วัดพระธาตุเชิงชุม วรวิหาร



วัดพระธาตุเชิงชุม วรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๑๒๕๕ ตำบลพระธาตุเชิงชุม อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย วัดพระธาตุเชิงชุมเป็นปูชนียสถานเก่าแก่มาช้านาน โดยบริเวณที่ตั้งของวัดแห่งนี้น่าจะเป็นบ้านเมืองอยู่ก่อนแล้ว และจากหลักฐานทางโบราณคดีคือ สถูปภายในองค์พระธาตุเชิงชุม ซึ่งมีลักษณะ คล้ายปราสาทหิน และจารึกบริเวณกรอบประตูทางเข้าสันนิษฐานว่าปูชนียสถานแห่งนี้คงสร้างขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ - ๑๘ แต่ราวพุทธศตวรรษที่ ๒๒ เป็นต้นมา หลังจากที่อาณาจักรล้านช้างเข้ามามีอิทธิพลเหนือดินแดนบริเวณนี้ได้นำพุทธศาสนาเข้ามาเผยแผ่ด้วย นอกจากนี้ สถานะของศาสนสถานในพุทธศาสนาดังกล่าว ยังปรากฏร่องรอยอยู่ในตำนานสำคัญของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ “อุรังคธาตุนิทาน” (ตำนานพระธาตุพนม) ว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ประทับรอยพระบาทของพระพุทธเจ้ามาแล้ว ๓ พระองค์ คือ พระกกุสันโธ พระโกนาคม และพระกัสสปะ
ครั้นถึงยุคศาสนาของพระสมณโคดม พระพุทธเจ้าก็เสด็จมา ณ บริเวณหนองหานหลวงและประทับรอยพระพุทธบาทดังเช่นอดีตพระพุทธเจ้า พระยาสุวรรณภิงคาร เจ้าเมืองหนองหานหลวง จึงก่อพระธาตุครอบรอยพระพุทธบาทไว้ และเรียกว่า “ธาตุเชิงชุม”
ซึ่งคำว่า “เชิงชุม” แปลตามศัพท์ว่าตีนมาก ในที่นี้
หมายถึง มีรอยพระพุทธบาทมาก และจากตำนานดังกล่าวยังแสดงให้เห็นว่าสถานที่นี้เคยเป็นปูชนียสถานสำคัญของอาณาจักรล้านช้างมาก่อนที่จะมีบันทึกเรื่อง“ตำนานอุรังคธาตุนิทาน” คือ สมัยที่พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในอาณาจักร ล้านช้าง สันนิษฐานว่าอยู่ในช่วงก่อนรัชกาลสมเด็จพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช (พ.ศ. ๒๐๙๓ - ๒๑๑๕)
อย่างไรก็ตาม ในพุทธศตวรรษที่ ๒๓ ขณะที่อาณาจักรล้านช้างเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายจากการแย่งชิงราชสมบัติ ได้มีผู้คนอพยพจากเมืองเวียงจันทน์มาตามลำน้ำโขง โดยบางส่วนอพยพ
มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บริเวณ “หนองหานพระเจดีย์เชียงชุม” ซึ่งน่าจะเป็นที่ตั้งของศาสนสถานแห่งนี้ และครั้งนั้นคงเรียกขานว่า “พระเจดีย์เชียงชุม”
ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดให้ยกบ้านธาตุเชิงชุมขึ้นเป็นเมือง เรียกว่า “เมืองสกลทวาปี” สันนิษฐานว่าในช่วงเวลานี้ ที่อุปฮาดเมืองกาฬาสินธุ์อพยพผู้คนมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านธาตุเชิงชุมและสร้างวัดขึ้น ถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้พระยาประจันตประเทศธานี (โง่นคำ พรหมสาขา ณ สกลนคร) เป็นเจ้าเมืองสกลนคร เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๐ ในยุคนี้ มีการเปลี่ยนนามวัดว่า “วัดธาตุศาสดาราม”
อย่างไรก็ตาม ใน พ.ศ. ๒๔๔๙ เมื่อครั้งที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ขณะยังดำรงพระยศเป็น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ได้เสด็จไปตรวจราชการภาคอีสาน และเสด็จถึงเมืองสกลนคร ทรงเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดพระธาตุเชียงชุม”
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ ได้มีการขอเปลี่ยนชื่อวัดเป็น
“วัดพระธาตุเชิงชุม” ต่อมา พ.ศ. ๒๕๐๐ รัฐบาลกำหนดจัดงานฉลอง ๒๕ พุทธศตวรรษ และจัดสรรงบประมาณดำเนินการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระธาตุเชิงชุม อาทิ องค์พระธาตุเชิงชุม พระวิหาร พระอุโบสถ ตลอดจนเสนาสนะอื่น ๆ ดังปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบัน
จากความสำคัญนับตั้งแต่อดีต วัดพระธาตุเชิงชุม จึงได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิด “วรวิหาร” นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๖ เป็นต้นมา
โดยในปัจจุบัน องค์พระธาตุเชิงชุมแห่งวัดพระธาตุเชิงชุม วรวิหาร ถือเป็นปูชนียสถานสำคัญของจังหวัดสกลนคร และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วสารทิศเดินทางไปนมัสการเพื่อความเป็นสิริมงคลอยู่เสมอ
ค้นคว้าเรียบเรียงโดย
นายวสันต์ ญาติพัฒ
นักอักษรศาสตร์ปฏิบัติการ
กลุ่มจารีตประเพณี สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร
ที่มาภาพ:
ThailandTravel
บรรณานุกรม:
กนกวลี สุริยะธรรม และยุทธนาวรากรแสงอร่าม. ร้อยรอยเก่าสกลนคร. กรุงเทพฯ: รุ่งศิลป์
การพิมพ์(๑๙๗๗),
๒๕๕๕.
ธวัช ปุณโณทก. “เชิงชุม : พระธาตุ, วัด.” สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน ๔ (๒๕๔๒): ๑๑๒๙
- ๑๑๓๓.
_______. “เชิงชุม, พระธาตุ : ศิลปกรรม.” สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน ๔ (๒๕๔๒): ๑๑๓๓ -
๑๑๓๗.
_______. “องค์แสน (สกลนคร), พระเจ้า.” สารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคอีสาน ๑๕ (๒๕๔๒): ๕๑๕๗
- ๕๑๕๙.
ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา. เอกสารเสด็จตรวจราชการกระทรวง
มหาดไทย ร.ศ. ๑๑๙ - ๑๓๑ (พ.ศ. ๒๔๔๓ - ๒๔๕๕). กรุงเทพฯ: สำนักวรรณกรรม
และประวัติศาสตร์, ๒๕๖๔.
เบญจพร คล้ายเกตุ. รอยพระพุทธบาทที่พระธาตุเชิงชุม. เข้าถึงเมื่อ ๖ สิงหาคม ๒๕๖๘. เข้าถึงได้จาก
https://www.finearts.go.th/.../03/detail_file/k6CgJMEv5I3WKm
2faTvWF3aiyNqK4PrvLE3iPyKg.pdf
“ประกาศกรมศิลปากร กำหนดจำนวนโบราณสถานสำหรับชาติ.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๕๒
(๘ มีนาคม ๒๔๗๘): ๓๖๗๙ - ๓๗๑๗.
“ประกาศกรมศิลปากร เรื่อง กำหนดเขตที่ดินโบราณสถาน.” ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๙ ตอนที่ ๑๕๕
(๒๑ ตุลาคม ๒๕๒๕): ๓๐.
พจนวราภรณ์เขจรเนตร. ปาทวลัญชังเจติยานุสรณ์. เชียงใหม่: วนิดาการพิมพ์, ๒๕๖๓.
พิมพ์พรรณ ไพบูลย์หวังเจริญ และคนอื่นๆ, บรรณาธิการ. จดหมายเหตุการบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุ
เชิงชุมจังหวัดสกลนคร พุทธศักราช ๒๕๕๗. กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง,
๒๕๕๗.
พิเศษ เจียจันทร์พงษ์. “บทนำ.” ใน อุรังคธาตุ (ตำนานพระธาตุพนม), ๓๕ - ๕๙. กรุงเทพฯ:
กรมศิลปากร, ๒๕๖๓.


จำนวนผู้เข้าชม 173 คน
Star vote. Star vote. Star vote. Star vote. Star vote.

black ribbon.