อง ดูแลรักษาและอนุรักษ์มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่อย่างยั่งยืนสืบไป
วันเสาร์ที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๖.๐๐ น. นางวราภรณ์ วสุนธรารัตน์ ผู้อำนวยการหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ พร้อมด้วยบุคลากรหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ เข้าร่วมจัดกิจกรรมมหกรรมนิทานสร้างเมือง #๑ ตอน ตะลุยป่าดอยบ้านของเรา ซึ่งมีทั้งหมด ๑๐ ฐานการเรียนรู้ โดยทางหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ เข้าร่วมจัดกิจกรมในฐานที่ ๖ รูปลอยออกมา ฐานนี้มีนิทาน และทำการ์ด POP-UP รูปสัตว์น่ารัก ๆ พร้อมทั้งนำหนังสือไปจัดแสดงและให้บริการ ทั้งนี้มีนักเรียน และประชาชน ให้ความสนใจและเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ณ ลานหน้าห้องสมุดฟื้นบ้านย่านเวียงเชียงใหม่ (ด้านหลังอนุสาวรีย์สามกษัตริย์)
วันศุกร์ที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เวลา ๑๖.๐๐ น. ผู้อำนวยการหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ พร้อมด้วยบุคลากร เข้าร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล แด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ณ พระวิหารหลวงวัดสวนดอก พระอารามหลวง
วันพฤหัสบดีที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ผู้อำนวยการหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ พร้อมบุคลากร และนักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ จัดกิจกรรมโครงการส่งเสริมการอ่านเพื่อสนับสนุนความร่วมมือระหว่างหอสมุดแห่งชาติประเทศอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี ภายใต้หัวข้อ "Read Me a Book : ASEAN-ROK is Reading" โดยได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านสำหรับเด็กและเยาวชน ได้แก่ การอ่านหนังสือออกเสียง และการเล่านิทาน ให้กับนักเรียนระดับชั้นอนุบาล ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเทศบาลตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
วันพุธที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. นาย ทินกร น้อยตำแย นักจดหมายเหตุชำนาญการ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และเจ้าหน้าที่ร่วมต้อนรับ นาย วีระ โรจน์พจนรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย คุณหญิง วรรณา สิริวัฒนภักดี ที่ปรึกษาสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา ศาสตราจารย์คลีนิกเกียรติคุณ นายแพทย์ ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภาสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา และอธิการบดีสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนา รองศาสตราจารย์คุณหญิง วงจันทร์ พินัยนิติศาสตร์ ประชุมหารือการก่อสร้างสถาบันดนตรีกัลยาณิวัฒนาแห่งใหม่ และเข้าชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ ณ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ต. คลองห้า อ. คลองหลวง จ. ปทุมธานี