ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ
หอสมุดแห่งชาตินครศรีธรรมราช ขอเชิญร่วมกิจกรรมสอนศิลปะสำหรับเด็ก "ศิลปะสร้างสุข สนุกกับงานศิลป์" ครั้งที่ 4 ในหัวข้อเรื่อง "วาดเส้นเล่นสี ศิลปะบนผืนไม้" ในวันเสาร์ที่ 29 กรกฎาคม 2566 เวลา 10.00 น. ณ ห้องศิลปะและวรรณคดี หอสมุดแห่งนครศรีธรรมราช
เด็กๆ ที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ "ฟรี" ไม่เสียค่าใช้จ่าย (รับจำนวนจำกัด) สอบถามเพิ่มเติมได้ทาง Facebook หอสมุดแห่งชาติ นครศรีธรรมราช หรือ โทร. 0 7532 4137
-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ : เมื่อ “เมืองลอง” มาสู่ “เมืองแพร่” -- อำเภอลอง เป็นหนึ่งในแปดอำเภอของจังหวัดแพร่ มีประวัติความเป็นมายาวนานนับหลายร้อยปี ดังจะเห็นได้จากการปรากฎชื่อเมืองลองในตำนานท้องถิ่นและพงศาวดารหลายฉบับ ดังเช่นในพงศาวดารโยนก มีข้อความตอนหนึ่งระบุว่า ช่วงระหว่าง จ.ศ. 1091 – 1094 (พ.ศ. 2372 – 2375) กองทัพจากเมืองลำพูนเข้าปล้นทำลายเมืองนครลำปาง ผู้คนในเมืองจึงอพยพหนีออกไปอยู่ตามที่ต่างๆ เช่น ประตูผา เมืองต้า เมืองลอง เมืองเมาะ เมืองจาก เป็นต้น แต่ทราบหรือไม่ว่า เมืองลองหรืออำเภอลองนั้น เดิมมิได้อยู่ภายใต้การปกครองของเมืองแพร่หรือจังหวัดแพร่เหมือนในปัจจุบัน หากแต่อยู่กับเมืองนครลำปางหรือจังหวัดลำปางจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) ดังปรากฏหลักฐานในเอกสารจดหมายเหตุ ชุด กรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 7 กระทรวงมหาดไทย. เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2474 สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้มีลายพระหัตถ์ถึงเจ้าพระยามหิธร ราชเลขาธิการ มีใจความว่า สมุหเทศาภิบาลมณฑลพายัพได้มีใบบอกกราบทูลว่า ท้องที่อำเภอลอง ซึ่งขณะนั้นขึ้นกับจังหวัดลำปาง มีทำเลตั้งอยู่ใกล้กับจังหวัดแพร่มากกว่าจังหวัดลำปาง อีกทั้งการคมนาคมก็สะดวกกว่า กล่าวคือ หากเดินทางจากอำเภอลองไปยังจังหวัดลำปาง จะใช้เวลาเกือบ 2 วัน แต่หากเดินทางจากอำเภอลองไปยังจังหวัดแพร่จะใช้เวลาเพียง 1 วันเท่านั้น อีกทั้งราษฎรอำเภอลองก็ติดต่อค้าขายกับทางจังหวัดแพร่เป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว โดยกระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาแล้วเห็นชอบ จึงทรงขอให้นำความขึ้นกราบบังคมทูลเพื่อขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตโอนอำเภอลองไปขึ้นกับจังหวัดแพร่. ในเวลาต่อมา สมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ซึ่งขณะนั้นทรงเป็นผู้สำเร็จราชการรักษาพระนครอีกตำแหน่งหนึ่ง (เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงอยู่ในระหว่างเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศสหรัฐอเมริกา - ผู้เขียน) จึงได้ทรงประทานพระอนุญาตตามที่กราบบังคมทูล และมีการตีพิมพ์ประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการโอนอำเภอ ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2474 ในราชกิจจานุเบกษา และ นี่คือจุดเริ่มต้นของการที่อำเภอลองเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดแพร่มาจนถึงปัจจุบัน.ผู้เขียน: นายธัชพงศ์ พัตรสงวน (นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา).เอกสารอ้างอิง: 1. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 7 กระทรวงมหาดไทย. ร.7 ม. 4.3/1 เรื่องปันแขวงปกครองและยุบย้ายที่ว่าการต่างๆ [ 18 ธ.ค. 2468 – 9 ก.ค. 2475 ].2. ประชากิจกรจักร์ (แช่ม บุนนาค), พระยา. พงศาวดารโยนก. กรุงเทพฯ: คลังวิทยา, 2516.3. “ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง โอนอำเภอ.” (2474). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 48, ตอน ก (25 ตุลาคม): 368.#จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ
องค์ความรู้สุพรรณบุรี เรื่อง กะเหรี่ยงสุพรรณผู้เรียบเรียง :
นางอภิญญานุช เผ่าพงษ์คล้าย บรรณารักษ์ชำนาญการ
หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ
ตุ้มหูแบบลิง ลิง โอ
แบบศิลปะ : ก่อนประวัติศาสตร์
ชนิด : หิน
ขนาด : กว้าง 3.1 เซนติเมตร ยาว 3.4 เซนติเมตร หนา 2.5 เซนติเมตร
อายุสมัย : โลหะ ประมาณ 1,500 - 2,500 ปีมาแล้ว
ลักษณะ : ตุ้มหูแบบลิง ลิง โอ ทำจากหินเนปไฟร์ทสีเขียว รูปทรงกึ่งทรงกลม บากด้านบนให้เป็นตะขอสำหรับสวมใส่ใบหู หรือร้อยเชือกแขวน มีปุ่มแหลม 3 ปุ่ม ที่ขอบข้าง ที่ปุ่มหนึ่งมีรอยหักบิ่นเล็กน้อย ตุ้มหูรูปแบบนี้พบเป็นจำนวนมากในแหล่งฝังศพของพวกวัฒนธรรมซาหวิ่นห์ นักโบราณคดีสันนิษฐานว่าตุ้มหูแบบลิง ลิง โอ นี้ถูกนำเข้ามายังดินแดนประเทศไทยโดยการติดต่อค้าขายแลกเปลี่ยนภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สถานที่จัดแสดง : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/uthong/360/model/18/
ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/uthong
กรรไกรไทยคร่ำทอง
พุทธศตวรรษที่ ๒๕
นางสาวจวงจันทร์ สิงหเสนี มอบให้เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๒๕
ปัจจุบันจัดแสดง ณ พระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข หมู่พระวิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
กรรไกรไทย เครื่องมือสำหรับตัดโดยการหนีบทำด้วยเหล็ก มีใบมีด ๒ ใบ แต่ละใบมีขาทำหน้าที่เป็นก้านแหนบและด้ามจับ ใบมีดกรรไกรจึงถ่างกว้าง เวลาใช้งานต้องใช้มือหนีบขากรรไกรให้คมมีดทั้งสองใบสบกัน ส้นกรรไกรกลึงเป็นยอดเม็ด ตกแต่งด้วยลายคร่ำทอง โดยใช้เส้นโลหะทองฝังเป็นลวดลายลงไปในเนื้อเหล็ก วิธีทำคร่ำอย่างไทยจะใช้เครื่องมือปลายแหลมคล้ายสิ่วตอกสักลงบนผิวเหล็กตัดกันไปมาให้เกิดความขรุขระ จากนั้นจึงใช้เส้นทองหรือเส้นเงินตอกย้ำลงไปให้ติดแน่นเป็นลวดลาย แล้วจึงกวดผิวให้เรียบ
กรรไกรลักษณะนี้คนไทยใช้ตัดผม หรือประกอบพิธีต่าง ๆ อาทิ โกนจุก ปลงผมนาค ตามธรรมเนียมโบราณ จากบทความเรื่อง “วิชาช่างตัดผม” ซึ่งลงพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือวชิรญาณวิเศษ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๔ ล, บ. [นามแฝง] ได้อธิบายทั้งวิธีการตัดผมแบบโบราณและวิธีที่ใช้สมัยนั้นว่า การตัดผมแบบโบราณ ช่างตัดผมจะใช้กรรไกรไทย โดยวิธีตัดผมมหาดไทย ทรงผมของผู้ชายนั้น เมื่อโกนด้านข้างหมดแล้วจึงใช้กรรไกรตัดผมบนศีรษะ สำหรับการตัดผมรองทรง ซึ่งในสมัยโบราณตัดได้เฉพาะผู้ที่มีบรรดาศักดิ์สูง ทรงผมก็คล้ายกับผมมหาดไทย แต่ไม่ใช้การโกนใช้การตัดด้วยกรรไกรแทน โดยตัดไล่ผมด้านข้างให้ยาวขึ้นไปเป็นลำดับจนรับกับทรงผมด้านบน ในส่วนการตัดผมปีกของสตรี ก็ใช้กรรไกรไทยตัดเช่นกัน และในสมัยนั้น (พ.ศ.๒๔๓๔) มีร้านตัดผมผู้ชายเปิดตามถนนสายต่างๆ และใช้กรรไกรฝรั่งแล้ว แต่การตัดผมผู้หญิงยังไม่มีการตั้งร้านเป็นหลักแหล่ง ช่างตัดผมผู้หญิงยังคงใช้กระเดียดกระทายเครื่องมือเที่ยวรับจ้างอยู่เหมือนช่างสมัยโบราณ
จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช) ได้อธิบายถึงคตินิยมในการตัดผมของคนไทยว่า นิยมตัดผมในวันเสาร์ ซึ่งถือว่าเป็นมงคล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ยังทรงยึดมั่นในคตินิยมของคนไทยโดยการทรงพระเครื่องใหญ่ (การจำเริญเส้นพระเจ้า [การตัดเส้นผม] สำหรับพระเจ้าแผ่นดิน) โปรดให้จัดขึ้นในวันเสาร์ และได้อธิบายต่อไปว่า
“...คนไทยเรานิยมกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายายของเราว่า การตัดผมในวันเสาร์ห้านั้น เป็นมหามงคลอันประเสริฐยิ่ง คำว่าเสาร์ห้าในที่นี้ วันนั้นจะต้องเป็นวันเสาร์ และจะต้องตรงกับเดือนที่นับทางจันทรคติเป็นเดือนห้า จะเป็นข้างขึ้นหรือข้างแรมก็ตามที เพราะฉะนั้น เราจะได้ยินชาวบ้านร้านตลาดที่วันใดเป็นวันที่เผอิญมาตรงเข้ากับวันเสาร์ห้าเช่นนี้ คนไทยโดยมากจะรีบพากันไปตัดผม ถึงแม้ผมจะสั้นอยู่แล้วก็ยังพากันไปตัดอยู่ดี เพราะถือว่าเมื่อได้ตัดผมในวันนั้นแล้วย่อมได้รับความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเขาเอง ประเพณีเช่นนี้นับว่าเป็นประโยชน์ในทางจิตใจอย่างหนึ่ง...”
วันเสาร์ ขึ้น/แรม ๕ ค่ำ เดือน ๕ หรือที่เรียกว่า วันเสาร์ห้า เป็นวันที่โบราณจารย์ถือว่ามีพลังแรงมากเป็นพิเศษ วันมงคลนี้มิได้เกิดขึ้นทุกปี สำหรับผู้ที่เชื่อถือพิธีกรรมต่างๆ จึงใช้วันเสาร์ห้า ประกอบพิธีปลุกเสก เครื่องรางของขลัง หรือกิจการอื่นๆ ทุกอย่าง แม้แต่ การสระผม การตัดผม ก็มักจะกระทำในวันนี้
สำหรับวันเสาร์ที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๖๗ นอกจากเป็นวันมหาสงกรานต์แล้ว ยัง ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ อีกด้วย #วันมหาสงกรานต์ #วันเสาร์ห้า
อ้างอิง
จมื่นอมรดรุณารักษ์ (แจ่ม สุนทรเวช). พระราชกรณียกิจ ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เล่ม ๑๐ เรื่อง พระราชประเพณี ตอน ๒. พระนคร: โรงพิมพ์คุรุสภา, ๒๕๑๔.
ล, บ. [นามแฝง]. “วิชาช่างตัดผม” วชิรญาณวิเศษ. เล่ม ๖ รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๐
ภาพปูนปั้นชาดกเล่าเรื่อง หัสติง
- ทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔)
- ปูนปั้น
- ขนาด กว้าง ๘๗.๕ ซม. สูง ๘๒ ซม.
เดิมประดับที่ฐานลานประทักษิณด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของเจดีย์จุลประโทน อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดี เมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ภาพเล่าเรื่องจากคัมภีร์ชาดกมาลา ของอารยสูร เล่าเรื่อง เมื่อพระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็น พระยาช้างหัสติง และอุทิศพระองค์ให้เป็นทานแก่คนหิวโหย
แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ https://smartmuseum-v2.finearts.go.th/3d_object/?obj=40098
ที่มา: https://smartmuseum.finearts.go.th
แหล่งตัดหินบ้านกรวด
แหล่งตัดหินบ้านกรวด ตำบลปราสาท อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นแหล่งขนาดใหญ่ในการผลิตแท่งหินทราย สำหรับก่อสร้างปราสาท สันนิษฐานว่ามีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 15-18 เป็นเนินเขาหินทราย บนเนินปรากฎร่องรอยของการสกัดหินทรายธรรมชาติ โดยการเซาะหินทรายเป็นแถวยาวก่อน แล้วจึงตัดแบ่งย่อยออกเป็นก้อนสี่เหลี่ยม เมื่อได้ขนาดที่ต้องการจึงสกัดด้านล่างออกเป็นแท่งสี่เหลี่ยม แล้วขนย้ายออกไปจากแหล่ง
องค์ความรู้เรื่อง เรื่อง เรียนรู้เรื่องกระดาษกับการสื่อสานวัฒนธรรมอย่างบรรจง
เรียบเรียงโดย/ออกแบบ : นางภควรรณ คุณากรวงศ์
บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น จัดกิจกรรมพิเศษ "NIGHT AT THE MUSEUM" ระหว่างวันที่ 20 - 21 กันยายน 2567 เวลา 09.00 - 20.00 น. เปิดโอกาสให้ประชาชนได้สัมผัสบรรยากาศพิพิธภัณฑ์ในช่วงกลางคืน และร่วมรณรงค์ให้ประชาชนเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่นให้มากขึ้น ก่อนจะปิดให้บริการชั่วคราวเพื่อดำเนินการปรับปรุงทั้งอาคารและการจัดแสดงนิทรรศการถาวร
พบกับกิจกรรมสุดพิเศษ ดังนี้
- Workshop การสานตาแหลว เครื่องรางป้องกันภัย รับจำนวน 30 ท่าน/รอบ รอบวันศุกร์ ที่ 20 กันยายน 2567 เวลา 17.00 น. รอบวันเสาร์ ที่ 21 กันยายน 2567 เวลา 10.00 น. / 14.00 น. / 16.00 น. สามารถลงทะเบียนโดยสแกนคิวอาร์โค้ด หรือทางลิ้งนี้ https://docs.google.com/forms/d/1wqjaGT_vgVqWKF9kr7Mte14AFZuMscXJzJqSiA9Gd5U/
- Night Tour นำชมรอบพิเศษโดยภัณฑารักษ์ รับจำนวน 10 ท่าน/รอบ วันละ 3 รอบ เวลา 18.30 น. / 18.45 น. / 19.00 น. สามารถลงทะเบียนโดยสแกนคิวอาร์โค้ด หรือ https://docs.google.com/forms/d/1MO4Ju2lqaf4yHJINYdfrgoJAFkbCfjwXamJnd8_81NI/
- Music in garden เพลิดเพลินกับดนตรี folksong ในสวน เวลา 19.00 น.
- Check & Share กิจกรรมถ่ายรูปบรรยากาศในพิพิธภัณฑ์ และเช็คอิน ลุ้นรับพวงกุญแจที่ระลึก (จำนวนจำกัด)
ติดตามรายละเอียดกิจกรรมได้ทางเฟซบุ๊ก เพจ : Khon Kaen National Museum พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 4324 6170