ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,827 รายการ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺมเทสนา (เทสนาสังคิณี-มหาปัฎฐาน)สพ.บ. 125/5ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 28 หน้า กว้าง 5 ซ.ม. ยาว 53 ซ.ม. หัวเรื่อง พระอภิธรรม
บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรขอม เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจากวัดประสพสุข ต.ทับตีเหล็ก อ.เมืองฯ จ.สุพรรณบุรี
เลขทะเบียน : นพ.บ.72/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4.6 x 50 ซ.ม. : ล่องชาด ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 46 (35-51) ผูก 4 (2564)หัวเรื่อง : นิปฺณปทสงฺคห (นิปุณณปทสังคหะ) --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
องค์ความรู้วิชาการ เรื่อง ชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย ตอนที่ ๑ "เมืองท่าโบราณ"จัดทำข้อมูลโดย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ถลาง
เลขทะเบียน : นพ.บ.134/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 46 หน้า ; 4.4 x 47.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 80 (318-321) ผูก 2 (2564)หัวเรื่อง : ปัญญาบารมี--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง นายแพทย์เวทย์ ตันบีชาติ ,ผู้รวบรวม
ชื่อเรื่อง เรื่อง นางปฏาจารา
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ พัทลุง
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์พัทลุง
ปีที่พิมพ์ 2509
จำนวนหน้า 32 หน้า
หมายเหตุ พิมพ์ในงานบรรจุศพ นายเสถียร ตันบีชาติ
นายแพทย์เวทย์ ตันบีชาติ ผู้รวบรวมนิทานทางพุทธศาสนามาจัดพิมพ์เป็นหนังสิอที่ระลึกงานศพ คุณพ่อ เพื่อระงับความเศร้าโศกเสียใจในการสูญเสีย คุณพ่อและเพื่อมอบธรรมมะเพื่อระงับความเศร้าโศกจากการสูญเสียคนรักแก่ผู้มาร่วมงาน
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.8/1-5
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
รัตนโกสินทร์ ประมาณพุทธศตวรรษที่ ๒๕ หรือประมาณ ๑๐๐ ปีมาแล้ว
ไม้ลงรักประดับมุก
สูง ๓๙ เซนติเมตร กว้าง ๒๙.๕ เซนติเมตร
จอมพลเรือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ประทานยืม
กรอบพระรูปสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ประดับมุกด้วยลวดลาย อัฏฐพิธมงคล หรือ มงคล ๘ ประการ ได้แก่ ๑. อุณหิส หรือ กรอบหน้า ๒. คทา หรือ กระบอง ๓. สังข์ ๔. จักร ๕. ธงชัย ๖. อังกุศ หรือ ขอช้าง ๗. โคอุสภ ๘. กุมภ์ หรือ หม้อน้ำ สัญลักษณ์ของมงคล ๘ ประการนี้เป็นความเชื่อที่คนไทยแต่โบราณได้รับคติมาจากศาสนาพราหมณ์ฮินดู โดยสิ่งที่เป็นมงคลทั้งแปดนี้ มีความสัมพันธ์เนื่องในพระเป็นเจ้าในศาสนาพราหมณ์
โคอุสภ หรือเรียกว่า โคอุสุภราช หมายถึง วัวตัวผู้ ปรากฎในกรอบรูปเป็นสัญลักษณ์หนึ่งในอัฏฐพิธมงคล มงคล ๘ ประการ โดย โคอุสภเป็นพาหนะของพระอิศวร มีลักษณะพิเศษเฉพาะ คือ กายสีดำ มีด่างสีขาว ๗ แห่งด้วยกัน คือบริเวณกลางหน้าผากเป็นรูปใบโพธิ์ บริเวณปลายเท้าทั้ง ๔ เท้า และบริเวณปลายหางและที่หนอก
ปัจจุบันกรอบรูปนี้จัดแสดงในห้องเครื่องมุก พระที่นั่งพรหมเมศธาดา (ชั้นล่าง) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
-- องค์ความรู้ --
วันหยุดเมื่อร้อยกว่าปีก่อน
วันหยุด คือวันเว้นว่างจากการทำงานหรือวันพักผ่อน นอกจากวันเสาร์และอาทิตย์แล้ว ราชการจะประกาศวันหยุดเทศกาลตามวาระแห่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
หากในอดีตคนไทยมีวันหยุดอะไรบ้าง แล้วใครยังต้องทำงานอีกรึไม่ ?
จากเอกสารจดหมายเหตุของสำนักงานปกครองจังหวัดสุโขทัย เรื่องรวมระเบียบคำสั่งต่างๆ นั้น มีประกาศวันหยุดราชการเพราะเหตุต่างๆ ประจำ พ.ศ.๒๔๕๙ จำนวน ๗ ครั้ง รวม ๔๐ วัน ได้แก่
๑. พิธีตรุษสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ ๒๘ มี.ค. - ๑๕ เม.ย. รวม ๑๙ วัน
๒. วิสาขบูชา ตั้งแต่วันที่ ๑๕ - ๑๗ พ.ค. รวม ๓ วัน
๓. เข้าปุริมพรรษา ตั้งแต่วันที่ ๑๓ - ๑๙ ก.ค. รวม ๗ วัน
๔. ทำบุญพระบรมอัฐิพระพุทธเจ้าหลวง วันที่ ๒๓ ต.ค. รวม ๑ วัน
๕. ทำบุญพระอัฐิ แล พระราชพิธีฉัตรมงคล ตั้งแต่วันที่ ๙ - ๑๒ พ.ย. รวม ๔ วัน
๖. เฉลิมพระชนม์พรรษา ตั้งแต่วันที่ ๓๐ ธ.ค. - ๓ ม.ค. รวม ๕ วัน
๗. มาฆบูชาจาตุรงคสันนิบาต วันที่ ๖ ก.พ. รวม ๑ วัน
แต่กระนั้น เพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้าในการปฏิบัติราชการ จึงมีระเบียบเพิ่มเติม คือ
" ..... ให้ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยทุกน่าที่ผลัดเปลี่ยนกันมารักษาราชการ ..... จะทิ้งการไว้ให้คั่งค้างหรือให้เสียราชการโดยอ้างว่าเปนเวลาหยุดราชการนั้นไม่ได้ "
และ " ถ้าเปนเวลามีราชการฉุกเฉินที่จำเปนจะต้องทำในระหว่างวันหยุดราชการ ก็จำเปนจะต้องทำให้แล้วอย่าให้เสียราชการได้ ..... "
สรุปว่า เมื่อ ๑๐๐ กว่าปีก่อน ประเทศไทยมีวันหยุดราชการ " ยาวนาน " หากรัฐบาลไม่ทอดทิ้งภาระงานให้หยุดชะงักไปด้วย ใครมีหน้าที่สำคัญและจำเป็นก็ต้องมาทำให้เรียบร้อย
มีข้อสังเกตเรื่องหนึ่ง สาเหตุที่ประกาศให้พิธีตรุษสงกรานต์หยุดนานถึง ๑๙ วันนั้น เพราะสมัยก่อนวันตรุษสงกรานต์ คือ วันขึ้นปีใหม่ของประเทศ หาใช่วันที่ ๑ ม.ค. อย่างปัจจุบันไม่ ฉะนั้นปีใหม่ทั้งทีย่อมพิเศษไม่ธรรมดา
ผู้เขียน : นายธานินทร์ ทิพยางค์ ( นักจดหมายเหตุ หอจดหมายเหตุแห่งชาติฯ พะเยา )
เอกสารอ้างอิง : หจช.พะเยา. เอกสารจังหวัดสุโขทัย สำนักงานปกครองจังหวัด สท 1.2.2 / 1 เรื่องรวมระเบียบคำสั่งต่างๆ ( 6 มี.ค. 2446 - 24 ก.พ. 2502 )
เพลงโคราชเป็นการแสดงพื้นเมืองของจังหวัดนครราชสีมา เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ที่สะท้อนถึงคติชนวิทยา วิถีชีวิต ขนบธรรมเนียมประเพณี และเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาวจังหวัดนครราชสีมา สันนิษฐานว่าเพลงโคราชมีมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เพลงโคราชมีลักษณะเป็นเพลงปฏิพากษ์ที่ไม่มีดนตรีประกอบการขับร้อง เน้นความคมคายและโวหารของเนื้อหาบทเพลงที่ใช้ในการขับร้องเป็นสำคัญ จารีตและความเชื่อในกระบวนการเรียนรู้เพลงโคราช ในอดีตการเรียนรู้การแสดงเพลงโคราช ผู้ที่สนใจจะเป็นหมอเพลงหรือผู้แสดงเพลงโคราชจะไปฝากตัวเป็นศิษย์กับครูเพลง เพื่อให้ครูเพลงพิจารณาน้ำเสียง บุคลิก และปฏิภาณไหวพริบซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเป็นหมอเพลงโคราช หากครูเพลงเห็นควรรับเป็นศิษย์ก็จะให้มาพำนักที่บ้านครูเพลง เพื่อฝึกหัดเป็นหมอเพลง ทั้งนี้ เริ่มด้วยการยกครูหรือทำพิธีบูชาครู เครื่องบูชาครูประกอบด้วย กรวยครู ๖ กรวย ดอกไม้ขาว ๖ คู่ เทียน ๖ เล่ม ธูป ๑๒ ดอก ผ้าขาว ๑ ผืน เงินบูชาครู ๖ บาท (บางแห่งใช้ ๑๒ หรือ ๒๔ บาท) เหล้าขาว ๑ ขวด บุหรี่ ๑๒ มวน โดยศิษย์จะถือพานยกครูมาบูชาครูเพลงเพื่อขอเป็นศิษย์ แล้วครูเพลงกล่าวนำให้ศิษย์ว่าตาม ครูจะทำน้ำมนต์ประสระ (ครูเทน้ำมนต์รดศีรษะศิษย์) เพื่อเป็นสิริมงคล จึงต้องพำนักอยู่ที่บ้านครูเพลง หลังจากนั้นเป็นการฝึกหัดเพลงโคราชโดยศิษย์จะต่อเพลงกับครูเพลงแบบปากต่อปาก คืนละ ๑ กลอน ศิษย์ต้องท่องจำให้ขึ้นใจและว่าให้ครูฟังในตอนเช้า หากจำไม่ได้ก็ต้องต่อใหม่ในคืนถัดไปจนกว่าจำได้ ส่วนช่วงเวลากลางวันศิษย์ก็จะช่วยครูเพลงทำงานบ้านหรืองานในเรือกสวนไร่นา ในขั้นตอนการฝึกหัดนี้นอกจากฝึกการต่อเพลงแล้ว ครูจะฝึกการเอื้อนทำนอง การออกเสียง และการด้นกลอนสดจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวให้เชี่ยวชาญ ครูบางท่านเสกคาถามุตโตลงบนใบไม้แล้วให้ศิษย์กิน หรือเสกน้ำมนต์ล้างหน้า เสกข้าว ๓ ปั้น ให้ศิษย์นั่งกินบนจอมปลวกช่วงตะวันขึ้น เชื่อกันว่าจอมปลวกเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทำให้ศิษย์มีสติปัญญาและปฏิภาณไหวพริบเฉียบแหลม เรียกกันว่า “องค์สี่” (ปัญญาดี เสียงดี ชั้นเชิงดี และใจเย็น) จารีตและความเชื่อในการแสดงเพลงโคราช หมอเพลงโคราชจะมีคติความเชื่อ และจารีตข้อห้ามในการแสดงหลายประการด้วยกัน แบ่งออกเป็น ๒ ประเภท คือ ๑. จารีตและความเชื่อในลำดับการแสดง ในการแสดงเพลงโคราชก่อนที่จะขึ้นแสดงบนเวที หมอเพลงจะต้องทำการยกครู (ไหว้ครู) เสียก่อน โดยเจ้าภาพจะต้องเตรียมขันครู (เครื่องไหว้ครู) ให้กับหมอเพลง ประกอบด้วย กรวยพระ ๖ กรวย เทียน ๖ เล่ม ธูป ๑๘ ดอก (กรวยละ ๓ ดอก) เงิน ๒๔ บาท ผ้าขาว ๑ ผืน ดอกไม้ ๑๒ ดอก สุราขาว ๑ ขวด บุหรี่ ๑ ซอง อนึ่ง หมอเพลงแต่ละท่านจะมีรูปแบบของการไหว้ครูตามความเชื่อของแต่ละสายตระกูลแตกต่างกันไป //ตัวอย่างคำกล่าวยกครู สำนวนครูบุญสม กำปัง (นายบุญสม สังข์สุข) “อิติปิโส ภะคะวา มือข้าพเจ้าสิบนิ้ว ยกขึ้นหว่างคิ้ว ข้าพเจ้าจะขอพนมกรนมัสการ สรรเสริญคุณพระพุทธคุณณัง พระธรรมคุณณัง พระสังฆคุณณัง คุณบิดรมารดา คุณครูบาอาจารย์ คุณอุปัชฌาย์อาจารย์ คุณพระอินทร์เจ้าฟ้า ขอเชิญท่านเสด็จลงมา รักษาดวงจิตดวงใจของข้าพเจ้า ให้เป็นสุขทุกราตรี ขอเชิญพระเสื้อเมือง พระทรงเมืองผู้เริงราชย์ ขอเชิญท่านเสด็จลงมา รักษาดวงจิตดวงใจของข้าพเจ้าให้มั่นคง ข้าพเจ้าประสงค์สิ่งใด ขอให้ข้าพเจ้าได้สิ่งนั้น เทอญ” นอกจากนี้ ในการยกครูนี้ หมอเพลงก็จะว่าคาถามหานิยม หรือคาถาทรงปัญญา เพื่อเป็น การเรียกผู้ชมให้นิยมหลงใหลในการแสดงของตน ในที่นี้ขอยกตัวอย่างคาถามหานิยม สำนวนของครูบุญสม กำปัง (นายบุญสม สังข์สุข) ดังนี้ คาถามหานิยม “สะสะนะมุโม โปร่งปรุปราดเปรื่อง ข้าฉลาดยะเอ็นดู นะโมพุทธายะ” คาถาทรงปัญญา “โอมปุรุ ทะลุปัญญา” คาถาสาลิกาลิ้นทอง “กะระวิเว วิเนอะ” คาถาเสกแป้ง “นะเอยโมโม นะเอยซ่อนเมตตา นะเอยคนทั้งหลายดูกู นะ” คาถาพุทธโอวาท “พุทธะ โอวาทะ” ๒. จารีตและความเชื่อเกี่ยวกับสถานที่แสดง การสร้างโรงเพลง การแสดงเพลงโคราชจะแสดงบนเวทีการแสดงหรือที่เรียกกันว่า “โรงเพลง” มีลักษณะเป็นศาลายกใต้ถุนสูง มีเสา ๔ เสา แต่เดิมหลังคามุงด้วยทางมะพร้าว หรือหญ้า หรือแฝก ตามวัสดุที่มีมากในท้องถิ่น สำหรับการตั้งโรงเพลงนี้จะมีจารีตในการสร้างอยู่หลายประการด้วยกัน เชื่อว่าหากไม่ปฏิบัติตามจะทำให้มีอุปสรรคในการแสดง ด้นเพลงไม่ออก หรืออาจทำให้หมอเพลงล้มป่วย จารีตและความเชื่อเกี่ยวกับสถานที่แสดงที่สำคัญ มีดังนี้ (๑) ห้ามสร้างโรงเพลงคร่อมจอมปลวก (๒) ห้ามใช้ต้นไม้เป็นเสาของโรงเพลงด้านใดด้านหนึ่ง (๓) ห้ามสร้างโรงเพลงต่อจากยุ้งข้าว (๔) ห้ามสร้างโรงเพลงใกล้ บดบัง หรือเสมอศาลพระภูมิ หลังจากที่ปลูกสร้างโรงเพลงเสร็จแล้ว ในอดีตจะมีการมัดตอกและบริกรรมคาถา เป็นการทำคุณไสยแก่คู่แข่งมีอุปสรรค ไม่ประสบความสำเร็จในการแสดง ทั้งนี้ หากโรงเพลงถูกมัดด้วยตอกก็จะต้อง แก้ตอกเพื่อเป็นการแก้เคล็ด การขึ้นโรงเพลง การจะขึ้นโรงเพลงของหมอเพลงนั้นมีจารีตในการปฏิบัติเช่นกัน โดยหมอเพลงจะต้องดูทิศและวันที่เป็นมงคลในการขึ้นโรงเพลง เช่น หากแสดงตรงกับวันเสาร์ หมอเพลงจะต้องขึ้น โรงเพลงจากทิศตะวันตก หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ถ้าการแสดงตรงกับวันอาทิตย์ หมอเพลงจะต้องขึ้น โรงเพลงจากทิศเหนือ หันหน้าไปทางทิศใต้ หากฝ่าฝืนจะโดนผีหลวงหลาวเหล็ก ทำให้หมอเพลงด้นเพลงไม่ออก การแสดงมีอุปสรรค นอกจากการดูทิศแล้ว การจะก้าวขึ้นโรงเพลง หมอเพลงจะต้องก้าวเท้าตามลมหายใจข้างขวาหรือซ้าย ในก้าวแรกที่ขึ้นโรงเพลง เมื่อขึ้นโรงเพลงแล้วหมอเพลงก็จะว่าคาถามหานิยม คาถาทรงปัญญา เป็นต้น ดังกล่าวมาแล้วข้างต้น---------------------------------------------------------------ค้นคว้าเรียบเรียง : นายภูวนารถ สังข์เงิน นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ กลุ่มจารีตประเพณี สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์