ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,777 รายการ

นิทรรศการหมุนเวียน "Object of the Month" วัตถุจากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี ประจำเดือน "กันยายน" ระหว่าง วันที่ ๑ - ๓๐ ก.ย. ๒๕๖๖ เชิญพบกับ "กุณฑี" ณ ห้องโถงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี


พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๑ ผู้แต่ง : พระราชพงศาวดาร ต้นฉบับอยู่ที่ : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี (ห้องกรมศิลปากร) โรงพิมพ์ : กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์ ปีที่พิมพ์ : 2531 รูปแบบ : PDF ภาษา : ไทย เลขทะเบียน : น 34 ร. 11330 จบ.   เลขหมู่ : 959.305 พ375ส สาระสังเขป : เนื้อหาให้ความรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น รัชกาลที่ 1 พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ ศึกพม่าครั้งที่ 1 ศึกพม่าครั้งที่2 ศึกพม่าครั้งที่ 4 งานสมโภชพระแก้วมรกต


เทวรูปจากเทวาลัยมหาเกษตร ตอนที่ ๓.พระพรหม : เทพผู้สร้างสรรพสิ่ง.          วันนี้อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยจะขอนำเสนอองค์ความรู้ชุดเทวรูปจากเทวาลัยมหาเกษตร ตอนที่ ๓ซึ่งเป็นเรื่องราวของ “พระพรหม เทพผู้สร้างสรรพสิ่ง”          พระพรหม (Brahma) เทพสูงสุด ๑ ใน ๓ องค์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แต่ไม่มีนิกายเป็นของตนเอง ทรงมีฐานะเป็นนักบวชเช่นเดียวกับพระอิศวรหรือพระศิวะ พระพรหมมีหน้าที่สร้างสรรพสิ่งต่าง ๆ ขึ้น มีลักษณะเด่น คือ พระองค์ทรงมี ๔ พักตร์ ๔ กร โดยมักจะถือเครื่องใช้ของนักบวชประเภทต่าง ๆ ได้แก่ ลูกประคำเพื่อเป็นเครื่องประกอบในการบำเพ็ญพรตของนักบวช คัมภีร์ ช้อนตักเนยสำหรับตักเนยรดบนกองไฟบูชายัญ และหม้อน้ำ เป็นต้น พระองค์ทรงมีพระนางสรัสวตี เทพีแห่งเสียงและความรู้เป็นพระชายา และมีหงส์เป็นพาหนะ          โดยเทวรูปพระพรหมจากเทวาลัยมหาเกษตร มีลักษณะมวยเกศาเป็นรูปพระเจดีย์ซ้อนกันขึ้นไป ๕ ชั้น กรองศอมีลักษณะเป็นแผ่นแบนใหญ่ ตรงกลางทำเป็นลายดอกประจำยาม ทรงกุณฑล (ตุ้มหู) รูปตุ้มที่แบ่งออกเป็นชั้น ๆ ด้านบนของกุณฑลมีลายกลีบบัวและลายเม็ดประคำเข้ามาประกอบ พาหุรัด (กำไลต้นแขน) มีแม่ลายเป็นลายดอกประจำยาม ขอบบนและขอบล่างเป็นลายกลีบบัว ส่วนทองกร (กำไลมือ) มีแม่ลายเป็นลายลูกแก้ว มีลายกาบเป็นตัวกระจังคั่นด้วยลายกลีบบัวเช่นเดียวกันกับพาหุรัด นอกจากนี้ยังทรงผ้ามีริ้ว ๔ ชั้น โดยชายพกด้านหน้าเป็นแผ่นโค้งใหญ่แผ่นเดียว ไม่มีลวดลายประดับ ซึ่งปัจจุบันเทวรูปพระพรหมจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร          จากการศึกษาของศาสตราจารย์ หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศสกุล ที่ได้ศึกษารูปแบบของเทวรูปสำริดสมัยสุโขทัยที่จัดแสดงอยู่ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง จังหวัดสุโขทัย และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น ๑๒ องค์ พบว่าเทวรูปพระพรหมองค์นี้ เป็นเทวรูปที่สร้างขึ้นในช่วงสมัยหลัง สังเกตจากลวดลายเครื่องประดับและรูปแบบของผ้าทรง กล่าวคือ ในระยะหลังริ้วผ้าข้างหน้าจะแหวกออกมากขึ้นจนกลายเป็นลวดลายเครื่องประดับ นอกจากนี้ริ้วผ้าจะมีลักษณะแข็งกระด้างยิ่งขึ้น ส่วนพาหุรัดและทองกรมีลวดลายประดับเพิ่มมากขึ้น และมีจำนวนมากกว่า ๓ แนวขึ้นไปเทวรูปจากเทวาลัยมหาเกษตร ตอนที่ ๑ : พระอิศวร https://www.facebook.com/photo/?fbid=719217040010611&set=a.621124623153187เทวรูปจากเทวาลัยมหาเกษตร ตอนที่ ๒ : พระวิษณุhttps://www.facebook.com/photo/?fbid=775708547694793&set=a.621124623153187..อ้างอิง          กรมศิลปากร. (๒๕๕๐). ศัพทานุกรมโบราณคดี. กรุงเทพฯ: บริษัท รุ่งศิลป์การพิมพ์ (๑๙๗๗) จำกัด. (จัดพิมพ์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐).          เชษฐ์ ติงสัญชลี. (๒๕๖๓). ประวัติศาสตร์ศิลปะอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. พิมพ์ครั้งที่ ๔. นนทบุรี. มิวเซียมเพรส.          ม.จ. สุภัทรดิศ ดิศกุล. เทวรูปสัมฤทธิ์สมัยสุโขทัย เข้าถึงเมื่อ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗. เข้าถึงได้จาก https://www.thaiscience.info/.../Article/NRCT/10640029.pdf          สุรพล ดำริห์กุล. (๒๕๖๒). ประวัติศาสตร์และศิลปะสุโขทัย. นนทบุรี: เมืองโบราณ.


เนื่องในงาน "หกเป็ง" นมัสการพระมหาธาตุเจ้าภูเพียงแช่แห้ง ประจำปี ๒๕๖๗ทางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน ขอนำเสนอคำบูชาพระธาตุ จากจิตรกรรมเขียนสีบนกระจก ที่คนล้านนานิยมเขียนภาพพระธาตุคู่กับสัตว์ประจำปีเกิดเพื่อใช้สักการะบูชา เรียก “ภาพปีเปิ้ง” ส่วนใหญ่จะผลิตที่เมืองเชียงใหม่แล้วส่งจำหน่ายไปทั้วภาคเหนือและทั่วประเทศคำบูชาพระธาตุ(ตั้ง นะโม ๓ จบปายาตุภูตา อนุตรานุภาวะจีรัง ปติฏฐิตา นันทกัปปัฏฐานะปุระ เทเวนะคุตตา วะระพุทธาตุงจิรัง อะหังวันทามิ ตังชินะธาตุง เสตะฐาเน อะหังวันทามิ ทูระโตฯ


         ชิ้นส่วนธรรมจักรศิลา พบที่เมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี เก็บรักษา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง          ชิ้นส่วนธรรมจักรสลักจากหิน กว้าง ๓๗ เซนติเมตร ยาว ๗๕ เซนติเมตร อยู่ในสภาพชำรุดพบเพียงครึ่งวง เป็นธรรมจักรประเภทสลักทึบ ไม่เจาะช่องว่างระหว่างซี่กำ ตรงกลางเป็นดุมกลมยื่นออกมา ล้อมด้วยแถบลายกลีบบัว ถัดออกมาเป็นส่วนซี่กำสลักลายคล้ายหัวเสา ส่วนกงล้อสลักลวดลายเม็ดเพชรพลอยสลับด้วยลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ขนาบด้วยแถบลายจุดไข่ปลาหรือลายเม็ดประคำ กรอบนอกของกงล้อสลักลายเปลวไฟ ลวดลายที่ปรากฏเป็นลวดลายที่นิยมสลักบนธรรมจักรในสมัยทวารวดี ซึ่งยังพบบนธรรมจักรศิลา ที่พบจากการขุดแต่งเจดีย์หมายเลข ๒ และ ๑๑ เมืองโบราณอู่ทองด้วย กำหนดอายุชิ้นส่วนธรรมจักรนี้ในสมัยทวารวดี ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ - ๑๔  หรือประมาณ ๑,๒๐๐ - ๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว            ธรรมจักรเป็นสัญลักษณ์แทนเหตุการณ์การแสดงธรรมครั้งแรกของพระพุทธเจ้า หรือการปฐมเทศนา ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้เมืองพาราณาสี ประเทศอินเดีย โดยนิยมทำคู่กับประติมากรรมรูปกวางหมอบ การใช้สัญลักษณ์รูปธรรมจักรพบตั้งแต่ศิลปะอินเดียโบราณ ราวพุทธศตวรรษที่ ๓ – ๖ (ประมาณ ๒,๐๐๐ - ๒,๓๐๐ ปีมาแล้ว) จากหลักฐานภาพสลักรูปธรรมจักรบนเสาโตรณะ ที่สถูปสาญจี ถือเป็นภาพสลักที่เห็นถึงความสมบูรณ์ขององค์ประกอบของเสาธรรมจักรที่ยังเหลืออยู่ ปัจจุบันยังพบร่องรอยการตั้งเสาธรรมจักร ณ สถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น สถูปที่เมืองสารนาถซึ่งเป็นสถานที่แสดงปฐมเทศนาของพระพุทธเจ้า ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชได้สร้างเสาธรรมจักรพร้อมจารึกตั้งไว้ด้านหน้าของสถูป ต่อมาเมื่อความนิยมในการสร้างพระพุทธรูปได้แพร่หลายขึ้น การสร้างเสาธรรมจักรในประเทศอินเดียจึงลดลง การสร้างรูปธรรมจักรจึงปรากฏเป็นองค์ประกอบร่วมกับพระพุทธรูปตอนปฐมเทศนา           บริเวณเมืองโบราณอู่ทองพบธรรมจักรศิลารวมทั้งสิ้น ๔ ชิ้น ที่สำคัญคือธรรมจักรศิลาพร้อมเสาและแท่นฐานรองรับ พบจากขุดแต่งเจดีย์หมายเลข ๑๑ ซึ่งพบเพียงชุดเดียวในประเทศไทย ทำให้สันนิษฐานได้ว่าในสมัยทวารวดีมีการประดิษฐานธรรมจักรบนเสาพร้อมแท่นฐานรองรับ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าศาสนสถาน ตามคติที่รับมาจากอินเดีย นอกจากนี้ยังพบรูปธรรมจักรหันด้านสันออก ขนาบด้วยกวางหมอบเหลียวหลังทั้ง ๒ ข้าง บริเวณส่วนฐานของพระพุทธรูปศิลาแสดงพุทธประวัติตอนแสดงปฐมเทศนาด้วย โบราณวัตถุดังกล่าวนี้ เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงถึงการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในดินแดนไทยในระยะแรก เมื่อกว่าพันปีมาแล้ว   เอกสารอ้างอิง เชษฐ์ ติงสัญชลี. ลวดลายในศิลปะทวารวดี : การศึกษาที่มาและการตรวจสอบกับศิลปะอินเดียสมัยคุปตะ-วกาฏกะ.(พิมพ์ครั้งที่ ๒). กรุงเทพฯ : เรือนแก้วการพิมพ์, ๒๕๖๕. ธนิต อยู่โพธิ์. ธรรมจักร. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร , ๒๕๐๘. ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะทวารวดี : วัฒนธรรมทวารวดีศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย. (พิมพ์ครั้งที่ ๒). นนทบุรี : เมืองโบราณ,  ๒๕๖๒. อมราลักษณ์ ทรัพย์สุคนธ์. “วิวัฒนาการของลวดลายบนธรรมจักรสมัยทวารวดี”. วิทยานิพนธ์ศิลปะศาสตร์บัณฑิตคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๑๕. ที่มาภาพประกอบ ห้องสมุดดิจิตอล ศ. ม.จ.สุภัทรดิศ ดิศกุล เว็บไซต์ http://www.thapra.lib.su.ac.th/supatlib


โบราณสถานวัดวังไทร  ตั้งอยู่หมู่ที่ ๗ บ้านวังไทร ตำบลกำโลน อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช .....มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประวัติวัดวังไทรว่า เดิมแถบนี้เป็นป่าดง มีช้างอาศัยเป็นจำนวนมาก พระเจ้าแผ่นดินพระองค์หนึ่งจึงสั่งให้พระยาไทรบุรี – ยะรัง เป็นหัวหน้ามาตั้งเพนียดจับช้างเพื่อส่งให้แก่เมืองหลวง จึงได้มาสร้างที่พำนักหรือที่ชาวบ้านมักเรียกว่าวังอยู่บริเวณนี้จึงเรียกว่า “วังพระยาไทย” ต่อมาจึงเพี้ยนเป็น “วังไทร” อย่างไรก็ดี ชื่อวังไทรนี้บ้านว่ามาจากชื่อต้นไทรใหญ่อยู่ริมคลองในบริเวณวัด .....โบราณสถานสำคัญภายในวัดได้แก่ เจดีย์ สี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง จำนวน ๔ องค์ ตั้งเรียงตามแนวทิศตะวันออก – ทิศตะวันตก ซึ่งกรมศิลปากรขุดค้น ขุดแต่งและบรูณะในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบด้วย เจดีย์องค์ที่ ๑ (องค์ทิศตะวันตกสุด) ขนาดฐานกว้างด้านละ ๑.๖๐ เมตร เจดีย์องค์ที่ ๒ ขนาดฐานกว้างด้านล่ะ ๑.๘๐ เมตร เจดีย์องค์ที่ ๓ ขนาดฐานกว้าง ด้านละ ๑.๓๐ เมตร และเจดีย์องค์ที่ ๔ (องค์ทิศตะวันออกสุด) ขนาดฐานด้านล่ะ ๑.๓๐ เมตร เจดีย์เหล่านี้ เป็นเจดีย์ทรงปราสาทยอด ส่วนเรือนธาตุย่อมุมไม้สิบสอง ส่วนองค์ระฆังเป็นดินเผาแกะสลักลวดลาย มีการประดับตกแต่ง ด้วยลายปูนปั้นที่งดงาม    อายุสมัย : สมัยอยุธยา ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๒ - ๒๓   วัดวังไทร ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๑๕ ตอนพิเศษ ๘๓ ง  หน้า ๑ วันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๔๑ เนื้อที่โบราณสถานประมาณ ๘๗ ตารางวา    จัดทำโดย นายสรรชัย แย้มเยื้อน และ นายสหภาพ ขนาน นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สาขาการจัดการสารสนเทศ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช #วัดวังไทร #โบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนนครศรีธรรมราช   อ้างอิง นภัคมน ทองเฝือ. โบราณสถานที่ขึ้นทะเบียนในเขตพื้นที่สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช. นครศรีธรรมราช: สำนักศิลปากรที่ ๑๒ นครศรีธรรมราช กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม, ๒๕๖๓


เรื่อง มรดกวิจิตรศิลป์จรดจาร ผ่านจิตรกรรมฝาผนังวัดในสุพรรณบุรี ผู้เรียบเรียง : นางสาวณัฐพร เพ็ชรกลับ บรรณารักษ์ชำนาญการ ผู้ออกแบบ : นางสาววารุณี วิริยะชูศรี บรรณารักษ์



ชื่อเรื่อง                     ตำราโหราศาสตร์ (หนังสือหุรา)สพ.บ.                       459/1หมวดหมู่                   โหราศาสตร์ภาษา                       บาลี-ไทยอีสานหัวเรื่อง                     โหราศาสตร์ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               34 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 29.5 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก        เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ไม่มีไม้ประกับ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี






             พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าฟังการบรรยายพาชมพระราชวังจันทรเกษม ในกิจกรรม “ชาววัง พาชม”  ซึ่งภัณฑารักษ์จะพาทุกท่านดื่มด่ำไปกับบรรยากาศโบราณสถานในยามค่ำคืน พร้อมรับฟังเรื่องราวของวังแห่งนี้ นับตั้งแต่เป็นวังหน้าสมัยกรุงศรีอยุธยาจวบจนเปลี่ยนแปลงการใช้งานเป็นที่ว่าการมณฑลเทศาภิบาล โดยเปิดรอบนำชม ทุกวันเสาร์ เวลา 18.30 น. เป็นต้นไป ลงทะเบียน ณ จุดขายบัตรเข้าชม (งานนี้เราจะพาท่านไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำวังด้วย ใครเป็นสายมูไม่ควรพลาด)             กิจกรรม “ชาววัง พาชม” เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Night at The Palace ย้อนเวลา ชมวัง 4 ศตวรรษ พระราชวังจันทรเกษม เปิดให้เข้าชมพระราชวังจันทรเกษม (เฉพาะภายนอกอาคาร) ทุกวันศุกร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่ 25 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 16.30 - 21.00 น. ค่าธรรมเนียมเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท ผู้พิการ และชาวไทยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี เข้าชมฟรี สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร. 0 3525 1586


สภาพธรรมที่เป็นฝักฝ่ายแห่งการตรัสรู้ 37  ประการ หมายถึง การอบรมวิปัสสนาภาวนา เริ่มตั้งแต่ สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ.                       73/4หมวดหมู่                   พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               38 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 56 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก                    เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด  ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


black ribbon.