ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
ชื่อเรื่อง : สองฝั่งลำน้ำเจ้าพระยา
ชื่อผู้แต่ง : วิจิตรมาตรา, ขุน
ปีที่พิมพ์ : 2509
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์พระจันทร์
จำนวนหน้า : 108 หน้า
สาระสังเขป : สองฝั่งลำน้ำเจ้าพระยา เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นเพื่อสอนนักเรียนผ่านการโทรทัศน์ของเทศบาลนครกรุงเทพเพื่อสอนนักเรียน มีเนื้อหากล่าวถึงแม่น้ำเจ้าพระยาที่เปรียบเสมือนแม่น้ำแห่งชีวิตของคนไทย เป็นที่ตั้งของราชธานีไทยมาหลายยุคหลายสมัย แม่น้ำเจ้าพระยาเกิดทางเหนือของประเทศไทยจากแม่น้ำใหญ่หรือแคว 4 แคว มีชื่อเรียกว่า ปิง วัง ยม น่าน ตั้งต้นที่ปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์ ไหลลงมาทางใต้ไปออกทะเลอ่าวไทยที่จังหวัดสมุทรปราการ ตามทางที่ไหลลงมามีแม่น้ำอื่นมาบรรจบบ้าง แตกออกไปเป็นแม่น้ำอื่นบ้าง ในลำน้ำมีปลาต่าง ๆ มากมาย และสองฝั่งลำน้ำเจ้าพระยาเป็นที่ราบลุ่มเหมาะสำหรับการทำนา ปลูกพืชผัก ดินแดนในลุ่มน้ำเจ้าพระยาจึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้าวปลาอาหาร และในตอนท้ายได้จัดพิมพ์ เรื่องตำนานสักรวา เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแม่น้ำเช่นกัน
ผลการตรวจสอบโบราณสถานดอนปู่ตา บ้านหนองไฮ ตำบลหนองอีปาด อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ พบว่าโบราณสถานตั้งทางด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้านหนองไฮ เป็นโบราณสถานร้าง ตั้งอยู่ในบริเวณป่าชุมชนหลังหมู่บ้าน ป่ารกทึบอยู่ริมถนนจากหมู่บ้านไปเมรุเผาศพ
โบราณสถานมีสภาพชำรุดพังทลาย น่าจะเป็นอาคารที่เป็นโบสถ์ อาคารก่ออิฐสอปูน หันหน้าไปทางตะวันออก มีขนาดประมาณ ๕ X ๘ เมตร สูงประมาณ ๒ เมตร เหลือแต่ส่วนฐาน มีดินปกคลุมอยู่และมีเศษอิฐกระจายอยู่โดยรอบ ด้านบนมีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นอยู่บนโบราณสถาน ไม่พบโบราณวัตถุอื่นๆ สันนิษฐานว่าอาคารหลังนี้น่าจะเป็นโบสถ์ของวัดบ้านหนองไฮเดิม ก่อนจะย้ายที่ออกมาตั้งอยู่ที่ตั้งวัดปัจจุบัน
อาคารหลังนี้น่าจะเป็นอาคารที่เรียกว่าโบสถ์หรือสิม ที่ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมล้านช้าง ในการสำรวจไม่พบหลักฐานทางโบราณคดีใดๆ จึงไม่สามารถกำหนดอายุได้แน่นอน แต่น่าจะมีอายุประมาณ ๘๐ - ๑๐๐ ปี จากชุมชนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้
ข้อมูลโดย นายกิตติพงษ์ สนเล็ก นักโบราณคดี ชำนาญการพิเศษ ผู้อำนวยการกลุ่มโบราณคดี
แหล่งภาพเขียนสีเขาแบนะ
ประวัติ : “เขาแบนะ” เป็นเขาหินปูนลูกโดดขนาดเล็ก ตั้งอยู่บริเวณปลายแหลมของหาดฉางหลางในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ภาพเขียนสีตั้งอยู่บริเวณเพิงผาด้านทิศเหนือของเขา เมื่อน้ำทะเลลดระดับลง เขาแบนะจะมีลักษณะเป็นส่วนหนึ่งของปลายแหลม สามารถเดินเท้าไปชมภาพเขียนสีได้ โดยตัวภาพจะอยู่สูงกว่าระดับพื้นทรายประมาณ ๕ เมตร แต่หากระดับน้ำทะเลขึ้นสูง เขาแบนะจะกลายเป็นเกาะสามารถเดินทางไปชมด้วยเรือ ตัวภาพจะอยู่ในระดับที่สามารถเอื้อมถึง ภาพเขียนสีได้รับการสำรวจโดยโครงการโบราณคดีประเทศไทย (ภาคใต้) เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๒ – ๒๕๓๓ สำรวจพบภาพเขียนสีและชิ้นส่วนภาชนะดินเผา
จากลักษณะของพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นเวิ้งอ่าว เหมาะแก่การจอดเรือเพื่อพักระหว่างเดินทางหรือหลบกระแสลม คนโบราณจึงเลือกใช้พื้นบริเวณนี้ สร้างสรรค์ผลงานภาพเขียนสีเพื่อบอกเล่าเรื่องราวหรือเพื่อประกอบพิธีกรรม กำหนดอายุตัวภาพเขียนสีให้อยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ประมาณ ๔,๐๐๐ – ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว ภาพเขียนสีเขาแบนะจึงเป็นตัวแทนแหล่งโบราณคดีที่สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการดำรงอยู่ของชุมชนยุคก่อนประวัติศาสตร์ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามัน กำหนดอายุอยู่ในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์ ราว ๔,๐๐๐ – ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว
สิ่งสำคัญ
ภาพเขียนสีเขาแบนะ เขียนด้วยสีแดง ใช้เทคนิคร่างโครงภายนอกและตกแต่งลวดลายเป็นลายเส้นหรือระบายสีทึบภายใน
ลักษณะภาพ เป็นภาพเขียนสีรูปปลา จำนวน ๒ ตัว คว่ำหัวลง ลักษณะการเขียนภาพเขียนเป็นเส้นโครงร่าง และทำเป็นเส้นลายทางด้านในตัวปลา ส่วนหัวกับส่วนหางระบายสีแดงทึบ ด้านล่างของปลาเป็นภาพเขียนสี มีสภาพค่อนข้างลบเลือน โดยมีการระบายสีด้านในทึบ นักวิชาการบางท่านสันนิษฐานว่าอาจเป็นอุปกรณ์จับปลา บางท่านสันนิษฐานว่าเป็นรูปสัตว์คล้ายเสือ ถัดลงไปด้านล่างทางด้านขวามือ (ของผู้ชมภาพ) เป็นภาพเขียนสีมีลักษณะคล้ายสัตว์ระบายสีทึบแต่เนื่องจากภาพมีสภาพค่อนข้างลบเลือนทำให้ไม่สามารถเห็นภาพชัดเจน
ชื่อเรื่อง พิมพาภิลาป (นิทานพิมพาพิลาป)สพ.บ. 103/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 66 หน้า กว้าง 4.3 ซ.ม. ยาว 55 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา บทสวดมนต์บทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก วัดประสพสุข ต.ทับตีเหล็ก อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง อากาวตฺตสุตฺต (อาการวัตตสูตร)สพ.บ. 202/1ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 62 หน้า : กว้าง 4.2 ซ.ม. ยาว 56.5 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา บทสวดมนต์บทคัดย่อ/บันทึกเป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจาก วัดกกม่วง ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
ลับแลภาพลายรดน้ำปิดทองเรื่องรามเกียรติ์ตอนพระรามรบทศกัณฐ์
โดยกรอบลับแลนี้เป็นงานประดับมุกซึ่งมีเทคนิตต่างไปจากงานเครื่องมุกของไทยที่ตามปกติจะใช้รักสมุก (รักผสมขี้เถ้า) ในการประสานชิ้นส่วนลวดลายมุกแต่ละชิ้น สำหรับลับแลนี้ใช้เทคนิคการขุดไม้เป็นร่องตามลวดลายที่ต้องการและฝังชิ้นมุกลงในร่องนั้น ซึ่งเป็นเทคนิคที่คล้ายคลึงกับ ปี่พาทย์เครื่องใหญ่ประกอบงาฝังมุก พระปรมาภิไธยย่อ “ม.ว.” (ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของสำนักการสังคีต กรมศิลปากร) โดยปี่พาทย์ชุดนี้สร้างขึ้นในปลายรัชกาลที่ ๕ แม้ลับแลภาพพระรามรบทศกัณฐ์จะไม่มีประวัติชัดเจน ระบุเพียงว่าเป็นสมบัติเดิมของพิพิธภัณฑสถาน แต่โบราณวัตถุชิ้นนี้เคยรับการคัดเลือกไปจัดแสดงนิทรรศการสยามที่เมืองตูริน สาธารณรัฐอิตาลี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔ สามารถชมลับแลภาพพระรามรบทศกัณฐ์ได้ในห้องจัดแสดงเครื่องประดับมุก พระที่นั่งพรหมเมศธาดา (ชั้นล่าง) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ห้องเครื่องประดับมุก พระที่นั่งพรหมเมศธาดา (ชั้นล่าง) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
สื่อนำเสนอเทคนิคการประดับมุกแบบจีนด้วยวิธีฝังลาย ในห้องเครื่องประดับมุก พระที่นั่งพรหมเมศธาดา (ชั้นล่าง) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
สื่อนี้จำลองกรรมวิธีการประดับมุกของกรอบลับแลภาพลายรดน้ำปิดทองเรื่องรามเกียรติ์ตอนพระรามรบทศกัณฐ์
เลขทะเบียน : นพ.บ.87/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 46 หน้า ; 4.5 x 59 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 50 (78-93) ผูก 2 (2564)หัวเรื่อง : จุนฺทสูกสุตตฺ (จุนทสูกริกสูตร) --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อเรื่อง ปพฺพชฺชานิสํสกถา (อานิสงส์บวช)สพ.บ. 156/1กประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 44 หน้า กว้าง 5.5 ซ.ม. ยาว 58 ซ.ม. หัวเรื่อง ธรรมเทศนา พุทธศาสนา อานิสงส์ การบวช
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร ต.รั้วใหญ่ อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี
ตำรายาแผนโบราณ ชบ.ส. ๗๖
เจ้าอาวาสวัดเทพประสาท ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
มอบให้หอสมุด ๒๓ ก.ค. ๒๕๓๕
เอกสารโบราณ (สมุดไทย)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.28/1-4
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ผืนป่าเมืองน่าน ( ตอนที่ ๒ )
-- ในตอนที่ ๑ กล่าวถึงผืนป่าน้ำสาฝั่งซ้าย อำเภอสา จังหวัดน่าน ช่วงทศวรรษ ๒๕๐๐ - ๒๕๑๐ นั้น เป็นเพียงพื้นที่ส่วนน้อยที่ปรากฏความอุดมสมบูรณ์ของพันธุ์ไม้และทรัพยากรธรรมชาติ
ในตอนนี้จะขยายภาพผืนป่าทั้งอำเภอสาว่ากว้างขวางเพียงใด --
-- จากเอกสารจดหมายเหตุของสำนักงานป่าไม้จังหวัดน่าน มีร่างแผนที่สังเขปการตรวจสอบสภาพป่าท้องที่อำเภอสาชัดเจน ด้วยแทบทุกตารางนิ้วเป็นเฉดสีพันธุ์ไม้เต็มพื้นที่ เรียกได้ว่า " กว้างใหญ่ไพศาล " ทีเดียว
ภายในร่างแผนที่ระบุลำห้วย ๔ สาย หมู่บ้าน ๓ แห่ง นอกนั้นคือป่าเบญจพรรณ ( Mixed Deciduous Forest ) ไม้ผลัดใบ และป่าแดง ( Deciduous Dipterocarp Forest ) ไม้เต็งรังทั้งสิ้น
หากพิจารณาประกอบกับแผนที่ป่าน้ำสาฝั่งซ้ายในตอนที่ ๑ แล้ว สามารถคะเนได้ว่า อำเภอสาอุดมสมบูรณ์ด้วยไม้ผลัดใบกับไม้เต็งรังเนื้อแข็ง นอกจากนี้พื้นที่รอบอำเภอยังถูกโอบล้อมด้วยภูเขา เพราะในแผนที่ระบุแนวสันเขาไว้ตลอด มีสภาพอากาศบริสุทธิ์รักษาความชื้นความร่มเย็นสม่ำเสมอ
อย่างไรก็ตาม สำนักงานป่าไม้ยังคงสำรวจผืนป่าอื่นๆ ของจังหวัดน่านอีก โดยในตอนหน้าพบกับต้นฉบับแผนที่ป่าน้ำแก่น จะอุดมสมบูรณ์เช่นไร โปรดติดตาม...
ผู้เขียน : นายธานินทร์ ทิพยางค์ ( นักจดหมายเหตุ )
เอกสารอ้างอิง : หจช.พย. แผนที่กรมป่าไม้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผจ นน 1.6 / 13
เรื่องแผนที่สังเขปการตรวจสอบสภาพป่าท้องที่อำเภอสา จังหวัดน่าน
(ม.ท.)
นรินทร์ธิเบศร์ (อิน). โคลงนิราศนรินทร์. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2525. โคลงนิราศนรินทร์นี้ นายนรินทร์ธิเบศร์ (อิน) กวีเอกในสมันรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาเสนานุรักษ์ ได้แต่งขึ้นในระหว่างเดินทางโดยเสด็จสมเด็จพระบวรราชเจ้าฯ ไปรบพม่าซึ่งยกทัพเข้ามาตีเมืองถลางและเมืองชุมพร ระหว่างปี พ.ศ. 2352