ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,784 รายการ

หอสมุดแห่งชาติกาญจนาภิเษก สงขลา จัดกิจกรรม จุดประกายฝันสร้างสรรครักการอ่าน ระหว่างวันที่ ๒๘ - ๓๐ เมษายน ๒๕๕๘


ทีมนักโบราณคดีได้ทำการวิเคราะห์แนวโบราณถสถานในพื้นที่ขุดค้นระยะที่ 4 เรียบร้อยแล้ว พบแนวโบราณสถานทั้งสิ้น 11 แนว ที่สำคัญเช่นแนวฉนวนทางเดินอิฐ ที่มีความยาวหลายเมตร ฐานรากอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมจำนวน 4 หลัง แนวขอบพื้นปูศิลาด้านข้างพระที่นั่งพุทไธสวรรค์ บางแนวมีอายุเก่าไปถึงสมัยรัชกาลที่ 4 การขุดค้นทางโบราณคดีครั้งนี้ถือเป็นมิติการค้นพบครั้งใหม่และกุญเเจสำคัญ ที่ช่วยตอบคำถามการใช้พื้นที่และตำแหน่งสิ่งปลูกสร้างพระราชวังบวรสถานมงคล บริเวณเขตพระราชฐานชั้นกลาง (หมู่พระมณเฑียร และที่ออกว่าราชการของพระอุปราช) ในช่วงก่อนการยกเลิกตำแหน่งพระมหาอุปราชในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งถือว่ามีหลักฐานในอดีตหลงเหลือน้อยอย่างยิ่ง   ข้อมูลจาก https://www.facebook.com/WangnaArchaeologicalProject2012            


        วันอังคารที่ 10 มีนาคม 2558 ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน พร้อมท่าผู้หญิงมณฑิณี มงคลนาวินได้ มอบเอกสารส่วนบุคคลให้แก่สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เพื่อทำการอนุรักษ์และให้บริการศึกษาค้นคว้าในโอกาสต่อไป และได้เยี่ยมชมการดำเนินงานของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ        



พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา จัดกิจกรรมพิพิธภัณฑ์สัญจร ณ โรงเรียนวัดป่าขาด ตำบลป่าขาด อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2558 โดยมีกิจกรรมแนะนำหน่วยงาน การระบายสี และการต่อจิ๊กซอ ให้นักเรียนทุกระดับชั้นได้ร่วมสนุก และเพิ่มพูนความรู้   


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา ร่วมกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ในโครงการภูมิปัญญาสงขลา โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา จัดกิจกรรมพิพิธภัณฑ์สัญจร ณ โรงเรียนมหาวชิราวุธ ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 โดยมีกิจกรรมแนะนำหน่วยงาน การให้ความรู้เรื่องประวัติศาสตร์และศิลปกรรมสงขลาผ่านกิจกรรมทายภาพโบราณวัตถุ รวมถึงกิจกรรมต่อจิ๊กซอ เพิ่อให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้ไปพร้อมกับการเล่น     


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา จัดกิจกรรมพิพิธภัณฑ์สัญจร ณ โรงเรียนกลับเพชรศึกษา ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขา เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2558 โดยมีกิจกรรมการแนะนำหน่วยงาน การระบายสี และการต่อจิ๊กซอ ให้เด็กนักเรียนทุกระดับชั้นได้ร่วมสนุกและเพิ่มพูนความรู้ 


พระราชวินิจฉัยให้งานศิลปกรรมงามตามขนบช่าง   พุทธศักราช ๒๕๕๘ เป็นปีมหามงคลที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระชนมายุครบ ๕ รอบในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ยังความปลื้มปีติโสมนัสมาสู่ปวงข้าราชการกรมศิลปากรและประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าด้วยพระองค์ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ในงานด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติไทยหลายแขนง ซึ่งรวมถึงด้านศิลปกรรมสาขาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อันเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่ปวงชนชาวไทย และหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านศิลปวัฒนธรรมของชาติ ดังเช่น สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่มีหน้าที่ธำรง รักษา และสืบทอดงานศิลปกรรมไทยที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติ ดำเนินงานด้านผดุงรักษา ฟื้นฟู และสืบทอดศิลปะวิทยาการด้านช่างฝีมือด้านช่าง และงานศิลปะในการบูรณะซ่อมแซม เพื่ออนุรักษ์งานศิลปกรรมที่มีคุณค่าของชาติ ปฏิบัติงานด้านการออกแบบสร้างสรรค์งานศิลปกรรมไทย ทั้งแบบประเพณีร่วมสมัย และศิลปะแบบประยุกต์   กรมศิลปากร โดยสำนักช่างสิบหมู่ ได้ดำเนินงานเพื่อสนองพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการจัดสร้างบานประตูประดับมุก ณ หอพระมณเฑียรธรรม ภายในวัดพระศรีรัตนศาสาดรามขึ้นใหม่จำนวน ๑ คู่ ด้วยพระองค์ทรงห่วงใยบานประตูประดับมุกคู่เดิม ที่ต้องกรำแดดและถูกละอองฝน จนทำให้ลวดลายมุกเสื่อมสภาพเกิดความทรุดโทรม และทรงห่วงใยว่าต่อไปเยาวชนรุ่นใหม่อาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นงานช่างศิลป์อันงดงามของบานประตูคู่นี้ที่ประกอบไปด้วยเรื่องราวทางวัฒนธรรม ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของประเทศชาติ   สำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร เริ่มดำเนินการจัดสร้างเมื่อต้นพุทธศักราช ๒๕๕๐ ดำเนินงานจัดสร้างด้วยความประณีต วิจิตรบรรจง และละเอียดอ่อน ตั้งแต่ขั้นตอนการจัดหาวัสดุที่นำมาใช้ปฏิบัติงาน ได้แก่ หอยโข่งมุก ซึ่งเป็นหอยชนิดหนึ่งที่มีความแวววาวในตัว ต้องนำมาขัดหินปูนออก แล้วนำมาขัดเจียนให้มีขนาดบางจนได้ขนาดที่เหมาะสม จากนั้นนำมาฉลุลวดลาย และประดับลวดลายมุกลงบนบานประตู โดยใช้กรรมวิธีและวัสดุแบบโบราณ คือใช้ยางรักเป็นตัวประสานพื้น และถมลายด้วยยางรักผสมสมุกกะลา ปล่อยให้แห้งสนิททีละชั้นจนเต็ม จึงขัดแต่งผิวหน้าลายด้วยกระดาษทรายน้ำจนเนื้อรักสมุกที่ทับบนตัวลายมุกออกหมด จนปรากฏลวดลายประดับมุกครบทั้งบาน นำกระดาษทรายอย่างละเอียดมากๆ มาขัดจนเรียบ และขัดมันโดยใช้ผ้านุ่มชุบด้วยสมุกเขากวางบดละเอียด(เขากวางแก่นำมาเผาไฟจนเป็นถ่านสีขาว)มาขัดบนผิวงานให้เป็นมัน ถ้าปรากฏจุดใดไม่เป็นมัน แสดงว่ายังต้องขัดเพิ่มด้วยกระดาษทรายละเอียดและทดสอบด้วยสมุกเขากวางใหม่จนผิวเป็นมัน ใช้ยางรักน้ำเกลี้ยงชโลมทั่วผิวแล้วเช็ดถอนยางรักออก แล้วขัดถูด้วยผ้าให้เกิดความร้อน จนได้ผิวงานมันวาว เรียบร้อยสวยงาม   เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๕๔ ขณะสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดนิทรรศการพิเศษ เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทยเรื่อง “งานช่างหลวง”ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ทรงพระกรุณาประดับลวดลายชุดสุดท้ายบนบานประตูบานใหม่ และคณะช่างนำกลับมาดำเนินการต่อจนกระทั่งแล้วเสร็จในพุทธศักราช ๒๕๕๕ รวมระยะเวลาดำเนินงานทั้งสิ้น ๕ ปี   ปัจจุบัน สำนักช่างสิบหมู่อยู่ในระหว่างการดำเนินการซ่อมอนุรักษ์บานประตูบานเก่า เพื่อเสริมความสมบูรณ์ สวยงาม ด้วยกระบวนการวิธีแบบโบราณ ณ สำนักช่างสิบหมู่ ตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม ก่อนที่จะเก็บรักษาไว้ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษารูปแบบศิลปกรรมของโบราณวัตถุอันมีค่าของชาติต่อไป   เนื่องในพุทธศักราช ๒๕๕๘ อันเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมายุครบ ๕ รอบ ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สำนักช่างสิบหมู่ได้มีโอกาสรับสนองเบื้องพระยุคลบาทอีกวาระหนึ่ง โดยนายสมชายศุภลักษณ์อำไพพร ตำแหน่งนายช่างศิลปกรรมอาวุโส สังกัดสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ได้รับมอบหมายให้ออกแบบตราสัญลักษณ์ เพื่อใช้เป็นตราสัญลักษณ์ งานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ ๕ รอบ ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ ซึ่งรัฐบาลโดยคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้มีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ ที่ออกแบบโดยสำนักช่างสิบหมู่ เพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ต่อไป   อ่านต่อ ที่นี่    ที่มาข้อมูล : หนังสือสิปปธัช : พระผู้เป็นธงชัยแห่งสรรพศิลป์ (จัดพิมพ์เนื่องในโอกาส ๑๐๔ ปี แห่งการสถาปนากรมศิลปากร)


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา จัดกิจกรรมพิพิธภัณฑ์สัญจร ณ โรงเรียนวิเชียรชม ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2558 โดยมีกิจกรรมการแนะนำหน่วยงาน การตอบคำถามชิงรางวัล และการต่อจิ๊กซอ ให้เด็กนักเรียนทุกระดับชั้นได้ร่วมสนุกและเพิ่มพูนความรู้    


การดำเนินงานด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์   ภายในพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)   วัตถุประสงค์   ๑.สำรวจ รวบรวม ศึกษาข้อมูลทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)   - การสำรวจเชิงเอกสาร   - การสำรวจระยะไกล   ๒. นำข้อมูลที่ได้จากการศึกษา สรุปเป็นเรื่องราวของพระราชวังบวรสถานมงคลและกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ทั้ง       ทางด้านประวัติความเป็นมา พัฒนาการของพื้นที่ และจัดทำเป็นรูปแบบสันนิษฐาน   ๓. จัดทำให้เป็นแหล่งเรียนรู้ สำหรับนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ในรูปแบบของนิทรรศการชั่วคราวใน       แหล่ง รวมถึงการมีส่วนร่วมขณะปฏิบัติงานทางโบราณคดี   ๔. เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ เรื่องราวของพระราชวังบวรสถานมงคลและกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ตลอดการ       ดำเนินโครงการเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง ในรูปแบบต่างๆ เช่น หนังสือ รายงาน เอกสารเผยแพร่   ๕. นำข้อมูลที่ได้รับมาสังเคราะห์เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลสนับสนุนการจัดทำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ให้เป็น       แหล่งเรียนรู้ตามอัธยาศัย และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม   ๖. นำเสนอโบราณสถานพระราชวังบวรสถานมงคลทั้งบริเวณ ในรูปแบบต่างๆ ตามความเหมาะสม   ๗. เป็นโครงการที่มุ่งนำวิทยาการแผนใหม่มาประยุกต์ใช้เพื่อการศึกษา ภายใต้กรอบแนวคิดในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการ       พลิกฟื้นอดีตด้วยรูปแบบ และวิธีการนำเสนอที่เหมาะสม   ......อ่านต่อ


คุณค่าความสำคัญของพระราชวังบวรสถานมงคล             พระราชวังบวรสถานมงคล มีคุณค่าความสำคัญซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น ๔ ประการ ดังนี้   ๑) พระราชวังบวรสถานมงคลมีฐานะเป็นองค์ประกอบสำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นพระราชวังที่มีความสำคัญอย่างยิ่งรองจากพระบรมมหาราชวัง โดยเป็นที่ประทับของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ซึ่งเป็นตำแหน่งพระมหาอุปราชมาตั้งแต่เมื่อแรกสถาปนา     ราชธานี   ๒) เป็นสถานที่ซึ่งยังคงปรากฏร่องรอยของโบราณสถานในสมัยแรกสร้างกรุงรัตนโกสินทร์หลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมากซึ่งหาได้ยากยิ่งในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร   ๓) พระราชวังบวรสถานมงคลเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ   ทั้งสถาปัตยกรรมและภูมิสถาปัตยกรรม อันเป็นเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงประโยชน์การใช้สอยพื้นที่ สะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการทางการเมือง การปกครอง และสังคม จึงมีคุณค่าทั้งในด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปกรรม ในฐานะที่เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น ประเทศ และในระดับโลก   ๔) สถาปัตยกรรมในพระราชวังบวรสถานมงคลมีคุณค่าและความหลากหลายทางศิลปะ โดยมีรูปแบบสืบเนื่องมาจากศิลปะอยุธยา(พ.ศ.๒๓๒๕-๒๓๖๗) ต่อมาได้รับอิทธิพลศิลปะจีน(พ.ศ.๒๓๖๗-๒๓๙๔) และได้รับอิทธิพลศิลปะจีนผสมผสานกับศิลปะตะวันตก (พ.ศ.๒๓๙๔ –๒๔๒๘)   ...อ่านต่อ


สมัยกรุงรัตนโกสินทร์  เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชมหาราชเสด็จปราบดาภิเษกขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชจักรีวงศ์แล้ว  ทรงสถาปนาสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ  พระเจ้าสุรสีห์พิศณวาธิราช  เป็นกรมพระราชวังบวรสถานมงคลฝ่ายหน้า  และโปรดฯ ให้ย้ายพระนครจากกรุงธนบุรีมาสร้างกรุงเทพมหานคร  เป็นพระนครแห่งใหม่ยังฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา  ให้สร้างวังหลวงและวังหน้าขึ้นในเขตกรุงธนบุรีเดิม  โดยใช้คลองคูเมืองธนบุรี  เป็นคลองคูเมืองชั้นใน  และให้ขุดคลองใหม่เป็นคลองคูเมืองของกรุงเทพฯ  เรียกว่าคลองรอบกรุง  สร้างวังหลวงที่ตอนใต้ของพระนคร  ระหว่างวัดโพธิ์ (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม)  กับวัดสลัก (วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏิ์)  และตั้งวังหน้าขึ้นทางตอนเหนือระหว่างวัดสลักกับคลองคูเมืองเดิม กำหนดให้ท้องที่อาณาบริเวณฟากเหนือของพระนคร  ตั้งแต่แนวถนนพระจันทร์  นับแต่ท่าน้ำตรงไปทางตะวันออกจนถึงประตูสำราญราษฎร์ (ถนนบำรุงเมือง) อันเป็นที่ตั้งของวังหน้า เป็น แขวงอำเภอพระราชวังบวร เป็นเขตปกครองของวังหน้า  คือ  ปกครองกึ่งพระนคร  ตามธรรมเนียมประเพณีสืบมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา             “วังหน้า”มีประวัติการสร้างพร้อมกับวังหลวง  โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พระมหาอุปราชในรัชกาลที่ ๑ โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕  แล้วเสร็จเป็นเบื้องต้นเมื่อราว พ.ศ.๒๓๒๘  จากนั้นได้มีการก่อสร้างอาคารสถาน  ตลอดจนการบูรณะปฏิสังขรณ์สืบมาเป็นลำดับ วังหน้าเมื่อแรกสร้างสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์  คงยึดถือแบบแผนการสร้างวังแต่ครั้งกรุงเก่า  กล่าวกันว่าวังหน้าได้รับแบบอย่างมาจากพระราชวังหลวง  รวมถึงแบบแผนบางประการจากพระราชวังจันทรเกษมหรือวังหน้าในสมัยกรุงศรีอยุธยา  กล่าวคือแผนที่ตั้งของวังตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าวังหลวงและสร้างหันหน้าวังไปทางทิศตะวันออกเช่นเดียวกับพระราชวังจันทรเกษม  ส่วนอาคารพระที่นั่งพระราชมณเฑียรสถานบางแห่งวางผังตามแบบพระราชมณเฑียรสถานภายในพระราชหลวงพระนครศรีอยุธยา             พระราชวังบวรสถานมงคล  มีกำแพงและป้อมปราการล้อมรอบทั้ง ๔ ด้าน  เป็นกำแพงใบเสมาตามธรรมเนียมวังพระมหาอุปราช  ป้อมที่มุมทั้ง ๔ ของพระราชวังบวรฯ  ทำเป็นป้อมรูปแปดเหลี่ยม  หลังคาทรงกระโจม  ส่วนป้อมตามแนวกำแพงสร้างเป็นรูปหอรบ  หลังคาทรงคฤห  นอกกำแพงมีคูและถนนรอบวังทุกด้าน  โดยที่ด้านทิศตะวันตกมีลำน้ำเจ้าพระยาแทนคู  และใช้กำแพงพระนครเป็นกำแพงวังชั้นนอก  ส่วนทิศเหนือเป็นคูพระนครเดิม  มีถนนตัดผ่านพระราชวังตามแนวทิศเหนือ –ใต้ ๓ สาย สายตะวันตก คือ ถนนริมพระนครด้านใน  สายกลาง คือ ถนนหน้าพระธาตุ เป็นเส้นทางพระมหาอุปราชเสด็จไปพระราชวังหลวง  และถนนสายทิศตะวันออก คือ ถนนด้านหน้าพระราชวัง  ด้านเหนือจรดสะพานเสี้ยว  ใกล้กับแนวถนนราชดำเนินทุกวันนี้ ...........อ่านต่อ




เนื่องในโอกาสที่กรมศิลปากร ได้จัดทำโครงการอนุรักษ์และพัฒนาพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) โบราณสถานสำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นที่ประทับของกรมพระราชวังบวรสถานมงคล มรดกทางศิลปวัฒนธรรมที่มีคุณค่าของชาติ ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่อันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โรงละครแห่งชาติ สำนักการสังคีต สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตท่าพระจันทร์ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร และพื้นที่ฟากตะวันตกของสนามหลวง โดยอาคารสิ่งก่อสร้างที่สำคัญ ได้แก่    พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ หมู่พระวิมาน พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ พระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส (วัดพระแก้ววังหน้า) ฯลฯ เป็นสถานที่ซึ่งยังคงปรากฏร่องรอยของโบราณสถานในสมัยแรกสร้างหลงเหลืออยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งหาได้ยากยิ่งในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ กรมศิลปากรจะดำเนินการอนุรักษ์และพัฒนาครอบคลุมพื้นที่เฉพาะในส่วนที่อยู่ภายใต้สังกัดของกรมศิลปากร รวมพื้นที่ประมาณ ๔๓ ไร่ โดยมีกรอบความคิดในการดำเนินงานเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟู “พระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า)” พื้นที่ประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ประกอบด้วย อาณาบริเวณและกลุ่มสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่าในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้รับการจัดการที่เหมาะสม ทางกรมศิลปากรจะทำการสำรวจ สอบค้น และรวบรวมข้อมูลเพื่อประมวลเป็นองค์ความรู้ทางมรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติ ฟื้นฟู และอนุรักษ์มรดกศิลปวัฒนธรรมในอดีต เพื่อนำมาใช้เป็นฐานในการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม รณรงค์สร้างจิตสำนึก เพื่อให้เยาวชนและประชาชนมีความรัก และตระหนักในคุณค่าของความเป็นไทย สร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่น ถูกต้องตามหลักวิชาการ และทันสมัย ยกระดับให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่เปิดกว้าง เข้าถึงได้ง่าย และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของเยาวชนและประชาชน พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนต่อไป สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ จึงได้ทำการรวบรวมรายชื่อเอกสารจดหมายเหตุ ทั้งที่เป็นภาพถ่ายและที่เป็นเอกสารลายลักษณ์ ที่มีอยู่ในสำนักหอจดหมายเหตุขึ้น เพื่อให้ประชาชนทั่วไปรวมถึงผู้ที่สนใจศึกษาในเรื่องของประวัติศาสตร์ ได้ทำการศึกษาค้นคว้าได้ด้วยตนเอง โดยสามารถนำรหัสเอกสารมายื่นที่สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เพื่อดูเอกสารจดหมายเหตุดังกล่าวได้โดยไม่ต้องสืบค้นเองจากบัญชีเอกสาร รายละเอียดของเอกสารมีดังนี้ รหัสเอกสาภาพถ่ายเกี่ยวกับพระราชวังบวรสถานมงคล รหัส                                                                                                      เรื่อง ภ 001 หวญ1-25                                   พระบรมฉายาลักษณ์ พระปิ่นเกล้า ผ กต 45                                                พระราชวังบวรสถานมงคล ผ กบด 4/4-12                                       แผนผังด้านข้างพระที่นั่งอิศเรศ (2) ผ.กสก.4/10                                     พระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน ผจ.ศธ.0701/22                                     แผนผังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร เมื่อ 2470 ผจ.ศธ0701/2                                        แผนที่พระราชวังบวรตอนพระราชมณเฑียร ผจ ศธ.0701/371                                   พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พระนคร แผนผังหมู่พระที่นั่งต่างๆ ผจ ศธ.0701/174                                   แผนผังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร มีแผนผังพระที่นั่ง 4 องค์ ผจ ศธ.0701/697                                   พระราชวังบวรสถานมงคล พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ผจ(2)สร.0201/112                                พระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน ผ.กทม./9                                              ป้อมพระสุเมรุ (2) ภ.004 หวญ 36/3                             พระแท่นออกขุนนางโดยปกติในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า (2) ภ.004 หวญ 36/4                             พระแท่นทรงศีลในกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ (2) ภ.004 หวญ 50/33                           พานพระภูษา รัชกาลที่ 4 (2) ภ.004 หวญ 3/1                               พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พระนคร (วังหน้า) (2) ภ.004 หวญ 3/3                               พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พระนคร พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ (2) ภ.004 หวญ 3/7                               พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ พระนคร จิตรกรรมฝาผนังในพระที่นั่ง                                                            พุทไธสวรรย์                                                                    (2) ภ.004 หวญ 3/2                               พระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน ภ.ผท.8/154                                          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กองทหารปืนใหญ่ด้านทิศเหนือ                                                            แลเห็นพระราชวังบวรสถานมงคล   เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 6 ชุดเบ็ดเตล็ด ร.5 บ.4 กรมพระราชวังบวรฯ 1-6 รหัส เรื่อง ร.ศ. แผ่น หมายเหตุ ร.5 บ.4/1 เรื่องต่างๆ ของกรมพระราชวังบวรฯ (11 มิ.ย. 76-24 มี.ค. 94 76-94 210   ร.5บ.4/2 หนังสือพระศักดาภิเดชวรฤทธิ์ทูลเกล้าถวายพระราชหัตถเลขาที่พระราชทานพระยามหามนตรี เรื่องกรมพระราชวังบวรสถานมงคล จศ. 1236รศ.112 (ธ.ค. 93-7 พ.ค.112) 93-112 26   ร.5 บ.4/3 ลายพระหัตถ์ถึงกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ (6 ม.ค.93) 93 8   ร.5 บ.4/4 พระราชหัตถเลขาถึงกรมพระราชวังบวรสถานมงคลมีเรื่องต่างๆ (มี.ค.98-มิ.ย.104)   98-104 23   ร.5 บ.4/5 เงินหัวเมืองชายทะเลตะวันตกซึ่งข้นพระราชวังบวร (เม.ษ.106-เม.ย.108) 106-108 18   ร.5.บ4/6 เสด็จประพาสสิงคโปร์ (มลายู) ทรงเยี่ยมคุก โรงทหาร โรงโปลิศ และโรงทำสับปะรด (ม.ท.) ม.ท. 20               บัญชีเอกสารจดหมายเหตุที่เกี่ยวกับพระราชวังบวรสถานมงคล ชุดกระทรวงศึกษาธิการ รหัส เรื่อง พ.ศ. แผ่น หมายเหตุ (4) ศธ 2.3.6/2 การซ่อมแซมพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย (28 มิ.ย.2477- 14 พ.ค.2478) 2477-2478 28   (4) ศธ.2.3.6/80 การซ่อมสังคีตศาลาในบริเวณพิพิธภัณฑ์       เอกสารจดหมายเหตุที่เกี่ยวกับพระราชวังบวรสถานมงคล จึงขอเชิญชวนผู้ที่สนใจเข้าศึกษาค้นคว้าได้ที่สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ในวันและเวลาราชการ และวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 8.30 น.-16.00 น.


black ribbon.