ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ
วันนี้ (วันจันทร์ที่ ๓๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖) เวลา ๐๙.๐๐ น. นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนา วิจัย วิจักขณ์ การนำเสนอผลงานวิชาการของกรมศิลปากร ประจำปี ๒๕๖๕ และปาฐกถาพิเศษ ณ ห้องประชุมใหญ่ สำนักหอสมุดแห่งชาติ โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมการสัมมนาจำนวนมาก
กรมศิลปากรจัดโครงการสัมมนาวิจัย วิจักขณ์ การนำเสนอผลงานวิชาการของกรมศิลปากร ประจำปี ๒๕๖๕ ระหว่างวันที่ ๓๐ – ๓๑ มกราคม ๒๕๖๖ ณ ห้องประชุมใหญ่ และห้องดอกไม้สด สำนักหอสมุดแห่งชาติ เพื่อนำเสนอผลการศึกษาวิจัย พัฒนาวิธีการปฏิบัติงานอนุรักษ์ สืบทอด และเผยแพร่ความรู้ด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติในด้านต่าง ๆ ของหน่วยงานในสังกัด ทั้งด้านโบราณคดี พิพิธภัณฑ์ ภาษา เอกสาร หนังสือ ประวัติศาสตร์ นาฏดุริยางศิลป์ และศิลปกรรม โดยจัดการบรรยายและนำเสนอผลงานมากกว่า ๔๐ เรื่อง อาทิ การขุดตรวจทางโบราณคดีอาคารป่าไม้ภาคแพร่, ธรรมาสน์ในจังหวัดลำพูน, บัฏเทพนพเคราะห์, ภาพเขียนสีค้นพบใหม่ที่ถ้ำสิงโต เขาผาแรต อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี, สองกษัตราลงสรง : นาฏยประดิษฐ์ในการแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์, เรื่องเล่าจากสุสาน : ข้อมูลจากการขุดค้นทางโบราณคดีที่เวียงท่ากาน, สังเขปเรื่อง "ม้า" : จากแชงกรีล่าสู่ล้านนาและสยาม, เทคนิคการประดับกระจกโขนเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ ๙, ฐานรากหลักฐานโบราณคดี ป้อมมหากาฬ กําแพงพระนคร และกําแพงวังหน้ากรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งนี้ มีการถ่ายทอดสดผ่านทางเฟสบุ๊ก ไลฟ์ เพจ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม อีกด้วย
การสัมมนาวิจัย วิจักขณ์ เป็นโครงการที่กรมศิลปากรจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสนับสนุนให้นักวิชาการของกรมศิลปากรได้ศึกษา ค้นคว้า ทดลอง วิเคราะห์ วิจัย ทั้งวิทยาการใหม่ ๆ และวิทยาการที่ต่อเนื่องในเชิงลึก เพื่อนำไปพัฒนาการปฏิบัติงาน และเผยแพร่ความรู้ด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติสู่ทุกภาคส่วนของสังคม ซึ่งนอกจากจะเป็นการถ่ายทอดทักษะความรู้ให้กับนักวิชาการและประชาชนที่สนใจแล้ว ยังเป็นพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการพัฒนาผลงานทางวิชาการด้านการอนุรักษ์ สืบทอด สร้างสรรค์ และเผยแพร่มรดกศิลปวัฒนธรรม ทั้งนี้ กรมศิลปากรหวังว่าองค์ความรู้จากการสัมมนาจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้เยาวชนรุ่นใหม่และประชาชนทั่วไปหันมาสนใจ ตระหนักในคุณค่าและเกิดความรู้สึกภาคภูมิใจในศิลปวัฒนธรรมไทยมากยิ่งขึ้น
ตามรอยช่างซอ ล้านนาในอดีตรวบรวมประวัติและผลงานของบรมครูช่างซอล้านนาซอเป็นศิลปะการแสดงที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมล้านนามานาน และได้รับการพัฒนารูปแบบให้ทันยุคทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันการแสดงซอยังคงแพร่หลายในภาคเหนือ ซอเป็นเพลงพื้นบ้านใช้ภาษาพื้นเมืองในการขับร้อง ตามรูปแบบทำนอง ฉันทลักษณ์แต่ละทำนอง เป็นวรรณกรรมทางภาษาที่งดงาม เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของบรรพบุรุษที่สืบต่อจากรุ่นสู่รุ่นถึงปัจจุบัน เนื้อหาได้เผยแพร่เกียรติประวัติคุณงามความดีนานัปการของศิลปินช่างซอในครั้งอดีต ที่มีให้แก่การขับซอพื้นบ้านล้านนา ให้เป็นที่ประจักษ์สืบไป สนใจหนังสือเล่มนี้หาอ่านได้ที่ห้องบริการหนังสือท้องถิ่น หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ แนะนำโดย มนัสชยา ศักดิ์ชัชวาล
== โบราณคดีสำหรับเยาวชน เล่ม 3 เครื่องประดับสมัยแรกเริ่มในประเทศไทย ==กรมศิลปากรจัดทำหนังสือเล่มนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ให้หนังสือเล่มนี้ เป็นสื่อการเรียนรู้ทางโบราณคดีสำหรับนักเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาตอนต้นขึ้นไป ให้ได้เรียนรู้และเข้าใจเรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องประดับของมนุษย์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ จากแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ ในประเทศไทย และแหล่งโบราณคดีอื่น ๆ ในโลกที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมภายในเล่ม อธิบายถึงความหมายของเครื่องประดับ เครื่องประดับสมัยแรกเริ่มของโลก และการพัฒนาของเครื่องประดับในช่วงระยะเวลาต่อมา หลักฐานเครื่องประดับสมัยแรกเริ่มของประเทศไทยที่ค้นพบในแหล่งโบราณคดีต่าง ๆ พร้อมภาพประกอบที่น่าสนใจ
ยุคทองล้านนา ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ และสามัญชน เนื้อหาของหนังสือ ผู้เขียนต้องการเน้นภาพที่เด่นชัดของประวัติศาสตร์ล้านนาขึ้นมาในยุคสมัยใดสมัยหนึ่ง เพื่อขับรายละเอียดที่สะท้อนถึงสามัญชนในช่วงเวลาดังกล่าวออกมาให้ชัดเจน ถือเป็นก้าวแรกที่จะแสดงหาตัวตนและบทบาทของสามัญชนในประวัติศาสตร์ล้านนา ผ่านมุมมองทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็พยายามแสดงว่าล้านนาเชื่อมโยงกับโลกเศรษฐกิจภายนอกเช่นไร โดยหวังว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการเขียนประวัติศาสตร์ล้านนาด้วยพล็อตใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม สามัญชนมีบทบาทในประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก ในยุคทองของล้านนา ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14-16 เนื่องจากเศรษฐกิจสะท้อนวิถีชีวิตของชนชั้นในสังคม โดยเฉพาะชนชั้นสามัญสนใจหนังสือเล่มนี้หาอ่านได้ที่ห้องบริการหนังสือท้องถิ่น หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษกเชียงใหม่ แนะนำโดย มนัสชยา ศักดิ์ชัชวาล
แนะนำ E-book หนังสือหายากสมุดภาพไตรภูมิฉบับอักษรธรรมล้านนาและอักษรขอม เป็นผลงานจิตรกรรมแบบประเพณีที่เขียนบนเอกสารโบราณประเภทหนังสือสมุดไทย ภาพจิตรกรรมในหนังสือสมุดภาพไตรภูมิ 2 ฉบับนี้ นับเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมที่แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของบรรพชนในแต่ละท้องถิ่นที่ถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจออกมาเป็นภาพ ที่มีทั้งความงดงามในเชิงศิลปะและมีความหมายในทางปรัชญาและศาสนา การจัดพิมพ์สมุดภาพไตรภูมิครั้งนี้ เป็นการนำข้อมูลจากสมุดภาพไตรภูมิ จำนวน 2 ฉบับ คือ สมุดภาพไตรภูมิฉบับอักษรธรรมล้านนา เลขที่ 9 ชื่อ แผนที่ไตรภูมิ อักษรลาว และสมุดภาพไตรภูมิฉบับอักษรขอม เลขที่ 1 ชื่อ ไตรภูมิภาษาเขมร มาจัดพิมพ์ในเล่มเดียวกัน โดยจัดเรียงลำดับให้สมุดภาพไตรภูมิฉบับอักษรธรรมล้านเป็นตอนแรก และต่อด้วยสมุดภาพไตรภูมิฉบับอักษรขอม จำนวน 168 ภาพ พร้อมคำอธิบายภาพอย่างกว้าง ๆ ไว้ใต้ภาพสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่ออ่านในรูปแบบ e-book http://mobile.nlt.go.th/readall/375627สมัครสมาชิกฟรีในเว็บไซต์เพื่ออ่าน Full Text ค่ะ
แต้จิ๋ว : จีนกลุ่มน้อยที่ยิ่งใหญ่จีนแต้จิ๋ว ถือเป็นคนจีนกลุ่มใหญ่ในไทยจากจีนห้ากลุ่ม (แต้จิ๋ว ฮกเกี้ยน แคะ ไหหลำ กวางตุ้ง) ซึ่งต่างจากในประเทศจีน จีนแต้จิ๋ว ถือเป็นชนกลุ่มน้อย ซึ่งมีประชากรเพียง 20 กว่าล้านคน และเมื่อรวมประชากรจีนแต้จิ๋วจากทั่วโลกมีเพียง 26-27 ล้านคน ซึ่งน้อยกว่าจีนกลุ่มอื่นๆ แต่ด้วยความยิ่งใหญ่ด้วยสติปัญญา ความปราดเปรื่องปรีชา ความรู้ความสามารถ ความละเอียดอ่อนลึ้กซึ้ง มีภาษาและวัฒนธรรมที่โดดเด่น จึงทำให้เป็นที่รู้จัก และโด่งดังไปทั่วประเทศจีนและทั่วโลกอ่านได้ที่ห้องหนังสือทั่วไป 2 หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่แนะนำโดย จารุภา อินยะบุตร
ปริศนาวงศาคณาญาติ "ลัวะ"เป็นงานการศึกษาค้นคว้าเพื่อทำความชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของกลุ่มชาติพันธ์ุ ที่เรียกว่า "ลัวะ" ซึ่งเป็นชื่อที่มีความสับสนมากที่สุดชื่อหนึ่ง โดยคำว่า "ลัวะ" บุคคลภายนอกใช้เรียกเหมารวมกลุ่มชาติพันธ์ุหลายกลุ่มที่เรียกตนเองแตกต่างกันไป คำปรากฎในเอกสารวิจัย ที่มีความหลากหลายในวิธีเขียน สะกดชื่อ ในเอกสารราชการ และในการเรียกของคนในพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตภาคเหนือ ซึ่งเป็นความสับสนทั้งกับคนทั่วไป และในการรับรู้ของกลุ่มชาติพันธ์ุเอง โดยใช้ตัวแบบการจำแนกกลุ่มชาติพันธ์ุที่เกี่ยวกับ ลัวะ ตามเกณฑ์ทางภาษา เพื่อความสัมพันธ์ของกลุ่มชาติพันธ์ุต่างๆ ในเชิงวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐาน และโลกทัศน์ชาติพันธ์ุ รวมทั้งจัดเสวนาเรื่อง การเรียกชื่อชาติพันธ์ุ และลงพื้นที่สำรวจความคิดของชุมชน พร้อมสำรวจแนวคิด การจำแนกชาติพันธ์ุ ด้วยวิธีการทางชาติพันธ์ุวิทยา และ วิธีการทางภาษาศาสตร์ จากการศึกษาทำให้เห็นแนวทางชาติพันธ์ุที่หากมีการทำองค์ความรู้ทางภาษาศาสตร์ ที่นักภาษาศาสตร์ด้านต่างๆ ทั้งเชิงประวัติ เชิงสังคม และเชิงชาติพันธ์ุ ที่ได้มีการศึกษาไว้รวมไปกับการศึกษาสมุนไพร และการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และอื่นๆ จะทำให้การศึกษาทางด้านนี้มีความน่าสนใจ มีชีวิตชีวา น่าค้นคว้า และจะทำให้เกิดความรู้เกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธ์ุต่างๆ บนดินแดนสุวรรณภูมิได้ชัดเจนมากขึ้นอ่านได้ที่ห้องหนังสือท้องถิ่นภาคเหนือ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่แนะนำโดย จารุภา อินยะบุตร
แนะนำ E-book หนังสือหายากผ้าและการแต่งกายในสมัยโบราณจากจิตรกรรมฝาผนังบนพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)โครงการศึกษาเรื่องผ้าและการแต่งกายในสมัยโบราณจากจิตรกรรมฝาผนังบนพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระราชวังบวรสถานมงคล เป็นโครงการศึกษา ค้นคว้า พัฒนาการขององค์ประกอบของลายผ้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของไทย โดยในเล่มให้ข้อมูลของผ้าในสมัยต่างๆ ทั้ง สมัยก่อนประวัติศาสตร์ สมัยประวัติศาสตร์ ก่อนพุทธศตวรรษที่ 18 และสมัยประวัติศาสตร์ หลังพุทธศตวรรษที่ 18 คติความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ผ้า ลักษณะผ้าโบราณ รวมทั้งความเป็นมา ลักษณะทางสถาปัตยกรรม และจิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ด้วยhttp://mobile.nlt.go.th/readall/375626สมัครสมาชิกฟรีในเว็บไซต์เพื่ออ่าน Full Text ค่ะ
ศิลปวัตถุที่พบในเมืองพะเยาความมีอัตลักษณ์ของเมืองพะเยาที่โดดเด่นที่สุดนั้นคือ การมีวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์อย่างต่อเนื่องยาวนาน และมีหลักฐานอ้างอิงมากที่สุด ยุคที่เมืองพะเยามีความเจริญสูงสุด น่าจะอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 20-21 ซึ่งความเจริญดังกล่าวมีหลักฐานชัดเจนว่ามีความเจริญด้านพระพุทธศาสนา โดยมีหลักฐานทั้งที่เป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุ ประติมากรรมหินทราย จารึกหินทราย พระพุทธรูปหินทราย ซึ่งปรากฎให้เห็นมากมาย ศิลปโบราณทั้งหลาย ย่อมเป็นเครื่องบ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองของวิถีชีวิตภูมิปัญญา ความเพียร และศรัทธาของคนในแต่ละยุคสมัย โดยเฉพาะเมืองพะเยามีพัฒนาการด้านศิลปวัตถุมาแต่โบราณสืบทอดกันมาอย่างช้านานสนใจหนังสือเล่มนี้หาอ่านได้ที่ห้องบริการหนังสือท้องถิ่น หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ แนะนำโดย มนัสชยา ศักดิ์ชัชวาล
ลัดเลาะถิ่นไทในรัฐฉานในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน ปี 2548 ผู้เขียนได้ถูกเอ่ยชวนไปเที่ยวพม่าจาก หอมนวล สาวชาวไทเขินซึ่งนับถือผู้เขียนเป็นเสมือนญาติ หอมนวล นอกจากเป็นครูสอนภาษาที่มีลูกศิษย์อยู่ครึ่งค่อนเมืองแล้วเธอยังเรียบร้อย น่ารัก มากด้วยความสามารถพูดภาษาถิ่นไท พม่า จีน อังกฤษ ได้อย่างคล่องแคล่ว สามสัปดาห์กับการเที่ยวเมืองไทย(ไต) ม่าน(พม่า)และมอญมีอะไรหลายอย่างน่าสนใจเป็นอย่างมาก ลัดเลาะถิ่นไทในรัฐฉาน เป็นบันทึกประสบการณ์การเรียนรู้วิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรมของคนไท(ไต) ในรัฐฉานไว้อย่างละเอียด วิถีชีวิตที่เรียบง่ายอิงธรรมชาติ การผูกพันกับสายน้ำของชาวอินเลในหนองอินเล ประเพณี ความเชื่อมั่นศรัทธาในพระพุทธศาสนา สายน้ำมาวอันกว้างใหญ่ที่หล่อเลี้ยงชาวเมืองมาว ความงามของเมืองเหม่เมี้ยว ฯลฯ นั่นทำให้หนังสือเล่มนี้มีคุณค่าในเชิงศิลปะวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์และคติชนวิทยายิ่งนักอ่านได้ที่ห้องหนังสือท้องถิ่น หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่แนะนำโดย จารุภา อินยะบุตร
แนะนำ E-book หนังสือหายากอภิธานภาษาพื้นเมือง มณฑลพายัพสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ริเริ่มจะทำปทานุกรมภาษาไทยใหม่ฉบับหนึ่ง เป็นวิเคราะห์ในทางภาษาศาสตร์ ขอร้องให้เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ทรงช่วยรวบรวมศัพท์พื้นเมืองตามหัวเมืองต่างๆ มาประกอบการวิเคราะห์ ธรรมการมณฑลพายัพจึงได้ส่งศัพท์เหล่านี้มาชุดหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ได้มาก จึงได้จัดพิมพ์ขึ้นไว้ภายในเล่มรวบรวมคำศัพท์พื้นเมืองมณฑลพายัพ ไว้กว่า 1,800 คำ เรียงลำดับตามตัวอักษร และได้ระบุอักษรย่อชนิดของคำตามหลักไวยากรณ์ไว้ด้วย คือ น. =นาม ส.= สรรพนาม ก.= กริยา ว.= วิเศษณ์ หรือกริยาวิเศษณ์ บ. = บุรพบท สัน.= สันธาน และ อ. = อุทาน http://164.115.27.97/digital/items/show/10348