ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,825 รายการ
กรมศิลปากร ชวนเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์พิมายยามราตรี ชมการประดับไฟแสงสีสุดอลังการ ครอบคลุมทุกพื้นที่ในบริเวณอุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ย้อมสีปราสาทด้วยแสงไฟที่ปรับเปลี่ยนโทนสีได้ สัมผัสความงาม ความรู้สึก จินตนาการ และประสบการณ์รูปแบบใหม่อันน่าประทับใจ เวลา 17.30 – 21.00 น. ทุกคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตลอดเดือนสิงหาคม 2568 อัตราค่าเข้าชมโบราณสถาน คนไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท
อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จังหวัดนครราชสีมา เป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอดจนนักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป ให้ความสนใจมาทัศนศึกษาและเที่ยวชมปีละไม่ต่ำกว่า 400,000 คน หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 1,000 คน นับเป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีผู้เข้าใช้บริการมากเป็นอันดับ 5 ของหน่วยงานในสังกัดกรมศิลปากร ได้ดำเนินโครงการพัฒนาไฟประดับโบราณสถานปราสาทหินพิมาย เพื่อเป็นการพัฒนาและต่อยอดแหล่งเรียนรู้ด้านมรดกศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ สู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวมิติใหม่ ที่จะช่วยปลุกเร้าการมาเยือน และกระตุ้นเศรษฐกิจในทุกระดับ พร้อมทั้งจัด “โครงการท่องเที่ยวมิติใหม่ ชมปราสาทพิมาย..ยามย่ำคืน” (Phimai Night : Light Up) ปีที่ 2 เพื่อเป็นการสนองนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยการจัดงานเทศกาลท่องเที่ยว (Thailand Winter Festival) นโยบายของกระทรวงวัฒนธรรมที่มุ่งสร้างสรรค์พัฒนา Soft Power เศรษฐกิจวัฒนธรรม วัฒนธรรมนำสุข จากคุณค่าสู่มูลค่า และนโยบายของกรมศิลปากรที่มุ่งพัฒนาแหล่งเรียนรู้สู่แหล่งท่องเที่ยว จากการอนุรักษ์สืบทอด สู่การต่อยอดพัฒนา โดยประดับไฟโบราณสถานปราสาทพิมาย และโบราณสถานสำคัญภายในเมืองพิมาย เมรุพรหมทัต ประตูชัย และขยายเวลาเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมโบราณสถานได้ในยามค่ำคืน เพื่อยืดระยะเวลาการท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยในเมืองพิมายให้นานขึ้น ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามารับรู้เรียนรู้เรื่องราวของโบราณสถานเพิ่มมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งเสริมรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่นโดยเฉพาะกิจการด้านการท่องเที่ยว เช่น โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ผลิตภัณฑ์พื้นเมือง รวมถึงร้านค้าทั่วไป และยังเป็นการสร้างความรัก ความภาคภูมิใจให้ประชาชนเห็นคุณค่า ร่วมกันหวงแหนรักษามรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่สืบไป
หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ตรัง ขอเชิญชวนร่วมกิจกรรม “ภาพเก่าเล่าเรื่อง...ตรัง (Trang: Stories in Snapshots)” ย้อนมองตรัง ผ่านภาพจำ และถ้อยคำที่คุ้นเคย ซึ่งจะเริ่มในสัปดาห์แรกวันที่ 4 สิงหาคม 2568 มีระยะเวลาการจัดกิจกรรม ระหว่างวันที่ 4 - 29 สิงหาคม 2568 ผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรมได้ทางเพจเฟซบุ๊ก 'หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ตรัง' https://www.facebook.com/trangarchive โดยทางหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ตรัง จะโพสต์ภาพทุกวันจันทร์ของแต่ละสัปดาห์ เวลา 09.30 น. สัปดาห์ละ 10 ภาพ (เป็นภาพที่มีคำบรรยาย 8 ภาพ และภาพปริศนา 2 ภาพ) รวม 4 สัปดาห์ 40 ภาพ ตามธีมแต่ละสัปดาห์ มีกติกาการร่วมกิจกรรม ดังนี้
1. กดไลก์ กดแชร์ โพสต์แต่ละสัปดาห์ ตั้งค่าเป็นสาธารณะ พร้อมติดแฮชแท็ก จำนวน 3 แฮชแท็ก ได้แก่
#ภาพเก่าเล่าเรื่องตรัง #TrangStoriesInSnapshots #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯตรัง
2. โพสต์ภาพที่ท่านเคยถ่ายในมุมเดียวกัน/ใกล้เคียง หรือเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยง ลงในช่องคอมเมนต์ของแต่ละภาพ พร้อมระบุชื่อผู้ถ่าย วัน/เดือน/ปี ที่ถ่ายภาพ และคำบรรยาย ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ หรือความทรงจำ
3. ไม่จำกัดจำนวนภาพที่โพสต์ แต่ขอสงวนสิทธิ์การได้รับรางวัล 1 คน/1รางวัล เท่านั้น
4. ร่วมทายและให้ข้อมูลสถานที่หรือเหตุการณ์ในภาพปริศนา โดยพิมพ์ข้อมูลลงในช่องคอมเมนต์ของแต่ละภาพ ทั้งนี้ กำหนดปิดรับการส่งภาพในวันที่ 29 สิงหาคม 2568 และประกาศผลรางวัล ในวันที่ 5 กันยายน 2568
ศูนย์หนังสือกรมศิลปากร แนะนำหนังสือใหม่ หนังสือ "วัวในวัฒนธรรมไทย" จำหน่ายในราคา 150 บาท ผู้สนใจสามารถสั่งซื้อหนังสือทางออนไลน์ได้ที่ https://bookshop.finearts.go.th หรือเลือกซื้อหนังสือได้ที่ร้านหนังสือกรมศิลปากร ภายในบริเวณกรมศิลปากร (อาคารเทเวศร์) เขตดุสิต กรุงเทพฯ (ในวันและเวลาราชการ) สอบถามเพิ่มเติมได้ทาง Facebook ศูนย์หนังสือกรมศิลปากร
“วัว” เป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาช้านาน โดยพบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับวัวมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ วัวมีความสำคัญในด้านต่างๆ เป็นสัตว์ที่ช่วยทำเกษตรกรรม เป็นสัตว์เลี้ยง และมีความเกี่ยวข้องกับการประกอบพิธีกรรมต่างๆ กรมศิลปากร โดยกลุ่มจารีตประเพณี สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ ได้ดำเนินการศึกษาค้นคว้าและจัดทำหนังสือ "วัวในวัฒนธรรมไทย" ซึ่งมีเนื้อหาว่าด้วยวัวในหลักฐานทางประวัติศาสตร์ไทย วัวในฐานะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพรหมณ์และศาสนาพุทธ วัวในพระราชพิธี และวัวในวิถีชีวิตของคนไทย หนังสือนี้จะอำนวยประโยชน์ต่อนิสิต นักศึกษา ครู อาจารย์ นักวิชาการ ตลอดจนผู้สนใจเกี่ยวกับสังคม วัฒนธรรมและประเพณีไทย อีกทั้งกระตุ้นให้เกิดความสนใจและการสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อไป
วันเสาร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๘ Mrs.Kim Bo Yong ชาวเกาหลีใต้ มอบหนังสือเกาหลี จำนวน ๑๐ เล่ม เพื่อให้บริการที่มุมหนังสือเกาหลี หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมอบรมโครงการบรรยายทางวิชาการ “ถอดความรู้จากโบราณวัตถุสู่ชุมชน” ครั้งที่ ๓ เรื่อง “หมวกกาบ อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมพระสงฆ์แห่งลุ่มน้ำโขง” โดยวิทยากร คุณภูวดล อยู่ปาน นักวิชาการศึกษา สำนักศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม วันเสาร์ที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๐๐ น. ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น พบกับการบรรยายภาษาอีสานตลอดงาน และกิจกรรมเวิร์กช็อปสอนทำหมวกกาบ ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับเกียรติบัตรรับรอง ผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย รับจำนวนจำกัดเพียง ๓๐ ท่านเท่านั้น! ลงทะเบียนได้โดยสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อสมัครลงทะเบียนได้เลย
ทั้งนี้ การบรรยายครั้งนี้จะไม่มีการไลฟ์สดหากผู้สมัครท่านใดติดภารกิจมาไม่ได้ โปรดแจ้งยกเลิกล่วงหน้าด้วยนะคะเพื่อจะได้เปิดโอกาสให้ท่านอื่นเข้าร่วมกิจกรรมแทน สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๔๓๒๔ ๖๑๗๐ หรือทางเฟซบุ๊ก : Khon Kaen National Museum พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น
พิธีเปิดกิจกรรม Creative Museum Expo E-San ณ Phimai National Museum:พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย โดยอธิบดีกรมศิลปากร มอบหมายให้ นายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา เป็นประธานพิธีเปิด กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ในการจัดงานโดย นางเบญจวรรณ พลประเสริฐ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พิมาย
.
งานนี้พบกับการออกบูธกิจกรรมจากพิพิธภัณฑ์และแหล่งเรียนรู้ทั่วภาคอีสาน และโรงเรียนต่างๆในจังหวัดนครราชสีมา
นอกจากนี้เรายังมีกิจกรรมต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
.
- นิทรรศการพิเศษ "ท่าสงกรานต์...จากท่าน้ำสู่สะพานเชื่อมเมือง"
.
- "คนพิมายจิเล่า" มุมเรื่องราวและของสะสมจากคนพิมาย เช่น ห้องภาพพรศิลป์ มูลนิธิพิมายสงเคราะห์ ฯลฯ
.
- คลินิกวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ กิจกรรมที่จะช่วยให้คุณรักษาสิ่งของมีค่าในอดีตได้อย่างถูกวิธี
.
- มุมฝึกเขียนอักษรโบราณตามใบลานและจารึก
.
- เสวนาพูดคุยหัวข้อต่างๆ และครั้งแรก !! ของการเปิดเผยรูปแบบการจัดแสดงนิทรรศการใหม่ (ชั้น 2) ของพิพิธภัณฑ์พิมาย
.
- ดูหนังชมไฟในพิพิธภัณฑ์ กิจกรรมที่จะชวนคุณมาดูเรื่องเก่าๆในที่เก่าๆ พร้อมถ่ายรูปสวยๆไปกับการประดับประดาไฟยามค่ำคืน
.
** งานนี้มีตั้งแต่ 1-8 สิงหาคม 2568 **
ผู้สนใจสามารถสแกน qr code รายละเอียดกิจกรรมและลงทะเบียนเข้าร่วมงานได้ฟรี
สำหรับผู้ลงทะเบียนและเก็บ RC ภายในงานครบ รับฟรี !! ของที่ระลึกจากพิพิธภัณฑ์พิมาย
เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เวลา ๙.๓๐ น. นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นผู้แทนกระทรวงวัฒนธรรม รับมอบพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยาจำลอง (The Replica of the Fasting Buddha) จากรัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน โดยมีนางรุคซานา อัฟซอล (H.E. Ms. Rukhsana Afzaal) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร
พระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยาจำลอง ผลิตขึ้นโดยใช้วัสดุประเภทไฟเบอร์ (Fiber) สีดำ ขนาดความสูง ๙๗.๕๓ เซนติเมตร ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลปากีสถานได้มอบให้กับสำนักงานใหญ่องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ณ กรุงปารีส และสำนักเลขาธิการอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา และประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการมอบพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยาจำลอง ของฝ่ายปากีสถานเป็นไปเพื่อการส่งเสริมการทูตวัฒนธรรม ศาสนา และการท่องเที่ยวเชิงพุทธในดินแดนอารยธรรมคันธาระ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไทยและนักท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาจากทั่วโลกให้มาเที่ยวปากีสถานมากขึ้น ซึ่งเส้นทางดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์และขยายโอกาสในหลากหลายมิติให้กับประชาชนของทั้งสองประเทศ รวมถึงสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวปากีสถานด้วย
นายพนมบุตร กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมตระหนักถึงความสำคัญของพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยาจำลองดังกล่าว ในฐานะ “ศิลปกรรมที่มีความวิจิตรงดงามในแบบศิลปะคันธาระ” ซึ่งแม้ว่าพุทธประวัติปางนี้จะเป็นที่รับรู้ผ่านคัมภีร์ทางศาสนา พระพุทธรูปปางทุกกรกิริยาเสมือนจริงแบบพระผอมในประเทศไทยกลับไม่เป็นที่รู้จักมาก่อน เนื่องจากพุทธศิลป์แบบไทยประเพณี ล้วนสร้างขึ้นตามแบบอุดมคติ เป็นรูปแทนคุณสมบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันเปี่ยมด้วยพระกรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระปัญญาธิคุณ โดยมีแบบแผนจากคัมภีร์มหาปุริสลักษณะเป็นหลักสำคัญ รูปแทนพระองค์จึงมีความสงบ ผ่องใส พระฉวีเรียบรื่น ดุจกายอันเป็นทิพย์เสมอ และในฐานะ “สะพานวัฒนธรรม” ที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของสองประเทศ ผ่านรากฐานของศาสนาและมรดกทางวัฒนธรรมร่วมกันของพุทธศิลป์ในภูมิภาคเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พระพุทธรูปปางทุกรกิริยาแบบพระผอม แสดงคติอย่างสำคัญ เน้นให้เห็นถึงบุคลิกลักษณะของบรมโพธิสัตว์ หรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีความเป็นมนุษย์ มิใช่ทิพยบุคลคลผู้ถึงพร้อมด้วยบารมีอันพึงตรัสรู้ได้โดยง่าย หากแต่ด้วยความพากเพียร พัฒนาตนอย่างยอดยิ่ง ดังนั้น เรื่องราวของการบำเพ็ญทุกรกิริยาอันเป็นมหาวีรกรรม ก่อนการตรัสรู้ของพระพุทธองค์ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจแก่พุทธศาสนิกชนทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน และการที่รัฐบาลปากีสถานมอบพระพุทธรูปองค์จำลองนี้ให้กับประเทศไทย จึงถือเป็นการส่งต่อมรดกแห่งศรัทธา ความเมตตา และปัญญา ซึ่งพระพุทธศาสนาได้มอบไว้แก่ชาวโลก
กรมศิลปากรมีความยินดีที่ได้ต้อนรับพระพุทธรูปจำลององค์นี้ สู่การจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเยาวชน นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนผู้สนใจทั่วไป และเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในพุทธศิลป์ในภูมิภาคเอเชียให้กว้างขวางยิ่งขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความร่วมมือนี้จะงอกงามต่อไปในอนาคต ทั้งในรูปแบบการแลกเปลี่ยนนิทรรศการ การวิจัยทางวิชาการ การอนุรักษ์วัฒนธรรม และโครงการต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการเสริมสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ – นายพนมบุตร กล่าวทิ้งท้าย
The Ministry of Culture Receives the Replica of the Fasting Buddha from the Government of the Islamic Republic of Pakistan
********
On 31 July 2025, at 09.30 hrs., Mr. Phnombootra Chandrajoti, Director-General of the Fine Arts Department, represented the Ministry of Culture in receiving the Replica of the Fasting Buddha, presented by the Government of the Islamic Republic of Pakistan. Her Excellency Ms. Rukhsana Afzaal, Ambassador of the Islamic Republic of Pakistan to Thailand, as the representative of the Government of Pakistan.The ceremony took place at Issarawinitchai Throne Hall, the National Museum, Bangkok.
The replica of the Fasting Buddha was made of black fiber material, with a height of 97.53 cm. Previously, the Government of Pakistan had presented similar replicas to the UNESCO Headquarters in Paris, the ASEAN Secretariat in Jakarta, and several countries across Southeast Asia. This initiative by the Government of Pakistan aims to promote cultural diplomacy, religious heritage, and Buddhist pilgrimage tourism across the ancient Gandhara Civilization. By presenting the replica, Pakistan seeks to attract Thai and international pilgrims and tourists to Pakistan, thereby fostering bilateral relations and expanding opportunities for people of both countries, while also contributing to Pakistan’s tourism industry.
Mr. Phnombootra stated that the Ministry of Culture recognizes the significance of this replica not only as an exquisite piece of Gandharan art, but also as a “cultural bridge” that strengthens the relationship between Thailand and Pakistan, rooted in shared religious and cultural heritage—particularly Buddhist art across South and Southeast Asia.
While the episode of the Buddha’s extreme asceticism is well-known in Buddhist scriptures, the realistic emaciated depiction of the Buddha—known as the Fasting Buddha—is unfamiliar in traditional Thai Buddhist art, which typically represents the Buddha in idealized, divine form, symbolizing compassion, purity, and wisdom, following the Mahapurisa-lakkhana (Great Man characteristics). Thai representations often depict a serene and radiant form with smooth skin, resembling a celestial being.
The Fasting Buddha, in contrast, emphasizes the very human struggle and supreme perseverance of the Bodhisattva before enlightenment. It serves as a powerful symbol and inspiration for Buddhists worldwide. Pakistan’s presentation of this replica to Thailand thus represents the transmission of a shared legacy of faith, compassion, and wisdom that Buddhism has offered to humanity.
The Fine Arts Department is honored to welcome the replica into its collection at the National Museum Bangkok. The display will serve as a valuable learning resource for youth, students, and the public, while deepening understanding of Buddhist art across the Asian region. Mr. Phnombootra concluded by expressing his sincere hope that this collaboration will continue to flourish in the future—through exhibition exchanges, academic research, cultural conservation efforts, and joint projects that further strengthen mutual understanding and close ties between the peoples of the two nations.
สำนักหอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญเข้าร่วมโครงการพัฒนาและส่งเสริมหอสมุดแห่งชาติเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต กิจกรรม NLT Edutainment ประจำปี 2568 รับชมการเสวนา หัวข้อ “เปิดโลก ณรัณอ่าน: คุยเฟื่องเรื่องหนังสือ กับเน PERSES” วิทยากรโดยนายณรัณ วิกัยรุ่งโรจน์ (เน PERSES) ในวันที่ 2 สิงหาคม 2568 ตั้งแต่ 13.00 น. เป็นต้นไป สามารถรับชมได้ผ่านระบบ Facebook Live ของหอสมุดแห่งชาติ ทางเพจ National Library of Thailand https://www.facebook.com/NationalLibraryThailand
นอกจากนี้ ผู้สนใจยังสามารถร่วมกิจกรรมแบบ Walk-in ได้ โดยต้องมาลงทะเบียนหน้างานในวันที่ 2 สิงหาคม 2568 หลังเวลา 12.30 น. ณ โถงกลาง ชั้น 1 อาคาร 1 ทั้งนี้ ผู้ที่ลงทะเบียนหน้างานจะสามารถร่วมกิจกรรมได้เฉพาะบริเวณโดยรอบพื้นที่จัดกิจกรรมหลักเท่านั้น ***ไม่จำกัดสัญชาติ ไม่ได้รับของที่ระลึก พื้นที่มีจำกัด และไม่มีเก้าอี้นั่ง***
วันพุธที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๘ นางสาวปุณณภา สุขสาคร ผู้อำนวยการหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ พร้อมด้วยบุคลากร เข้าร่วมพิธีเปิดงาน “ห้องสมุดสุดสุขสันต์ อัศจรรย์สุนทรภู่ ชาติเชิดชูภาษาไทย” ในการนี้บุคลากรหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ เข้าร่วมจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ Mask ม่วนใจ๋ ระบายสีหน้ากากตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ ให้แก่นักเรียนระดับชั้นปฐมวัย และระดับประถมศึกษา ระหว่างวันที่ ๓๐ กรกฎาคม – ๑ สิงหาคม ๒๕๖๘ ณ ลานโดมความรู้ โรงเรียนอนุบาลเชียงใหม่ ตำบลพระสิงห์ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่