ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,796 รายการ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน)อย.บ. 129/7ประเภทวัสดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 14 หน้า กว้าง 4.7 ซม. ยาว 53.8 ซม.หัวเรื่อง พระอภิธรรมปิฎก พระมหาปัฏฐานบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก วัดประดู่ทรงธรรม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง : พระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เล่ม 1
หัวเรื่อง : ไทย -- ประวัติศาสตร์ -- รัชกาลที่ 4
คำค้น : จดหมาย
รายละเอียด : -
ผู้แต่ง : จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ, 2347-2411
แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
หน่วยงานที่รับผิดชอบ/โรงพิมพ์/สำนักพิมพ์ : องค์การค้าของคุรุสภา
ปีที่พิมพ์ : 2506
วันที่เผยแพร่ : 17 กรกฎาคม 2568
ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : -
ลิขสิทธิ์ : -
รูปแบบ : PDF.
ภาษา : ภาษาไทย
ประเภททรัพยากร : หนังสือหายาก
ตัวบ่งชี้ : -
รายละเอียดเนื้อหา : หนังสือรวบรวมพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชหัตถ์ในกิจส่วนพระองค์ที่ทรงมีถึงผู้หนึ่งผู้ใด โดยพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเล่ม 1 นี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงรวบรวม พิมพ์ขึ้น 3 ครั้ง คือ รวมครั้งที่ 1 พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2462 รวมครั้งที่ 2 พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2464 และรวมครั้งที่ 3 พิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2465
เลขทะเบียน : น. 30 ร. 1479
เลขหมู่ : ห
959.3056
จ196พ
เลขทะเบียน : นพ.บ.702/5ขห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 40 หน้า ; 5 x 57 ซ.ม. : ชาดทึบ-ทองทึบ-รักทึบ-ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 224 (280-289) ผูก 5ข (2568)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ผู้แต่ง : พระครูอดุลย์สีลกิตติ์ (ประพัฒน์ ฐานวุฑโฒ)ปีที่พิมพ์ : 2557 สถานที่พิมพ์ : เชียงใหม่ สำนักพิมพ์ : ดาราวรรณการพิมพ์ การเชื่อถือในเรื่องวันดี วันเสีย ฤกษ์งามยามดีต่างๆ เป็นเรื่องที่ยึดถือกันไม่ว่าจะชนชาติใด ต่างก็มีตำราที่ยึดถือต่อกันมาเป็นเวลาช้านาน คนล้านนาก็เช่นเดียวกันมีความเชื่อในเรื่องวันดี วันเสียอย่างเหนียวแน่น แต่เนื่องจากคนล้านนามีความหลากหลายในเชื้อชาติที่มาอยู่รวมกัน ทำให้มีการนำวัฒนธรรม ความเชื่อและตำราต่างๆผสมผสานกันเป็นจำนวนมาก หนังสือ วันดี วันเสีย ฤกษ์ยาม ตามปฏิทินล้านนา ฉบับธาตุคำ จะรวบรวมเรื่องราวความเชื่อต่างๆเข้ารวมไว้ด้วยกันภายในเล่ม
อยากทราบว่ารับนักศึกษาฝึกงานหรือเปล่าครับ ผมเรียน วัฒนธรรม สาขา ประวัติศาสตร์ศิลปะและโบราณดคี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ครับ
อบรมผู้ใช้งานระบบสัมมนาออนไลน์ ในวันที่ 30 มีนาคม 2556
ตั้งแต่เวลา 9.00 - 16.00 โดยเจ้าหน้าที่บริษัท เอ็มเวิร์ค กรุ๊ป จำกัด
ประวัติ
สันนิษฐานว่ากลุ่มโบราณสถานเป็นเจดีย์ที่บรรจุอัฐิขของพญามังราย ซึ่งตามตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ และพงศาวดารโยนก กล่าวว่า พญามังรายถูกฟ้าผ่ากลางตลาดและพญาไชยสงคราม พระราชโอรสได้ก่อเจดีย์บรรจุอัฐิไว้กลางตลาด อย่างไรก็ดีบริเวณที่ตั้งกลุ่มโบราณสถานตั้งอยู่กึ่งกลางเมืองเชียงใหม่ อีกทั้งมีชื่อสัมพันธ์กับคำว่า "วัดดือเมือง" ในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ตำนาน 15 ราชวงศ์ ฉบับสอบชำระเกี่ยวกับตำแหน่งของที่ตั้งกลุ่มโบราณสถาน อาจกล่าวได้ว่าอยู่ประมาณกลางเมืองชียงใหม่ ซึ่งปรากฏหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร เขียนในสมัยรัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ คือหนังสือ "รายชื่อวัดและนิกายสงฆ์โบราณในเมืองเชียงใหม่" ได้เรียกตำบลบ้านบริเวณนี้ว่า "แขวงด้าวกลางเวียงเชียงใหม่" เจดีย์ทั้ง 2 องค์นี้ได้รับอิทธิพลของหริกุญไชย มาเป็นแบบแผนในยุคแรกๆ
ประวัติในเอกสาร
1. "วัดอินทขิล ตั้งอยู่แขวงด้าวกลางเวียงเชียงใหม่ เจ้าอธิการชื่อ สุลินทอาคิ เป็นนิกายเชียงใหม่ ยังไม่ได้เป็นอุปัชฌายะ รองอธิการไม่มี จำนวนพระลูกวัดในพรรษานี้ไม่มี พรรษาก่อน 2 องค์ ขึ้นแก่วัดองมง (อุโมงค์)" (รายชื่อวัดและนิกายสงฆ์ฯ, หน้า 3)
2. สมัยพระยากาวิละ "...ศักราช 1156 ตัว (พ.ศ.2337) ปีกาบยีเดือน 8 เพ็ญเม็ง วัน 1 ปฐมมหามูลศรัทธา เจ้ามหาอุปราชได้สร้างพระวิหาร อินทขีล และได้สร้างพระพุทธรูปเจ้าองค์หนึ่งไว้เป็นที่ไหว้และบูชาแก่คนและเทวดาทั้งหลาย..." (ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่, หน้า 105)
3. ในสมัยพระยาคำฟั่น 2366 โปรดให้ทำพิธีสักการบูชาและทำบุญเมืองที่ทักษาเมืองทั้งแปดแห่ง (บริวารเมือง อายุเมือง เดชเมือง ศรีเมือง มูลเมือง มนตรีเมือง อุตสาหเมือง และกาลกิณีเมือง) ที่ประตูเมืองทั้ง 10 แห่ง ที่สะดือเมือง ที่เสาอินทขีล และช้างเผือกทั้ง 2 ตัว ความว่า
"ขณะยามนั้น เทพสังหรณ์หื้อหันนิมิตหลายประการ คือว่าหื้อหันพระอาทิตย์ออก 2 ลูก พระจันทร์ก่อออก 2 ลูก ต่ำแน้ ฟาน (เก้ง) ก็เข้าเวียง ท่านองค์พระเป็นเจ้าหื้อหาหมอและปราชญ์มาบูชาทิสสะพละและอินทอุปปะ แล้วนิมนต์พระสังฆเจ้าสูตรปริยัติมังคละและกรณีพันคาบ ไชยทั้ง 7 ในที่ทั้งหลาย 28 แห่ง คือว่า ปอาเตศรีอุมะกาแห่งเมืองและประตูเมืองทั้งสิบ สะดือเมือง ที่อินทขีล และช้างเผือกสองตัวหัวเวียง พระสังฆะสูตรและแห่งและ 19 องค์ กระทำบุญหื้อทานและบูชาตามอุปเทศ แล้วก็บูชาเสื้อเมือง คือว่า อินทขิล 7 วัน 7 คืน หั้นแล" (ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่, หน้า 130)
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
เจดีย์ประธานทรงระฆัง : ขนาดฐาน 7.80 x 7.80 เมตร ได้รับการบูรณะแล้วโดยยังคงเหลือให้เห็นร่องรอยของการสร้างเจดีย์องค์นอกทับเจดีย์องค์ใน ส่วนฐานลักษณะหน้ากระดานสี่เหลี่ยมสามชั้น และฐานบัวลูกแก้วอกไก่ ท้องกระดานมีลวดบัวคาดประดับสองเส้น รองรับฐานหน้ากระดานกลมและชุดมาลัยเถาค่อนข้างสูงสามชั้น ชุดมาลัยเถารองรับองค์ระฆังทรงกลม บัลลังก์สี่เหลี่ยม แกนปล้องไฉน บัวฝาละมี ปล้องไฉน และปลี เป็นเจดีย์ศิลปะพื้นเมืองล้านนา จากลักษณะของเจดีย์องค์นี้น่าจะเป็นเจดีย์ในยุคต้นๆ ของเชียงใหม่ ราวพุทธศตวรรษที่ 20 อย่างไรก็ตาม เจดีย์องค์นี้ยังสร้างพอกทับเจดีย์อีกองค์หนึ่ง เป็นเจดีย์ทรงปราสาท ซึ่งยังเห็นซุ้มจระนำประดิษฐานพระพุทธรูปในอิริยาบถยืน ทิศตะวันออกใกล้กันเป็นวิหารหลวงพ่อขาว โดยภาพรวมแล้ววัดนี้ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนและถนนที่มีการจราจรหนาแน่น
เจดีย์รายทรงปราสาทแปดเหลี่ยม : ประกอบด้วย หน้ากระดานสี่เหลี่ยมซ้อนสามชั้น ฐานบัวลูกแก้วแปดเหลี่ยม ท้องกระดานมีลวดบัวลูกแก้วอกไก่สองเส้น รองรับเรือนธาตุแปดเหลี่ยม มีซุ้มจระนำทุกด้าน ทางด้านตะวันออกเปิดเป็นโพรงเข้าไป น่าจะประดิษฐานพระพุทธรูป เหนือเรือนธาตุเป็นชุดมาลัยเถา ลักษณะเป็นฐานเขียงแปดเหลี่ยมสามชั้นรองรับองค์ระฆัง ปล้องไฉน และปลี โดยไม่มีบัลลังก์ เจดีย์ก่อสร้างโดยการก่ออิฐฉาบปูน เรียงอิฐแบบสั้นสลับยาว ตกแต่งเรือนธาตุแต่ละด้านด้วยการทำเป็นกรอบซุ้ม ในซุ้มแต่ละด้านมีซุ้มจระนำ ประดับลายปูนปั้น องค์ระฆังประดับกลับบัวโดยรอบ เจดีย์น่าจะได้รับอิทธิพลจากเจดีย์กู่กุดในศิลปะหริภุญชัยและยังส่งอิทธิพลต่อกลุ่มเจดีย์แบบเจดีย์ป่อง คือ เจดีย์วัดตะโปทาราม เจดีย์เก่าวัดพวกหงส์ และเจดีย์ป่องวัดเชียงโฉม เจดีย์องค์นี้มีอายุอยู่ในระยะพุทธศตวรรษที่ 20
สภาพปัจจุบัน
ปัจจุบันได้รับการยกเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาแล้ว ปรากฎหลักฐานเจดีย์ประธานทรงระฆัง วิหารหลวงพ่อขาว และเจดีย์รายทรงมณฑป 8 เหลี่ยม (ในกำแพงรั้วหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่) จากหลักฐานแผนที่เมืองนครเชียงใหม่พบว่ายังไม่มีถนนอินทวโรรส เพียงแต่มีเส้นทางเข้ามาถึงด้านหน้าวัดเท่านั้น
ประเพณียี่เป็งหรือประเพณีลอยกระทงในภาคเหนือ หรือที่เรียกตามหนังสือตำนานโยนก และจามเทวีวงศ์ว่า “ประเพณีลอยโขมด” หรือลอยไฟนั้น เป็นประเพณีที่สนุกสนานครึกครื้นมาก แม้ว่าจะไม่เป็นการใหญ่โตเหมือนปัจจุบัน คือ ก่อนจะถึงวันเพ็ญเดือน ๑๒ ใต้ ก็จัดการปัดกวาดแผ้วถางบ้านเรือน สถานที่ให้สะอาดเรียบร้อย ประดับประดาด้วยธงชาติ จัดเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันหิ้งบูชาพระ จัดเตรียมประทีปหรือเทียนขี้ผึ้งไว้สำหรับจุดบูชาพระ ที่ประตูบ้านก็จะหาต้นกล้วย ต้นอ้อย ก้านมะพร้าว หรือไม้อื่นๆ มาประดิษฐ์ทำเป็นซุ้มประตูป่า แบบต่างๆ ให้เป็นที่สวยงาม บ้างก็จัดหาดอกบานไม่รู้โรยหรือที่เมืองเหนือเรียกว่า “ดอกตะล่อม” มาร้อยเป็นอุบะห้อยไว้ตามขอบประตู ประตูเรือน หรือประตูห้อง หรือหิ้งบูชาพระ ผู้ที่มีใจศรัทธาแรงกล้าถึงกับทำมากๆ แล้วนำไปประดับประดาตามวัดเป็นพุทธบูชา หรือเมื่อประดับประดาดอกไม้เรียบร้อยแล้ว ก็หาโคมญี่ปุ่นหรือประทีปมาเตรียมไว้ เพื่อจะได้ใช้ตามไฟในงาน
อ้างอิง
มณี พยอมยงค์. ประเพณีสิบสองเดือนล้านนาไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๕ ฉบับปรับปรุงเพิ่มเติม. เชียงใหม่ : ส.ทรัพย์การพิมพ์, ๒๕๔๗.
วันพุธที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒
เวลา ๐๙.๓๐ น.
คณะครูและนักเรียนโรงเรียนพัฒนาเด็ก
อ. เมือง จ. ขอนแก่น
จำนวน ๕๒ คน
เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น โดยมีนางแพรว ธนภัทรพรชัย และนางสาวนิตยาพร สมภาร เป็นวิทยากรนำชม
สำนักงานศาลปกครอง ขอความอนุเคราะห์กรมศิลปากร ออกแบบ
ฐานชุกชี สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปประจำ
ศาลปกครอง ขนาดหน้าตัก ๙๕ เซนติเมตร เนื้อสำริดปิดทอง ประดิษฐาน ณ อาคารที่ทำการศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ