ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ

สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 154/6 เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนีเผด็จ) ชบ.บ 181/12เอกสารโบราณ(คัมภีร์ใบลาน)


-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ : ปัญหา “ควาย” สะท้อนปัญหา “คน” -- ในสมัยก่อน หนังสือพิมพ์นั้นถือได้ว่าเป็นสื่อที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในการเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการชี้ให้เห็นถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับประชาชน เพื่อสะท้อนไปถึงหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งข้อมูลจากเอกสารจดหมายเหตุทำให้เราทราบว่า แม้แต่ปัญหาบางอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นในปัจจุบันแต่เป็นปัญหาสำคัญของประชาชนในอดีตโดยเฉพาะในต่างจังหวัด ก็เป็นหน้าที่ของหนังสือพิมพ์ในการชี้ให้เห็นถึงปัญหาและให้ข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะ. ยกตัวอย่างเช่น บทความเรื่อง “ควายเป็นสัตว์ร้าย! ที่น่าควรปราบ” ในหนังสือพิมพ์หลักเมือง ฉบับวันที่ 22 มิถุนายน 2471 เล่าเรื่องราวของเถ้าแก่เซียด ชาวจังหวัดสุโขทัย ที่ถูกควายไล่ขวิดขณะกำลังหอบข้าวของวิ่งหนีฝน เป็นเหตุให้เถ้าแก่เซียดได้รับบาดเจ็บที่ซี่โครงและตามร่างกายอีกหลายจุด เพื่อนบ้านได้ช่วยกันปฐมพยาบาลเบื้องต้น และรีบไปตามหมอหลวงที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่า หมอถึงจะมาโดยที่ไม่มีเครื่องมือช่วยเหลือมาด้วย ต้องกลับไปเอาที่โรงพยาบาลอีกราว 30 นาที สุดท้ายหมอก็ไม่ได้ทำการรักษาหรือให้คำแนะนำใดๆ บอกแต่เพียงว่าเถ้าแก่ไม่รอดชีวิตแน่ และกลับโรงพยาบาลไป ปล่อยให้เถ้าแก่เซียดนอนเจ็บทรมาน ท้ายที่สุดต้องไปตามหมอชาวบ้านที่ไม่มีใบประกาศนียบัตรมารักษาแทน ซึ่งผู้เขียนบทความได้ลงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นเรื่องน่าอนาถแท้ๆ ที่นายแพทย์ของภาครัฐไม่สามารถจัดการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นทางจังหวัดสุโขทัยได้มีการเรี่ยไรเงินเพื่อจัดสร้างอาคารและจัดซื้อเครื่องมือให้แก่โรงพยาบาลประจำจังหวัด ชาวบ้านบางคนถึงกับบ่นว่า เสียดายเงิน 8 บาทที่บริจาคไป ถ้าไม่มีเครื่องมือก็ไม่ควรตั้งโรงพยาบาล. อย่างไรก็ตาม ใจความของบทความชิ้นนี้ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติงานของแพทย์หลวง หากแต่ชี้ให้เห็นถึงปัญหาเกี่ยวกับควายในท้องที่จังหวัดสุโขทัย เช่น ควายไล่ขวิดชาวบ้าน หรือควายพุ่งชนรถหรือรถชนควายบนถนน โดยผู้เขียนบทความเรียกร้องหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบอันได้แก่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ให้ช่วยกวดขันกฎระเบียบในการควบคุมสัตว์เลี้ยงของเจ้าของที่ออกบังคับใช้แล้วให้เข้มงวดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเรียกร้องไปถึงบรรดาแพทย์ให้ดูแลผู้ป่วยให้ดีกว่านี้ ให้สมกับที่ประชาชนได้ช่วยกันเรี่ยไรเงินเพื่อประโยชน์แก่การบำบัดทุกข์ของพวกเขา.ผู้เขียน: นายธัชพงศ์ พัตรสงวน (นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา)เอกสารอ้างอิง : สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 7 กระทรวงมหาดไทย ร.7 ม 26.5 ก/17 เรื่อง จังหวัดสุโขทัย [ 17 พ.ค. 2471 – 7 ต.ค. 2472 ]. #จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ


ครุฑสมัยรัตนโกสินทร์ครุฑสมัยรัตนโกสินทร์ ในฐานะสัญลักษณ์แทนองค์พระมหากษัตริย์ นับเนื่องต่อมาจากสมัยกรุงธนบุรี ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖) โปรดเกล้าฯ ให้ใช้พระราชลัญจกรพระครุฑพ่าห์เป็นพระราชลัญจกรประจำแผ่นดิน หรือตราแผ่นดิน และใช้สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ส่วนครุฑในบริบททางพระพุทธศาสนา ยังสอดแทรกอยู่ในสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมเช่นเดียวกัน รวมถึงงานศิลปกรรมอื่นๆด้วย เช่น นารายณ์ทรงครุฑยุดนาค หน้าบันหน้าบันไม้จำหลักอุโบสถวัดราชสิทธาราม กรุงเทพมหานคร ครุฑยุดนาคประดับฐานปัทม์ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ครุฑยุดนาคประดับฐานยอดหลังคาพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พญาครุฑในภาพเทพชุมนุม จิตรกรรมฝาผนังพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระราชวังบวรสถานมงคล(วังหน้า) ครุฑยุดนาคตกแต่งฐานพระที่นั่งราเชนทรยาน เป็นต้นความสำคัญของครุฑในดินแดนประเทศไทยมีสืบเนื่องมานานตั้งแต่เมื่อประมาณ ๑,๕๐๐ ปีก่อน อย่างไรก็ตามคติความเชื่อต่าง ๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละยุคสมัยจนทำให้เกิดความเชื่อว่า ครุฑคือพาหนะของเทพผู้พิทักษ์พุทธสถาน และครุฑ คือ ผู้พิทักษ์พุทธสถานด้วยFrom Thonburi period to Rattanakosin period, Garuda has been used as a symbol of Thailand Monarch. During the reign of King Vajiravudh (King Rama VI), His Majesty ordered that Garuda was adopted as the national emblem. Since then Garuda has become the national emblem until the present day. In religious context, Garuda isa symbol that appears in architecture and other artworks.For example, Garuda with Vishnu on his neck holding Naga is carved on the wood pediment of the Ordination Hall of Wat Ratcha Sittharam in Bangkok; Garuda holding Naga as the decorations at the base of the Chapel of the Temple of Emerald Buddha, at the finial base of Dusit Maha Prasat Throne Hall, and at the base of Rachentrayan Royal Palanquin.The depiction of Garuda is also seen on the mural at Phutthaisawan Chapel Hall in the Bowon Sathan Mongkol Palace (the Front Palace).In Thailand Garuda has been considered important for 1,500 years. However, each passing day beliefs have changed until Garuda is finally deemed the vahana of the god who preserve religious places and Garuda himself is also the preserver of those places.ภาพ: พระครุฑพ่าห์ หน้าอาคารศาลากลางจังหวัดราชบุรี (เดิม)สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ใช้เป็นศาลารัฐบาลมณฑลราชบุรีและที่ว่าการเมืองต่อมาใช้เป็นศาลากลางจังหวัดราชบุรีปัจจุบันคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรีข้อมูล: สมุดภาพมรดกศิลปวัฒนธรรม เรื่อง ภูมิบริรักษ์ : ครุฑ ยักษ์ นาค


#เก๊าไม้เก๊าตอก#ดู่บ้าน          ชื่อทางการ : ต้นประดู่บ้าน พรรณไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่มีความสูงประมาณ ๑๐ - ๒๕ เมตร ใบเป็นช่อแตกออกจากปลายกิ่ง มีเป็นรูปมนรีปลายใบแหลมโคนใบมน ดอกออกเป็นช่อบริเวณโคนก้านใบหรือปลายกิ่ง มีช่อขนาดใหญ่ สีเหลือง มีกลิ่นหอมอ่อน          ดอกประดู่ หรือที่ชาวพม่าเรียกว่า “บะเด้าปาน” นอกจากจะถือว่าเป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศพม่าแล้ว ยังเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของเทศกาลสงกรานต์หรือเทศกาลปีใหม่ของพม่า ที่ชาวพม่าเรียกว่า “ตะจั้น” หรือ “ตะจ่าน” (Thingyan) ราวกลางเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่ดอกประดู่จะบานสะพรั่ง เป็นสีเหลืองทองอร่ามไปทั่ว         ในประเทศไทยดอกประดู่ใช้เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพเรือไทย เพราะดอกประดู่นอกจากงดงาม และหอมไกลแล้ว ยังแปลกกว่าดอกไม้อื่น ๆ ตรงที่จะบาน และร่วงพร้อมกันทั้งต้น ในประเทศมาเลเซียเรียกประดู่ว่า Padauk หรือ Angsana และ Sena ประเทศฟิลิปปินส์เรียก Narra ในประเทศอินโดนีเซียเรียก Sonokembang และในประเทศกัมพูชาเรียก tnugอ้างอิงอุทยานหลวงราชพฤกษ์.  เรื่องเล่าพรรณพฤกษาอาเซียน ตอนที่ ๓.  (Online). https://www.royalparkrajapruek.org/Knowledge/view/23


เลขทะเบียน : นพ.บ.419/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 48 หน้า ; 4 x 54 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 149  (86-89) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : สังฮอมธาตุ--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.556/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 14 หน้า ; 4 x 56 ซ.ม. : ชาดทึบ-รักทึบ-ลานดิบ-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 182  (311-323) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : ธรรมเล่มหลวง--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


ชื่อเรื่อง : ประชุมลำนำ ประมวลตำรากลอนกานต์ โคลงฉันท์ รองอำมาตย์เอกหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก) รวบรวมเรียบเรียงโดย รับสั่งสภานายกหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ สำนักนายกรัฐมนตรี ชื่อผู้แต่ง : สำนักนายกรัฐมนตรีปีที่พิมพ์ : 2514สถานที่พิมพ์ : พระนครสำนักพิมพ์ : สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรี จำนวนหน้า : 460 หน้า สาระสังเขป : หนังสือประชุมลำนำฯ เล่มนี้ จุดประสงค์เพื่อรักษาตำรากลอนไว้ให้เป็นแบบฉบับแก่ผู้ที่สนใจโดยทั่วไป ตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย นอกจากเต็มไปด้วยคุณค่าทางวิชาการฉันทศาสตร์แล้ว ยังเป็นการเอาต้นบัญญัติกานต์กลอน อันเป็นลำนำที่นิยมร้องรำทำเพลงกันอยู่ แต่โบราณมาเขียนไว้ให้เป็นหลักฐานอีกด้วย จากบัญญัติฉันทลักษณ์และบัญญัติกานต์กลอนแต่ละบท ทำให้ผู้ศึกษาได้ทราบถึงปรีชาสามารถของบุรพาจารย์ผู้เป็นต้นตระกูลของเราเป็นอย่างดี แม้จนกระทั่งบทกล่อมเด็กที่เราเคยได้ยินผู้ปกครองของเราเห่กล่อมสมัยเป็นเด็กก็มีกล่าวถึง จึงนับเป็นหนังสือที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อครูบาอาจารย์และนักเรียนนักศึกษาจะใช้ประกอบในการศึกษาเรียนรู้อย่างสำคัญ พร้อมทั้งประวัติของท่านรองอำมาตย์เอกหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก) ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเรียบเรียง ได้พิมพ์ไว้ในเล่มนี้แล้ว




มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ.  ประมวลนิทาน.  พิมพ์ครั้งที่ ๓.  พระนคร: บรรณาคาร, ๒๕๑๕.           หนังสือที่รวบรวมประมวลนิทาน พระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  โดยรวมนิทาน ๒๗ เรื่อง แบ่งออกเป็น ๓ ประเภท ได้แก่ ๑. นิทานชวนขัน เป็นนิทานประเภทตลกขบขัน ทรงใช้นามแฝงต่าง ๆ กัน เช่น พระขรรค์เพชร มหานาค เป็นต้น ๒. นิทานทหารเรือ เป็นนิทานที่ทรงแปลจากเรื่องของคอนราด เคโต ทรงใช้พระนามแฝงว่า พันแหลม โปรดให้ลงพิมพ์ในหนังสือดุสิตสมิต และ ๓. นิทานทองอิน เป็นนิทานประเภทนักสืบ มีทั้งหมด ๒ ชุดคือ ชุดที่ ๑ และชุดที่ ๒ รวมนิทานที่ทรงพระราชนิพนธ์ไว้ ๑๑ เรื่อง โปรดให้ลงพิมพ์ในหนังสือทวีปัญญา



          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครนายก หอการค้าจังหวัดปราจีนบุรีและ YEC จังหวัดปราจีนบุรี ขอเชิญชวนทุกท่านมาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ตลอดจนชวนชมพิพิธภัณฑ์ในยามค่ำคืน "ฟรี" ในงานเทศกาลท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ยามค่ำคืน PRACHINBURI Night at The Museum ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์สิ้นเดือนนี้ ตั้งแต่วันศุกร์ - อาทิตย์ ที่ ๒๘ - ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๕.๐๐ - ๒๐.๐๐ นาฬิกา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี โดยภายในงานจะได้พบกับกิจกรรมมากมาย ได้แก่  ........................................................... การจัดทำถุงผ้า DIY ถุงผ้าตราครั่ง (‘พิธภัณฑ์) ประทับตรารูปสัตว์มงคลจากขอบสระน้ำ (โบราณสถานสระแก้ว) เมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี และลวดลายจากโบราณวัตถุ ฟรีสำหรับผู้ลงทะเบียน ๑๕๐ ชุด และจัดจำหน่ายสำหรับผู้สนใจ ........................................................... Curator Tour  ประสบการณ์ใหม่ในการชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ในยามค่ำคืน จำนวน ๒ รอบ  รอบที่ ๑ เวลา ๑๘.๐๐ - ๑๙.๐๐ นาฬิกา รอบที่ ๒ เวลา ๑๙.๐๐ - ๒๐.๐๐ นาฬิกา โดย นายเพิ่มพันธ์ นนตะศรี ภัณฑารักษ์ปฏิบัติการ ไม่จำกัดผู้เข้าร่วมกิจกรรม แต่หากมีจำนวนมากกว่า ๒๕ คน ต่อรอบสามารถเพิ่มรอบ หรือเพิ่มกลุ่มการบรรยายได้ *Check in พร้อมแชร์ความประทับใจ ลุ้นรับของรางวัลพิเศษ ........................................................... นิทรรศการพิเศษ เรื่อง "โบราณสถานสระแก้ว สระศักดิ์สิทธิ์เมืองศรีมโหสถ" นิทรรศการที่บอกเล่าเรื่องราว โบราณสถานสระแก้ว ซึ่งเป็นโบราณสถานสำคัญอีกแห่งของจังหวัดปราจีนบุรี จัดแสดงบริเวณโถงทางเข้าห้องจัดแสดง ........................................................... กาชาปองเพื่อการเรียนรู้ ชุด ๕ สหายผจญภัย สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ โบราณสถานสระแก้ว เมืองศรีมโหสถ สระน้ำโบราณ ๑,๕๐๐ ปี ตู้กดกาชาปองบริเวณโถงทางเข้าห้องจัดแสดง ๑ ชุดมี ๕ แบบ หมุนครั้งละ ๕๐ บาท ราคาพิเศษเฉพาะช่วงกิจกรรม “PRACHINBURI” Night at The Museum เท่านั้น ........................................................... การแสดงผลงานกลุ่มเครือข่ายศิลปิน ART TOYS  ออกบูธแสดงผลงาน จำหน่ายสินค้าของที่ระลึกของกลุ่มศิลปินบริเวณโถงทางเข้าห้องจัดแสดง โดยกลุ่มศิลปิน ART TOYS กลุ่มศาลาอันเต และเพจ Little Turtle Studio ........................................................... สักการะพระคเณศ เมืองศรีมโหสถ พระคเณศองค์เก่าแก่ อายุกว่า ๑,๔๐๐ ปี ในช่วงกิจกรรม “PRACHINBURI” Night at The Museum เปิดให้ผู้ร่วมกิจกรรมสักการะพระคเณศเป็นกรณีพิเศษ (ไม่มีค่าใช้จ่าย)........................................................... Craft & Handmade  ออกร้านสินค้าสร้างสรรค์ สินค้า DIY ศิลปะ ของทำมือ ตลอดจน งานฝีมือ เครื่องดื่ม และกิจกรรม Workshop ........................................................... ที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ : https://maps.app.goo.gl/ZReq8B727nwkvzp17?g_st=ic


-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ : ย้อนรอยอดีตกิ่งอำเภอแห่งเมืองตาก -- การศึกษาข้อมูลจากเอกสารจดหมายเหตุของหน่วยงานราชการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานระดับกระทรวงที่สำคัญอย่างกระทรวงมหาดไทย นอกจากจะทำให้เราได้เห็นถึงขั้นตอน กระบวนการ ตลอดจนมุมมองและแนวคิดในการดำเนินงานต่างๆ ตามภารกิจของกระทรวงมหาดไทยตลอดระยะเวลาร้อยกว่าปีแล้ว เรายังได้รู้เกี่ยวกับเกร็ดทางประวัติศาสตร์ที่ซ่อนอยู่ในเนื้อหาของเอกสารที่อาจไม่เคยรู้ เช่น การจัดตั้งหรือยุบเลิกอำเภอและกิ่งอำเภอในอดีตซึ่งปรากฏชื่ออำเภอหรือกิ่งอำเภอที่ไม่มีแล้วในปัจจุบัน ดังปรากฏในเอกสารจดหมายเหตุชุด กรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 7 กระทรวงมหาดไทย ที่กล่าวถึง “อดีต” กิ่งอำเภอสองแห่งในจังหวัดตาก. เมื่อปี พ.ศ. 2471 สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครสวรรค์ ได้มีใบบอกกราบทูลสมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ความว่า กิ่งอำเภอเชียงเงิน ในท้องที่อำเภอระแหง จังหวัดตาก (ปัจจุบันคืออำเภอเมืองตาก - ผู้เขียน) มีการคมนาคมระหว่างที่ว่าการอำเภอกับตำบลทั้งสามแห่งของกิ่งอำเภอ (วังหิน ประดาง และหนองบัวใต้) ที่สะดวกแก่การตรวจตราของเจ้าหน้าที่มากขึ้น ในขณะเดียวกัน ท้องที่บ้านท่าปุย อำเภอบ้านตาก มีพื้นที่กว้างใหญ่ ไม่สะดวกแก่การปกครอง จึงเสนอให้ยุบเลิกกิ่งอำเภอเชียงเงิน และย้ายกิ่งอำเภอมาตั้งที่บ้านท่าปุย เรียกว่า “กิ่งอำเภอท่าปุย” ประกอบด้วย 4 ตำบลคือ สามเงา บ้านนา ยกกระบัตร์ และยางโอง ซึ่งทางกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาอนุญาตและสั่งการให้มณฑลนครสวรรค์ดำเนินการจัดการตามที่มีใบบอกมาดังกล่าว. หากเราสืบค้นชื่อของกิ่งอำเภอท่าปุยในปัจจุบัน จะพบว่าไม่มีอยู่ในสารบบของชื่ออำเภอในประเทศไทยแล้ว สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากในเวลาต่อมา กิ่งอำเภอท่าปุยได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น “กิ่งอำเภอสามเงา” เมื่อปี พ.ศ. 2482 และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอเมื่อปี พ.ศ. 2501 ในขณะที่ชื่อ “ท่าปุย” ปัจจุบันกลายเป็นเพียงชื่อหมู่บ้านแห่งหนึ่งในตำบลสามเงา ส่วนอดีตกิ่งอำเภอเชียงเงินนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีการยกฐานะกลับมาเป็นกิ่งอำเภอหรืออำเภออีกเลย โดยปัจจุบัน “เชียงเงิน” เป็นชื่อตำบลแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองตาก.ผู้เขียน: นายธัชพงศ์ พัตรสงวน (นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา).เอกสารอ้างอิง: 1. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 7 กระทรวงมหาดไทย. ร.7 ม. 4.3/1 เรื่องปันแขวงปกครองและยุบย้ายที่ว่าการต่างๆ [ 18 ธ.ค. 2468 – 9 ก.ค. 2475 ].2. เทศบาลตำบลสามเงา. ประวัติการจัดตั้งเทศบาลตำบลสามเงา.  สืบค้นเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2566.  จาก http://samngaolocal.go.th/site/page/VFdwUlBRPT0=  3. “แจ้งความกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ใบบอกสมุหเทศาภิบาลมณฑลนครสวรรค์.” (2471). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 45, ตอน ง (30 กันยายน): 1965-1966.4. “พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนนามอำเภอ กิ่งอำเภอ และตำบลบางแห่ง พุทธศักราช 2482.” (2482). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 56, ตอน ก (17 เมษายน): 354-363.#จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ


ชื่อเรื่อง                     ธมฺมปทวณฺณนา ธมฺมปทฏธกถา ขุทฺทกนิกายฏธกถา (ธมฺมปทขั้นต้น, คาถาธมฺมปท)อย.บ.                       244/19ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               56 หน้า : กว้าง 4.7 ซม. ยาว 53.5 ซม.หัวเรื่อง                     พุทธศาสนาบทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


black ribbon.