ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ


แผ่นศิลายันต์ วัสดุ หินแกรนิต สมัยรัตนโกสินทร์ อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 24ที่มา พบบริเวณป้อมเทเวศร์บริรักษ์ มุมกำแพงเมืองสงขลาด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ในราวปี พ.ศ. 2496 ปัจจุบันเก็บรักษา ณ วัดมัชฌิมาวาสวรวิหาร อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา           แผ่นหินแกรนิต รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัต ขนาด 44 x 44 เซนติเมตร หนา 8 เซนติเมตร ปรากฏการจารึกบนแผ่นหินเป็นรูปตาราง ตัวเลข และอักขระ โดยนายจรัญ ทองวิไล นักภาษาโบราณ หอสมุดแห่งชาติกาญจนาภิเษก สงขลา ได้ทำการศึกษา และสรุปโดยสังเขปว่า แผ่นจารึกนี้จารึกยันต์ที่เรียกว่า “ยันต์สี่” โดยด้านข้างยันต์ทั้งสี่ด้านมีอักขระกำกับไว้ ได้แก่ ด้านที่ 1 สักกัสสะ วชิราวุธัง แปลว่า พระอินทร์มีสายฟ้าเป็นอาวุธ ด้านที่ 2 เวสสุวัณณัสสะ คฑาวุธัง แปลว่า ท้าวเวสสุวรรณมีคฑาเป็นอาวุธ ด้านที่ 3 ยะมัสสะ นะยะนาวุธัง แปลว่า พระยมมีนัยน์ตาเป็นอาวุธ ด้านที่ 4 อาฬะวะกัสสะ ทุสสาวุธัง แปลว่า อาฬวกยักษ์มีผ้าเป็นอาวุธ           รูปแบบการจัดวางอักขระดังกล่าว มีความสัมพันธ์กับยันต์ “โสฬสมหามงคล” ที่มีการนำเอานามเทวดาและนามศาสตราวุธ 4 ชนิด ลงไว้ตามด้านต่าง ๆ ยันต์นี้มีไว้สำหรับขับไล่ภูติผีปีศาจ ทำลายไสเวทย์คาถาอาคม วัตถุอาถรรพ์ทุกชนิด กันฟ้า กันไฟ กันโจร และอุปัทวันตรายทั้งปวง ส่วนตัวเลขในช่องตารางทั้ง 37 ช่อง นั้นเป็นปริศนาธรรม หมายถึงโพธิปักขิยธรรม 37 ประการ อันจะนำเวไนยสัตว์ (สัตว์ผู้ควรแก่การแนะนำสั่งสอน) ผู้ประพฤติตามให้ถึงซึ่งพระนิพพาน           แผ่นศิลายันต์ ถูกค้นพบบริเวณหัวมุมกำแพงเมืองสงขลาด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ อันเป็นตำแหน่งของป้อม “เทเวศร์บริรักษ์” ในคราวที่องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ได้เข้ามาใช้พื้นที่ในการตั้งชุมสายโทรศัพท์จังหวัดสงขลา เมื่อราวปี พ.ศ. 2496 โดยได้มีการรื้อป้อมเทเวศร์บริรักษ์ทั้งหมด และกำแพงเมืองด้านทิศเหนือที่ติดกับป้อมไปบางส่วน สันนิษฐานว่า แผ่นศิลายันต์ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ. 2379 เมื่อครั้งที่พระยาวิเชียรคีรี (เถี้ยนเส้ง) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลา ก่อสร้างป้อมและกำแพงเมืองสงขลา ตามพระราชโองการของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2385           ทั้งนี้ กำแพงเมืองสงขลาได้มีการซ่อมแซมตลอดมา และได้เริ่มมีการรื้อถอนโดยพระยาสุขุมนัยวินิต ข้าหลวงเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลนครศรีธรรมราช ในปี พ.ศ. 2442 เพื่อขยายเมือง และ ตัดถนน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกำแพงเมืองสงขลาหลงเหลือเพียงด้านทิศเหนือบริเวณถนนจะนะ และด้านทิศตะวันตกบริเวณถนนนครนอก โดยกรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2478 และ 21 กันยายน 2519 ความอนุเคราะห์ข้อมูล: นายสารัท ชลอสันติสกุล นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลาพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม อ้างอิง: 1. ณัฐธัญ มณีรัตน์. เลขยันต์ : แผนผังอันศักดิ์สิทธิ์. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: ดรีม แคชเชอร์ กราฟฟิค, 2553. 2. สำนักศิลปากรที่ 11 สงขลา. สารัท ชลอสันติสกุล. รายงานการขุดทางโบราณคดีกำแพงเมืองสงขลาบริเวณถนนนครนอก. ม. ป. ท : ม. ป. ท., 2563 (พิมพ์ในโครงการขุดแต่งเพื่อออกแบบบูรณะกำแพงเมืองสงขลา พุทธศักราช 2560) เรียบเรียง/ ถ่ายภาพ/ กราฟฟิก : นางสาวธีรนาฎ มีนุ่น ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา



***บรรณานุกรม*** หนังสือหายาก ผะอบ โปษะกฤษณะ.  หลักภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2.  พระนคร : ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๐๓.



          เครื่องประดับทองรูปทรงคล้ายมกุฎ ส่วนฐานเป็นวงแหวนซึ่งทำด้วยการนำทองเม็ดเล็กๆ มาติดกันไว้ (Granulated gold beads) ส่วนบนทำเป็นทรงกรวยคล้ายเครื่องประดับศีรษะ คือ “มกุฎ”          ทอง ถือเป็นวัตถุดิบที่มีค่า หายาก เครื่องประดับทองได้ถูกค้นพบในเมืองท่าโบราณในภาคใต้ของประเทศไทยทั้งทางฝั่งอันดามันและอ่าวไทย เช่น แหล่งโบราณคดีภูเขาทอง จังหวัดระนอง แหล่งโบราณคดีคลองท่อมจังหวัดกระบี่ แหล่งโบราณคดีเขาสามแก้ว จังหวัดชุมพร แหล่งโบราณคดีโคกทองจังหวัดสงขลา รูปทรงของเครื่องประดับที่พบมีหลากหลาย เช่นลูกปัดทองแบบรูปไข่ (Oval) ลูกปัดทองแบบกลม (Globular) ลูกปัดทองแบบเม็ดกลมต่อกันเป็นปล้อง ๆ (Segmented bead) ลูกปัดทองแบบวงแหวน (Annular) และแหวนทอง เป็นต้น          สำหรับเครื่องประดับทองคำชิ้นนี้พบจากแหล่งโบราณคดีบ้านบางกล้วย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเมืองท่าโบราณภูเขาทอง เจริญอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๖ – ๙ ลักษณะเด่นของโบราณวัตถุชิ้นนี้คือส่วนฐานของเครื่องประดับที่ทำเป็นรูปวงแหวน ซึ่งเป็นการนำทองเม็ดเล็กๆ มาติดกัน และยังพบเครื่องประดับที่นำลูกปัดทอง มาใช้ในลักษณะเช่นนี้รูปแบบอื่นๆ ที่ภูเขาทองอีกด้วย ในภาคใต้ยังพบเครื่องประดับทองรูปแบบนี้ที่เมืองท่าโบราณอื่นๆ อาทิ เขาสามแก้วและโคกทอง สำหรับในต่างประเทศพบที่เมืองตักศิลาประเทศอินเดีย และที่ประเทศอิหร่าน          จากข้อมูลที่ได้กล่าวมานั้นแสดงให้เห็นว่าเครื่องประดับทองที่ทำด้วยการนำทองเม็ดเล็กมาต่อติดกัน เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงท่าการค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เกิดขึ้นในอดีต และจากรูปแบบของเครื่องประดับทองชิ้นนี้ซึ่งมีความงดงามและละเอียดมาก จึงเป็นไปได้ว่าเครื่องประดับทองชิ้นนี้คงถูกนำเข้ามาจากต่างแดนมาสู่เมืองท่าโบราณภูเขาทองในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๖ – ๙


สาระสังเขป              : การทำบุญ 9 จังหวัด จากกรุงเทพฯ ถึงวัดหลวงเจริญธรรม ต.แม่ค้า อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2506 รวมทั้งสิ้นเป็นเวลา 17 วันผู้แต่ง                       : อ.อภิวณณาโรงพิมพ์                   : มหามกุฎราชวิทยาลัยปีที่พิมพ์                   : 2506ภาษา                       : ไทยรูปแบบ                     : PDFเลขทะเบียน              : บ. 180920 เลขหมู่                     :  895.9112                                  อ 111 บ




เลขทะเบียน : นพ.บ.47/11ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  50 หน้า ; 4.6 x 51.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 29 (295-307) ผูก 10หัวเรื่อง :  มหาวคฺคปาลิ ทีฆนิกาย --เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


ชื่อเรื่อง : ตำราพิไชยสงครามคำกลอน หัวเรื่อง : หนังสืออนุสรณ์งานศพ             รามจตุรงค์ (เพ็ชร), พล.ต. พระยา, 2425-2464             พิชัยสงคราม             ยุทธศาสตร์ คำค้น : - รายละเอียด : พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพนายพลตรี พระยารามจตุรงค์ (เพ็ชร บุณยรัตพันธุ์) เมื่อปีขาล พ.ศ.2469 ผู้แต่ง : ศรีธรรมาธิราช (เวก), เจ้าพระยา, 2384 - 2452 แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี หน่วยงานที่รับผิดชอบ/ โรงพิมพ์/ สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร ปีที่พิมพ์ : 2469 วันที่เผยแพร่ : 16 สิงหาคม 2568 ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : - ลิขสิทธิ์ :  - รูปแบบ : PDF ภาษา : ภาษาไทย ประเภททรัพยากร : หนังสืออนุสรณ์งานศพ ตัวบ่งชี้ : - รายละเอียดเนื้อหา : ตำราพิชัยสงครามคำกลอนเป็นคู่มือที่ให้ความรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การสงครามในสมัยโบราณของไทย ผ่านบทกลอนที่เน้นการจัดกระบวนทัพ การเลือกทำเลในการตั้งทัพ และการสังเกตนิมิตก่อนการออกศึก เช่น การสังเกตอากาศ เมฆ หรือพลช้างม้าที่อาจบ่งบอกถึงโชคชะตาหรือความสำเร็จในการรบ และกลศึก 21 ประเภท พร้อมแฝงแง่คิดด้านเศรษฐกิจ การเมือง และปรัชญาการต่อสู้ เลขทะเบียน : น. 34 บ. 6206 จบ. (ร) เลขหมู่ :      ห               355.4                ต643


องค์ความรู้ เรื่อง ภาพเขียนสีภูตะเภาทอง อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานีจัดทำข้อมูลโดย สำนักศิลปากรที่ ๘ ขอนแก่น



 นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าฯ กรมพระยา และ ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา.           สาส์นสมเด็จลายพระหัตถ์ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ และสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ        ภาคที่ 55.  พระนคร : กรมศิลปากร, 2505.       หนังสือเรื่องสาส์นสมเด็จ ภาคที่ 55 นี้ เป็นลายพระหัตถ์สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ กับสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงมีโต้ตอบกันในบั้นปลายแห่งพระชนมชีพเมื่อทรงว่างจากภาระทางราชการการเมือง  


ชื่อเรื่อง : พิธีบวงสรวง และประวัติวัดโชติการาม (วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร) ผู้แต่ง : มณี พยอมยงค์ ปีที่พิมพ์ : 2533 สถานที่พิมพ์ : เชียงใหม่ สำนักพิมพ์ : ม.ป.พ.


black ribbon.