ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,765 รายการ

     มหามกุฏราชสันตติวงศ์ : พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา      พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา มีพระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าโสณบัณฑิต เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ ๖๑ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ที่ประสูติแต่ท้าววรจันทร์ (เจ้าจอมมารดาวาด พระสนมเอก) ธิดานายสมบุญ งามสมบัติ กับท้าวปฏิบัติบิณฑทาน (ถ้วย)  ประสูติเมื่อวันที่ ๑ เมษายน ๒๔๐๖ ครั้นเจริญพระชนมายุสมควรได้ทรงศึกษาหนังสือไทยกับคุณปานธิดาสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิไชยญาติ ในพระบรมมหาราชวัง แล้วทรงศึกษาภาษาขอมกับพระยาปริยัติธรรมธาดา (เปี่ยม)  ทั้งยังได้ศึกษาภาษาอังกฤษกับนายฟรานซิส ยอห์ชแปตเตอร์สัน กระทั่งโสกันต์และผนวชเป็นสามเณรจำพรรษา ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม และเริ่มรับราชการ กระทั่งพระชันษาได้ ๒๔ ปีจึงทรงผนวชเป็นพระภิกษุจำพรรษาอยู่ ณ วัดราชประดิษฐ เมื่อลาสิกขาบทแล้ว จึงทรงทำราชการต่อมา      ในรัชกาลที่ ๕ ทรงดำรงพระยศ “พระเจ้าน้องยาเธอ” ทรงรับราชการในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ตั้งแต่ก่อนผนวชพระได้เป็นนายร้อยเอก ราชองครักษ์  และรับราชการเป็นผู้ช่วยในกรมราชเลขานุการ (ไปรเวตสิเกรตารีออฟฟิศหลวง) เมื่อพุทธศักราช ๒๔๒๓ ในพุทธศักราช ๒๔๒๖ ได้เป็นผู้ช่วยการสถานทูตออกไปประจำ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ และเป็นหนึ่งในคณะราชทูตพิเศษไปเจริญทางพระราชไมตรี ณ สหรัฐอเมริกา  กระทั่งในพุทธศักราช ๒๔๒๘ จึงเสด็จกลับสยามรัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้เป็นราชเลขานุการฝ่ายต่างประเทศ แล้วเป็นข้าหลวงใหญ่ประจำมณฑลพายัพ   ครั้นพุทธศักราช ๒๔๓๔ ทรงสถาปนาเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิธาดา ในปีต่อมา โปรดเกล้าฯ ให้เป็นเสนาบดีกระทรวงมุราธร และเป็นผู้แทนเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการอีกตำแหน่งหนึ่ง ในพุทธศักราช ๒๔๓๗ โปรดให้เป็นสภานายกรัฐมนตรีในรัฐมนตรีสภา อันมีหน้าที่ด้านกฏหมายในขณะนั้น พุทธศักราช ๒๔๓๙ โปรดเลก้าฯ ให้เป็นเสนาบดีกระทรวงโยธาธิการ ได้เปิดใช้ทางรถไฟสายโคราช และเริ่มการสร้างทางรถไฟสายเพชรบุรี ก่อนจะโปรดเกล้าฯ ให้มารับตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงวัง โดยทรงดำรงตำแหน่งอยู่นานที่สุดในรัชกาลนั้น และทรงใช้สอยสนิทสนม เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัย ด้วยทรงกล้าแสดงความคิดเห็นในกิจการต่างๆ อยู่เสมอ  และในพุทธศักราช ๒๔๔๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา       นอกจากราชการประจำที่ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีแล้ว ยังทรงมีราชการพิเศษอื่นๆ อาทิ สภานายกหอพระสมุดวชิรญาณ ลัญจกราภิบาลแห่งเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า และมงกุฎสยาม มรรคนายกวัดมหาพฤฒาราม เป็นต้น นอกจากนี้ ทรงเชี่ยวชาญในเครื่องลายคราม ซึ่งในสมัยนั้นเรียกเครื่องกิมตึ๋ง อันเป็นงานอดิเรกที่สนพระทัยได้รับยกย่องให้เป็น “สังฆราชกิมตึ๋ง”       พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดาได้ทรงรับราชการมาหลายตำแหน่งด้วยทรงมีพระวิริยะและชำนาญในวิทยาการที่ทรงศึกษา โดยเฉพาะในราชประเพณี ทรงจัดราชการให้เป็นไปตามพระราชนิยมสมควรแก่การ มีพระอัธยาศัยซื่อตรง ดำรงอยู่ในความสุจริตและจงรักภักดีอย่างยิ่ง ในปลายรัชกาลที่ ๕ นั้น ทรงมีพระอนามัยทรุดโทรมไม่สามารถรับราชการได้จึงกราบถวายบังคมลาออกจากราชการ รับพระราชทานเบี้ยหวัดตลอดมา ในรัชกาลที่ ๖ มีพระอาการประชวรต้องเสด็จไปรักษาพระองค์ตามหัวเมืองอยู่เสมอ กระทั่งครั้งสุดท้ายเสด็จประพาสหัวหิน และประชวรมาก ต้องพักรักษาพระองค์ที่เพชรบุรี ครั้นกลับกรุงเทพฯไม่นานจึงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๔๕๖ สิริพระชันษา ๕๐ ปี พระราชทานเพลิงศพ พร้อมด้วยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าแม้นเขียน พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีนาคสวาสดิ์ ตลอดจนเจ้านายและข้าราชการอื่นๆ ทั้งสิ้น ๘ งาน  ณ พระเมรุวัดราชาธิวาส ทรงเป็นต้นราชสกุล โสณกุล   อ้างอิง ศิลปากร, กรม. ราชสกุลวงศ์. พิมพ์ครั้งที่ ๑๔ .กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค.ลาดพร้าว, ๒๕๕๔. สมเด็จพระสังฆราช (สา). หนังสือพระธรรมเทศนา อภิณ์หปัจจ์เวก์ขณปาฐ. ม.ป.ท. : ม.ป.พ., ๒๔๕๗. (พิมพ์แจก ในงานพระเมรุ พระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมขุนพิทยลาภพฤฒิธาดา ณ วัดราชาธิวาส พ.ศ.๒๔๕๗)  พิทยลาภพฤฒิยากร, พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่น. อัตตชีวประวัติ พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร.   ม.ป.ท. : ม.ป.พ., ๒๕๑๗.(พิมพืในงานพระราชทานเพลิงพระศพ พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร ณ พระเมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ๑๕ ธันวาคม ๒๕๑๗) เรียบเรียง : ณัฐพล  ชัยมั่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี




องค์ความรู้จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร เรื่อง พระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย จัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร




องค์ความรู้จากหอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ นครราชสีมา เรื่อง สมมาพระ : ว่าด้วยการขอขมาพระรัตนตรัยแบบอีสาน ปริวรรตและเรียบเรียงโดย นางสาวอุไร คำมีภา นักภาษาโบราณปฏิบัติการ


ชื่อเรื่อง                                ธมฺมปทวณฺณา ธมฺมปทฏฐกถา ขุทฺทกนิกายฏฐกถา (ธมฺมปทฺธ) สพ.บ.                                  376/12ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           52 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง                                 ธรรมเทศนา บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับล่องชาด-ลองรัก ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


เลขทะเบียน : นพ.บ.159/5ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ :  40 หน้า ; 4.5 x 51.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา  ชื่อชุด : มัดที่ 95 (22-26) ผูก 5 (2565)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์(8หมื่น) --เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)  ชบ.บ.40/1-4  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


มหานิปาตวณฺณนา(ทสชาติ) ชาตกฎฺฐกถา ขุทฺทกนิกายฎฺฐกถา (สุวณฺณสาม,มโหสถ,วิธูร,เนมิราชชาตก)  ชบ.บ.105.7ข/1-3  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


เลขทะเบียน : นพ.บ.331/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 48 หน้า ; 4.5 x 54 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 131  (338-342) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : มิลินฺทปญฺหา(พระยามิลินทะ)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


        แม่พิมพ์เครื่องประดับ จำนวน ๒ ชิ้น พบบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง จัดแสดง ณ ห้องอู่ทองศรีทวารวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง          แม่พิมพ์เครื่องประดับชิ้นที่ ๑ ขนาดกว้าง ๖.๗ เซนติเมตร ยาว ๘.๗ เซนติเมตร เป็นแผ่นหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มุมล่างซ้ายชำรุดหักหายไป บนผิวหน้าแกะลึกลงไปในเนื้อหินเป็นรูปตุ้มหูแบบห่วงกลม ๒ พิมพ์ เรียงคู่กัน โดยทั้ง ๒ พิมพ์ มีลักษณะคล้ายคลึงกันคือใช้สำหรับหล่อตุ้มหูแบบห่วงกลม ที่มีส่วนบนเรียวเล็ก ส่วนล่างใหญ่และหนา ปลายส่วนล่างไม่ติดกัน แม่พิมพ์ตุ้มหูด้านซ้ายมีขนาดใหญ่กว่าและตื้นกว่าพิมพ์ด้านขวา ด้านบนของแม่พิมพ์ทั้งสองมีร่องสำหรับเทน้ำโลหะ ที่มุมบนซ้ายและล่างขวาเจาะรูกลม ผิวด้านหลังของแผ่นแม่พิมพ์แบนเรียบ         แม่พิมพ์เครื่องประดับชิ้นที่ ๒ ขนาดกว้างกว้าง ๔.๓ เซนติเมตร ยาว ๑๒ เซนติเมตร เป็นแผ่นหินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ส่วนล่างชำรุดหักหายไป บนผิวหน้าแกะเป็นพิมพ์สำหรับหล่อตุ้มหูทรงห่วงกลม ๒ พิมพ์ เรียงคู่กัน พิมพ์ด้านซ้ายค่อนข้างตื้น ส่วนล่างหักหายไปแต่สันนิษฐานว่าเป็นพิมพ์สำหรับหล่อตุ้มหูแบบห่วงกลม ส่วนบนเรียวเล็ก ส่วนล่างใหญ่กว่า ปลายส่วนล่างไม่ติดกัน ผิวด้านในตกแต่งลวดลาย พิมพ์ด้านขวาลึกกว่าด้านซ้าย เป็นพิมพ์สำหรับหล่อตุ้มหูแบบห่วงกลม ส่วนบนเรียวเล็ก ส่วนล่างใหญ่และหนา ปลายส่วนล่างไม่ติดกัน ด้านบนของพิมพ์ตุ้มหูทั้งสองมีร่องสำหรับเทน้ำโลหะ ที่มุมบนขวาเจาะรูกลม ผิวด้านหลังของแผ่นแม่พิมพ์หินแบนเรียบ        สันนิษฐานว่าแม่พิมพ์ทั้ง ๒ ชิ้นนี้ เป็นแม่พิมพ์แบบประกบ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แม่พิมพ์ชุดเดียวกัน แต่สันนิษฐานว่ารูกลมที่เจาะทะลุบริเวณมุมของแผ่นแม่พิมพ์หินทั้งสองชิ้นนี้ น่าจะมีไว้สำหรับร้อยเชือก เส้นลวดหรือสลักเพื่อยึดให้แม่พิมพ์นี้ประกบติดกับอีกชิ้นหนึ่งไม่ให้ขยับ สำหรับขั้นตอนการเทน้ำโลหะลงไป เครื่องประดับที่ทำจากโลหะในสมัยทวารวดีที่พบในเมืองโบราณอู่ทอง มีทั้งทองคำ ดีบุก และตะกั่ว โดยเฉพาะมีการค้นพบตุ้มหูที่ทำจากดีบุกและตะกั่วเป็นจำนวนมาก ตุ้มหูเหล่านี้มีรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งแบบห่วงกลมเรียบไม่มีลวดลายแบบเดียวกับที่ปรากฏบนแม่พิมพ์ชิ้นที่ ๑ ซึ่งเป็นรูปแบบที่พบมาก แบบที่ค่อนข้างแบนมีลวดลายคล้ายคลึงกับที่ปรากฏบนแม่พิมพ์ชิ้นที่ ๒ และยังพบตุ้มหูรูปแบบอื่น เช่น ตุ้มหูแบบห่วงกลมประดับด้วยปุ่มแหลม นอกจากนี้ยังพบแม่พิมพ์เครื่องประดับที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันที่เมืองโบราณสมัยทวารวดีแห่งอื่น เช่น เมืองโบราณจันเสน อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เป็นต้น         แม่พิมพ์เครื่องประดับทั้ง ๒ ชิ้นนี้ เป็นหลักฐานที่แสดงถึงการเป็นแหล่งผลิตเครื่องประดับ ซึ่งพบเป็นจำนวนมากบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง ดังปรากฏหลักฐานการสวมใส่เครื่องประดับเหล่านี้ในประติมากรรมปูนปั้นและดินเผารูปบุคคลสมัยทวารวดี กำหนดอายุแม่พิมพ์ทั้ง ๒ ชิ้นนี้ ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๖ หรือประมาณ ๑,๒๐๐ – ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว   เอกสารอ้างอิง ศรีศักร วัลลิโภดม. “จันเสนเมืองแรกเริ่มในลุ่มลพบุรี-ป่าสัก”. ใน สังคมและวัฒนธรรมจันเสนเมืองแรกเริ่มในลุ่มลพบุรี-ป่าสัก. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์เรือนแก้วการพิมพ์, ๒๕๓๙. ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะทวารวดี : วัฒนธรรมทางศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย. กรุงเทพฯ : เมือง โบราณ, ๒๕๖๒.


                   ศิลปะรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๕          คณะสตรีอาสาสมัครพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มอบให้เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๗          ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ ห้องรัตนโกสินทร์ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร          หีบบุหรี่ทำด้วยทองคำลงยา ฝาหีบดุนนูนเป็นรูปมัจฉานุ (บุตรของหนุมานและนางสุพรรณมัจฉา จากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์) ลงยา ๗ สี ที่มุมบนด้านซ้าย มีพระปรมาภิไธยย่อ จ.ป.ร. ประดับเพชรเหลี่ยมกุหลาบ ภายในกล่องมีข้อความเขียนด้วยหมึก “ given to me by the king of Siam, August 6 1897 ”            หีบบุหรี่ใบนี้มีประวัติว่า พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทาน ให้แก่ เซอร์ วิลเลี่ยม คาริงตัน (Sir William Carington) ราชองครักษ์ (ขณะมียศเป็นพันโท) ในสมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย แห่งสหราชอาณาจักร ซึ่งรัฐบาลอังกฤษจัดให้มาประจำรับสนองเบื้องพระยุคลบาท ในคราวที่พระองค์เสด็จมาถึงกรุงลอนดอน ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ประทับอยู่ที่กรุงลอนดอนได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสถานที่ต่าง ๆ เช่น พระราชวังบักกิ้งแฮม (Buckingham Palace) โรงเรียนฮาโรว์* (Harrow School) รัฐสภา สวนพฤกษศาสตร์คิวการ์เดน (Kew gardens) เป็นต้น ครั้นเสด็จออกจากกรุงลอนดอน พันโทคาริงตันได้ติดตามส่งพระองค์ถึงเมืองคาเล** ประเทศฝรั่งเศส ดังความในพระราชโทรเลขวันที่ ๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ ความตอนหนึ่งกล่าวว่า “...ออกจากลอนดอนเช้าวันนี้เวลา ๕ โมง มีทหารม้าแห่แลมีแถวกาด ออฟออเนอด้วย กินกลางวันที่เมืองคาเลล์ แลลอดแบก็อต กับนายพันโทแคริงตันได้ตามมาส่งฉันถึงที่นี้...”          การเสด็จประพาสยุโรปในปี พ.ศ. ๒๔๔๐ พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น รัสเซีย สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม เยอรมนี อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ ฯลฯ ด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นทรงมีจุดมุ่งหมายอยู่ ๓ ประการ ได้แก่ ประการแรกทำให้สยามเป็นที่รู้จักแก่นานาประเทศทางยุโรป ประการที่สอง เพื่อได้เรียนรู้วิทยาการต่าง ๆ ในประเทศยุโรป และประการที่สามเพื่อแก้ไขข้อเสียเปรียบทางการค้าและการเมืองระหว่างสยามกับฝรั่งเศส โดยเสด็จออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๗ เมษายน พ.ศ. ๒๔๔๐ และเสด็จนิวัตถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๔๐ รวมระยะเวลาเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปครั้งที่ ๑ ทั้งสิ้น ๒๕๓ วัน         *ในช่วงเวลานั้น พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากรและหม่อมเจ้าเสฐศิริ (โอรสในพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นนเรศวรฤทธิ์) กำลังทรงศึกษาอยู่         **เมืองคาเล (Calais) เป็นเมืองท่าชายฝั่งของประเทศฝรั่งเศสตั้งอยู่บริเวณช่องแคบโดเวอร์ (Strait of Dover)   อ้างอิง สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. การเสด็จประพาสยุโรปของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ร.ศ. ๑๑๖ เล่ม ๒. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, ๒๕๕๑. ธิดา สาระยา. พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว-เจ้าแผ่นดินสยาม. พิมพ์ครั้งที่ ๒. นนทบุรี: เมืองโบราณ, ๒๕๖๑.


      50Royalinmemory ๕ เมษายน ๒๓๙๙ (๑๖๖ ปีก่อน) - วันประสูติพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม [พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น ๔ พระองค์เจ้าชั้นเอก]       พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) กับเจ้าจอมมารดาสังวาล พระสนมโท (สกุลเดิม ณ ราชสีมา) (พระนามเดิม : พระเจ้าลูกยาเธอ พระองค์เจ้าทองกองก้อนใหญ่) ดำรงพระอิสริยยศ “พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม” เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๒ มีพระโอรส-ธิดา ๒๖ พระองค์ สิ้นพระชนม์วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๔๖๗ พระชันษา ๖๙ ปี ทรงเป็นต้นราชสกุล ทองใหญ่ ณ อยุธยา (ดูเพิ่มเติมใน กรมศิลปากร, ราชสกุลวงศ์, พิมพ์ครั้งที่ ๑๔, (กรุงเทพฯ: สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, ๒๕๕๔), ๕๘.)        Cigarette Cards ชุดเจ้านายไทย (๑ สำรับ ประกอบด้วย พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระฉายาสาทิสลักษณ์ และรูปเขียนคล้ายพระรูปพระบรมวงศานุวงศ์บนแผ่นกระดาษ จำนวน ๕๐ รูป) ลำดับที่ ๓๑ โดยบริษัท ยาสูบซำมุ้ย จำกัด (SUMMUYE & CO) ผลิตราวปี พ.ศ. ๒๔๗๗ (หมายเลขทะเบียน ๒/๒๕๑๖/๑) มีประวัติระบุว่า คุณหลวงฉมาชำนิเขต มอบให้เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๑๖             (เผยแพร่โดย ศรัญ กลิ่นสุคนธ์ ภัณฑารักษ์ / เทคนิคภาพ อริย์ธัช นกงาม ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ กลุ่มทะเบียน คลังพิพิธภัณฑ์และสารสนเทศ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากร)


black ribbon.