ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ



          ด้วยวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ เป็นวันคล้ายวันประสูติในสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนำเสนอเนื้อหาว่าด้วยเรื่อง “ความคาดหวังของเสด็จในกรมนริศ” ต่อบรรดาพระวินิจฉัยที่ทรงมีระหว่างกัน ดังที่ทราบกันดีว่าสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงเป็นที่สนิทสนมกับสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ในฐานะมิตรสหายและญาติผู้ใกล้ชิด โดยบรรดาสรรพความรู้ อันเกิดจากพระวินิจฉัยที่ทรงมีต่อกัน ครั้งหนึ่ง เสด็จในกรมนริศ ได้ทรงมีจดหมายถึงเสด็จในกรมดำรง ความว่า “บัดนี้มาได้ความปรากฏแน่นอนแล้ว ... ทรงเรียบเรียงพระดำรัสอธิบายโดยพิสดารด้วยดีเป็นอย่างยิ่ง เกล้ากระหม่อมเห็นชอบด้วยทุกประการ ไม่มีข้อใดที่จะคัดค้าน แต่นึกเสียดายว่าพระดำรัสอธิบายซึ่งเป็นหลักฐานอันดีนี้ จะเงียบหายไปไม่ปรากฏที่ไหน แต่ก็หวังว่าคงมีเวลาปรากฏสักคราวหนึ่ง” ความปรารถนานี้สัมฤทธิผล เมื่อกรมศิลปากรได้มีส่วนในการตีพิมพ์หนังสือชื่อ “สาส์นสมเด็จ” ตั้งแต่ราวปี พ.ศ. ๒๕๐๐           และในปัจจุบันทุกท่านยังสามารถหาอ่านได้ในระบบอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ประจำปี ๒๕๖๓ กรมศิลปากรโดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เตรียมจัดงานนิทรรศการพิเศษ เรื่อง “ศิลปวิทยาการจากสาส์นสมเด็จ” ซึ่งจะเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้อีกด้วย           ท้ายที่สุด ขอปิดท้ายด้วยความในโทรเลขของเสด็จในกรมดำรง เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๗๐ ความว่า “ วันนี้ ตรงวันพระชนมายุสมมงคล ขอให้พระบารมีทูลกระหม่อมคุ้มครองป้องกันให้ทรงพระเจริญสุขสืบไปให้ช้านาน...” เรียบเรียงโดยกลุ่มทะเบียน คลังพิพิธภัณฑ์และสารสนเทศ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ภาพจาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติ "สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม"


          วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ เวลา ๐๙.๐๐ น.นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธีบวงสรวงก่อนการซ่อมปรับปรุงอาคารในโครงการพัฒนาการจัดแสดงอาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร พร้อมด้วยนางสาวนิตยา กนกมงคล ผู้อำนวยการสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นางพูลศรี จีบแก้ว ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร และข้าราชการเจ้าหน้าที่ กรมศิลปากร ร่วมในพิธี           กรมศิลปากรได้จัดทำโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ แผนงานบูรณาการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวโดยในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้ปรับปรุงอาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ทั้งด้านเนื้อหาวิชาการที่มีความก้าวหน้า และมีรูปแบบการจัดแสดงที่ทันสมัยทัดเทียมพิพิธภัณฑ์สากลในปัจจุบัน เพื่อเปิดให้เข้าชมได้ในปี พ.ศ. ๒๕๖๔ ภายใต้หัวเรื่อง นิทรรศการประวัติศาสตร์โบราณคดีในประเทศไทยหลังพุทธศตวรรษที่ ๑๙


วันศุกร์ที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๓.๐๐ น. นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตรวจการจ้างในโครงการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเก่า งวดที่ ๕ และงวดที่ ๖ พร้อมทั้งติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างอาคารจัดแสดง (หลังใหม่) โดยมีนางสาวอัจฉรา แข็งสาริกิจ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๒ สุพรรณบุรี และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องร่วมการประชุม ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเก่า ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี


ภาพยนตร์ไทยที่ถูกสร้างมาจากเรื่องจริงมีหลากหลายแนว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นหนังเกี่ยวกับโศกนาฏกรรม, อาชญากรรม, กีฬา (นำเสนอเกี่ยวกับนักกีฬาหรือการแข่งขันที่มีชื่อเสียง) หรือเรื่องราวชีวิตของคนที่มีชื่อเสียงในด้านต่าง ๆ หรือประวัติศาสตร์ในแต่ละช่วงเวลา โดยภาพยนตร์บางเรื่องได้ถูกสร้างและถูกแต่งเพิ่มเติมเพิ่มบทพูดบางบท มุมมองเรื่องราวต่าง ๆ เข้าไป เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม


เอกสารโบราณภูมิปัญญาของบรรพชนไทย


โคราชนครราชสีมา



พระโพธิสัตว์สำริด


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ขอเชิญชวนประชาชนทั่วไปร่วมโหลดแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” เพื่อเก็บข้อมูลการเดินทางของประชาชนและพฤติกรรมความเสี่ยงต่อการป่วยโควิด-19 จากสถานที่ต่างๆ เพื่อช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์ไทย สามารถวิเคราะห์ระดับความเสี่ยงในการติดเชื้อของประชาชนที่เข้ารับการรักษาพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำมากยิ่งขึ้น




          เมื่อวันพุธที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓ นายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี พร้อมด้วย นางสาวเชาวนี เหล็กกล้า หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี นางสาวเมริกา สงวนวงษ์ นักโบราณคดีปฏิบัติการ สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี และนางสาวสิริภา เจริญเขต ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบกลองมโหระทึก ซึ่งได้รับแจ้งจากนางโสภิตา บัวทิพย์ พนักงานบริษัท วนิชชัยก่อสร้าง ๑๙๗๙ เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ ว่าพบกลองมโหระทึกที่บ้านหนองบง หมู่ ๙ ตำบลบ้านเหล่า อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร ในที่นาของนางชม สิงห์ศร จากการขุดดินเพื่อทำถนนสี่เลน           จากการตรวจสอบพบกลองมโหระทึกลึกจากผิวดินประมาณ ๑ เมตร ในลักษณะคว่ำอยู่ เป็นกลองมโหระทึกแบบเฮเกอร์ I หน้ากลองขนาด ๙๕ เซนติเมตร สูง ๗๐ เซนติเมตร ประติมากรรมรูปกบขนาดยาว ๕ เซนติเมตร หูกลองขนาด ๑๐×๑๙ เซนติเมตร จึงได้เข้าพบนายสมพงษ์ คุ้มสุวรรณ นายอำเภอคำชะอี เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการค้นพบ การเก็บรักษาโบราณวัตถุและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ ทั้งนี้ยังได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามระเบียบต่อไป และขณะนี้ได้นำมาเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี


           นายประทีป เพ็งตะโก อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน และ กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ ได้เข้าตรวจสอบแหล่งโบราณคดีบ้านศรีป่าซาง ตามที่มีรายงานว่า พบโบราณวัตถุเครื่องถ้วยจำนวนมาก ในเขตพื้นที่บ้านศรีป่าซาง หมู่ ๙ ตำบลท่าสุด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๓           บริเวณที่พบโบราณวัตถุเป็นพื้นที่ติดเชิงเขา ท้ายหมู่บ้านศรีป่าซาง หมู่ ๙ ตำบลท่าสุด อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย สภาพพื้นที่ถูกน้ำจากลำห้วยกัดเซาะดินตลิ่ง ทำให้พบเครื่องถ้วยจำนวนมาก ลักษณะพื้นที่เป็น ที่ราบริมห้วย พื้นฐานเป็นก้อนหินใหญ่ ดินที่สะสมเป็นตะกอนทรายหยาบ เมื่อขึ้นไปบนเนินเขาพบชิ้นส่วนจาน และไหเคลือบสีน้ำตาล มีลำห้วยไหลผ่าน ชาวบ้านเรียกห้วยสามไห ซึ่งเคยพบไห สร้อยสังวาล มีด และเครื่องสำริดจากลำห้วยมาแล้ว           จากการขุดค้นทางโบราณคดีพบว่า ภาชนะที่พบทั้งหมดมีจำนวน ๙๖ รายการ ทั้งหมดเป็นถ้วย ทั้งถ้วยรูปทรงทั่วไปและถ้วยทรงสูง ลักษณะตั้งใจฝัง จากชั้นดินพบว่ามีการขุดหลุมกลมขนาดกว้างประมาณ ๔๐ เซนติเมตร ครึ่งหนึ่งถูกน้ำกัดเซาะพังทลายไป เครื่องถ้วยที่พบมีลักษณะเนื้อดินคล้ายกับภาชนะจากแหล่งเตาพาน แต่มีข้อน่าสังเกต คือ ลักษณะการปาดก้นแบบเรียบและน้ำเคลือบที่ขังอยู่ภายในก้นถ้วยนั้น คล้ายกับแหล่งเตา วังเหนือ จังหวัดลำปางมากกว่า ขณะนี้โบราณวัตถุที่พบได้นำไปเก็บรักษา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน จังหวัดเชียงราย เพื่อดำเนินการอนุรักษ์ตามหลักวิชาการและดำเนินการศึกษาวิจัยทางโบราณคดีต่อไปภาพจากการเข้าตรวจสอบวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๒ภาพจากการเข้าตรวจสอบวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓


วันพุธ ที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๖๓ นายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี พร้อมด้วย นางสาวเชาวนี เหล็กกล้า หัวหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี นางสาวเมริกา สงวนวงษ์ นักโบราณคดีปฏิบัติการ สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานี และนางสาวสิริภา เจริญเขต ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบกลองมโหระทึก ณ อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร   โดยเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ ได้รับแจ้งจากนางโสภิตา บัวทิพย์ พนักงานบริษัท วนิชชัยก่อสร้าง ๑๙๗๙ ว่าพบกลองมโหระทึกที่บ้านโพน หมู่ ๗ ตำบลบ้านเหล่า อ. คำชะอี จ.มุกดาหาร พบในที่นาของนางชม สิงห์ศร จากการขุดดินในที่นาเพื่อทำถนนสี่เลน พบกลองมโหระทึกลึกจากผิวดินประมาณ ๑ เมตร ในลักษณะคว่ำอยู่ เป็นกลองมโหระทึกแบบเฮเกอร์ I   วันนี้ทางคณะได้เข้าพบนายสมพงษ์ คุ้มสุวรรณ นายอำเภอคำชะอี เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการค้นพบ การเก็บรักษาโบราณวัตถุและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ ทั้งนี้ยังได้ชี้แจงต่อสื่อมวลชนและประชาชนในพื้นที่ ที่ให้ความสนใจ เพื่อดำเนินการตามระเบียบต่อไป และขณะนี้ได้นำมาเก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี   ***ข้อสังเกต กลองมโหระทึกใบนี้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๙๕ เซนติเมตร ซึ่งนับว่าเป็นกลองมโหระทึกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่พบในประเทศไทยในขณะนี้


black ribbon.