ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,650 รายการ
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2561 นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมเป็นประธานเปิดงานโครงการวัฒนธรรมสัญจร สำหรับคณะทูตานุทูต ครั้งที่ 10 ณ พิพิธภัณฑ์บ้านดำ ต.นางแล อ.เมือง จ.เชียงราย โดยมีข้าราชการสังกัดกรมศิลปากร นำโดย นางประนอม คลังทอง รองอธิบดีกรมศิลปากร นายสุพจน์ พรหมมาโนจ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๗ เชียง พร้อมด้วยคณะข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัด ให้การต้อนรับและเตรียมการตรวจเยี่ยมพื้นที่
เว็ปไซต์หอจดหมายเหตุแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ยะลา : www.finearts.go.th/yalaarchives
ประวัติการก่อตั้ง
พ.ศ. 2532 ร.ต. อนุกูล สุภาไชยกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา (นายภิญโญ เฉลิมนนท์) รับผิดชอบประสานงานเกี่ยวกับการขอใช้ที่ดินราชพัสดุบริเวณหน้าโรงเรียนสตรียะลา มีเนื้อที่ประมาณ 9 ไร่ เพื่อสร้างอาคารสำนักงานการศึกษา ศาสนา และศิลปวัฒนธรรม โดยกระทรวงศึกษาธิการ ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อก่อสร้างอาคารในบริเวณที่ดินแปลงดังกล่าว
พ.ศ. 2535 กระทรวงศึกษาธิการได้พิจารณาเห็นว่าส่วนราชการต่าง ๆ มีเอกสารที่ใช้แล้วเป็นจำนวนมาก ไม่สามารถทำลายเอกสารต่าง ๆ เหล่านั้นได้ เนื่องจากขาดความรู้ความเข้าใจวิธีการทำลายตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. 2526 จึงได้อนุมัติให้ขยายงานกองจดหมายเหตุ กรมศิลปากรมายังส่วนภูมิภาค โดยจัดตั้งสำนักงานหอจดหมายเหตุส่วนภูมิภาคที่เขตการศึกษาและจังหวัด ซึ่งกรมศิลปากรได้ประกาศจัดตั้งหน่วยงานหอจดหมายเหตุแห่งชาติในส่วนภูมิภาค จำนวน 12 หน่วยงาน ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2535
กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ ได้ขอพระราชานุญาตใช้ชื่อ "หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาุ ยะลา" เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ พ.ศ. 2535 และได้รับพระราชทานพระราชานุญาต เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2536 และจากนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์อาคาร เมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2536
เมื่อก่อสร้างอาคารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2537 แล้วเสร็จในเดือน มีนาคม พ.ศ. 2538 ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 14,700,000 บาท เปิดทำการตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2538 โดยมีนายประเสริฐโชค พุงใจ ตำแหน่ง นักจดหมายเหตุ 5 ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ยะลา ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2536 (โดยในเบื้องต้นได้อาศัยอาคารสำนักงานการศึกษา ศาสนา และศิลปวัฒนธรรมเป็นที่ทำการชั่วคราว)
พ.ศ. 2548 นายประเสริฐโชค พึงใจ หัวหน้าหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ยะลา ได้ย้ายไปปฏิบัติราชการในตำแหน่ง นักวิชาการวัฒนธรรม 6 ว สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ กระทรวงวัฒนธรรม และกรมศิลปากรได้แต่งตั้งนางสาวกษมาณัชญ์ นิติยารมย์ ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป 6 ฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำนักศิลปากรที่ 13 สงขลา รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ยะลา อีกหน้าที่หนึ่งตามคำสั่งกรมศิลปากรที่ 577/2558 ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ.2548
พ.ศ. 2550 กรมศิลปากรได้แต่งตั้ง นายวิโรจน์ ศรีไสย นักวิชาการวัฒนธรรม 7 ว สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดยะลา กระทรวงวัฒนธรรม ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ยะลา ตามคำสั่งกรมศิลปากรที่ 196/2550 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2550
พ.ศ. 2555 นายวิโรจน์ ศรีไสย ตำแหน่ง นักจดหมายเหตุชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ยะลา ขอโอนไปดำรงตำแหน่งนักวิชาการวัฒนธรรมชำนาญการ กลุ่มยุทธศาสตร์และเฝ้าระวังทางวัฒนธรรม สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนราธิวาส สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และกรมศิลปากรให้โอนตัดตำแหน่งได้ ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555
กรมศิลปากรได้แต่งตั้งนางสาวกษมาณัชญ์ นิติยารมย์ ตำแหน่ง นักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป สำนักศิลปากรที่ 13 สงขลา รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ยะลา อีกหน้าที่หนึ่ง ตามคำสั่งกรมศิลปากรที่ 1016/2555 ลงวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2555 ตั้งแต่วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2555
และต่อมากรมศิลปากรได้มีคำสั่งที่ 87/2556 ลงวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 ย้ายข้าราชการ นางสาวกษมาณัชญ์ นิติยารมย์ ตำแหน่งนักจัดการงานทั่วไปชำนาญการ ตำแหน่งเลขที่ 525 ฝ่ายบริหารงานทั่วไป สำนักศิลปากรที่ 13 สงขลา ให้ดำรงตำแหน่ง นักจดหมายเหตุชำนาญการ ตำแหน่งเลขที่ 1258 หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ยะลา ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ยะลา ตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เป็นต้นไป
บทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ/ภารกิจ
หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ยะลา เป็นที่เก็บรักษา อนุรักษ์ และให้บริการ การศึกษา การค้นคว้าหรือวิจัยเอกสารจดหมายเหตุ ในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสตูล และมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติจดหมายเหตุ พ.ศ. 2556 ซึ่งได้บังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นไป ดังนี้
1. เก็บรักษาและอนุรักษ์เอกสารจดหมายเหตุ
2. ติดตาม รวบรวม หรือรับมอบเอกสารจดหมายเหตุจากหน่วยงานของรัฐ
3. จัดหา ซื้อ หรือรับบริจาคเอกสารที่มีคุณค่าเป็นเอกสารจดหมายเหตุจากเอกชน
4. จัดหมวดหมู่และจัดทำเครื่องมือช่วยค้นเอกสารจดหมายเหตุ
5. จดบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับพระราชพิธี รัฐพิธี และศาสนพิธี
6. รวบรวมเอกสารเหตุการณ์สำคัญของชาติ
7. จัดทำบันทึกประวัติศาสตร์บอกเล่าโดยพิจารณาให้ครอบคลุมข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน
8. ให้บริการการศึกษา การค้นคว้า หรือการวิจัยเอกสารจดหมายเหตุ
9. เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ จัดให้มีสื่อสิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ นิทรรศการ และกิจกรรมเพื่อส่งเสริมและอนุรักษ์เอกสารจดหมายเหตุ
10. สนับสนุนด้านวิชาการแก่หอจดหมายเหตุของหน่วยงานของรัฐ หอจดหมายเหตุท้องถิ่น และหอจดหมายเหตุเอกชน
11. ดำเนินการอื่นตามที่อธิบดีมอบหมาย
ภาพบรรยากาศในกิจกรรมของขวัญจากรัฐบาลถึงประชาชน โดยกระทรวงวัฒนธรรม มอบความสุขแบบวิถีไทย ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ ในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ - ๑ มกราคม ๒๕๖๓ เปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมโดยไม่เก็บค่าธรรมเนียม และร่วมสักการะพระพุทธรูปสำคัญของจังหวัดสุรินทร์ พร้อมรับโปสการ์ด
วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563 นางสาวเมษา ครุปิติ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการหอสมุดแห่งชาติฯ จันทบุรี และนางสาวสมใจ สาแมว เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน เข้าร่วมในพิธีเปิดงานการประกวดสวดมนต์หมู่สรรเสริญพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ ระดับจังหวัด ประเภททีม 5 คน และประกวดบรรยายธรรม ระดับจังหวัด ประจำปี 2563 ณ วัดไผ่ล้อม พระอารามหลวง ต.จันทนิมิต อ.เมือง จ.จันทบุรี โดยนายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี เป็นประธานเปิด จัดโดยสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจันทบุรี
***รายการบรรณานุกรม***
หนังสือหายาก
กระทรวงศึกษาธิการ กรมตำรา. ภูมิศาสตร์ประเทศสยาม. พระนคร : โรงพิมพ์อักษรนิติ, ๒๔๖๘.
เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ออกหนังสือ “ราชกิจจานุเบกษา” ในพุทธศักราช ๒๔๐๑ ปรากฏว่าออกอยู่ได้เพียง ๑ ปีเท่านั้น ก็หยุดงะชักไป ด้วยเหตุที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ประกาศต่างๆ ด้วยพระองค์เอง เมื่อทรงมีพระราชกิจอื่นๆ มากขึ้นจึงไม่ได้ทรงทำหนังสือดังกล่าวอีก หากแต่การพิมพ์ประกาศ ซึ่งเป็นพระบรมราชโองการ พระราชกระแส พระบรมราชาธิบายในวาระต่างๆ ยังเป็นที่นิยม จึงยังคงมีการออกประกาศเหล่านี้ เป็นใบปลิวแจกไปตามกรมกองต่างๆ ซึ่งธรรมเนียมปฏิบัตินี้ มีต่อมาจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ ก่อนจะมีการฟื้นฟูหนังสือราชกิจจานุเบกษาอีกครั้ง ในพุทธศักราช ๒๔๑๗ นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๐๑ เป็นต้นมาที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ออกประกาศสงกรานต์ สำหรับข้าราชการ และราษฎรได้ทราบวันที่ชัดเจนในการเข้าสู่ศักราชใหม่ สันนิษฐานว่า พระองค์ได้ทรงถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติในปีต่อมาหลังจากนั้น เมื่อใกล้จะเข้าสู่ศักราชใหม่ จะทรงออกประกาศมหาสงกรานต์ให้ทราบ ดังเช่นประกาศวันมหาสงกรานต์ ปีมะแม เอกศก พุทธศักราช ๒๔๐๒ ใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า “...มีพระบรมราชโองการมารพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ให้ประกาศแก่ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย แลราษฎรในกรุงนอกกรุงให้รู้ทั่วกันว่าในปีมะแมนักษัตรเอกศก ณวันอังคาร เดือนห้าขึ้นสิบค่ำ เปนวันมหาสงกรานต์ วันพุธเดือนห้าขึ้นสิบเอ็จค่ำเปนวันเนา วันพฤหัสบดีเดือนห้าขึ้น ๑๒ ค่ำเปนวันเถลิงศก เปนวันนักษัตรฤกษพิเศษเพียงสามวัน ให้ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย แลราษฎรในกรุงนอกกรุงทำบุญให้ทาน ในเขตรมหาสงกรานต์นี้เหมือนอย่างเคยทำมาแต่ก่อน เมื่อวันสุดท้ายสิ้นสงกรานต์สามวันแล้ว มักไต่ถามกันว่าปีนี้สงกรานต์ขี่อะไรถืออะไรนั่งนอนอย่างไรกินอะไร เรื่องอย่างนี้จะบอกให้แจ้งก็ได้ แต่หาเปนประโยชน์ไม่ ถ้าจะใคร่รู้ให้มาคอยดูรูปมหาสงกรานต์ ซึ่งเขียนแขวนไว้ที่หน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในวันถือน้ำพระพิพัฒสัตยาแล้วนั้นเถิด ปีมะแมเอกศกนี้ พระพุทธศักราช ๒๔๐๒ นับตั้งแต่วันอังคาร เดือนหก แรมค่ำหนึ่งไป เปนปีที่ ๙ ในรัชกาลปัตยุบันนี้ มหาศักราช ๑๗๘๑จุลศักราช ๑๒๒๑ ตั้งแต่วันพฤหัส เดือนห้าขึ้นสิบสองค่ำไป ปีนี้ไม่มีอธิกมาสแลอธิกวาร ณวันอังคาร เดือนห้าขึ้นสามค่ำวันหนึ่ง วันเสาร์เดือนสิบ แรมสิบสามค่ำวันหนึ่ง เปนวันที่ถือน้ำพระพิพัฒสัตยา ประกาศมาณวันศุกร เดือนสี่ขึ้นสิบห้าค่ำ ปีมะเมียนักษัตรสัมฤทธิศก...” ถึงปลายปีมะแม เอกศก พุทธศักราช ๒๔๐๒ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ออกประกาศมหาสงกรานต์สำหรับปีวอก โทศก พุทธศักราช ๒๔๐๓ ซึ่งในประกาศฉบับนี้ แตกต่างไปจากประกาศมหาสงกรานต์ฉบับก่อนๆ ซึ่งคัดเฉพาะใจความสำคัญสำหรับเผยแพร่ในหนังสือราชกิจจานุเบกษา โดยทรงมี พระบรมราชาธิบายเพิ่มเติมว่าด้วยวันสำคัญต่างๆ ในรอบปี เช่น วันจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ วันวิสาขบูชา วันเข้าพรรษา วันมหาปวารณา และปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นในปีนั้น คือจันทรุปราคา ความดังนี้ “...วันพุธเดือนเก้าขึ้นสิบสี่ค่ำปีวอกโ๑๐ทศก จะมีจันทรอุปราคา จะจับทิศอาคเณ กินเปนอัฑฒคราธกึ่งดวงหย่อนอยู่หน่อยหนึ่ง แล้วเลียบมาข้างทิศทักษิณ แล้วจะคลายออกจนหลุดทิศทักษิณค่อนข้างหรดีหน่อยหนึ่ง ที่กรุงเทพมหานครกรุงเก่าแลลพบุรีขึ้นไปข้างเหนือ ปักษ์ใต้จนเมืองสงขลาเมืองตานีเปนบรรทัดกลาง เวลาแรกจับ ๔ ทุ่มกับ ๔๔ นาที คือ ๗ บาทนาฬิกา แต่ว่าจะเหนพระจันทร์หมองมัวข้างทิศอาคเณก่อนขาดขอบ ๓ บาทนาฬิกา เวลากลางคราธคือจับเกือบถึงกึ่งดวงเปนมากที่สุด เปนเวลา ๒ ยามถ้วนเที่ยงคืนทีเดียว เวลาหลุดขอบพระจันทรเห็นเต็มเมื่อ ๗ ทุ่มกับ ๑๖ นาทีคือ ๓ นาฬิกา แต่พระจันทรยังจะหมองอยู่ข้างทิศหรดีไปอีก ๓ บาทนาฬิกา กำหนดทั้งสามสถานนี้ ถ้าจะทายในเมืองฝั่งทเลตวันออกตั้งแต่เมืองตราดเมืองจันทบุรีขึ้นมาจนเมืองชลบุรีเมืองพนัสนิคม เมืองฉะเชิงเทรา เมืองปราจิณบุรี ในแนวตวันออกกรุงเทพ ต้องทายให้แก่กว่าที่กรุงเทพดังว่าแล้วนั้น ๒ นาฬิกาบ้าง ๓ นาฬิกาบ้าง ตามเมืองที่ห่างไปตวันออก คือให้เพิ่มส่วนที่ ๓ ฤๅกึ่งแห่งบาทเข้าทายเถิด จึงถูกกับเวลานาฬิกาตั้งในเมืองเหล่านั้น แต่ฝ่ายเมืองฝั่งทเลตะวันตกตั้งแต่เมืองนครศรีธรรมราชขึ้นมาจนเมืองเพ็ชร์บุรี เมืองกาญจนบุรี ถ้าจะทายก็ให้ลดลงกว่ากำหนดที่ว่าแล้วนั้น ๒ นาทีบ้าง ๓ นาทีบ้าง คือลดเสียเท่าส่วนที่ ๓ แห่งบาทฤๅกึ่งบาท ตามเมืองที่ไกลแลใกล้กรุงเทพไปข้างตวันตก เพราะเวลาเที่ยงคืนเที่ยงวัน ในฝั่งตวันตก เปนหลังเที่ยงคืนเที่ยงวันในฝั่งทเลตวันออก ๔ นาทีบ้าง ๕ นาทีบ้าง ๖ นาทีบ้าง...” ประกาศสงกรานต์บางฉบับ แสดงให้เห็นสภาพความเป็นไปของสังคม และวัตรปฏิบัติของคณะสงฆ์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงรับรู้มาเป็นเวลายาวนาน อย่างเช่นในประกาศมหาสงกรานต์ ปีระกา ตรีศก พุทธศักราช ๒๔๐๓ ความตอนหนึ่งว่า “...ถึงวันเสาร์ เดือน๑๑ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ก็เปนวันมหาปวารณาตามอย่างที่เคยถือมาโดยการหยาบๆ ครั้นเมื่อคิดตามนักษัตรฤกษ์แล้ว เดือน ๑๑ ข้างขึ้นก็เปนปักษ์ขาดเหมือนกัน วันศุกร์ เดือน ๑๑ ขึ้น ๑๔ ค่ำนั้น โดยดิถีประสงค์เปนวันเพ็ญ เพราะฉนั้น ถ้าพระสงฆ์จะถือโดยเลอียดให้ถูกต้อง จะต้องควรทำปวารณาเสียแต่ในวันนั้น อันนี้เปนอย่างดีสิ้นสงสัย ถึงในบาลีพระวินัยก็มีอยู่จะทำปวารณาในขึ้น ๑๔ ค่ำ ไม่เชื่อก็ไปค้นบาลีดูเอา การปีเดือนซึ่งนับในเมืองนั้นๆ บรรดาซึ่งเปนที่มีพระพุทธสาสนา ก็เปนแต่โครงๆ ไปดังอย่างธรรมเนียมไว้เพื่อจะให้คนเรียกง่ายจำง่าย แต่กาลเมื่อมาถึงพระพุทธบัญญัติแล้วก็ต้องกำหนดเอาตามนักษัตรฤกษ์พระจันทร์ที่เห็นปรากฎแก่ตาในอากาศนั้นเปนประมาณ ขอพระสงฆ์ผู้จะใคร่ปฏิบัติวินัยให้ถูกต้อง จงเรียนรู้นักษัตรฤกษ์แล้วพิเคราะห์ดูตามกำหนดวินัยธรรมนั้นๆ ให้ชอบเทอญ การเข้าปุริมพรรษาเข้าปัจฉิมพรรษาแลปวารณา ไม่ใช่การของพระเจ้าแผ่นดินๆ เปนแต่ผู้ทนุบำรุงชนทั้งปวงในพระราชอาณาจักร ให้ถือสาสนาตามใจตัวให้สิ้นความร้อนรำคาญใจเพราะถือสาสนา ก็แลซึ่งประกาศมาด้วยวันเหล่านี้ เพราะเห็นว่าพระสงฆ์ไม่ได้ศึกษาในนักษัตรฤกษ์โดยมาก เปนแต่ทำตามๆ กัน ก็พระสงฆ์บางพวกขวนขวายจะใคร่รู้การเลอียดนั้นก็มี จึงกล่าวมาตามใจพวกนั้นบ้าง เปนการช่วยเตือนสติ เมื่อเชื่อก็จงทำตาม เมื่อไม่เชื่อก็แล้วไป ไม่มีผิดชอบอะไรแก่การแผ่นดิน พระสงฆ์ในพระราชอาณาจักรทั้งปวงจงถือพระวินัยตามใจ อย่าได้ว่ากล่าวข่มขู่กันด้วยเหตุนี้เลย..” ภาพ : พระยาศรีสุนทรโวหาร (ฟัก สาลักษณ) เจ้ากรมพระอาลักษณ์ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการเรียบเรียงประกาศต่างๆ ในสมัยนั้น ที่มา : พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว,พระบาทสมเด็จ. พระราชพิธีสิบสองเดือน.กรุงเทพฯ : แสงดาว, ๒๕๕๖. พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว,พระบาทสมเด็จ. รวมพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง ประชุมประกาศรัชกาลที่ ๔. กรุงเทพฯ : องค์การค้าของคุรุสภา, ๒๕๔๘. ผู้เรียบเรียง : นายวสันต์ ญาติพัฒ ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี
***บรรณานุกรม***
ศาสนาจารย์ พอล แอนเดอร์สัน เอกิ้น D.D.
คำเทศนาสำหรับวันสำคัญ ของ ศาสนาจารย์ พอลแอนเดอร์สันเอกิ้น D.D. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานบรรจุอังคาร ศาสนจารย์พอล แอนเดอร์สัน เอกินD.D.(Rev.Paul Anderson Eakin D.D.)ณ สุสานสารสิน สีลม วันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1966
พระนคร
โรงพิมพ์พระจันทร์
2509
พูนพิศมัย ดิศกุล, หม่อมเจ้า. สิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น(รวมเล่ม). พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ : มติชน, 2559. 480 หน้า. ภาพประกอบ. 360 บาท.
เป็นบันทึกของหม่อมเจ้าพูนพิศมัย ดิศกุล ที่ได้เขียนบันทึกไว้ในเรื่องต่างๆ ดังนี้ ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 7 เศรษฐกิจตกต่ำและเสด็จเลียบมณฑลฝ่ายเหนือ สร้างสะพานพุทธยอดฟ้า ตั้งราบัณฑิตย์และพิพิธภัณฑ์ เบื้องหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ความวุ่นวายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 รัชกาลที่ 7 สละพระราชสมบัติและสิ้นพระชนม์ และเรื่องความเสื่อม หัวหิน รบกันเอง ปีนัง เสียเมือง กลับบ้าน พายุพัดไป ศาสนาของข้าพเจ้า ซึ่งหนังสือเล่มนี้นับว่าเป็นหนังสือประวัติศาสตร์ไทยอีกเล่มหนึ่งที่สมควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง
089.95911
พ 851 ส ( ห้องหนังสือทั่วไปเดือนพ.ค.63 )
หมวดหมู่ พุทธศาสนาภาษา บาลี/ไทยอีสานหัวเรื่อง พิธีศพ แง่ศาสนา พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 24 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58 ซม. บทคัดย่อ
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับชาดทึบ ได้รับบริจาคมาจากพระอธิการเด่น ปญฺญาทีโป วัดคิรีรัตนาราม ต.ดอนคา อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ดำเนินการอนุรักษ์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2534
หมวดหมู่ พุทธศาสนาภาษา บาลี/ไทยหัวเรื่อง พระพุทธเจ้า พระศรีอาริย์ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ 30 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 56 ซม. บทคัดย่อ
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากพระครูวิมลสังวร วัดแค ต.รั้วใหญ่ อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี