ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,703 รายการ
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 7/7ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 34 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58.5 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 51/1ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 16 หน้า : กว้าง 5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
ชื่อเรื่อง สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฏฺฐาน) อย.บ. 9/5ประเภทวัดุ/มีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 40 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 53.8 ซม.หัวเรื่อง พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา
เลขวัตถุ
ชื่อวัตถุ
ขนาด (ซม.)
ชนิด
สมัยหรือฝีมือช่าง
ประวัติการได้มา
ภาพวัตถุจัดแสดง
43/2553
(23/2549)
ชิ้นส่วนภาชนะดินเผา ขอบปากผายออก ส่วนบนเรียบ ไม่มีลวดลาย ส่วนล่างตกแต่งลายขูดขีด
ส.15.6
ก.17
ดินเผา
สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย อายุราว 2,500-2,000 ปีมาแล้ว
ได้จากบ้านเขาเพิ่ม อำเภอบ้านนา จ.นครนายก เมื่อประมาณ พ.ศ. 2539
เลขทะเบียน : นพ.บ.476/ก/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 54 หน้า ; 4 x 51 ซ.ม. : รักทึบ-ล่องชาด-ล่องรัก-ลานดิบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 162 (195-204) ผูก ก3 (2566)หัวเรื่อง : ทศชาติ--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ตราสัญลักษณ์นิทรรศการพิเศษ เรื่อง "เซรามิกแห่งแหลมทองและแดนอาทิตย์อุทัย : สานตำนานสายใยไม่เสื่อมคลายในพาณิชยวัฒนธรรมโลก" ประกอบไปด้วยสัญลักษณ์ปลาคู่ อันหมายความถึงความมั่งคั่งสมบูรณ์ โดยด้านซ้ายเป็นลายปลากาซึ่งได้ต้นแบบแนวความคิดมาจากเครื่องสังคโลกในสมัยสุโขทัยที่นิยมวาดรูปปลาลงบนภาชนะ หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมืองดังคำกล่าวที่ว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ด้านขวามือเป็นลายปลาคาร์ป ซึ่งได้แนวความคิดมาจากสัญลักษณ์ ธงปลาคาร์ปของชาวญี่ปุ่น โดยระหว่างปลาคู่ประดับด้วยช่อดอกราชพฤกษ์ดอกไม้ประจำชาติไทยและดอกซากุระเป็นดอกไม้ที่แสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่น ถัดลงมาด้านล่างระหว่างหางปลาทั้งสองมีธงชาติของทั้งสองประเทศเชื่อมต่อกัน หมายถึง ทั้งสองประเทศเป็นมิตรไมตรีต่อกัน มีการประสานร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ รวมไปถึงงานเซรามิก ศิลปกรรมที่ทรงคุณค่าของทั้งสองประเทศ
ที่มา: https://datasipmu.finearts.go.th/knowledge/12
"ทับหลังสลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ "
ศิลปะ/อายุ : ศิลปะเขมรในประเทศไทย แบบบาปวน-นครวัด อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗
แหล่งที่พบ : วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดลพบุรี
ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ณ พระที่นั่งพิมานมงกุฎ ชั้น ๒ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์
------------------------------
ทับหลังสลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เป็นแผ่นหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กึ่งกลางของทับหลังสลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ๓ เศียรในซุ้มเรือนแก้ว เหนือหน้ากาลคายสิงห์คาบท่อนพวงมาลัย มีลายใบไม้ตั้งขึ้นและลายใบไม้ม้วนลงด้านล่าง ตำแหน่งของหน้ากาลอยู่ชิดขอบด้านล่าง ซึ่งปกติจะทำให้ท่อนพวงมาลัยอ่อนโค้งลงมา แต่ทับหลังชิ้นนี้มีการออกแบบให้ท่อนพวงมาลัยพาดผ่านปากสิงห์และกลายเป็นส่วนหนึ่งของซุ้มเรือนแก้ว อย่างไรก็ดี รูปแบบโดยรวมเป็นลักษณะของทับหลังศิลปะเขมรแบบบาปวน อายุราวปลายพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๗
.
น่าสังเกตว่า ทับหลังแผ่นนี้ยังคงสลักรูปพระอินทร์เป็นรูปบุคคลนั่งชันพระชานุ (เข่า) พระหัตถ์ขวายกขึ้นถือวัชระ (อาวุธของพระอินทร์) คล้ายกำลังร่ายรำอยู่บนช้างเอราวัณ เป็นรูปแบบที่นิยมในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๕ สันนิษฐานว่าคงทำสืบเนื่องมา ต่างจากทับหลังสลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ ที่มักจะนั่งในท่ามหาราชลีลาสนะ (นั่งชันเข่า) ไม่แสดงอาการเคลื่อนไหว นอกจากนี้ การสลักรูปสิงห์คาบท่อนพวงมาลัยแบบหันหน้าตรง เริ่มปรากฏตั้งแต่ศิลปะแบบบาปวนและมีแนวโน้มสู่ศิลปะแบบนครวัด ดังนั้น จึงอาจกำหนดอายุอยู่ในศิลปะเขมรแบบบาปวนตอนปลายถึงนครวัด ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗
.
การสลักรูปพระอินทร์ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะพระอินทร์เป็นเทพประจำทิศตะวันออก จึงปรากฏภาพสลักบนทับหลังหรือหน้าบันของปราสาทเขมรทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นทางเข้าหลัก และรูปแบบทับหลังศิลปะแบบบาปวน เป็นทับหลังแบบที่พบมากที่สุดในประเทศไทย สอดคล้องกับช่วงที่อำนาจทางการเมืองของอาณาจักรเขมรเริ่มขยายพื้นที่กว้างขวางมากขึ้นจนถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๘ เราจึงพบเห็นทับหลังและศาสนสถานในศิลปะแบบบาปวน นครวัด และบายน กระจายอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง รวมถึงที่เมืองลพบุรีด้วย แต่ทับหลังสลักภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ แผ่นนี้ แม้จะพบอยู่ในจังหวัดลพบุรี แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเคยประดับอยู่ที่ปราสาทหลังใด เพราะได้ถูกเคลื่อนย้ายนำมาเก็บรวบรวมไว้ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเช่นเดียวกับทับหลังแผ่นอื่นที่พบร่วมกัน
------------------------------
อ้างอิง
.
เชษฐ์ ติงสัญชลี. ประวัติศาสตร์ศิลปะอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. นนทบุรี : มิวเซียมเพรส, ๒๕๕๘.
.
สมิทธิ ศิริภัทร์ และมยุรี วีรประเสริฐ. ทับหลัง : การศึกษาเปรียบเทียบทับหลังที่พบในประเทศไทยและประเทศกัมพูชา. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๓๓.
.
อรุณศักดิ์ กิ่งมณี. ทิพยนิยายจากปราสาทหิน. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๕๕.
------------------------------
เรียบเรียง : นายกฤษฎา นิลพัฒน์ ภัณฑารักษ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์
กลุ่มโบราณสถานเขาคลังสระแก้ว อีก 2 เนินโบราณสถานขนาดใหญ่ที่รอการขุดค้น (ไปเที่ยวชมกันได้นะคะ เนินใหญ่มาก อยู่กลางไร่มันสำปะหลังแถวสระแก้ว)
กลุ่มโบราณสถานเขาคลังสระแก้วตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของเมืองโบราณศรีเทพ บริเวณสระแก้ว สระน้ำโบราณที่ปัจจุบันได้เป็นหนึ่งในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยเนินโบราณสถานทั้งหมด 6 แห่ง (ปัจจุบันขุดแต่งแล้ว 4 แห่ง) ที่สำคัญคือยังมีเนินโบราณสถานขนาดใหญ่ได้แก่ เขาคลังสระแก้ว 1 และเขาคลังสระแก้ว 2 (เขาคลังสระแก้ว 1 สูงถึง 6 เมตร ขนาดเนินกว้างประมาณ 40 เมตร ใหญ่มาก ! ส่วนเขาคลังสระแก้ว 2 สูงประมาณ 3 เมตร กว้างประมาณ 30 เมตร )
การขุดค้นเนินโบราณสถานเขาคลังสระแก้วในปี 2566 พบฐานเจดีย์ก่อด้วยอิฐอยู่ในผังสี่เหลี่ยมจัตตุรัส มีชื่อว่า เขาคลังสระแก้ว 3 นอกจากนี้ยังพบโบราณวัตถุสำคัญที่เขาคลังสระแก้ว 4 เป็นเศษชิ้นส่วนชามสังคโลกของสุโขทัย! ตื่นเต้นมากค่ะ เพราะว่าในเมืองศรีเทพเราไม่เคยเจอหลักฐานโบราณวัตถุที่มีอายุหลังพุทธศตวรรษที่ 18 เลย แต่กลับพบของยุคหลังที่นอกเมืองบริเวณสระแก้ว (นอกจากนี้การขุดลอกสระแก้วก็พบชามสังคโลกเช่นเดียวกัน) นั่นอาจหมายความว่า หลังจากที่เมืองศรีเทพล่มสลายไป อาจยังมีการใช้พื้นที่บริเวณสระแก้วที่อยู่นอกเมืองด้วยรึเปล่า? สระแก้วยังคงความสำคัญมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 19-20 ???
**การขุดลอกสระแก้วได้เจอชิ้นส่วนจารึกด้วย เป็นจารึกอักษรปัลลวะ ภาษาสันสกฤษ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12
ชื่อเรื่อง บรรพชนคนบางแม่หม้าย : นักสู้ผู้ไร้ชื่อในประวัติศาสตร์ไทยผู้แต่ง เสมียน หงส์โตประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือท้องถิ่นISBN/ISSN -หมวดหมู่ ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์เลขหมู่ 959.37 ส943บสถานที่พิมพ์ ม.ป.ท.สำนักพิมพ์ ม.ป.พ.ปีที่พิมพ์ 2561ลักษณะวัสดุ 78 หน้า : ภาพประกอบ ; 21 ซม.หัวเรื่อง สุพรรณบุรี – บางปลาม้า สุพรรณบุรี – ความเป็นอยู่และประเพณีภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึก คำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ตั้งแต่ปี พ.ศ.2531