ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,831 รายการ
ศิลปะรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๕๐๐
ปูนปลาสเตอร์ ระบายสี
ย้ายจากหอประติมากรรมต้นแบบ เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒
ประติมากรรมต้นแบบพระศรีศากยะทศพลญาณ ประธานพุทธมณฑลสุทรรศน์ ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี เป็นประติมากรผู้ปั้นพระพุทธรูปต้นแบบองค์นี้ สำหรับจัดแสดงในนิทรรศการฉลองพระพุทธชยันตี ๒๕ พุทธศตวรรษ ณ ท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๐๐ ภายในงานมีการระดมทุนเพื่อจัดสร้างพุทธมณฑล อันเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนา ใน พ.ศ. ๒๕๑๐
ภายหลังเสร็จสิ้นงานจึงอัญเชิญพระพุทธรูปต้นแบบองค์นี้มาเก็บรักษา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยจัดแสดง ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ต่อมาในพ.ศ. ๒๕๑๐ ได้เคลื่อนย้ายประติมากรรมต้นแบบองค์นี้มาจัดแสดงในห้องรัตนโกสินทร์ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร จนถึงคราวรื้อฟื้นโครงการจัดสร้างพุทธมณฑล ในพ.ศ. ๒๕๒๑ จึงได้เคลื่อนย้ายมาถอดขยายแบบสำหรับหล่อเป็นประติมากรรมขนาดใหญ่ และได้เก็บรักษาไว้ ณ หอประติมากรรมต้นแบบ กรมศิลปากร จนถึงพ.ศ. ๒๕๖๒
สำหรับแนวคิดการสร้างพระพุทธรูปต้นแบบนั้น ศาสตราจารย์ศิลป์ ได้แรงบันดาลใจจากพระพุทธรูปอิริยาบถลีลา ศิลปะสุโขทัย ที่ได้รับการนิยามว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามตามอุดมคติ นำมาสร้างสรรค์ใหม่ด้วยเทคนิคและสุนทรียศาสตร์แบบตะวันตก โดยพระพุทธรูปต้นแบบองค์นี้นับเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงถึงช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านรูปลักษณ์ของพระพุทธปฏิมาแบบไทยประเพณีกับงานศิลปกรรมร่วมสมัย
ปัจจุบัน ประติมากรรมต้นแบบพระศรีศากยะทศพลญาณ จัดแสดง ณ ห้องกรุงรัตนโกสินทร์ อาคารประพาสพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ชื่อเรื่อง นิทานสี่เสา (นิทานสี่เสา)
สพ.บ. 269/2ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 74 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง นิทานคติธรรม
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากวัดบ้านหมี่ ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
เจษฎาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ (F.Hilaire) หนังสือดรุณศึกษา เป็นตำราเรียนภาษาไทยที่เจษฎาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ แห่งโรงเรียนอัสสัมชัญได้แต่งและเรียบเรียงขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ หลังจากที่มาพำนักอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาเพียง ๙ ปี ฟ.ฮีแลร์ เป็นชาวฝรั่งเศส มีนามเดิมว่า ฟร็องซัวส์ ตูเวอเนต์ (François Touvenet) หรือที่รู้จักกันในนาม ฟ.ฮีแลร์ (F.Hilaire) ซึ่งเป็นศาสนานาม โดย ฟ. ย่อมาจาก Frère ในภาษาฝรั่งเศส หรือ Brother ในภาษาอังกฤษ บัญญัติศัพท์เป็นภาษาไทยว่า “เจษฎาจารย์ หรือภราดา” เจษฎาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ เป็นนักบวชคณะเซนต์คาเบรียล เดินทางจากประเทศฝรั่งเศสมาประเทศไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๔ พร้อมกับคณะเจษฎาจารย์อีก ๔ ท่าน เพื่อมารับมอบงานด้านการศึกษาจากบาทหลวงกอลมเบต์ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ เจษฎาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ มีความสนใจด้านภาษาไทยอย่างมาก จึงมุ่งมั่นศึกษาภาษาไทยและขนบธรรมเนียมประเพณีไทยจากครูหลายท่าน เช่น หลวงพัฒนพงศ์ภักดี (ทิม สุขยางค์) พระยาวารสิริ (ครูวัน) ครูฟุ้ง เจริญวิทย์ และครูศุข ศุภศิริ เป็นต้น ท่านมีความมานะ สามารถเรียนรู้ได้เร็ว เมื่อมีความรู้ภาษาไทยแตกฉานดีแล้ว จึงเริ่มแต่งหนังสือ “ดรุณศึกษา” ตำราเรียนภาษาไทยที่ใช้ในโรงเรียนอัสสัมชัญ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ บุคคลสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในครั้งนี้ คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งทรงเล็งเห็นความตั้งใจและความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจของเจษฎาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ ที่ต้องการจะพัฒนาความรู้แก่นักเรียน จึงทรงรับเป็นผู้ตรวจแก้ไขเนื้อหาให้ถูกต้องตรงตามความที่ปรากฏในพงศาวดารต่าง ๆ เพื่อให้ดรุณศึกษาเป็นหนังสือภาษาไทยแบบใหม่ที่มีความพิเศษและสมบูรณ์ครบถ้วนสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ดรุณศึกษาใช้เป็นหนังสือสอนอ่านภาษาไทย เริ่มจากการประสมอักษรกลาง อักษรสูง อักษรต่ำกับสระเสียงยาว สระเสียงสั้น และผันวรรณยุกต์ มีการฝึกอ่านคำที่ประสมแล้วทุกบท สอนตัวเลข สอนเครื่องหมาย เมื่อเด็กอ่านได้แล้ว มีบทอ่าน เป็นนิทานสอนใจ เช่น เรื่อง “กาน้ำแก่” “กระต่ายกับเต่า” “อึ่งอ่าง” “นกเขาเปล้า” “หมาจิ้งจอก” “มดง่าม” “ราชสีห์” “ยายกะตา” ฯลฯ ทุกเรื่องจะสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมให้แก่นักเรียนโดยตลอด ในชั้นที่โตขึ้นจะใช้คำประพันธ์ในการสอนโดยแต่งเองบ้าง นำมาจากของเก่าบ้างและมีการนำวรรณคดีมาทำเป็นเรื่องสอนอ่านด้วย เช่น “ชะลอมใส่น้ำ (ขอมดำดิน)” “พระไชยเชษฐ์” “นายขนมต้ม” บทร้อยกรอง “วิชาเหมือนสินค้า” จากเรื่อง ศรีสวัสดิวัด ของหมื่นพรหมสมพัตสร หรือนายมี จากเรื่องราวในประวัติศาสตร์ เช่น “เจ้าพระยาวิชเยนทร์” “พระเจ้าแผ่นดินสองพระองค์ (พระนเรศวรชนช้างกับพระมหาอุปราชา) “สมเด็จพระศรีสุริโยทัย” เล่าจากเรื่องจริง เช่น “เรือติตานิก” “เรือกลไฟในกรุงสยาม” “การพิมพ์หนังสือในประเทศไทย” เป็นต้น หนังสือดรุณศึกษา ผลงานชิ้นเอกของเจษฎาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ เมื่อแรกพิมพ์ที่โรงพิมพ์อัสสัมชัญ ใช้ชื่อว่า “อัสสัมชัญ ดรุณศึกษา” มีทั้งหมด ๓ เล่ม ได้แก่ ๑. อัสสัมชัญ ดรุณศึกษา ตอน กอ ขอ ๒. อัสสัมชัญ ดรุณศึกษา ตอนกลาง ๓. อัสสัมชัญ ดรุณศึกษา ตอนปลาย ภายหลังได้เล็งเห็นว่าอัสสัมชัญ ดรุณศึกษา ตอน กอ ขอ มีรูปเล่มที่หนาเกินไปสำหรับเด็กเล็ก ดังนั้นในการพิมพ์ครั้งที่ ๔ จึงแบ่งพิมพ์ออกเป็น อัสสัมชัญ ดรุณศึกษา ตอน กอ ขอ และอัสสัมชัญ ดรุณศึกษา ตอนต้น ส่วนที่เหลือคงเดิม จึงกล่าวได้ว่าตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๖๔ นักเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญมีแบบเรียน “อัสสัมชัญ ดรุณศึกษา” ใช้เรียนทั้งหมด ๔ เล่ม จวบจนกระทั่งสิขสิทธิ์ของ “อัสสัมชัญ ดรุณศึกษา” ได้ตกเป็นของสำนักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช ในระยะเวลาต่อมาจึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อเป็น “ดรุณศึกษา”หนังสือดรุณศึกษายุคสมัยต่าง ๆ หนังสือดรุณศึกษา ชุดหนึ่งมี ๕ เล่ม ใช้เป็นหนังสือประกอบการเรียนการสอนภาษาไทยให้สอดคล้องกับหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ สำหรับนักเรียนชั้นเตรียมประถม (ปฐมวัย) และชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ – ๔ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในโรงเรียนทั่วไปโดยเฉพาะในโรงเรียนเอกชนเครือคริสตจักร เพราะเป็นตำราที่เอื้อให้การเรียนการสอนวิชาภาษาไทยเกิดประสิทธิผล นักเรียนสามารถอ่านเขียนได้คล่อง มีคำศัพท์กว้างและรอบรู้ นอกจากนี้ยังมีภาพประกอบซึ่งช่วยให้ผู้เรียนรู้สึกเพลิดเพลิน สนุกสนาน มีความกระตือรือร้นในการเรียนและไม่เกิดความเบื่อหน่ายตัวอย่างบทอาขยานส่วนหนึ่งจากบทเรียนในหนังสือดรุณศึกษา ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๒ การจัดพิมพ์หนังสือดรุณศึกษาตั้งแต่เริ่มจัดพิมพ์ ได้มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงแก้ไขเพื่อให้ทันสมัยอยู่เสมอ ทั้งในส่วนของรูปเล่ม ภาพประกอบบทเรียนและข้อความบางตอน แต่ยังคงรักษาเนื้อหาสาระเดิมตามแนวของเจษฎาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ ไว้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงเกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน พร้อมจัดทำเชิงอรรถอธิบายความหมายประกอบคำ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียน ได้เข้าใจสาระความหมายของคำดังกล่าวทั้งในบริบทเดิมและบริบทที่ใช้ในปัจจุบันชัดเจนยิ่งขึ้น หนังสือดรุณศึกษายังคงใช้ประกอบการเรียนการสอนวิชาภาษาไทยมายาวนานกว่า ๑๐๐ ปี นับเป็นมรดกที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ในด้านการส่งเสริมการเรียนภาษาไทยและสืบทอดความเป็นไทยให้คงอยู่ตามเจตนารมย์ของเจษฎาจารย์ ฟ.ฮีแลร์ ผู้ประพันธ์ตราบจนปัจจุบัน-------------------------------------------------------------------เรียบเรียงโดย นางสาวนันทพร บรรลือสินธุ์ นักอักษรศาสตร์ชำนาญการพิเศษ กลุ่มแปลและเรียบเรียงสำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ -------------------------------------------------------------------บรรณานุกรมเอกสารจากหอจดหมายเหตุ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ. เฉลิมวงศ์ ปีตรังสี. “ประวัติท่านเจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์” ในอนุสรณ์งานสมโภชรับขวัญเจษฎาจารย์ ฟ. ฮีแลร์. ๒๕๐๒. ฟ. ฮีแลร์. “ดรุณศึกษา ปฐมวัย”, คำนำ, ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๖๒.
ฉันจะปลูกป่าบนดอยตุงหลังจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรชาวไทยภูเขาในพื้นที่ห่างไกล ทรงพบว่าชาวไทยภูเขาดำรงชีพในแนวทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น ตัดไม้ทำลายป่า ทำลายต้นน้ำลำธาร เผาป่าทำไร่เลื่อนลอย ปลูกฝิ่น เมื่อดินจืดก็ย้ายถิ่นไปเรื่อย ๆ จนดอยต่าง ๆ มีสภาพเป็นภูเขาหัวโล้น พื้นที่ดอยตุง เป็นพื้นที่หนึ่งที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีพระราชปรารภว่า “ฉันจะปลูกป่าบนดอยตุง” พระองค์มีพระราชดำริให้บูรณาการฟื้นฟูและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมกับการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของชุมชนชาวไทยภูเขาในบริเวณนั้น เพื่อให้เกิดการอยู่ร่วมกันและพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันโครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จึงเริ่มต้นขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๑ ภายใต้แนวพระราชดำริ “ปลูกป่า ปลูกคน” เพื่อพัฒนาพื้นที่ดอยตุง ๙๓,๕๑๕ ไร่ (ประมาณ ๑๕๐ ตารางกิโลเมตร) ในเขตอำเภอแม่จัน กิ่งอำเภอแม่ฟ้าหลวง และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย โดยมีมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นผู้ดูแลโครงการ และประสานงานกับหน่วยงานของรัฐบาล องค์กรเอกชน รวมถึงมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีด้วย โครงการดังกล่าวจะให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตของคนและป่าควบคู่กัน นำไปสู่การพัฒนาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งผลการดำเนินงานที่ผ่านมาสามารถเปลี่ยนแปลงชุมชนที่ต้องพึ่งพาการปลูกพืชเสพติดและตัดไม้ทำลายป่าเพราะจำเป็นต้องอยู่รอด ให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี มีศักดิ์ศรี มีส่วนร่วมและรู้สึกเป็นเจ้าของการพัฒนาชุมชนของตนเองได้วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๔ เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่ ขอร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่เรียบเรียง : นางเกษราภรณ์ กุณรักษ์ นักจดหมายเหตุชำนาญการภาพ : หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เชียงใหม่อ้างอิง :๑. มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์. ม.ป.ป. โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ (Online). https://www.maefahluang.org/doitung-development-project/, สืบค้นเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๔. ๒. อุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี. ม.ป.ป. พระราชกรณียกิจสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (Online). http://www.theprincessmothermemorialpark.org/page.php?id=7, สืบค้นเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๖๔.๓. อุษณีย์ เกษมสันต์, พ.อ. หญิง. ๒๕๔๓. “๑๐๐ ปี สมเด็จย่า : เพ็ญพระกรุณา เพื่อประชาไทย.” วารสารห้องสมุด. ๔๔ (๔): ๑-๘.
ติโลกนยวินิจฺฉย (ไตรโลกนยฺยวินิจฺฉย)
ชบ.บ.95ข/1-13
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
เลขทะเบียน : นพ.บ.299/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 14 หน้า ; 4.5 x 59 ซ.ม. : ทองทึบ-ลานดิบ ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 123 (275-286) ผูก 1 (2565)หัวเรื่อง : เล่มหลวง--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง : สรรพากร, กรม.
ชื่อเรื่อง : ประมวลคำปราศรัยของจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชน์ นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสครบรอบปีแห่งการปฎิวัติ (เฉพาะที่เกี่ยว กับการคลังและการภาษีอากร) กฎหมายการคลัง โดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย แผนพัฒนาเศรษกิจแห่งชาติ เฉพาะส่วนที่เกี่ยวกับด้านรายรับ (โดยย่อ)
ครั้งที่พิมพ์ : พิมพ์ครั้งที่ ๑
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : โรงพิมพ์อักษรสาสน์
ปีที่พิมพ์ : ๒๕๐๔
จำนวนหน้า : ๑๖๖ หน้า
หมายเหตุ : พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาศ วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๐๔
หนังสือเรื่อง ประมวลคำปราศรัยของ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีฯ เป็นหนังสือเกี่ยวกับประวัติพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชยและชีวิตการทำงานในกรมสรรพากร มีประมวลคำปราศรัยเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับการคลังและภาษีอากร มีกฎหมายการคลัง พ.ศ. ๒๔๘๓ และแผนพัฒนาเศรฐกิจแห่งชาติ เฉพาะส่วนที่เกื่ยวกับด้านรายรับ (โดยย่อ)
-- องค์ความรู้ เรื่อง เรื่องเล่าจากเอกสารรับมอบ ตอน บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง -- ทุกปีเมื่อถึงวันที่ 5 มีนาคม ที่ลานพ่อขุนงำเมือง ริมกว๊านพะเยาจะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาจากทุกอำเภอในจังหวัดพะเยา จากหน่วยงานสถานศึกษา พ่อค้า คหบดี ต่างร่วมทำพิธี “บวงสรวงพ่อขุนงำเมือง” จากบันทึกเอกสารการบวงสรวงวิญญาณพระมหากษัตริย์เมืองพะเยาและศาลหลักเมือง จัดทำพิธีบวงสรวง จะเกี่ยวข้องกับการจัดเตรียมสถานที่ เครื่องประกอบตกแต่ง เครื่องบวงสรวงต่างๆ และพิธีกรรม เป็นลักษณะเดียวกับการบวงสรวงเทพยดา เพราะถือว่าพ่อขุนงำเมืองเป็นบุคคลประวัติศาสตร์ที่สร้างเมืองพะเยาให้รุ่งเรืองทำคุณประโยชน์ต่อไพร่ฟ้าเจริญถาวร เป็นที่สักการะยกย่อง โดยกล่าวถึงรายละเอียดการจัดบวงสรวงดังนี้ 1. การจัดสถานที่: จะต้องอยู่หน้าสิ่งที่จะบวงสรวง โดยทำรั้วเรียกว่าราชวัตรล้อมรอบมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 3x4 เมตร รั้วราชวัตรทุกด้านมีประตูตรงกลาง ภายในตั้งโต๊ะปูผ้าขาว เพื่อวางเครื่องบวงสรวง 2. เครื่องประกอบในการตกแต่งราชวัตร: ตกแต่งด้วยช่อ (ธงกระดาษลายฉลุ) สีต่างๆ และตุง ทั้ง 4 มุม ประกอบด้วยฉัตรเงิน หรือฉัตรทอง 9 ชั้น (สำหรับล้านนาใช้ 9 ชั้น ภาพอื่นอาจจะเป็น 7 หรือ 5 ชั้น แล้วแต่ความนิยม) มุมละ 1 องค์ หน่อกล้วย หน่ออ้อย ต้นกุ๊ก ประดับทุกด้าน มุมโต๊ะด้านใดด้านหนึ่งสัปทนไว้ 1 คัน 3. เครื่องบวงสรวง 1 ชุด ประกอบด้วย * บายศรีต้น 1 คู่ * บายศรีปากชาม 2 ชุด * แจกันประดับดอกไม้ 2 แจกัน * เชิงเทียนติดเทียมเงิน 4 เล่ม เทียมทอง 5 เล่ม * กระถางปักธูปไว้ 9 ดอก * หัวหมู 1 ชุด (หัว ขา 4 ขา หาง เครื่องใน อย่างละเล็กละน้อย) ต้มสุกแล้ว * เป็ดพะโล้ 1 ตัว * กุ้งต้มสุก 1 จาน * ปูทะเลต้มสุก 1 ตัว * ไข่ต้ม 49 ฟอง * ขนมต้มขาว * ขนมต้มแดง * ฟักทองแกงบวช * ผลไม้ 9 อย่าง (กล้วยน้ำว้า ส้มเขียวหวาน แตงโม สับประรด และผลไม้ตามฤดูกาล) * อ้อยควั่น 1 จาน * มะพร้าวอ่อน 1 ลูก * ถั่วคั่ว 1 ถ้วย * งาคั่ว 1 ถ้วย * เนย 1 ถ้วย * น้ำชา 1 ถ้วย * นมสด 1 ถ้วย * น้ำเย็น 1 ถ้วย * เหล้าขาว 1 ขวด * ข้าวเหนียว (ข้าวสุก) * หมาก พลู บุหรี่ เมี่ยง 1 จาน * ธูปไว้สำหรับผู้ร่วมพิธี เครื่องบวงสรวงที่เป็นอาหารจัดใส่ขันโตก รวม 5 โตก สำหรับเครื่องบวงสรวง 1 ชุดคือ ขันโตกที่ 1 สำหรับ หัวหมู ขันโตกที่ 2 สำหรับ เป็ด ไก่ ขันโตกที่ 3 สำหรับ กุ้ง ปู ปลา ขันโตกที่ 4 สำหรับ ผลไม้ 9 ชนิด ขันโตกที่ 5 สำหรับ ไข่ต้ม ทุกโตกประดับด้วยดอกดาวเรือง หมายถึงความเจริญรุ่งเรืองและโรยด้วยกลีบกุหลาบ ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งความสดชื่นเบิกบาน พิธีกรรม: เมื่อถึงเวลา ประธานในพิธีจุดเทียนและธูป ปู่อาจารย์หรือพรหมณาจารย์ อ่านโองการบวงสรวง โดยเริ่มจากการไหว้ครู และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ไหว้เทพยดาประจำทิศ กล่าวความเป็นมาของสิ่งที่บวงสรวง พร้อมทั้งอัญเชิญมารับเครื่องบวงสรวง และกล่าวคำบวงสรวงเป็นภาษาบาลี ขณะที่ปู่อาจารย์กล่าวคำบวงสรวงนั้น ประธานจุดธูปปักบนเครื่องสังเวยจนครบทุกอย่าง ปู่อาจารย์กล่าวคำขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่บวงสรวง ให้มาปกป้องคุ้มครองผู้ที่มาและประชาชนที่เกี่ยวข้อง เครื่องบวงสรวงต่างๆ ตั้งไว้จนกว่าธูปจะหมดดอกแล้วปู่อาจารย์จะกล่าวคำลาเครื่องสังเวย มีธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาว่า จะต้องแบ่งเครื่องสังเวยสิ่งละเล็กละน้อยทุกอย่างใส่กระทงใบตองนำไปวางไว้มุมหนึ่งนอกบริเวณเพื่อแบ่งปันให้แก่สัมภเวสีทั้งหลาย เอกสารบันทึกการบวงสรวงพ่อขุนงำเมืองที่หยิบยกมากล่าวนั้น เป็นบันทึกพิธีบวงสรวงพ่อขุนงำเมือง ประจำปี 2540 เพื่อเฉลิมฉลอง 900 ปี อาณาจักรภูกามยาว 20 ปี จังหวัดพะเยา สำหรับการบูชา 900 ปี ภูกามยาว 20 ปี จังหวัดพะเยา จัดเครื่องบวงสรวง 3 ชุด สำหรับบูชาเทวดาประจำเมือง บูรพกษัตริย์ และเจ้าผู้ครองนคร ประเภทขนมหวาน : ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ขนมชั้น ขนมถ้วยฟู ซาลาเปา ขนมต้มขาว ขนมต้มแดง(ขาดไม่ได้) สังขยาฟักทอง ประเภทปลีกย่อย: งาขาว งาดำ ถั่วเหลือง นมเนย น้ำเปล่า (แก้วทั้ง 5 ใบ) เหล้า (บวงสรวงเวลาเช้าถึงเที่ยงวัน) เผือก-มัน บุหรี่ทางเหนือ เมี่ยง หมาก-พลู บายศรีปากชามใส่ไข่ต้ม แจกันดอกไม้ขาว 1 คู่ ข้าวตอกดอกไม้ผู้เรียบเรียง: นางสาวอรทัย ปานจันทร์ ( นักจดหมายเหตุ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา )ข้อมูลและเอกสารอ้างอิง: 1. เอกสารประกอบรายงาน พิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง, นายนพดล ภู่ชัย, 25402. เอกสารทำบุญเมืองบวงสรวงวิญญาณพระมหากษัตริย์เมืองพะเยาและศาลหลักเมือง สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดพะเยา, 2540ภาพถ่าย: 1. หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา. ภ พย 6 พิธีบวงสรวงพ่อขุนงำเมืองประจำปี 2540 ณ ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา, 25402. หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา. ภ พย 66 พิธีบวงสรวงพ่อขุนงำเมืองประจำปี 2543 ณ ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา, 2543#จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ
วันที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๕ เวลา ๐๗.๐๐ น.
นางปริญญา สุขใหญ่ หัวหน้าพิพิธภ้ณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ เข้าร่วมโครงการเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ ประจำปี งบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๕ จังหวัดสุรินทร์ เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาศวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๓ มิถุนายน ๒๕๖๕ ณ วัดหนองบัว ตำบลในเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์