ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
องค์ความรู้จากสำนักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี เรื่อง พระโคตะโม แลพระศิรอะริโย : ร่มโพธิ์แห่งศรัทธาของชาวเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล : สำนักศิลปากรที่ ๑ ราชบุรี www.facebook.com
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2544 นิยามความหมายของยาม นอกจากแปลว่า ช่วงเวลาแห่งวันแล้ว ยังมีความหมายว่า “คนเฝ้าสถานที่หรือระวังเหตุการณ์ตามกำหนดเวลา เช่น แขกยาม ไทยยาม คนยาม”
จากการศึกษาค้นคว้าข้อมูล พบเอกสารที่แสดงถึงคุณความดีของคนยามหอพระสมุด ได้กล่าวไว้ ดังนี้
“ว่าด้วยแขกแชเบอร์ โจวทุรี รับราชการรักษายามที่หอพระสมุดแห่งพระนคร ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2463 เป็นเวลาสามปีหกเดือน รักษาหน้าที่เรียบร้อยตลอด มีความชอบพิเศษ 3 ครั้ง จับได้คนร้ายพยายามลักทรัพย์ สภานายกหอพระสมุดฯ ประทานรางวัล 1 ครั้ง ส่วนอีก 2 ครั้งไม่ได้ให้ จึงระบุความดีไว้ในหนังสือนี้ด้วย และลาจากหน้าที่รักษายามหอพระสมุด เพื่อกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเมืองบิดร จึงได้ทำหนังสือแสดงคุณความดี ฉบับนี้ไว้เป็นสำคัญ” ลงวันที่ 8 ตุลาคม 2466”
ช่วงเวลานั้นแขกมาเป็นนายยามที่หอพระสมุดฯในช่วงเวลาดังกล่าวอยู่เสมอ เช่น ในปีพ.ศ. 2460 มีคนยาม 3 คน ได้แก่ แขกสรัส (ชาติฮินดู แผลต้นนิ้วชี้ซ้าย) , แขกเชอดิเซ็ง (ชาติฮินดู แผลที่จมูกข้างขวา) และแขกพรหมหลัด(ชาติฮินดู แผลหลังมือซ้าย) ทั้งสามได้เงินเดือนเดือนละ 24 บาท แต่ไม่พบข้อมูลของแขกโจวทุรี ในเอกสารอื่น ทราบแต่ว่าได้รับเงินเดือนเดือนละ 25 บาท จากเอกสารปี พ.ศ. 2464 มีนายยาม 1 คน คือ แขกเซอร์ดิเซง และ คนยาม 2 คน คือ แขกแชเบอร์โจวทุรี (ในต้นฉบับสะกด โจวุดรี) และแขกงังเงอบีซน ระบุได้เงินเดือนปีละ 300 บาท เฉลี่ยเดือนละ 25 บาท
แม้ว่าจะไม่ได้ทราบประวัติหรือรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับแขกโจวทุรี แต่ทำให้ตระหนักถึงความสำคัญที่ตนทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุดด้วยความสุจริต นั่นคือเกียรติของตนเอง และทำให้ได้ตระหนักว่า ความดีไม่มีวันสูญหาย เอกสารยังปรากฏคุณความดีจนถึงทุกวันนี้ร่วมศตวรรษ ความดีจะเป็นนิรันดร์
-----------------------------------------------------------
ข้อมูลอ้างอิง
ศธ 0701.6/220 ตัวอย่างแสดงคุณความดีของคนยามหอพระสมุดฯ
ศธ 0701.6/189 ค่าใช้สอยต่างๆ พ.ศ.2464
ศธ 0701.6/107 ขอรับยกเว้นเงินค่าราชการ พ.ศ. 2460
-----------------------------------------------------------
เรียบเรียงข้อมูลโดย : นายบารมี สมาธิปัญญา นักวิชาการเผยแพร่ สำนักหอสมุดแห่งชาติ
วัดพระฝาง : มหาธาตุแห่งเมืองสวางคบุรี"วัดพระฝาง" เป็นวัดสำคัญของเมืองสวางคบุรีที่เชื่อว่าเป็นที่ประดิษฐานพระรากขวัญ (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า โดยถือเป็นพระธาตุกลางเมืองฝางหรือเมืองสวางคบุรีซึ่งสร้างตามคติโบราณที่นิยมสร้างพระธาตุเป็นศูนย์กลางของเมือง ทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่เคารพศรัทธามาตั้งแต่อดีตกาล ทั้งจากผู้คนในหัวเมืองฝ่ายเหนือ ผู้คนในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงชาวมอญจากพม่าและชาวลาวจากการขุดค้นทางโบราณคดีพบว่าบริเวณวัดพระฝางมีผู้คนเข้ามาตั้งถิ่นฐานตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์และอยู่อาศัยต่อเนื่องมาจนถึงสมัยสุโขทัย โดยปรากฏชื่อในหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมายในฐานะที่เป็นพระธาตุสำคัญประจำเมืองฝาง เช่น ในศิลาจารึกหลักที่ ๒ จารึกวัดศรีชุมที่กล่าวว่าพระมหาเถรศรีศรัทธาได้เดินทางมากราบไหว้พระธาตุเมืองฝางก่อนจะเดินทางต่อไปอ่าวเมาะตะมะเพื่อลงเรือไปยังลังกาความศรัทธาในพระธาตุวัดพระฝางยังคงได้รับการสืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง ดังพบว่าพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ได้เสด็จฯ มาสักการะพระธาตุที่วัดพระฝางแห่งนี้โดยถือเป็นวัดสำคัญเช่นเดียวกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองพิษณุโลก อาทิ พ.ศ. ๒๒๘๐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จฯ มาสมโภชพระธาตุ พ.ศ. ๒๓๑๓ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชโปรดฯ ให้จัดการสมโภชพระธาตุแห่งนี้อีกครั้งภายหลังจากการปราบปรามชุมนุมเจ้าพระฝางซึ่งใช้วัดพระฝางเป็นศูนย์กลางในการซ่องสุมกำลังพลหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๐ และพระราชศรัทธานี้ยังคงสืบเนื่องต่อมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ดังที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) โปรดฯ ให้มีการบูรณะพระธาตุนี้ใหม่ใน พ.ศ. ๒๔๑๐ การเสด็จฯ มาสักการะของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๔ ซึ่งในการนี้โปรดฯ ให้อัญเชิญ "พระฝาง" พระประธานในอุโบสถไปประดิษฐาน ณ วัดเบญจมบพิตร กรุงเทพมหานคร จวบจนปัจจุบันกล่าวได้ว่าวัดพระฝางเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองและเป็นหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกถึงการมีอยู่ของเมืองสวางคบุรีโดยได้รับการบูรณะมาโดยตลอดจึงยังสามารถตั้งตระหง่านผ่านกาลเวลา เป็นที่นับถือของผู้คนทั้งในจังหวัดอุตรดิตถ์และในประเทศไทยตราบจนทุกวันนี้ที่มาภาพ : - https://www.hoteluttaradit.com/.../wat-phra-fang...- ที่มา : https://www.silpa-mag.com/culture/article_8965
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 147/1เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 178/5 เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง : กำลังความคิด ชื่อผู้แต่ง : หลวงวิจิตรวาทการ ปีที่พิมพ์ : 2494สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯสำนักพิมพ์ : วรรธนะวิบูลย์ จำนวนหน้า : 552 หน้า สาระสังเขป : เป็นเรื่องราวของการสร้างสมรรถภาพของมันสมอง การฝึกประสาท ทางตา ทางหู ทางกาย ทางใจ สมาธิ ปฏิภาณ เหตุผล การตัดสินใจ ลักษณะของศิลปิน มโนคติ ความจำ ความเฉียบแหลมคมคาย ความสังเกต การเปรียบเทียบ การทอดถ่ายความรู้เปรียบเทียบกำลังความคิดกับหัวข้อธรรมทางพุทธศาสนา
สนามหลวง
ชื่อผู้แต่ง -
ชื่อเรื่อง สนามหลวง
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ ๑
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพมหานคร
สำนักพิมพ์ เมืองโบราณ
ปีที่พิมพ์ ม.ป.ป.
จำนวนหน้า ๑ เล่ม : ภาพประกอบ
หมายเหตุ -
สนามหลวงแปลว่า สนามของพระเจ้าแผ่นดิน เป็นทุ่งโล่งมีอาณาเขตครึ่งเดียวของปัจจุบัน อีกฟากหนึ่งไปทางทิศเหนือเมื่อก่อนยังเป็นวังหน้า ทุ่งนี้ใช้เป็นที่ตั้งงานพระมุเผาศพเจ้านาย จึงเรียกว่าทุ่งพระเมรุ เป็นการเล่าเรื่องสนามหลวงด้วยภาพ
ชื่อผู้แต่ง -
ชื่อเรื่อง วารสารคหเศรษฐศาสตร์( ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๐๕)
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์ของสมาคมสังคมศาสตร์แห่งประเทศไทย
ปีที่พิมพ์ ๒๕๐๕ ปีที่ ๗ ฉบับที่ ๓ ( พ.ค.๐๕ )
จำนวนหน้า ๖๑ หน้า
หมายเหตุ -
รายละเอียด
วารสารของสมาคมคหเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทยประกอบด้วยบทความเรื่องการใช้ความร้อนเพื่อรักษาปลาสด การเลี้ยงดูเด็กด้วยวินัย มีสลึงพึงบรรจงให้ครบบาท การแนะแนวในการเลือกคู่ครอง การเลือกภาชนะหุงต้มและการศึกษาหาตำหรับการใช้น้ำมันหมูแทนเนยในการทำขนมมเค้ก
ชื่อเรื่อง วารสารคหเศรษฐศาสตร์ (ปีที่ 5 ฉบับที่ 5 กรกฎาคม 2503)
ชื่อผู้แต่ง สมาคมคหเศรษฐศาสตร์แห่งประเทศไทย
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ ธนบุรี
สำนักพิมพ์ โรงเรียนช่างพิมพ์เพชรรัตน์
ปีที่พิมพ์ ๒๕๐๓
จำนวนหน้า 92 หน้า
รายละเอียด
เป็นวารสารวิชาการสำหรับชาวคหกรรมศาสตร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้ แนวคิดทาง คหกรรมศาสตร์และผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ภายในเล่มประกอบด้วย 9 บทความ เช่น ปลูกไม้ยืนต้นประดับบ้าน อาหารตามฤดูกาล ปัญหาการแพ้เครื่องสำอาง ฯลฯ
พระวิษณุสี่กร
สมัยศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๔
พบที่เขาพระเหนอ อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา
ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ห้องศรีวิชัย อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
พระวิษณุสี่กร ทรงยืนตรง (สมภังค์) พระเศียรทรงหมวกทรงกระบอก (กิรีฏมกุฎ)* พระวรกายท่อนบนไม่แสดงการสวมเสื้อ พระอุระผึ่งผาย พระพาหาแสดงลักษณะกล้ามเนื้อชัดเจน พระหัตถ์ชำรุดหักหายไปทั้งหมด ทรงพระภูษาผ้ายาว คาดด้วยรัดพระองค์ ชายพระภูษาทบกันไปมาตกลงจรดระหว่างพระบาท ฐานสี่เหลี่ยมมีขนาดใหญ่ ช่องว่างระหว่างส้นพระบาทมีร่องรอยจารึกอักษรไทย ภาษาไทย ปัจจุบันลบเลือนไม่สามารถอ่านแปลความได้
ความโดดเด่นของพระวิษณุสี่กรองค์นี้ คือความสามารถในฝีมือของช่างสลักประติมากรรม ที่สามารถแสดงลักษณะของกล้ามเนื้อ ลำตัวและแขนให้ใกล้เคียงกับหลักกายวิภาคของมนุษย์ และกล้าสลักเป็นรูปลอยตัว พระกรทั้งสี่นั้นไม่ได้สลักติดกับพระวรกาย แต่ยังคงมีชายผ้าและกระบองในพระหัตถ์ซ้ายล่างช่วยยึดติดกับส่วนฐานเหมือนกับประติมากรรมพระวิษณุสี่กรรูปอื่น ศ.ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ ได้เคยเสนอว่า “อาจจะเป็นประติมากรรมที่แลดูมีอำนาจและน่าเกรงขามที่สุดในบรรดาประติมากรรมที่พบในประเทศไทย”
กิรีฏมกุฎที่เป็นหมวกทรงกระบอกเรียบ และการนุ่งผ้ายาว ขอบผ้าที่ระหว่างพระชงฆ์ (แข้ง) โค้งขึ้นไปคล้ายกับการถูกรั้งที่ชายพกคล้ายวิธีการนุ่งโจงกระเบนยาวแบบอินเดียใต้ สะท้อนถึงการรับอิทธิพลวัฒนธรรมการแต่งกายของศิลปะอินเดียแบบปัลลวะที่แพร่กระจายเข้ามาในพื้นที่คาบสมุทรมลายู (รวมถึงพื้นที่ของเขมร) ช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๔ ซึ่งบริเวณเขาพระเหนอแหล่งที่พบพระวิษณุสี่กรนั้น ยังเป็นพื้นที่ที่พบหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญ เช่น ร่องรอยของศาสนสถาน (สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเนื่องในศาสนาพราหมณ์) เศษภาชนะเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ถังถึงราชวงศ์ซ้อง ลูกปัด เครื่องแก้วแบบอาหรับ โบราณวัตถุเหล่านี้แสดงถึงการติดต่อกับบ้านเมืองในภูมิภาคอื่น หรือเมืองท่าที่ห่างไกล สะท้อนให้เห็นว่าบริเวณนี้เป็นเสมือนชุมทางสินค้าในอดีต และสามารถเดินทางตัดข้ามคาบสมุทรไปยังชุมชนบริเวณพื้นที่แหลมโพธิ์ ในเขตอำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
พระวิษณุสี่กรองค์นี้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) เคยเสด็จทอดพระเนตร เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ร.ศ. ๑๒๘ (พ.ศ. ๒๔๕๒) ระหว่างที่พระองค์เสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ ดังความในจดหมายเหตุตอนหนึ่งกล่าวว่า
“...เสด็จขึ้นไปทอดพระเนตรพระนารายณ์เทวรูปบนยอดเขาพระเหนอ เทวรูปองค์นี้ทำด้วยศิลาหินทราย บัดนี้หักเสียเป็นสองท่อน หักเฉพาะที่เอว ถ้าไม่หักคงสูงราว ๕ ศอก เครื่องสนิมพิมพ์พาภรณ์ไม่วิจิตรเหมือนองค์ที่เขาเวียง** แต่ฝีมือทำกล้ามเนื้อดีเหมือนคน เทวรูปนี้ยืนอยู่กลางฐานใหญ่ก่อด้วยอิฐแผ่นใหญ่... ”
ต่อมาเทวรูปองค์นี้ถูกทุบทำลายแตกหักเป็นหลายชิ้น บริเวณพระพักตร์ พระศอ พระกร พระวรกาย กระทั่งประมาณเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๒ พระวรคีรีรักษ์ นายอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ได้ส่งเทวรูป องค์นี้มาเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในครั้งนั้นทะเบียนระบุว่ามีชิ้นส่วนของเทวรูปองค์นี้ถึง ๑๓ ชิ้น
*กิรีฏมกุฎ หมายถึง มกุฎที่แสดงถึงความเป็นกษัตริย์
**หมายถึงเทวรูปพระวิษณุ ที่เขาเวียง (หรือเขาพระนารายณ์) อำเภอกะปง จังหวัดพังงา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทอดพระเนตร เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ร.ศ. ๑๒๘ (พ.ศ. ๒๔๕๒) ปัจจุบันเทวรูป องค์นี้จัดแสดงอยู่ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง จังหวัดภูเก็ต
อ้างอิง
เชษฐ์ ติงสัญชลี. บทบาทของศิลปะอินเดียต่อเครื่องแต่งกายประติมากรรมบุคคลในเอเชียอาคเนย์. กรุงเทพฯ: มติชน, ๒๕๖๒.
พิริยะ ไกรฤกษ์. ศิลปะทักษิณก่อนพุทธศตวรรษที่ ๑๙. กรุงเทพฯ: อมรินทร์การพิมพ์, ๒๕๒๓.
มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. จดหมายเหตุประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ ร.ศ. ๑๒๘ ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. กรุงเทพฯ: องค์การค้าคุรุสภา, ๒๕๐๖.
ศรีศักร วัลลิโภดม. อู่อารยธรรมแหลมทองคาบสมุทรไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ: มติชน, ๒๕๔๘.
“แจ้งความราชบัณฑิตยสภา เรื่อง มีผู้ให้ของแก่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร.” ราชกิจจานุเบกษา. เล่มที่ ๔๖ ตอนที่ ๐ง. (๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๗๒): ๑๒๗๘-๑๒๘๓.
เลขทะเบียน : นพ.บ.527/13ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 50 หน้า ; 5 x 48 ซ.ม. : รักทึบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 176 (267-279) ผูก 13 (2566)หัวเรื่อง : ลำสินไชย--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
กองโบราณคดีใต้น้ำ กรมศิลปากร ขอเชิญชวนผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ “อาสาสมัครเครือข่ายโบราณคดีใต้น้ำ” เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสอดส่องดูแลและแจ้งพบแหล่งโบราณคดีใต้น้ำ โดยในปีนี้ กองโบราณคดีใต้น้ำจะคัดเลือกผู้เข้าร่วมอบรม จำนวน 18 คน จากผู้สมัครทั้งหมด กิจกรรมประกอบด้วยการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับแหล่งมรดกวัฒนธรรมใต้น้ำ การทำงานโบราณคดีใต้น้ำ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานโบราณคดีใต้น้ำ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมนอกที่ตั้งโดยผู้เข้าอบรมจะร่วมเดินทางไปกับเรือสำรวจของเรา (เรือแววมยุรา) เพื่อชมและทดลองทำกิจกรรมสาธิตการเก็บข้อมูลทางโบราณคดีใต้น้ำเพื่อการแจ้งพบแหล่งโบราณคดี กิจกรรมจะจัดระหว่างวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ 27-28 พฤษภาคม 2566 นี้ ณ สำนักงานกองโบราณคดีใต้น้ำ จังหวัดจันทบุรี และแหล่งดำน้ำหินบอยเซ็น จ.จันทบุรี ผู้ที่ผ่านการอบรมจะได้รับการขึ้นบัญชีเป็นเครือข่ายอาสาสมัครท้องถิ่นในการดูแลรักษามรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ (อส.มศ.) มีบัตรประจำตัว มีสิทธิเข้าชมแหล่งเรียนรู้ของกรมศิลปากร ฟรี รวมถึงการเข้าร่วมกิจกรรม อส.มศ.ในอนาคต
ปิดรับสมัคร : 14 พฤษภาคม 2566
ประกาศรายชื่อ : 16 พฤษภาคม 2566
อบรม : 27-28 พฤษภาคม 2566
คุณสมบัติผู้สมัคร :
1) เป็นผู้มีสัญชาติไทย สุขภาพแข็งแรง มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
2) มีความสนใจในเรื่องมรดกทางวัฒนธรรมใต้น้ำ
3) สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ตลอดโครงการ
ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนสมัครเพื่อเข้ารับการคัดเลือกผ่าน Google Forms ตามลิงค์นี้ได้เลย https://forms.gle/jRMbwSWuFLYa4bQC9
ชื่อเรื่อง เรื่องพระโพธิสัตว์ (โพธิสัตว์) อย.บ. 433/1ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลาน หมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 32 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนา--การศึกษาและการสอน ชาดกบทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ล่องชาด ไม่มีไม้ประกับ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี