ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ

ชื่อเรื่อง                               สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม(สงฺคิณี-มหาปัฏฐาน) อย.บ.                                  1/1ประเภทวัสดุมีเดีย                    คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           30 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 55 ซม.หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                           ชาดก             บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


ชื่อเรื่อง                                สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม(สงฺคิณี-มหาปฏฐาน) สพ.บ.                                  อย.บ.52/2ประเภทวัสดุมีเดีย                   คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                               พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ                           28 หน้า กว้าง 4.5 ซม. ยาว 58 ซม.หัวเรื่อง                                 พุทธศาสนา                                           บทสวด                                           พระวินัย                                            คำสอน บทคัดย่อ/บันทึก          เป็นคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ฉบับทองทึบ ล่องชาด ได้รับบริจาคมาจาก จ.พระนครศรีอยุธยา


ปาเจราจริยา โหนฺติ คุณุดฺตรานุสาสกา ปญฺญาวุฑฺฒิกเร เต เต ทินโนวาเท นมามิหํ   ครู นับเป็นปูชนียบุคคลที่มีความสําคัญในการให้การศึกษา ทั้งในด้านวิชาการ และประสบการณ์ ตลอดจนเป็นผู้มีความเสีย สละ ดูแลเอาใจใส่สั่งสอน อบรมให้เด็กได้พบกับแสงสว่างแห่งปัญญา อันจะเป็นหนทางในการประกอบอาชีพ เลี้ยงดูตนเอง รวมทั้งการ นำพาสังคมประเทศชาติก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ด้วยเห็นความสำคัญของครูดังกล่าวมาแล้วนั้น จึงได้กำหนด ให้มีวันครูขึ้น ในวันที่ ๑๖ มกราคมของทุกปี เพื่อแสดงความกตัญญู กตเวที และให้ครูเป็นผู้ได้รับการยกย่องเชิดชูในสังคม   ประวัติความเป็นมาของการจัดงานวันครู   ในปี ๒๔๙๙ จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศ ถึงความคิดที่จะกำหนดให้ มีวันครู และเป็นการสอดคล้องกับความคิดเห็นของครูโดยทั่วไป   ดังนั้น ในวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๙ คณะรัฐมนตรี ได้มีมติกำหนดให้ วันที่ ๑๖ มกราคม ของทุกปี ซึ่งตรงกับวันที่ประกาศ พระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๘ เป็น "วันครู"   วันครูได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๐ สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุ เบกษาในปีพ.ศ. ๒๔๘๘ ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการ เรียกว่า “คุรุสภา” เป็นนิติบุคคล ให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครู ในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษาแก่กระทรวงศึกษาธิการ ควบคุมจรรยา และวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครู และครอบครัว ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู   ในทุกปี คุรุสภาได้ให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่าน มา และซักถามข้อข้องใจต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภา มีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัย   หอสมุดขอร่วมเชิดชู และรำลึกในพระคุณครู เนื่องในวันครู ซึ่งหากไม่มีคุณครูแล้ว อาจจะไม่มีพวกเราหลายคน ที่เติบโตอย่างสมบูรณ์ พร้อมด้วยวิชาความรู้ ที่ถูกอบรมมาได้จนวันนี้   อ้างอิง ธนากิต. วันสำคัญของไทย. กรุงเทพฯ: ชมรมเด็ก, ๒๕๔๑. สุภักดิ์ อนุกูล. วันสำคัญของไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพฯ: ทิพยวิสุทธิ์, ๒๕๓๗. บุญเอื้อ รัตนางกูร. วันสำคัญของไทย. กรุงเทพฯ: ไพลิน, ๒๕๕๕.   จัดทำโดย พัชมณ ศรีสัตย์รสนา บรรณารักษ์ชำนาญการ


สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฺฐาน) ชบ.บ 154/7เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


มงฺคลตฺถทีปนี (มงฺคลตฺถทีปนีเผด็จ) ชบ.บ 181/13เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)


-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ : (ข่าว) ย้ายจังหวัดพิจิตร -- การศึกษาเนื้อหาของหนังสือพิมพ์ในสมัยก่อน อันเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารจดหมายเหตุชุดต่างๆ นอกจากจะทำให้ทราบถึงมุมมองและแนวคิดต่อประเด็นต่างๆ ของคนยุคนั้นแล้ว บางครั้งข่าวในหนังสือพิมพ์ยังเปิดเผยให้เห็นถึงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องสำคัญในท้องถิ่นที่อาจไม่พบในแหล่งข้อมูลอื่นในปัจจุบัน ดังเช่นการเตรียมย้ายจังหวัดพิจิตรไปตั้งที่ตะพานหินในสมัยรัชกาลที่ 7 ซึ่งปรากฏอยู่ในเอกสารชุดกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 7 กระทรวงมหาดไทย ดังนี้. รายงานข่าวจากหนังสือพิมพ์เสียงสยาม ฉบับวันที่ 2 กรกฎาคม 2472 ระบุว่า ผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ไปที่จังหวัดพิจิตร และได้ยินคำบอกเล่าจากชาวบ้านว่า ทางราชการจะย้ายจังหวัดพิจิตรไปตั้งที่สถานีรถไฟตะพานหิน ซึ่งเป็นชุมทางสำคัญที่จะเดินทางไปยังจังหวัดเพชรบูรณ์ เพราะในขณะนั้นกรมทางกำลังดำเนินการก่อสร้างถนนจากตะพานหินไปเพชรบูรณ์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนขึ้น ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปยังตะพานหิน (ขณะนั้นยังเป็นแค่หมู่บ้านหนึ่งในเขตอำเภอท่าหลวง (อำเภอเมืองพิจิตร) – ผู้เขียน) ได้ความจากชาวตลาดตะพานหินว่า ข่าวการย้ายจังหวัดเป็นข่าวจริง โดยอ้างว่ามีข้าราชการในจังหวัดหลายคนเที่ยวหาซื้อที่ดินในตำบลตะพานหิน ทำให้ที่ดินมีราคาสูงถึงไร่ละ 400 บาท ส่วนการสืบข่าวจากหน่วยงานราชการนั้น ได้ข่าวมาจากทางมณฑลพิษณุโลกว่า เทศาภิบาลได้เสนอไปยังกระทรวงมหาดไทย ขอโอนเงินที่จะใช้ซ่อมศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์มาซ่อมศาลากลางจังหวัดพิจิตรที่ชำรุดทรุดโทรมกว่า และเสนอความเห็นว่าควรย้ายไปสร้างศาลากลางจังหวัดพิจิตรที่สถานีตะพานหิน แต่ก็สืบความเพิ่มเติมไม่ได้ นอกจากนี้รายงานข่าวยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า เรื่องการย้ายจังหวัดพิจิตรนั้น เทศาภิบาลคนก่อนๆ ก็เคยมีแนวคิดแบบนี้เช่นเดียวกัน แต่เรื่องก็เงียบหายไป. หนังสือพิมพ์เสียงสยามได้ให้ทรรศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า ไม่เห็นด้วยที่จะย้ายจังหวัดไปที่ตะพานหิน เพราะบริเวณสถานีตะพานหินเป็นที่ลุ่ม ในฤดูน้ำหลากน้ำจะท่วมสูง ต้องถมดินให้สูงถึง 8 ศอก ถึงจะพ้นน้ำท่วมได้ ประกอบกับการย้ายจังหวัดนั้นจะต้องย้ายสถานที่ราชการสำคัญรวมถึงบ้านพักของข้าราชการจำนวนมาก ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายจำนวนไม่น้อย ควรนำเงินจำนวนนี้ไปพัฒนาจังหวัดพิจิตรที่ตั้งอยู่ในปัจจุบันให้มีความเจริญมากขึ้นจะดีกว่า ส่วนที่สถานีตะพานหินนั้น หากจะทำให้เจริญได้ก็ควรจะตั้งกองตำรวจและกิ่งอำเภอหรือตัวอำเภอขึ้นที่นั่น ทั้งนี้ ถ้าทางกระทรวงมหาดไทยดำริที่จะย้ายจังหวัดจริงๆ ก็ควรจะกราบบังคมทูลขอให้ประกาศพระราชกฤษฎีกา เพื่อประหยัดรายจ่ายค่าที่ดินได้ส่วนหนึ่ง และควรจะต้องตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจภูมิประเทศของพื้นที่ที่จะสร้างจังหวัดใหม่ว่าเหมาะสมกว่าที่เดิมหรือไม่. อย่างไรก็ตาม ข่าวการย้ายจังหวัดพิจิตรนั้นเป็นเพียงกระแสข่าวที่ไม่มีการยืนยันชัดเจน และที่สุดแล้วก็ไม่มีการย้ายจังหวัดใดๆ จนถึงปัจจุบัน สำหรับบ้านตะพานหินนั้น ภายหลังได้มีการจัดตั้งกิ่งอำเภอตะพานหินเมื่อปี พ.ศ. 2479 แล้วยกฐานะขึ้นเป็นอำเภอในเวลาต่อมาผู้เขียน: นายธัชพงศ์ พัตรสงวน (นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา)เอกสารอ้างอิง : สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ. เอกสารกรมราชเลขาธิการ รัชกาลที่ 7 กระทรวงมหาดไทย ร.7 ม 26.5 ก/31 เรื่อง จังหวัดพิจิตร [ 9 มิ.ย. 2471 – 13 ก.ย. 2472 ].“ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องตั้งกิ่งอำเภอตะพานหิน.” (2479). ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 53, ตอน ง (24 มกราคม): 2715.  #จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ


ชื่อผู้แต่ง         - ชื่อเรื่อง          อนุสรณ์ในการรับพระราชทานเพลงศพ นายอะนะ รมยานนท์ ณ เมรุหน้าพลับพลา     อิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๒๓  เมษายน พ.ศ ๒๕๒๓ ครั้งที่พิมพ์      - สถานที่พิมพ์   กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์     โรงพิมพ์การรถไฟฯ ปีที่พิมพ์          ๒๕๒๓ จำนวนหน้า     ๑๕๗ หน้า หมายเหตุ       อนุสรณ์ในการรับพระราชทานเพลงศพ นายอะนะ รมยานนท์ ณ เมรุหน้าพลับพลา     อิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ ๒๓  เมษายน พ.ศ ๒๕๒๓                        หนังสืออนุสรณ์ในการรับพระราชทานเพลงศพ นายอะนะ รมยานนท์ ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส เล่มนี้ได้รวบรวมเรื่องราวที่สอดคล้องกับปณิธานของผู้วายชนม์ ซึ่งเป็นผู้ยึดมั่นในศาสนา รักงาน รักการศึกษา จึงได้ไปกราบเรียนเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรวัดบวรนิเวศวิหาร ของประธานธรรม เป็นเรื่องนำต่อการเรื่องการรถไฟแห่งประเทศไทย อันเป็นงานในหน้าที่ของผู้วายชนม์ บทความเกี่ยวกับการศึกษา เป็นต้น




โบราณสถานวัดป่ามะม่วง .          เป็นวัดที่ตั้งอยู่นอกกำแพงเมืองสุโขทัยทางด้านทิศตะวันตก หรือที่เรียกว่าเขตอรัญญิก สิ่งก่อสร้างภายในวัดประกอบไปด้วย ฐานเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ซึ่งองค์ระฆังได้ชำรุดหักหายไปแล้ว ฐานโบสถ์ก่อด้วยอิฐ และเจดีย์รายก่อด้วยอิฐกระจายอยู่ทั่วไปจำนวน ๑๒ องค์ ล้อมรอบเจดีย์ประธานและเจดีย์รายด้วยกำแพงแก้วก่ออิฐ ทำลักษณะคล้ายซี่ลูกกรง         วัดป่ามะม่วงแห่งนี้สันนิษฐานว่าเป็นวัดป่ามะม่วงที่ถูกกล่าวถึงในจารึกหลายหลัก ซึ่งระบุว่าสร้างในปี พ.ศ.๑๙๑๔ โดยพระมหาธรรมราชาที่ ๑ (พญาลิไท) เพื่อเป็นวัดสำหรับพระมหาสามีสังฆราช ผู้ที่เรียนจบพระไตรปิฎกจากลังกาทวีป ที่ทรงให้บัณฑิตไปอาราธนาจากเมืองพัน และข้อความในจารึกเป็นการกล่าวถึงเรื่องราวต่างๆ ของพระองค์ ตั้งแต่ยังทรงครองเมืองศรีสัชนาลัย ได้เสด็จมาปราบจลาจลที่เมืองสุโขทัย และปราบดาภิเษกขึ้นเป็นกษัตริย์ที่เมืองสุโขทัย และยังเล่าเรื่องที่พญาลิไททรงเสด็จออกผนวช และประทับ ณ วัดป่ามะม่วงแห่งนี้          จารึกวัดป่ามะม่วงพบทั้งสิ้น ๔ หลัก แต่ที่พบในบริเวณวัดป่ามะม่วงมีเพียง ๑ หลัก คือ ศิลาจารึกวัดป่ามะม่วงภาษาบาลี (หลักที่ ๖) ในส่วนอีกสามหลักถูกเคลื่อนย้ายไปจากที่เดิม ได้แก่ ศิลาจารึกวัดป่ามะม่วงภาษาเขมร (หลักที่ ๔) ศิลาจารึกวัดป่ามะม่วงภาษาไทย (หลักที่ ๕) และ ศิลาจารึกวัดป่ามะม่วงภาษาไทย (หลักที่ ๗).         เอกสารอ้างอิง- อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย กรมศิลปากร. “การศึกษาทางโบราณคดีเพื่อจัดลำดับอายุสมัยของแหล่งศิลปกรรมเมืองสุโขทัย ปีงบประมาณ ๒๕๖๑” โครงการการศึกษาทางโบราณคดีเพื่อจัดลำดับอายุสมัยของแหล่งศิลปกรรมเมืองสุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย สำนักศิลปากรที่ ๖ สุโขทัย กรมศิลปากร.- อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย กรมศิลปากร. ทำเนียบโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช ๒๕๖๑. พิมพ์ครั้งที่ ๒. สุโขทัย : อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย กรมศิลปากร, ๒๕๖๑.


เลขทะเบียน : นพ.บ.419/2ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 52 หน้า ; 4 x 54 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา มีฉลากไม้ชื่อชุด : มัดที่ 149  (86-89) ผูก 2 (2566)หัวเรื่อง : สังฮอมธาตุ--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


เลขทะเบียน : นพ.บ.557/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 14 หน้า ; 4 x 55 ซ.ม. : ชาดทึบ-รักทึบ-ลานดิบ-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 182  (311-323) ผูก 1 (2566)หัวเรื่อง : ธรรมเล่มหลวง--เอกสารโบราณ            คัมภีร์ใบลาน            พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


ชื่อเรื่อง : ประชุมลำนำ ประมวลตำรากลอนกานต์ โคลงฉันท์ รองอำมาตย์เอกหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก) รวบรวมเรียบเรียงโดย รับสั่งสภานายกหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนคร คณะกรรมการจัดพิมพ์เอกสารทางประวัติศาสตร์ สำนักนายกรัฐมนตรีชื่อผู้แต่ง : สำนักนายกรัฐมนตรี ปีที่พิมพ์ : 2514 สถานที่พิมพ์ : พระนคร สำนักพิมพ์ : สำนักทำเนียบนายกรัฐมนตรีจำนวนหน้า : 460 หน้า สาระสังเขป : หนังสือประชุมลำนำฯ เล่มนี้ จุดประสงค์เพื่อรักษาตำรากลอนไว้ให้เป็นแบบฉบับแก่ผู้ที่สนใจโดยทั่วไป ตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้าย นอกจากเต็มไปด้วยคุณค่าทางวิชาการฉันทศาสตร์แล้ว ยังเป็นการเอาต้นบัญญัติกานต์กลอน อันเป็นลำนำที่นิยมร้องรำทำเพลงกันอยู่ แต่โบราณมาเขียนไว้ให้เป็นหลักฐานอีกด้วย จากบัญญัติฉันทลักษณ์และบัญญัติกานต์กลอนแต่ละบท ทำให้ผู้ศึกษาได้ทราบถึงปรีชาสามารถของบุรพาจารย์ผู้เป็นต้นตระกูลของเราเป็นอย่างดี แม้จนกระทั่งบทกล่อมเด็กที่เราเคยได้ยินผู้ปกครองของเราเห่กล่อมสมัยเป็นเด็กก็มีกล่าวถึง จึงนับเป็นหนังสือที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์ต่อครูบาอาจารย์และนักเรียนนักศึกษาจะใช้ประกอบในการศึกษาเรียนรู้อย่างสำคัญ พร้อมทั้งประวัติของท่านรองอำมาตย์เอกหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก) ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเรียบเรียง ได้พิมพ์ไว้ในเล่มนี้แล้ว




สิงห์โตสุริยาอารักษ์.  ประวัติและดวงชาตา ๑๑นายกรัฐมนตรีเมืองไทย.  พระนคร: รวมสาส์น, ๒๕๑๕.           ว่าด้วยเรื่องประวัติและดวงชะตาของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ๑๑ ท่าน นับตั้งแต่ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ ถึง พ.ศ. ๒๕๑๕ ได้แก่ นายกรัฐมนตรีคนที่ ๑ พระยามโนปกรณนิติธาดา คนที่ ๒ พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา คนที่ ๓ จอมพล แปลก พิบูลสงคราม คนที่ ๔ พันตรี ควง อภัยวงศ์ คนที่ ๕ นายทวี บุณยเกตุ คนที่ ๖ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช คนที่ ๗ นายปรีดี พนมยงค์ คนที่ ๘ พลเรือตรี ถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ คนที่ ๙ นาย พจน์ สารสิน คนที่ ๑๐ จอมพล ถนอม กิตติขจร และ คนที่ ๑๑ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ โดยผู้เขียนได้รวบรวม ศึกษาค้นคว้าจากแหล่งต่างๆ เช่น ผู้รู้แขนงต่างๆ หนังสือพิมพ์ หนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีจำนวน ๑๑ ท่าน 


black ribbon.