ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,831 รายการ
ชื่อเรื่อง ตำนานพระบาง (ตำนานพระบาง)
สพ.บ. 213/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 24 หน้า กว้าง 4.5 ซ.ม. ยาว 56 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา ชาดก เทศน์มหาชาติ คาถาพัน
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับทองมึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดกกม่วง ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
ชื่อเรื่อง เทวฑูตสุตฺต (เทวฑูตสูตร)
สพ.บ. 382/6ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 42 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง การสวดมนต์ ธรรมะ
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคาต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
องค์ความรู้เรื่อง : การค้าส่งออกของล้านนาโดย : นายสายกลาง จินดาสุ นักโบราณคดีชำนาญการ กลุ่มโบราณคดี สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่. ล้านนา คือ อาณาจักรของกลุ่มชาติพันธ์ไท ที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ด้านเหนือสุดถึงมณฑลยูนนาน บริเวณสิบสองปันนา (จิ่งหง) ของสาธารณรัฐประชาชนจีนในปัจจุบัน ตะวันตกถึงแม่น้ำสาละวิน ตะวันออกถึงแม่น้ำโขง และทิศใต้ชนกับพื้นที่ของเมืองศรีสัชนาลัยในอาณาจักรสุโขทัย กายภาพพื้นที่ของอาณาจักรล้านนา เป็นเทือกเขาสูงวางตัวตามแนวทิศเหนือ-ใต้ ทำให้พื้นที่โดยรวมมีลักษณะเป็นที่ราบระหว่างหุบเขา แอ่งที่ราบและภูเขาที่โอบโดยรอบเหล่านี้ คือ ปัจจัยสำคัญของการเกิดขึ้นและดำรงอยู่ของอาณาจักรล้านนา นามอาณาจักร “ล้านนา” บ่งบอกตัวตนและอัตลักษณ์อาณาจักรอย่างเด่นชัดว่า คือ “อาณาจักรแห่งนาเป็นล้าน” ระบบเศรษฐกิจและสังคมพื้นฐานของล้านนามี “ข้าว” เป็นสิ่งขับเคลื่อน ทั้งใช้บริโภคและส่งส่วยหรือภาษีให้ชนชั้นปกครอง เมื่อพิจารณาระบบเศรษฐกิจวัฒนธรรมแอ่งเชียงใหม่ – ลำพูน แบ่งตามลักษณะการผลิต กิจกรรมการผลิตและลักษณะทางนิเวศ พบว่าล้านนามีระบบเศรษฐกิจ ๓ ส่วน คือ ๑. ระบบเศรษฐกิจบ้าน ซึ่งหมายถึงชุมชนหมู่บ้าน ๒. ระบบเศรษฐกิจเมือง ๓. ระบบเศรษฐกิจป่า ในทางภูมิศาสตร์สองระบบแรกเป็นระบบเศรษฐกิจที่ขยายในแนวราบบนพื้นที่ของหมู่บ้านและเมืองที่ส่วนใหญ่อยู่บนที่ราบ ซึ่งระบบเศรษฐกิจดังกล่าวมี ข้าว เป็นพื้นฐานหลักของระบบที่ผลิตเพื่อใช้ในอาณาจักรเป็นสำคัญ และระบบเศรษฐกิจป่า ซึ่งเป็นระบบบนพื้นที่สูง โดยระบบอย่างหลังนี้เป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายระหว่างรัฐ ในฐานะต้นทางการค้าที่เป็นผู้หาทรัพยากรจากพื้นที่สูงส่งไปยังอาณาจักรเพื่อทำการค้ากับต่างอาณาจักร ที่สามารถกระจายสินค้าออกไปยังภูมิภาคอื่นๆของโลก ของป่าเป็นสินค้าที่พ่อค้าชาวตะวันตกที่เดินทางเข้าสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความต้องการมากที่สุด เชียงใหม่ทำหน้าที่เป็นเมืองศูนย์กลางที่รับซื้อขายสินค้าของป่าจากเมืองตอนบนส่งให้อยุธยาและเมืองท่าทางตอนใต้ของพม่า เอกสารตะวันตกกล่าวถึง ชะมดเช็ด ว่าเป็นสินค้าสำคัญจากเชียงใหม่ และสินค้าที่พ่อค้าตะวันตกนิยมเพราะได้กำไรมาก คือ ครั่ง หนังกวาง และกำยาน ช่วงปลายอาณาจักรอยุธยาสมัยพระเจ้าปราสาททอง มีหลักฐานว่าพระคลังหลวงทำการค้าขายกับเมืองต่างๆรวมทั้งเชียงใหม่ โดยอยุธยานำสินค้าเข้ามาแลกเปลี่ยนกับ เครื่องเพชรพลอย กำยาน และขี้ผึ้ง สินค้าจากเชียงใหม่กระจายไปยังต่างประเทศโดยมีอยุธยาเป็นพ่อค้าคนกลางผู้รวบรวมสินค้าและกระจายสินค้า ทั้งนี้เชียงใหม่มิได้เป็นผู้ผลิตสินค้าเหล่านี้เองทั้งหมด แต่เป็นการรวบรวมสินค้าจากรัฐไททางตอนบนแสดงให้เห็นบทบาทของเชียงใหม่ในการเป็นศูนย์กลางการรวบรวมสินค้าจากรัฐทางตอนเหนือและจีนส่งไปยังอยุธยาอีกต่อหนึ่ง ดังจะเห็นได้ว่าในบรรดาสินค้าที่ส่งออกไปอยุธยา มีทองคำ เพชรพลอย และชะมดเชียง ที่มิได้หาได้ในอาณาจักร สินค้าที่มาจากภายนอกโดยเฉพาะจากจีน สร้างความมั่งคั่งให้แก่อยุธยาอย่างมาก เนื่องด้วยจีนไม่ทำการค้าขายโดยตรงกับชาติตะวันตก อยุธยาจึงได้เปรียบที่ยังสามารถค้าขายผ่านระบบบรรณาการ ทำให้สามารถนำสินค้าจีนออกมาค้าขายกำหนดราคาได้เอง. ในเรื่องการค้าขายสินค้าของป่า สันนิษฐานว่าส่วนใหญ่พ่อค้าเป็น “คนนอก” เป็นฝ่ายเดินทางเข้ามาซื้อสินค้าที่เชียงใหม่ ดังพบการกล่าวถึงพ่อค้ากรุงศรีอยุธยาเดินทางเข้ามาค้าถึงเมืองฮอด รวมถึงเอกสารของฮอลันดาสมัยอยุธยาช่วง พ.ศ.๒๑๕๑ – ๒๑๖๓ ยังกล่าวถึงพ่อค้าชาวฮอลันดาส่งคนขึ้นมาดูสินค้าที่เชียงใหม่เนื่องจากเชียงใหม่มีกำยานชนิดดี . เมื่อพิจารณาช่วงระยะเวลาที่สัมพันธ์กับความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครอง เราอาจมองภาพความสัมพันธ์ของล้านนากับการค้าทางทะเลได้เป็น ๒ เส้นทาง คือ อยุธยา และเมืองท่าทางทะเลในเขตหัวเมืองมอญหรือเมืองแถบอ่าวเมาะตะมะ ในช่วงต้นของอยุธยาล้านนาน่าจะมีปฏิสัมพันธ์ทางการค้ากับอยุธยาเป็นหลัก แต่หลังจากช่วง พ.ศ.๒๑๐๑ ที่พม่าสามารถยึดครองล้านนาได้ สินค้าจากล้านนาที่เคยค้าขายกับอยุธยาน่าจะถ่ายเทเปลี่ยนจากอยุธยาเป็นเมาะตะมะหรือหัวเมืองมอญ ในห้วงเวลาดังกล่าวปรากฏเรื่องราวการเดินทางของพ่อค้าชาวลอนดอน ชื่อ ราล์ฟ ฟิตช์ ซึ่งเดินทางจากหงสาวดีมาเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๑๒๙ โดยใช้เวลาเดินทาง ๒๕ วัน โดยระหว่างเดินทางพบพ่อค้าฮ่อจำนวนมาก เดินทางจากยูนนานมาเชียงใหม่โดยนำ ชะมดเชียง ทอง เงินมาเป็นจำนวนมาก การเดินทางเข้ามาของราล์ฟ ฟิตช์ แสดงให้เห็นการเชื่อมโยงทางการค้าของเชียงใหม่และหงสาวดีซึ่งเป็นหัวเมืองมอญที่เจริญขึ้นอย่างมากในช่วงเวลานั้น เมื่อพิจารณาตำแหน่งที่ตั้งของเมืองและอาณาจักรจะพบว่าพื้นที่ของเชียงใหม่และล้านนามีความได้เปรียบประการหนึ่งในเรื่องการค้า คือ ตั้งอยู่ใกล้จีน การที่พม่าสามารถผนวกล้านนาได้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนได้เท่ากับเป็นการเปิดเส้นทางการค้าไปยังจีนโดยมีล้านนาเป็นสถานีการค้าสำคัญ ความสำคัญของเส้นทางการค้าดังกล่าวเป็นที่รับรู้ของพ่อค้าและนักสำรวจยุคหลังราวพุทธศตวรรษที่ ๒๕ ซึ่งได้ใช้ประโยชน์จากเส้นทางการค้าเดิมและพยายามเชื่อมโยงเมืองชายฝั่งทะเลของพม่ากับพื้นที่ของจีน ซึ่งถือเป็นตลาดการค้าในฝันที่ชาวตะวันตกรียกว่า “China market” ดังจะเห็นได้จากการที่โฮลท์ ฮันเลต์ นักสำรวจเส้นทางรถไฟชาวอังกฤษ ซึ่งเดินทางมาสำรวจดินแดนทางตอนเหนือของไทย ได้เคยวางแผนสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างชายฝั่งทะเลของพม่ากับดินแดนตอนใต้ของจีน. จากบันทึกของนิโกลาส แซร์แวส ที่บันทึกเรื่องประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองของสยามในช่วงแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๓ มีข้อสังเกตที่น่าสนใจประการหนึ่งเกี่ยวกับรายการสินค้าที่พ่อค้าต่างชาติหาซื้อจากอยุธยาโดยระบุที่มาของสินค้า พบว่าสินค้าที่เป็นผลิตภัณฑ์จากป่าถูกนำเข้าจากลาว ขอม ตังเกี๋ย ญวน บอร์เนียว และติมอร์ ซึ่งไม่พบการกล่าวถึงการนำเข้าจากล้านนา สะท้อนให้เห็นว่าช่วงระยะเวลาดังกล่าวอยุธยากับล้านนาอาจมิได้มีการค้าขายกัน ซึ่งน่าจะมาจากการที่ล้านนาในช่วงเวลานั้นตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่าแล้ว สินค้าของล้านนาที่เคยค้าขายกับอยุธยาน่าจะถ่ายเทไปยังเมืองท่าของพม่าบริเวณอ่าวเมาะตะมะ ดังที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้. ในแง่มุมทางสังคม การค้าขายระหว่างรัฐที่มีของป่าเป็นสินค้าสำคัญ ได้สร้างบทบาทให้แก่กลุ่มชนและสังคมผู้ผลิต(ผู้หา)สินค้าเหล่านั้นอย่างมาก ในบริเวณสันเขาของภาคเหนือ ตั้งแต่เขตพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ต่อเนื่องลงไปถึงจังหวัดตาก พบร่องรอยหลักฐานพิธีกรรมการฝังศพโบราณรูปแบบหนึ่งบนยอดเขาลักษณะเป็นเนินดินฝังศพรูปวงกลม ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เรียกหลักฐานลักษณะนี้ว่า “วงตีไก่ หรือ หลุมฝังศพลั๊วะ” เนินดินฝังศพรูปวงกลมเหล่านี้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่น้อยกว่า ๑๐ เมตร ไปจนถึง ๓๐ เมตร เนินดินฝังศพมีลักษณะเป็นเนินดินรูปวงกลม ด้านบนค่อนข้างแบน ตรงกลางเนินมีศพฝังอยู่ข้างใต้ ฝังร่วมกับสิ่งของอุทิศหลายประเภท ส่วนมากเป็นภาชนะดินเผาประเภทจานชามกระเบื้องจากแหล่งเตาเผาสุโขทัย ล้านนา พม่า เวียดนาม และจีน ซึ่งกำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๒ การพบหลักฐานที่เป็นของแปลกจากต่างถิ่นที่มาจากจีน ซึ่งของเหล่านี้น่าจะเป็นสิ่งที่ศูนย์กลางอำนาจมอบให้ชนชั้นนำในพื้นที่ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในทางสังคมการปกครอง รวมถึงแสดงสถานะทางสังคมแก่ชนชั้นนำในพื้นที่ในฐานะที่เป็นผู้ควบคุมทรัพยากรบนพื้นที่สูง ความสำคัญของกลุ่มคนบนพื้นที่สูงในล้านนาในฐานะผู้ควบคุมทรัพยากรจากป่ายังดำรงอยู่ต่อเนื่องแม้กระทั่งล้านนาตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่า ดังจะเห็นจากพงศาวดารสมัยสมเด็จพระนารายณ์มีเนื้อความกล่าวถึงการที่ราชสำนักส่งคนไปเกลี้ยกล่อมชาวลั๊วะหรือละว้า ที่เมืองลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ เพื่อให้เข้ามาสวามิภักดิ์ต่อกรุงศรีอยุธยา ซึ่งกษัตริย์อยุธยาจะแต่งตั้ง มอบตำแหน่งและพระราชทานของให้เป็นการตอบแทน โดยแลกกับการที่ผู้นำชาวลั๊วะเหล่านี้ต้องเป็นผู้ควบคุมพื้นที่บนภูเขาให้แก่อยุธยา. เมื่อล้านนาตกอยู่ภายใต้การปกครองของพม่า ล้านนาเปลี่ยนมาดำรงตนในฐานะสถานีการค้าสำคัญที่เชื่อมโยงการค้าจากจีนสู่พม่า และเชื่อมโยงยังภูมิภาคอื่นของโลกโดยมีอ่าวเมาะตะมะเป็นจุดกระจายสินค้าแทนอยุธยาและอ่าวไทย การค้าส่งออกของล้านนายังคงดำรงความสำคัญมาถึงสมัยรัตนโกสินทร์ ราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๒๕ โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ ไม้สัก ซึ่งถูกส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศยุโรป ผ่านบริษัททำไม้ของชาวต่างชาติที่เข้ามาตั้งสำนักงานในพื้นที่ล้านนา เช่นที่ เมืองเชียงใหม่ ลำปาง แพร่ ฯ จวบจนล้านนาถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสยามในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน บทบาทการค้าการส่งออกในฐานะอาณาจักรของล้านนาจึงได้ยุติลง ------------------------------------------------------ อ้างอิง -๑. รัตนาภรณ์ เศรษฐกุล. ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจวัฒนธรรมแอ่งเชียงใหม่-ลำพูน,หน้า ๘๗.๒. เรื่องเดียวกัน, หน้าเดียวกัน.๓. อุษณีย์ ธงไชย. ความสัมพันธ์ระหว่างอยุธยาและลานนาไทย พ.ศ.๑๘๓๙-๒๓๑๐, หน้า ๑๔๑.๔. ชะมดเชียง คือ คือไขมันในต่อมกลิ่นของชะมด (ส่วนที่ใช้ทำยาได้มาจากไขมันในต่อมกลิ่น) ซึ่งต่อมนี้จะมีเฉพาะในชะมดตัวผู้เท่านั้น โดยจะอยู่ระหว่างใต้สะดือกับอวัยวะเพศตัวผู้ มีลักษณะเป็นรูปกลมรีคล้ายรูปไข่ มีสีน้ำตาล มีขนสั้นห่อหุ้มอยู่ ตรงกลางจะมีรูเพื่อขับสารประเภทไขมันออกมา ซึ่งเป็นสารสีน้ำตาลเข้ม เหนียว และมีกลิ่นหอม สามารถนำมาใช้ทำเป็นยาได้เรียกว่า “ชะมดเชียง” โดยชะมดเชียงที่ดีจะต้องมีกลิ่นฉุนจัด ผิวเป็นมัน เนื้ออ่อนนิ่มและเป็นสีน้ำตาลไม่ปนสีดำ ปัจจุบันตัวยาชนิดนี้หาได้ยากและมีราคาแพง (แพงมากกว่า “ชะมดเช็ด“) หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. (วิทยา บุญวรพัฒน์). “ชะมดเชียง”. หน้า ๑๙๔.๕. เอิบเปรม วัชรางกูร และ วรวิทย์ หัสภาค. มรดกใต้ท้องทะเลไทย, หน้า๗๑.๖. เมืองฮอด คือ เมืองสำคัญในอาณาจักรล้านนา ห่างจากเมืองเชียงใหม่ไปทางใต้ ๑๔๓ กิโลเมตรโดยประมาณ เป็นจุดแวะพักและขนถ่ายสินค้าจากตอนเหนือและอาณาจักรทางตอนใต้ (ปัจจุบัน คือ เขตพื้นที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่) ๗. นันทา สุตกุล, แปล, จดหมายเหตุการณ์เดินทางของ ราล์ฟ ฟิตช์ และจดหมายเหตุของ วิละภาเคทะระ เรื่องทูตลังกาเข้ามาในประเทศสยาม, หน้า๔๑.๘. แดเนียล แมคกิลวารี, ภาคพายัพแสนไกล, หน้า๓.๙. พิพิฒน์ กระแจะจันทน์,ของหรูหายากจากบนดอย,หน้า๕๓.
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
ชบ.บ.43/1-7
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนี เผด็จมงคลสูตร)
ชบ.บ.88ก/1-1
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.335/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 28 หน้า ; 4 x 55 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 133 (359-369) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : สุนนฺทราชชาตก (สุนันทราชชาตก)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุชิ้นสำคัญของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรีที่จะนำเสนอในครั้งนี้ ก็คือ โต๊ะกลมทาสีไม้ชิงชัน ขนาดสูง ๘๔ เซนติเมตร กว้าง ๑๐๖ เซนติเมตร มีขาเดียวรองรับด้วยฐาน ๔ ขา จำหลักลายพันธุ์ไม้เป็นรูปลายก้านขดและพรรณพฤกษา ด้านบนขาทั้ง ๔ มีการสลักไม้เป็นรูปสุนัข ๔ ตัวเงยหน้าขึ้นซึ่งเป็นลักษณะที่โดดเด่นของโบราณวัตถุชิ้นนี้ เป็นของที่เก็บรักษาอยู่ที่พระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์มาแต่เดิม ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ห้องทรงพระสำราญ พระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ (บน)
กรมศิลปากร โดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอเชิญเยาวชนร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการตามโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเยาวชน (ภาคฤดูร้อน) กิจกรรม “พิพิธภัณฑ์บันดาลไทย” ร่วมเรียนรู้ สร้างสรรค์ Clip Art จากแรงบันดาลใจในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ระหว่างวันที่ ๒๕ – ๒๘ เมษายน ๒๕๖๕ ณ โรงละครแห่งชาติ (โรงเล็ก) และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สมัครได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๕ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มส่งเสริมและพัฒนาพิพิธภัณฑ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โทร. ๐ ๒๑๖๔ ๒๕๑๑ หรือ เฟสบุ๊ก เพจ Office of National Museums, Thailand กรมศิลปากรมีนโยบายในการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ ศิลปะและวัฒนธรรม ให้แก่ เยาวชน เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่าที่บรรพบุรุษได้สร้างสมสืบมา และรู้รักในความเป็นชาติที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน และเพื่อเป็นการส่งต่อการเรียนรู้และต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมให้เกิดเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างมีเอกลักษณ์ กรมศิลปากร โดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ร่วมกับกลุ่มเซียมไล้ จัดทำโครงการกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเยาวชน (ภาคฤดูร้อน) “พิพิธภัณฑ์บันดาลไทย” ขึ้น ตามโครงการส่งเสริมการเรียนรู้สำหรับเยาวชน (ภาคฤดูร้อน) โดยออกแบบการอบรมเพื่อกระตุ้นให้เยาวชนได้แสวงหาและสร้างแรงบันดาลใจจากงานประณีตศิลป์ โบราณวัตถุ ตลอดจนโบราณสถานภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ที่รวบรวมมรดกศิลปกรรมและวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาติไทยไว้อย่างครบถ้วน และนำแรงบันดาลใจเหล่านั้นไปสร้างสรรค์ให้เกิดงานศิลปะประยุกต์ในรูปแบบ Digital Clip Art ซึ่งผลงานที่เยาวชนสร้างสรรค์ขึ้นมานี้ นอกจากจะเป็นผลงานที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวแล้ว ยังสามารถนำไปพัฒนาสู่การผลิตสินค้าที่ระลึกหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้ในโอกาสต่อไปอีกด้วย ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต้องเป็นเยาวชนที่มีอายุระหว่าง ๑๕ – ๑๘ ปี สามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้ทั้ง ๔ วัน (ไป – กลับ) พร้อมอุปกรณ์ถ่ายภาพ เช่น กล้องจากโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายภาพดิจิทัล Notebook หรือ Tablet ที่สามารถใช้โปรแกรม Adobe Photoshop/Illustrator/Canva โดยสมาชิกในทีมอย่างน้อย ๑ คน ต้องสามารถใช้โปรแกรมดังกล่าวได้ รับจำนวน ๒๐ ทีม (ทีมละ ๕ คน) ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ผู้สนใจดูรายละเอียดการลงทะเบียนได้ที่ เฟสบุ๊ก เพจ Office of National Museums, Thailand
ภาพถ่าย : สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงนำคณะนักเรียนโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ทัศนศึกษาโบราณสถานปราสาทพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๑
เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี วันที่ ๒ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
ปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าถวายพระพร ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ และมีพลานามัยแข็งแรง
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม
ข้าพระพุทธเจ้า ข้าราชการ เจ้าหน้าที่
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา กรมศิลปากร
กรมศิลปากรจัดกิจกรรม "กรมศิลป์อาสา ปลูกต้นกล้าความดี" จิตอาสาพัฒนาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
วันเสาร์ที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๐ น. นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานร่วมทำกิจกรรมโครงการ "กรมศิลป์อาสา ปลูกต้นกล้าความดี" ครั้งที่ ๑๐/๒๕๖๕ จิตอาสาพัฒนาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร เพื่อถวายพระกุศลเนื่องในวันคล้ายวันประสูติเจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช พุทธศักราช ๒๕๖๕ โดยมี นางรักชนก โคจรานนท์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง นางสาวศิริรัตน์ ทวีทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้อำนวยการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร และประชาชนจิตอาสา เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ณ บริเวณพระอุโบสถ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร พระนคร กรุงเทพฯ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา จัดกิจกรรม Museum On Tour นำพิพิธภัณฑ์สัญจรไปยังสถานศึกษาที่อยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ภายในจังหวัดสงขลาและจังหวัดใกล้เคียง โดยกำหนดจัดกิจกรรมในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ณ โรงเรียนบ้านแหลม อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง และวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๕ ณ โรงเรียนวัดถ้ำพระพุทธ อำเภอรัษฎา จังหวัดตรัง
กิจกรรม Museum On Tour จัดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกน้องๆ นักเรียนที่อยู่ห่างไกลจากแหล่งเรียนรู้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา ได้เรียนรู้เกี่ยวกับแหล่งวัฒนธรรมสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง การสร้างความสำนึกตระหนักในคุณค่าของวัฒนธรรมท้องถิ่นตนเอง และการประสานความร่วมมือกับสถานศึกษา สร้างเครือข่ายทางศิลปวัฒนธรรมให้กว้างขวางยิ่งขึ้น กิจกรรมประกอบด้วย การบรรยายประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และกลุ่มชาติพันธุ์พี่น้องท้องถิ่นภาคใต้ตอนล่าง กิจกรรมแนะนำพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา การเล่นเกมสันทนาการ ต่อจิ๊กซอว์โบราณสถาน โบราณวัตถุ การวาดภาพระบายสี
ติดตามข่าวสารกิจกรรมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา ได้ที่เฟสบุ๊ก Songkhla National Museum : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา หรือสอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๗๔๓๑ ๑๗๒๘