Search
Thai
English
กรมศิลปากร
The Fine Arts Department
Home
About
History and roles
Vision and mission
Executives of the Fine Arts Department ...
senior manager
Professional expert
Director of the Bureau
CIO ...
Organizational Structure
Outstanding personnel ...
Strategy / Civil Action Plan
Official practice certification
Work Plan / Project / Budget
Service
Virtual museum
Virtual park
GIS (geographic information system for cultural heritage sites)
NSW (Request for import / export Antiques Art)
e-service (note typing, request ISSN number, ISBN, CIP)
Other
Permissions / Services
Watch brochures
Document download
Report and Complaint ...
Frequently Asked Questions (FAQ)
e-book
Satisfaction survey
News
Purchase
General news
Job news
Event Calendar
Academic library
General Knowledge
Traditional Thai music and dance
Language knowledge, books and documents
Knowledge of archeology and museums
Knowledge of architecture and artisans
Learning Center
museum
Archaeology
Historical Park
library
archives
Rules, Regulations
Laws and regulations
Information center
Contact
หน้าแรก
คลังวิชาการ
ความรู้ทั่วไป
ตุลาคมเดือนแห่งความโศกเศร้าของปวงชนชาวไทย
ในเดือนตุลาคมเป็นเดือนที่ปวงชนชาวไทยได้สูญเสียดวงใจผู้เป็นที่รักยิ่งเหนือสิ่งใด จากเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ถึง 4 ครั้งด้วยกัน คือ
- 1 ตุลาคม 2411
: พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคต ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จฯ ทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวงที่บ้านหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามที่พระองค์ทรงคำนวณไว้อย่างแม่นยำ และเสด็จกลับพระนครได้เพียงไม่นาน พระองค์เริ่มมีพระอาการประชวรจับไข้และทรงทราบว่าพระอาการจะไม่หาย จึงได้มีพระบรมราชโองการให้พระราชวงศ์และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ 3 คน เข้าเฝ้าฯ พร้อมกันที่พระแท่นบรรทม เพื่อมอบพระราชกิจในการดูแลพระนคร ก่อนจะเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งภานุมาศจำรูญ ภายในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ปีมะโรง เวลาทุ่มเศษ ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม
พ.ศ. 2411 รวมพระชนมพรรษา 64 พรรษา รวมดำรงสิริราชสมบัติ 16 ปี 6 เดือน ในกาลต่อมาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชโอรสพระองค์ที่ 9 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 5 สืบต่อไป
- 23 ตุลาคม 2453
: พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ได้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความเศร้าโศกให้กับประเทศไทยครั้งใหญ่หลวง เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระประชวรด้วยโรคพระวักกะ (ไต) เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต รวมพระชนมพรรษาได้ 58 พรรษา ครองราชสมบัตินานถึง 42 ปี
เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นกษัตริย์ที่เป็นที่เคารพรักของทวยราษฎร์ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอเนกประการ ทั้งในการปกครองบ้านเมืองและพระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ชนทุกหมู่เหล่า ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่าง ๆ อันก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ และสามารถธำรงเอกราชไว้ตราบจนทุกวันนี้ ทวยราษฎร์ทั้งปวงจึงน้อมใจแสดงความจงรักภักดี ด้วยการถวายพระราชสมัญญานามว่า "พระปิยมหาราช" หรือพระพุทธเจ้าหลวง และกำหนดให้ทุกวันที่ 23 ตุลาคม เป็นวันปิยมหาราช เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน
- 24 ตุลาคม 2556
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สิ้นพระชนม์ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 24 ตุลาคม 2556 ชาวพุทธได้รับทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน) สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เนื่องจากติดเชื้อในกระแสพระโลหิต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รวมพระชันษา 100 ปี นับเป็นพระสังฆราชที่ทรงดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดถึง 23 ปี และทรงมีพระชันษายืนยาวที่สุดในประวัติคณะสงฆ์ไทย
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความโศกเศร้าอาดูรให้แก่ชาวพุทธทั่วโลกเป็นอย่างยิ่ง เพราะตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา สมเด็จพระสังฆราช ทรงประกอบพระกรณียกิจเพื่อพุทธศาสนาอย่างมากมาย ทั้งในประเทศไทย และประเทศอื่นทั่วโลก จนได้รับทูลถวายตำแหน่งผู้นำคณะสงฆ์สูงสุดแห่งโลกพระพุทธศาสนา เมื่อปี พ.ศ. 2555 ซึ่งในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2558 ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศต่างร่วมกันแต่งกายด้วยชุดดำ เพื่อร่วมถวายอาลัยแด่สมเด็จพระสังฆราช
-13 ตุลาคม 2559
: พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต ภายหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทรสยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2557 ประชาชนชาวไทยจากทั่วทุกสารทิศต่างเดินทางมาลงนามถวายพระพร ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ มีพระพลานามัยแข็งแรง อยู่เป็นมิ่งขวัญแก่ปวงชนชาวไทย พร้อมติดตามแถลงการณ์สำนักพระราชวังเพื่อรับทราบพระอาการของพระองค์อย่างใกล้ชิด
ถึงแม้ว่าคณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถตลอด 2 ปี แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ ในที่สุดแล้ว น้ำตาไทยต้องไหลรินเมื่อได้รับทราบข่าวพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตเมื่อเวลา 15.52 น. ของวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงครองราชสมบัติ 70 ปี นับเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ครองราชย์นานที่สุดในโลก พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเหน็ดเหนื่อยตรากตรำเพื่อประชาชนทั่วทุกหนทุกแห่งของพระองค์มาตลอด 70 ปี จะสถิตอยู่ในใจของปวงชนชาวไทยตลอดไป...
------------------------------------------------------
ผู้เรียบเรียง : นางสาวเมษา ครุปิติ บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี
------------------------------------------------------
อ้างอิง :
จดหมายเหตุงานพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ฉบับสื่อมวลชน (สื่อมวลชนไทย). กรุงเทพฯ : สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร, 2561.
เว็บไซต์ : https://hilight.kapook.com/view/143443
จำนวนผู้เข้าชม 43,611 คน
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 กรมศิลปากร. กระทรวงวัฒนธรรม -
นโยบายเว็บไซต์
|
มาตรฐาน
|
นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล