ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ

พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นายอยู่ แก้วโสวัฒนะ ณ เมรุวัดกษัตริยาราม วันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๑๑


          มหามกุฎราชสันตติวงศ์ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๕๗ วันประสูติพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช           หม่อมเจ้าชายพีรพงศ์ภาณุเดช เป็นพระโอรสในสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช ประสูติแต่หม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๔๕๗ มีพระนามลำลองว่า พระองค์ชายพีระ           ทรงสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ และเสด็จไปทรงศึกษาต่อที่วิทยาลัยอีตัน, มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ก่อนเปลี่ยนไปทรงศึกษาด้านประติมากรรม ที่ Byam Shaw School of Art           ในรัชกาลที่ ๗ ทรงสถาปนาเป็นพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๐ ถึงรัชกาลที่ ๘ เป็นนายร้อยตรีทหารบก           พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช ทรงโปรดการแข่งขันขับรถ โดยได้รับการสนับสนุนจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ เมื่อปลายปีพุทธศักราช ๒๔๘๐ ทั้งสองพระองค์ทรงนำรถรอมิวลุสมาทรงขับโชว์ และทรงจัดประลองความเร็วที่ถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม ๒๔๘๐ โดยราชยานยนต์สมาคมแห่งสยาม และจัดแสดงให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมที่วังจักรพงษ์ ขณะนั้นอยู่ในช่วงงานฉลองรัฐธรรมนูญ มีผู้คนเข้ามาชมเป็นจำนวนมาก          ในพุทธศักราช ๒๔๘๒ ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นกำลังสำคัญ ในการเตรียมการจัดการแข่งขันกรุงเทพกรังด์ปรีซ์ (Bangkok Grand Prix) โดยเชิญนักแข่งชั้นนำมาแข่งขันบนเส้นทางรอบสนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง ระยะทาง ๒ ไมล์ ในวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๘๒ แต่การแข่งขันนี้ต้องยกเลิกไป เพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่สองขึ้นเสียก่อน          พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช นับเป็นพระราชนัดดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ที่สืบสายจากพระราชชนก          พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช สิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๙ เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๒๘ สิริพระชันษา ๗๑ ปี   ภาพ : พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช


ิิ          พระพิมพ์ดินดิบแบบศรีวิชัย กำหนดอายุได้ราวพุทธศตวรรษที่ 13-18 ขนาดสูง 8.5 เซนติเมตร กว้าง 7 เซนติเมตร วัสดุดินดิบ ศิลปะศรีวิชัย โดยพระพิมพ์แบบนี้มักสร้างจากดินดิบ ด้านหลังมีประทับจารึกคาถา เย ธมฺมา ฯ เป็นภาษาสันสกฤต ซึ่ง คาถาเย ธมฺมา ฯ นั้นเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ในความเชื่อการสร้างพระพิมพ์ดินดิบจะปั้นดินและมีการกดประทับเพื่อให้เกิดลวดลาย ในเนื้อดินได้มีการตรวจพบมีอัฐิผสมอยู่ ทำให้สันนิษฐานว่า การสร้างพระพิมพ์นี้ นอกเหนือจากการสืบอายุพระพุทธศาสนานั้น จะเป็นการสร้างกุศลให้กับอัฐิบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว ให้เจริญอยู่ในพระพุทธศาสนาสืบไป ปัจจุบันจัดแสดง ณ อาคารจัดแสดง 2 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี







ชื่อเรื่อง                                เทวทูตสุตฺต (เทวทูตสูตร) สพ.บ.                                  277/6ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           42 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 57 ซม.หัวเรื่อง                                 พระสูตร                                           พระไตรปิฎก                                           พระยายม บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ ได้รับบริจาคมาจากวัดบ้านหมี่ ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี


ประเพณียี่เป็ง ตรงกับวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ (เดือนสิบสองของภาคกลาง) หนึ่งในประเพณีสิบสองเดือนของล้านนา เป็นวันพระและวันสุดท้ายของการทอดกฐิน หรือครบ ๓๐ วันหลังวันออกพรรษา ประเพณียี่เป็งเป็นประเพณีที่ผสมผสานระหว่างพุทธศาสนาและวิถีชีวิตของชาวล้านนาก่อนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ชาวล้านนาจะเตรียมอาหารทำบุญ ดอกไม้ธูปเทียน สำหรับไปวัดและทานขันข้าว แขวนโคมประดับประดาบ้านเรือน ทำซุ้มประตูป่า เพื่อเป็นเครื่องสักการะถวายการต้อนรับพระเวสสันดรครั้งเสด็จออกจากป่าเข้าสู่เมืองเมื่อถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ช่วงเช้า ชาวล้านนาจะเข้าวัด ใส่บาตร ฟังเทศน์ ทานขันข้าวบรรพบุรุษที่ล่วงลับ ปล่อยโคมควัน สำหรับในช่วงกลางคืน จะเข้าวัดอีกครั้ง เพื่อนำผางประทีปไปจุดที่วัด แล้วกลับมาจุดผางประทีปบริเวณต่าง ๆ ในบ้าน เพื่อบูชาพระเจ้าห้าพระองค์และรำลึกถึงบุญคุณของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว มีการเล่นดอกไม้ไฟบนฝั่งแม่น้ำหรือที่บ้าน และปล่อยโคมไฟ ถือเป็นประเพณีสนุกสนานรื่นเริงของชาวล้านนา ต่อมา ได้มีการนำวัฒนธรรมการลอยกระทงผนวกเข้าไปในประเพณียี่เป็งด้วยในปี พ.ศ. ๒๕๑๒ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มาจัดตั้งสำนักงานที่จังหวัดเชียงใหม่และสนับสนุนให้ประเพณียี่เป็งเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยส่งเสริมการลอยกระทงแบบกรุงเทพฯ ที่จังหวัดเชียงใหม่อย่างจริงจังและร่วมกับเทศบาลนครเชียงใหม่ มีการจัดประกวดขบวนกระทงเล็ก ขบวนกระทงใหญ่ รวมทั้งการจัดประกวดขบวนโคมยี่เป็งของสมาคมผู้ประกอบการย่านไนท์บาร์ซาร่วมด้วยอีกหนึ่งวันผู้เรียบเรียง : นางเกษราภรณ์ กุณรักษ์ นักจดหมายเหตุชำนาญการภาพ : สำนักข่าวเห็ดลมอ้างอิง :๑. ปลายอ้อ ทองสวัสดิ์.  ๒๕๖๒. “ยี่เป็ง พุทธบูชา.” ใน วงศ์สักก์ ณ เชียงใหม่ (บรรณาธิการ).  เชียงใหม่ นครแห่งอมต. เชียงใหม่: วิทอินดีไซน์, ๑๓๓-๑๓๗.๒. ศักดิ์นรินทร์ ชาวงิ้ว. ๒๕๕๗. “ประเพณียี่เป็งเชียงใหม่ จากการสักการะในเดือนยี่ สู่ประเพณีเพื่อการท่องเที่ยว.” เวียงเจ็ดลิน  ๔ (๒): ๔-๘.


นิพฺพานสุตฺต (นิพฺพานสูตร)  ชบ.บ.75/1-1จ  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


ติโลกนยวินิจฺฉย (ไตรโลกนยฺยวินิจฺฉย)  ชบ.บ.95ข/1-22  เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


เลขทะเบียน : นพ.บ.305/7ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 26 หน้า ; 4 x 54.5 ซ.ม. : ทองทึบ-ชาดทึบ ; ไม้ประกับธรรมดาชื่อชุด : มัดที่ 124  (287-301) ผูก 7 (2565)หัวเรื่อง : สตฺตปฺปกรณาภิรมฺม (อภิธัมมสังคิณี-พระมาหาปัฏฐาน)--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม




สวัสดีทุกท่านค่ะ ช่วงนี้ก็ใกล้เข้าสู่เทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2565 กันแล้ว ทางพิพิธภัณฑ์ของเราก็มี #องค์ความรู้จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่ พร้อมกิจกรรมดีๆ มาต้อนรับเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ กับองค์ความรู้เรื่อง "พระพุทธรูปไม้ ศิลปะพม่า สมัยมัณฑะเลย์" พระพุทธรูปสมัยนี้มีลักษณะอย่างไร และความสำคัญเช่นไร มาติดตามไปพร้อมๆ กันเลยค่าา..ประเทศเมียนมาร์เป็นประเทศที่เป็นอู่อารยธรรมที่สำคัญแห่งหนึ่งในดินแดนอุษาคเนย์ รูปแบบงานศิลปกรรม และวัฒนธรรมมากมายจากพม่าหรือเมียนมาร์ได้มีความเกี่ยวข้องหรือส่งอิทธิพลต่องานศิลปกรรมในประเทศไทยหลายยุคสมัย ทั้งในด้านสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรมฝาผนัง นับตั้งแต่สมัยทวารวดี หริภุญไชย สุโขทัย ล้านนา อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ซึ่งเรามักจะพบศิลปะพม่ามีอิทธิพลโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดในศิลปะล้านนา และรัตนโกสินทร์ช่วงพุทธศตวรรษที่ 24 – 25 ที่มีการอพยพและกวาดต้อนชาวมอญ พม่า เข้ามายังสยาม และการอพยพย้ายถิ่นฐานเพื่อเข้ามาทำกิจการป่าไม้ของชาวพม่าและชาวไทใหญ่ในเขตภาคเหนือตอนบนของไทย เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ และน่าน ชาวมอญ พม่า และไทใหญ่ เมื่อย้ายถิ่นฐานมาอาศัยในประเทศไทยในปัจจุบันแล้ว ก็ได้นำช่างมาก่อสร้างวัด อาคาร ศาสนสถานในรูปแบบศิลปะของเชื้อชาติตนเข้ามาด้วย พระพุทธรูปจึงเป็นประติมากรรมสำคัญอย่างหนึ่งที่นิยมสร้างพร้อมกันกับการสร้างศาสนสถานเนื่องในศาสนาพุทธของชาวมอญ พม่า และไทใหญ่.ในสมัยรัตนโกสินทร์ ช่วงพุทธศตวรรษที่ 24 – 25 ตรงกับสมัยราชวงศ์คองบอง (อลองพระ) (พ.ศ. 2295 – 2428) ซึ่งมีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่เมืองอังวะ อมรปุระ และมัณฑะเลย์ ทั้งนี้ ศิลปะพม่าสมัยมัณฑะเลย์น่าจะเป็นหนึ่งในรูปแบบศิลปะพม่าที่คุ้นตาของคนไทยมากที่สุด ทั้งการสร้างเจดีย์และอาคารทรงปยาทาด อันเป็นอาคารที่มีเรือนยอดซ้อนชั้นกันหลายๆ ชั้น มักนิยมสร้างเป็นอุโบสถ วิหาร หรือหอไตร ในส่วนของพระพุทธรูปสมัยมัณฑะเลย์ มีการสร้างด้วยวัสดุที่หลากหลาย ทั้งโลหะผสม (สำริดหรือทองเหลือง) หินอ่อน ปูน รักสมุก (การใช้ไม้ไผ่สานโครงให้เป็นรูปทรงพระพุทธรูป จากนั้นช่างจะใช้เถ้าถ่านหรือเศษขี้เลื่อยที่ได้จากการเผาคัมภีร์ใบลานต่างๆ มาพอกทับโครงไม้ไผ่สาน เมื่อวัสดุที่พอกแห้งดีแล้ว จึงทำการลงรักและตกแต่งพระพุทธรูปให้มีความสวยงามตามรูปแบบศิลปะ) และไม้ ซึ่งเป็นวัสดุประเภทหนึ่งทีนิยมนำมาสร้างพระพุทธรูปอย่างมาก.พระพุทธรูปศิลปะพม่า สมัยมัณฑะเลย์ มีลักษณะที่โดดเด่น คือ พระพุทธรูปมีความสมจริงคล้ายมนุษย์ โดยส่วนพระพักตร์มีการสร้างให้พระเนตรมองตรง และประดับอัญมณี เช่น นิลและมุก เพื่อให้คล้ายดวงตาของมนุษย์ พระโอษฐ์มีลักษณะสมจริง ขมวดพระเกศาเล็กมาก อุษณีษะ (มวยผม) สูงมาก และไม่มีรัศมี ริ้วจีวรเป็นริ้วแบบธรรมชาติ ปลายจีวรเป็นหยักโค้งไปมา ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับอิทธิพลการสร้างริ้วจีวรเช่นนี้มาจากศิลปะจีน กรอบพระพักตร์เป็นแถบหนา มีไรพระศก และมักทำลวดลายพร้อมประดับอัญมณีหรือกระจกสีที่กรอบพระพักตร์และขอบจีวร คล้ายพระพุทธรูปทรงเครื่อง (พระพุทธรูปที่มีการทรงเครื่องประดับต่างๆ อย่างกษัตริย์ อาทิ มงกุฎ กุลฑล กรองศอ สังวาลย์ และทับทรวง เป็นต้น) ขณะเดียวกันพระพุทธรูปทรงเครื่องเองก็ยังคงนิยมสร้างในสมัยนี้อยู่ โดยสืบทอดแนวคิดมาจากสมัยอังวะ (ช่วงต้นพุทธศตวรรษที่ 24) ตามคติชมพูบดีสูตร ซึ่งเป็นพุทธประวัติตอนหนึ่งในคัมภีร์พุทธศาสนา นิกายเถรวาท ที่ชาวพม่าให้ความเคารพนับถือ ในพุทธประวัติได้กล่าวว่าพระพุทธเจ้าได้เนรมิตพระองค์ให้มีขนาดพระวรกายใหญ่โต พร้อมทรงเครื่องประดับอย่างกษัตริย์ เพื่อสั่งสอนพญาชมพูบดีผู้เป็นกษัตริย์ที่ไม่ยอมรับฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า จนกระทั่งพญาชมพูบดีเชื่อฟังในคำสอนของพระพุทธเจ้าและออกผนวช จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในที่สุด.พระพุทธรูปศิลปะพม่า ไม่ได้มีเพียงสกุลช่างหลวงของพม่าเพียงแห่งเดียวเท่านั้น แต่ยังมีสกุลช่างอื่นๆ อีกมากที่มีลักษณะปลีกย่อยแตกต่างกันไปตามชาติพันธุ์นั้นๆ อาทิ สกุลช่างมอญ สกุลช่างอาระกัน (ยะไข่) และสกุลช่างไทใหญ่ เป็นต้น แต่ในสมัยมัณฑะเลย์อาจถือได้ว่าเป็นยุคศิลปะบริสุทธิ์ของพม่า เนื่องจากมีการรวบรวมเอาศิลปะจากสกุลช่างต่างๆ มาพัฒนาเป็นรูปแบบศิลปะที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ด้วยเหตุนี้ ในช่วงยุคหลังมาจนถึงปัจจุบัน พระพุทธรูปไม้ศิลปะพม่าสมัยมัณฑะเลย์จึงได้รับความนิยมในกลุ่มนักสะสมของเก่า หรือผู้ค้าโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ จึงมีการผลิตซ้ำพระพุทธรูปไม้รูปแบบศิลปะพม่าสมัยมัณฑะเลย์ เพื่อนำเข้าหรือส่งออกเป็นจำนวนมาก นี่จึงเป็นหลักฐานที่บ่งบอกถึงสุนทรียภาพของพระพุทธรูปศิลปะพม่า สมัยมัณฑะเลย์ เป็นที่ยอมรับว่ามีความงดงามอย่างมีเอกลักษณ์ตั้งแต่ยุคอดีตจนถึงปัจจุบัน.เอกสารอ้างอิง1). เชษฐ์ ติงสัญชลี. (2560). ประวัติศาสตร์ศิลปะอินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (พิมพ์ครั้งที่ 3).  นนทบุรี: สำนักพิมพ์มิวเซียมเพรส.2). ศักดิ์ชัย สายสิงห์. (2557). ศิลปะพม่า.  กรุงเทพฯ: มติชน.3). สมเกียรติ โล่ห์เพชรัตน์. (2550). พระพุทธรูปศิลปะพม่า ประวัติศาสตร์ชนชาติพม่ากับปฏิมากรรมในพระพุทธศาสนา.  กรุงเทพฯ: สยามอินเตอร์เนชั่นแนลบุคส์..พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสักการะพระสิงห์ และพระพุทธรูปไม้ พระอุปคุตและพระสาวกไม้ รูปแบบศิลปะพม่า สมัยมัณฑะเลย์ รวม 9 องค์ พร้อมทั้งสักการะพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อความเป็นสิริมงคลตลอดเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2565 นี้ ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2564 – 30 มกราคม 2565 .พิเศษ!! พิพิธภัณฑ์ของเรามีของขวัญปีใหม่แจกให้ทุกท่านที่เข้าชมนิทรรศการฟรี ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม และตลอดเดือนมกราคม 2565 หรือจนกว่าของจะหมด รีบมาชมกันเยอะๆ นะคะ


black ribbon.