ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ
วันพุธ ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓ นายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี พร้อมด้วย นางสาวเชาวนี เหล็กกล้า หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี นางสาวเมริกา สงวนวงษ์ นักโบราณคดีปฏิบัติการ สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี และนางสาวสิริภา เจริญเขต ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบกลองมโหระทึก ณ อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร
โดยเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ ได้รับแจ้งจากนางโสภิตา บัวทิพย์ พนักงานบริษัท วนิชชัยก่อสร้าง ๑๙๗๙ ว่าพบกลองมโหระทึกที่บ้านโพน หมู่ ๗ ตำบลบ้านเหล่า อ. คำชะอี จ.มุกดาหาร พบในที่นาของนางชม สิงห์ศร จากการขุดดินในที่นาเพื่อทำถนนสี่เลน พบกลองมโหระทึกลึกจากผิวดินประมาณ ๑ เมตร ในลักษณะคว่ำอยู่ เป็นกลองมโหระทึกแบบเฮเกอร์ I
วันนี้ทางคณะได้เข้าพบนายสมพงษ์ คุ้มสุวรรณ นายอำเภอคำชะอี เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการค้นพบ การเก็บรักษาโบราณวัตถุและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ ทั้งนี้ยังได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนและประชาชนในพื้นที่ ที่ให้ความสนใจ เพื่อดำเนินการตามระเบียบต่อไป
และขณะนี้ได้นำมาเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี
***ข้อสังเกต กลองมโหระทึกใบนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๙๕ เซนติเมตร ซึ่งนับว่าเป็นกลองมโหระทึกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่พบในประเทศไทยในขณะนี้
ตามที่คณะอนุกรรมการฝ่ายจัดทำหนังสือที่ระลึกและจดหมายเหตุงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ได้ขอความร่วมมือให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่มีความประสงค์จะจัดทำหนังสือที่ระลึก เพื่อร่วมเฉลิม พระเกียรติในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ดำเนินการตามขั้นตอนการขอจัดทำหนังสือตามหลักเกณฑ์และแนวทางการพิจารณาที่คณะทำงานฝ่ายกลั่นกรองการพิจารณาการจัดทำหนังสือที่ระลึกเฉลิม พระเกียรติในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษกได้กำหนดไว้ เพื่อให้การจัดทำหนังสือมีวัตถุประสงค์และลักษณะเนื้อหา รูปแบบ ที่ถูกต้องและเหมาะสมไปแล้วนั้น ขณะนี้มีหน่วยงานที่มีความประสงค์จัดทำหนังสือที่ระลึกเนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย พร้อมทั้งเฉลิมพระปรมาภิไธย พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีอย่างสมบูรณ์ตามโบราณราชประเพณี จำนวนทั้งสิ้น ๑๒ หน่วยงาน ได้แก่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กรุงเทพมหานคร กรมชลประทาน มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมการพัฒนาชุมชน กรมปศุสัตว์ และสำนักงานเทศบาลเมืองทุ่งตำเสา ซึ่งคณะทำงานฝ่ายกลั่นกรอง ฯ ได้แจ้งผลการพิจารณาไปยังหน่วยงานดังกล่าว เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปแล้ว ทั้งนี้ การนำตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกไปพิมพ์ในหนังสือที่ระลึกฯ หน่วยงานต้อง แจ้งขออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์ฯ ไปยังคณะอนุกรรมการฝ่ายกลั่นกรองการขอใช้ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจะหมดเขตพร้อมกันในวันที่ ๔ พฤษภาคมศกนี้ ดังนั้น สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ กรมศิลปากร จึงขอให้หน่วยงานที่มีความประสงค์จัดทำหนังสือที่ระลึกฯ เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก กรอกแบบสรุปการขอจัดทำหนังสือที่ระลึกฯ ส่งมายังสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ และขอใช้ตราสัญลักษณ์พระราชพิธีบรมราชาภิเษก จากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยสามารถดูรายละเอียดหลักเกณฑ์และดาวน์โหลดแบบสรุปการจัดทำหนังสือ ที่ระลึกฯ ได้ที่ https://drive.google.com/file/d/1AS1gn6vTNxUinzPs4c8TwmjAnI5yW2zo/view?usp=sharing เว็บไซต์ของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ www.nat.go.th และเว็บไซต์ของกรมศิลปากร www.finearts.go.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. ๐ ๒๒๘๒ ๘๔๒๓, ๐ ๒๒๘๑ ๑๕๙๙ ต่อ ๑๔๒ – ๑๔๕ โทรสาร ๐ ๒๒๘๑ ๕๓๔๑, ๐ ๒๒๘๒ ๓๘๒๖
นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้หน่วยงานในสังกัด ทั่วประเทศ จัดทำข้อมูลองค์ความรู้ทางด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมและข้อมูลทางวิชาการ งานค้นคว้า วิจัย ในรูปแบบที่น่าสนใจและหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น infographic วีดีทัศน์ ภาพเล่าเรื่อง และการใช้ภาษาที่สั้น กระชับ เข้าใจง่าย นำเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เป็นการเพิ่มช่องทางในการแบ่งปันความรู้สู่สาธารณชน กรมศิลปากรเป็นสถาบันที่ดำเนินงานทางด้านวิชาการใน ๔ สาขาหลัก ประกอบด้วย งานด้าน นาฏศิลป์และดนตรี งานด้านโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์ งานด้านภาษา เอกสาร และหนังสือ งานด้านศิลปกรรม และช่างศิลป์ไทย ซึ่งบุคลากรมีองค์ความรู้ทางด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมสั่งสมอยู่มาก และได้เผยแพร่ความรู้สู่สาธารณชนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทั้งการจัดพิมพ์หนังสือ การจัดกิจกรรมทางวิชาการต่างๆ รวมถึงการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาประยุกต์ใช้กับงานด้านมรดกศิลปวัฒนธรรม มีการปรับเปลี่ยนข้อมูลเนื้อหาให้เป็นระบบดิจิทัล เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถสืบค้นข้อมูลทางวิชาการได้ตลอดเวลา ซึ่งที่ผ่านมาการเข้าถึงองค์ความรู้อาจจะจำกัดอยู่เฉพาะผู้ที่ศึกษาหรือทำงานที่เกี่ยวข้องกับงานมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติแขนงต่างๆ แต่จากการที่กรมศิลปากรได้เพิ่มช่องทางในการเข้าถึงและปรับรูปแบบให้สอดคล้องเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงองค์ความรู้ด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมได้เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้สนใจ สามารถติดตามองค์ความรู้จากกรมศิลปากรได้ที่ facebook fanpage : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร
กรมศิลปากรได้จัดทำ อุทยานประวัติศาสตร์เสมือนจริง (Virtual Historical Park) รวบรวมอุทยานประวัติศาสตร์ทั่วประเทศ มาไว้ให้ชมบนเว็บไซต์ http://virtualhistoricalpark.finearts.go.th บอกเล่าประวัติความเป็นมา มีภาพแผนที่และภาพโบราณสถานให้ได้ชม รวมทั้งภาพมุมสูงที่ทำให้มองเห็นอุทยานประวัติศาสตร์โดยรอบแบบ ๓๖๐ องศา อุทยานประวัติศาสตร์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจไปเที่ยวชมจำนวนมาก ปัจจุบันมีอุทยานประวัติศาสตร์ในการดูแลของกรมศิลปากร จำนวน ๑๑ แห่ง ประกอบด้วย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี) อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ อุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท และอุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม ในช่วงทีมีการปิดให้บริการและการเข้าชมแหล่งเรียนรู้มรดกศิลปวัฒนธรรม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) กรมศิลปากรขอเชิญชวนนักท่องเที่ยว เที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์ทั่วประเทศ เสมือนได้ไปชมยังสถานที่จริงด้วยตนเอง ผ่านทางเว็บไซต์ http://virtualhistoricalpark.finearts.go.th
ตามที่รัฐบาลได้ขอความร่วมมืองดจัดกิจกรรมที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด Covid-19 สำนักการสังคีต กรมศิลปากร จึงได้งดกิจกรรมการแสดง ณ โรงละครแห่งชาติ เนื่องด้วยสำนักการสังคีต มีหน้าที่ในการอนุรักษ์ สืบทอด ศึกษาวิจัย ฟื้นฟู พัฒนา สร้างสรรค์ และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมด้านนาฏศิลป์ ดุริยางคศิลป์และคีตศิลป์ให้แก่เยาวชนและประชาชน เพื่อธำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของชาติ จึงขอเชิญชมการแสดงนาฏศิลป์ ดนตรี ผ่านสื่อออนไลน์ ในรายการ "สังคีตภิรมย์ ชมอยู่บ้าน ร่วมต้านโควิด 19" โดยนำวีดิทัศน์การแสดงที่เคยจัดแสดงแล้ว ณ โรงละครแห่งชาติ และได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก อาทิ รายการดนตรีไทยไร้รสหรือ ชุด “คิดถึงพ่อเสรี ๑๑ ปี ที่จากไป” รายการศิลปากรคอนเสิร์ต ชุด “จากดานูบถึงเจ้าพระยา : From DANUBE To CHAO PHRAYA” การแสดงรำฉุยฉายนางมณี อยู่ในการแสดงละครนอก เรื่องแก้วหน้าม้า การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดกุมภกรรณพุ่งหอกโมกขศักดิ์ การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ตอน การกล มนต์มาร ฯลฯมาเผยแพร่ให้ชมอีกครั้ง เพื่อสร้างความสุขและความบันเทิงให้แก่ประชาชน ในช่วงที่งดจัดการแสดง ณ โรงละครแห่งชาติ ขอเชิญชวนผู้สนใจติดตามชมการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีหลากหลายรูปแบบ ผ่านสื่อออนไลน์ ได้ที่ Facebook : สำนักการสังคีต กรมศิลปากร https://web.facebook.com/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B5%E0%B8%95-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3-1049570138492313
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๓ เวลา ๐๘.๓๐ น. นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๓ กิจกรรมทำความสะอาดแหล่งเรียนรู้และอาคารสำนักงานของหน่วยงานในสังกัดกรมศิลปากร ส่วนกลาง ณ กรมศิลปากร ถนนหน้าพระธาตุ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โดยมีผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรในส่วนกลาง เป็นตัวแทนเข้ารับมอบอุปกรณ์ เพื่อนำไปความสะอาดพื้นที่ภายในและภายนอกอาคาร ซึ่งมีทั้งส่วนที่เป็นอาคารโบราณสถานและอาคารใหม่ รวมทั้งส่วนที่ให้บริการประชาชน เพื่อร่วมกันปกป้องและสงวนรักษาแหล่งเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นการสร้างเสริมสุขอนามัยที่ดี โดยปฏิบัติตามมาตรการและแนวทางการเฝ้าระวังป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ หรือโรค COVID-19 อย่างเคร่งครัด
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๓ กรมศิลปากรได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนเกี่ยวกับการดูแลรักษามรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้ได้ปรับเปลี่ยนกิจกรรม เนื่องจากมีสถานการณ์โรคติดต่อไวรัสโควิด-๑๙ (COVID-19) และมีการควบคุมโรคตาม พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พุทธศักราช ๒๕๕๘ จึงจัดกิจกรรมทำความสะอาดแหล่งเรียนรู้และอาคารสำนักงานของหน่วยงานในสังกัด ทั่วประเทศ โดยตามวัตถุประสงค์เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย เพื่อเทิดพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างใหญ่หลวงต่องานด้านศิลปวัฒนธรรม ทรงเป็นแบบอย่างในการอนุรักษ์และสืบสานมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพระองค์ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ สืบสาน และส่งเสริมงานทางด้านศิลปวัฒนธรรมให้เห็นเป็นตัวอย่างตลอดมา ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ ๒ เมษายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย รัฐบาลและภาคเอกชนได้ร่วมกันจัดกิจกรรมและโครงการต่างๆ เพื่อเพื่อเทิดพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี รณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจ กระตุ้นให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของศิลปวัฒนธรรมของชาติ สร้างการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษามรดกทางวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ร่วมภาคภูมิใจหวงแหน และอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบทอดถึงอนุชนรุ่นหลังสืบไป
เครดิต. เนื้อหา/ภาพ จากเพจเฟสบุ๊คกลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร