ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ

     สุโขทัยทำบุญตักบาตรถวายเป็นพรพราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร      วันที่ 5 ธันวาคม 2559 เวลา 07.45 น.นางสาว ดวงกมล ยุทธเสรี ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย ข้าราชการและลูกจ้างเข้าร่วมกิจกรรม ทำบุญตักบาตรอาหารแห้งพระภิกษุสงฆ์จำนวน 89 รูป ถวายเป็นพรพราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ณ บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดสุโขทัย


ประวัติวงดุริยางค์สากล  กรมศิลปากร   (The National Symphony Orchestra)             วงดนตรีแบบดุริยางค์สากล ที่เรียกว่า ออร์เคสตร้า (ORCHESTRA) เริ่มเกิดมีขึ้นในประเทศไทย เมื่อราวปี พ.ศ.๒๔๕๔ โดยพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวล้นเกล้าล้นกระหม่อมรัชกาลที่ ๖ สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ของปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงมีพระราชประสงค์ให้มี  วงดนตรีสากลขึ้นในประเทศสยาม เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้สัมผัสกับดนตรีของชาวตะวันตกบ้าง  และอีกประการหนึ่งเพื่อให้ประเทศสยามทัดเทียมกับอารยประเทศในโลก จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จ้างครูฝรั่งชาวอิตาเลียนมาทำการสอนให้กับนักดนตรีไทย             ต่อมาได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พระเจนดุริยางค์ เป็นผู้ควบคุมวง โดยทรงพระราชทานนามว่า “วงเครื่องสายฝรั่งหลวง”ซึ่งขึ้นอยู่ในพระราชสำนัก สังกัด กรมมหรสพกระทรวงวัง และวงดนตรีวงนี้พัฒนาความสามารถขึ้นเป็นลำดับ ได้จัดการบรรเลงให้ชาวไทยและชาวต่างประเทศฟังอย่างแพร่หลายในครั้งนั้น มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง             ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดการบรรเลง ซิมโฟนี คอนเสิร์ต (SYMPHONY CONCERT) สำหรับประชาชนทั่วไปขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทย ณ  โรงโขนหลวง  ในสวนมิสกวัน  และที่ศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง(เขตชั้นนอก)  สลับที่กันบรรเลงเป็นงานประจำ เพื่อเก็บเงินไว้พระราชทานแก่องค์การสาธารณกุศลต่าง ๆ โดยมีพระเจนดุริยางค์ เป็นผู้อำนวยเพลงจนได้รับคำชมเชยจากชาวต่างประเทศ มีการจัดตีพิมพ์อยู่บนหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ ในเมืองไทย ซึ่งได้รับการยกย่องว่า “วงเครื่องสายฝรั่งหลวงแห่งเมืองไทย”  วงนี้เป็นวงดนตรีที่ดีที่สุดในภาคเอเซียตะวันออก             ครั้นต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง และในปี พ.ศ. ๒๔๗๗  วงดนตรีเครื่องสายฝรั่งหลวงได้โอนมาขึ้นกับกรมศิลปากร ดังนั้น วงดุริยางค์สากลวงแรกของประเทศไทยวงนี้ จึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น“วงดุริยางค์สากล  กรมศิลปากร” จนถึงปัจจุบันนี้   สำนักการสังคีต กรมศิลปากร   ขอเชิญชม   การแสดงดนตรีในสวน (Music in The Park)   โดย วงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร   เวลา ๑๗.๓๐ – ๑๙.๓๐ น. ณ  สวนนาคราภิรมย์ (ท่าเตียน)   **********************   กำหนดการบรรเลง   ครั้งที่ ๑ วันที่ ๑๕  มกราคม ๒๕๕๙   ครั้งที่ ๒ วันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๕๙   ครั้งที่ ๓ วันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๙   ครั้งที่ ๔ วันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙   *********************   นอกจากนี้ ขอเชิญชมรายการ “ศิลปากรคอนเสิร์ต” บรรเลงเพลงโดย วงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร วันศุกร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เวลา ๑๗.๓๐ น.  ณ โรงละครแห่งชาติ       ผู้สนใจร่วมรับฟังการบรรเลง“ดนตรีในสวน (Music in the Park)” ปีที่ ๓ โดยวงดุริยางค์สากล กรมศิลปากร ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักการสังคีต กรมศิลปากร โทร.๐ ๒๒๒๔ ๑๓๗๑




สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดการประชุมวิชาการนานาชาติ ครั้งที่ ๒ เรื่อง “ศึกษายางรักเพื่ออนุรักษ์ภูมิปัญญาไทย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” (The Second International Conference on Study of Oriental Lacquer Initiated by H.R.H. Princess Maha Chakri Sirindhorn for  the Revitalization of Thai Wisdom) เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ณ ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘   กรมศิลปากร กรมป่าไม้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกันจัดงานประชุมวิชาการนานาชาติและนิทรรศการ ครั้งที่ ๒ “The Second International Conference on Study of Oriental Lacquer Initiated by H.R.H. Princess Maha Chakri Sirindhorn for the Revitalization of Thai Wisdom” ระหว่างวันที่ ๒๔ – ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๘ โดยการจัดประชุมนานาชาติครั้งนี้มีเพียง "ยางรัก" ซึ่งใช้ในงานศิลปกรรมเป็นหัวข้อหรือโจทย์ แต่งานวิจัยที่นำเสนอในครั้งนี้ กลับเป็นการบูรณาการงานของหลายองค์กรทั้งสถาบันการศึกษา สาธารณสุข กรมศิลปากร กรมป่าไม้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และนักวิชาการสาขาต่างๆ จำนวน ๓๕๐ คน จาก ๑๔ ประเทศ คือ สหราชอาณาจักร สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมัน สาธารณรัฐอิตาลี สาธารณรัฐออสเตรีย ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สิงคโปร์ กัมพูชา และประเทศไทย เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ นับว่าประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ แยกได้เป็น                       ๑. ด้านวิชาการ เป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับยางรักและเครื่องรัก ทั้งด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์การทำเครื่องรัก การใช้ประโยชน์ของยางรัก และในแง่พิษวิทยาจากแพทย์แผนปัจจุบัน ตลอดจนบทบาทของยางรักกับสมุนไพรไทย นอกจากนี้ ยังมีการใช้เครื่องมือวิทยาศาสตร์คือ เครื่องเอ็กซ์เรย์ ๓ มิติ มาตรวจสอบโบราณวัตถุประเภทเครื่องรัก และมีการตรวจวิเคราะห์โบราณวัตถุด้วยนิวตรอนและรังสีแกมมา                    ๒. ด้านเศรษฐกิจและสังคม ทำให้ประเทศไทยมีความตื่นตัวที่จะใช้ยางรักซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่เกือบจะสูญหายไปจากประเทศไทย โดยกรมป่าไม้จะเป็นองค์กรหลักในการสร้างผลผลิต คือปลูกป่ารักและคัดเลือกสายพันธุ์เพื่อให้ได้ยางรักที่มีคุณภาพดี เป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ต้องสั่งซื้อยางรักจากต่างประเทศ และลดการใช้สารสังเคราะห์ที่ใช้แทนยางรักซึ่งนิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันหากสามารถผลิตยางรักได้มากเกินความต้องการ สามารถส่งขายยังต่างประเทศทำรายได้เข้าประเทศอีกด้วย                         ในการจัดประชุมครั้งนี้มีการสาธิตการทำเครื่องรักโบราณ โดยผู้เชี่ยวชาญชาวจีน ซึ่งปัจจุบันเครื่องรักของจีนผลิตขึ้นเพื่อส่งเป็นสินค้าออกจำหน่ายยังประเทศต่างๆ ทั้งยุโรปและอเมริกา ทำรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาล เครื่องรักจีนที่ได้รับความนิยมคือ เครื่องรักแกะสลักลวดลายลงบนพื้นรักและการประดิษฐ์ลวดลายเส้นด้ายที่ทำจากส่วนผสมของยางรัก การสาธิตที่จัดขึ้นนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะต่อยอดหรือเป็นแนวทางให้ผู้ที่สนใจทั่วไป ศิลปิน ตลอดจนชาวบ้านหรือชุมชนที่ประกอบกิจการหัตกรรมพื้นบ้านในการรังสรรค์เครื่องหัตถกรรมของไทยที่ผลิตจากยางรักทำเป็นสินค้าออกจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ นับเป็นการรวมกลุ่มของชาวบ้านและเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเป็นผู้สนับสนุน                      ๓. ด้านวัฒนธรรม งานศิลปกรรมและประณีตศิลป์ของไทยใช้ยางรักในการตกแต่งและเคลือบผิววัสดุต่างๆ มาแต่โบราณกาล เช่น งานปิดทอง ลายรดน้ำ เครื่องมุก และอื่นๆ ซึ่งพบเห็นตามศาสนสถาน ปราสาทราชวัง ล้วนแล้วแต่เป็นเอกลักษณ์และภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษถ่ายทอดไว้ กรมศิลปากรในฐานะผู้ดูแลรักษามรดกวัฒนธรรมของไทย ตลอดจนการบูรณะซ่อมแซมโบราณวัตถุสถานต่างๆ จำเป็นต้องมีบทบาทเป็นผู้นำในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาเรื่องการใช้ยางรักให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติตลอดไป ตามพระราชดำรัสเปิดการประชุมครั้งนี้ว่า             "การที่หน่วยงานที่มีศักยภาพร่วมมือช่วยเหลือกันในมิติต่างๆ จะช่วยให้งานอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมสาขานี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี"


พบเครื่องถ้วยชามลายน้ำทอง มีพระบรมฉายาลักษณ์ ร.5 ที่กาน้ำ และจาน ไม่ทราบว่ามีจริงหรือไม่ เนื่องจากไม่เคยเห็นในหนังสือ รวมทั้งภาพใน Internet ขอทราบรายละเอียดด้วยครับ






นิทรรศการศิลปะปูนปั้นแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๒




หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ นครพนม จัดกิจกรรมโครงการเครือข่ายจิตอาสาพัฒนาด้านบริการห้องสมุด วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน 2557 ณ โรงเรียนบ้านรามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม


ตำนานเครื่องมโหรีปี่พาทย์นี้  สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงนิพนธ์ขึ้น  โดยมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับตำนานเครื่องมโหรีปี่พาทย์  ต้นตำราเครื่องสังคีต  เรื่องตำนานเครื่องมโหรี  เรื่องตำนานมโหรีเครื่องสาย  เรื่องตำนานเครื่องปี่พาทย์  เรื่องตำนานกลองแขก  เรื่องตำนานปี่ซอและแคน  รวมถึงเครื่องมโหรีปี่พาทย์ของไทย


วันพุธที่ 11 ตุลาคม 2560 ชาวหอสมุดร่วมแรงร่วมใจกัน ปลูกต้นดาวเรืองเพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศล และแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9


พระวิษณุ(ศิลา)ศิลปะ สกุลช่างปัลลวะมีขนาด สูง ๑๔๘ เซนติเมตรกำหนดอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๒----------------ลักษณะ พระวรกายแสดงกล้ามเนื้อใกล้เคียงธรรมชาติ พระนาภีแอ่นขึ้นและพระปฤษภางค์เว้าเข้าแสดงให้เห็นลมปราณของโยคี พระเนตรเบิก พระโอษฐ์แย้ม ทรงสวมกีรีฏิมกุฏข้างบนผายออก พระวรกายช่วงบนเปล่าเปลือย ช่วงล่างสวมผ้านุ่งยาวหรือที่เรียกว่า “โธตี” มีผ้าภูษาคาดพระโสณี (สะโพก) ทรงภูษายาวครอมข้อพระบาท ขมวดเป็นปมใต้พระนาภี และ ผ้าคาดพระโสณีตามแนวนอนพระหัตถ์ขวาอาจทรงถือภู (ก้อนดิน) พระหัตถ์ซ้ายทรงถือคฑาแนบพระองค์ จากที่ได้กล่าวมาพระวิษณุลักษณะนี้เป็นลักษณะสำคัญที่เห็นได้ชัดของพระวิษณุรุ่นแรก ๆ ในดินแดนไทย ที่สัมพันธ์กับพระวิษณุในศิลปะอินเดียแบบปัลลวะ---------------------พบที่ โบราณสถาน เมืองโบราณเวียงสระ ตำบลเวียงสระ อำเภอเวียงสระ จังหวัดสุราษฎร์ธานีปัจจุบันจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครซึ่งเทวรูปองค์นี้คล้ายกับชิ้นส่วนเทวรูปพระวิษณุที่พบที่เขาศรีวิชัย อำเภอพุนพิน------------------------ที่มาข้อมูล / ภาพกลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช---------------------------เรียบเรียงข้อมูล /กราฟิกนายกิตติ ชิญเจริญธรรม ภัณฑารักษ์ชำนาญการนายเกียรติศักดิ์ ลบลาย นักวิชาการวัฒนธรรม


black ribbon.