ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,749 รายการ

ข้าราชการสำนักการสังคีต กรมศิลปากร จำนวน ๓ ราย ได้รับอนุมัติให้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ณ สมาพันธรัฐสวิส เพื่อเดินทางไปประสานงานและสำรวจสถานที่ศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดการแสดงนาฏศิลป์และดนตรี เพื่อวางแผนการดำเนินงานกิจกรรมโขน ๔ ทวีป ในปีงบประมาณ ๒๕๖๙


        กรมศิลปากร ขอเชิญรับชมถ่ายทอด Facebook Live รายการไขความรู้จากครูกรมศิลป์ ตอน “หลักเขตแดนกรุงสยาม - กรุงกัมพูชา” วิทยากร นางสาววัชรี ชมภู ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ผู้ดำเนินรายการ นายสิทธิพร บุปผา นักวิชาการเผยแพร่ กลุ่มเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ในวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ เวลา ๑๑.๐๐ – ๑๑.๔๕ น. ผู้สนใจสามารถติดตามชมได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม และ Facebook Live : กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร         รายการ “ไขความรู้จากครูกรมศิลป์” มีรูปแบบเนื้อหาของรายการเกี่ยวกับประวัติความเป็นไทย เกร็ดประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวันสำคัญ ประเพณี วัฒนธรรม วีถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ผ่านการบอกเล่า ถ่ายทอดความรู้ แนวความคิด เนื้อหาวิชาการ จากประสบการณ์ของผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากร กำหนดถ่ายทอดสดผ่านเฟสบุ๊กไลฟ์ (Facebook Live) ทุกวันพฤหัสบดี เวลา ๑๑.๐๐ น. ตลอดปีงบประมาณ ๒๕๖๙ ระหว่างเดือนตุลาคม ๒๕๖๘ - กันยายน ๒๕๖๙  


        หอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญชมละครโทรทัศน์ ย้อนวันวานละครไทยในอดีต ในวันศุกร์ เวลา 13.30 น. ณ ห้องจัดแสดง ชั้น 2 หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สำหรับวันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2568 นี้ รับชมละครโทรทัศน์ ปากกาทอง ตอน “ลูกเมียเก่า” บทประพันธ์ โดย พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ (รับจำนวนจำกัด 100 ที่นั่ง) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2280 9828 - 32 สามารถติดตามข้อมูลกิจกรรมต่าง ๆ ของหอสมุดแห่งชาติ ได้ทาง Facebook : National Library of Thailand https://www.facebook.com/NationalLibraryThailand  



วันจันทร์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ นายทศพร ศรีสมาน ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการสำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา เข้าร่วมพิธีตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง และพิธีวางพวงมาลาเนื่องในวันนวมินทรมหาราช ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา ข้าพระพุทธเจ้า ผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ สำนักศิลปากรที่ ๑๐ นครราชสีมา น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตราบนิจนิรันดร์ ด้วยทรงส่งเสริมการอนุรักษ์โบราณสถาน โบราณวัตถุ เเละเอกสารโบราณ ให้ก้าวหน้าตลอดรัชสมัย


วันจันทร์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๘ นางสาววารุณี วิริยะชูศรี บรรณารักษ์ เข้าร่วมพิธีวันนวมินทรมหาราช พิธีสวดพระพุทธมนต์และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล ณ ห้องนิทรรศการ ๑ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา จังหวัดเชียงใหม่


กระทรวงวัฒนธรรมชี้แจงเหตุการณ์ “พระธาตุโนนตาล” พังทลาย - เร่งบูรณะฟื้นฟูคืนคุณค่ามรดกทางวัฒนธรรมอีสาน         กระทรวงวัฒนธรรม โดย นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยถึงกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชนเกี่ยวกับเหตุการณ์ พระธาตุโนนตาล โบราณสถานเก่าแก่ในพื้นที่บ้านธาตุ หมู่ 9 ตำบลโนนตาล อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม พังทลายลงทั้งองค์ เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2568 ว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้รับรายงานเบื้องต้นจาก กรมศิลปากร ซึ่งได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบทันที พร้อมประสานทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในขั้นตอนเร่งด่วนทั้งด้านการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ การเก็บรวบรวมวัตถุโบราณ และการวางแนวทางฟื้นฟูบูรณะองค์พระธาตุให้กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยเร็วที่สุด         นางสาวซาบีดา กล่าวว่า พระธาตุโนนตาลถือเป็นโบราณสถานที่มีอายุเก่าแก่กว่า 121 ปี มีความสำคัญยิ่งต่อชุมชนและชาวจังหวัดนครพนม เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ และเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สะท้อนความศรัทธาและภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวอีสาน โดยกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้เป็นโบราณสถานที่สำคัญของชาติ         ก่อนเกิดเหตุ กรมศิลปากรได้สำรวจพบว่าองค์พระธาตุมีรอยร้าวซึ่งน่าจะมีผลต่อโครงสร้าง จึงได้ดำเนินการเสริมความมั่นคงชั่วคราวไว้ก่อน และในปีงบประมาณนี้ กรมศิลปากรได้รับงบประมาณเพื่อบูรณะซ่อมแซมองค์พระธาตุ โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งจัดพิธีบวงสรวงเพื่อเริ่มต้นการดำเนินงานและติดตั้งนั่งร้านเตรียมการบูรณะ อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาได้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภายในองค์พระธาตุมีความชื้นสะสมและอุ้มน้ำจำนวนมาก จนเกิดการพังทลายลงก่อนที่จะเริ่มกระบวนการบูรณะอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับโบราณสถานเก่าแก่ในหลายพื้นที่เช่นเดียวกัน         ภายหลังเกิดเหตุ กรมศิลปากรได้ประสานให้อำเภอท่าอุเทนและฝ่ายปกครองท้องถิ่นเข้าดำเนินการเบื้องต้นทันที โดยได้ลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจ กั้นพื้นที่บริเวณโดยรอบเพื่อป้องกันอันตรายและมิให้ผู้ใดเข้าไปเคลื่อนย้ายสิ่งของจากซากพระธาตุ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เวรยามดูแลความเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด จากนั้นในเวลา 16.00 น. สำนักศิลปากรที่ 9 อุบลราชธานี ได้จัดประชุมชี้แจงร่วมกับวัดพระธาตุ หน่วยงานท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่ เพื่อสร้างความเข้าใจและวางแนวทางดำเนินงานร่วมกัน โดยมีการประสานเจ้าหน้าที่จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติร้อยเอ็ด เข้าร่วมสำรวจและเก็บรวบรวมวัตถุโบราณที่อยู่ภายในซากพระธาตุทั้งหมด         นอกจากนี้ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครพนมได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ร่วมกับอำเภอท่าอุเทน และสำนักศิลปากรที่ 9 เพื่อรายงานผลการดำเนินงานต่อกระทรวงวัฒนธรรมอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน กรมศิลปากรได้เริ่มกระบวนการสำรวจความเสียหายโดยละเอียด เพื่อจัดทำแบบแปลนการบูรณะใหม่ตามรูปแบบเดิม โดยมีแนวทางใช้กรอบงบประมาณเดิมที่ได้รับในปีนี้ประกอบกับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมในปี 2570 เพื่อดำเนินการบูรณะให้แล้วเสร็จอย่างสมบูรณ์และคงคุณค่าทางประวัติศาสตร์และศิลปกรรมไว้ครบถ้วน โดยอาศัยแนวทางที่เคยใช้ในการบูรณะพระธาตุพนม         รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมกล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นความสูญเสียทางจิตใจของพี่น้องประชาชนชาวนครพนมและชาวไทยทั้งประเทศ แต่ในขณะเดียวกัน ก็สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์โบราณสถานและมรดกทางวัฒนธรรมที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน และประชาชนทั่วไป กระทรวงวัฒนธรรมจะเร่งดำเนินการทุกขั้นตอนด้วยความรอบคอบ โปร่งใส และเคารพต่อคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เพื่อให้การบูรณะพระธาตุโนนตาลครั้งนี้เป็นแบบอย่างของการฟื้นฟูมรดกวัฒนธรรมที่ยั่งยืน         “ดิฉันขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอยืนยันว่ากระทรวงวัฒนธรรมจะเร่งฟื้นฟูพระธาตุโนนตาลให้กลับมาเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนดังเดิม พร้อมส่งเสริมให้พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางศิลปวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญของภาคอีสานต่อไป” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวในตอนท้าย


สมัยพระเจ้าสามฝั่งแกน พระมหากษัตริย์แห่งล้านนา พระองค์ที่ ๘ แห่งราชวงศ์มังราย ผู้เป็นรัชทายาทสืบพระราชสมบัติ ซึ่งในขณะนั้นพระเจ้าสามฝั่งแกนนั้นยังทรงพระเยาว์อยู่มาก พระมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่า “พระนางติโลกจุฑาราชเทวี” พระนางทรงทรงดำเนินการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ เป็นเวลา ๔ ปี เมื่อปี พ.ศ. ๑๙๕๕ ในวันเพ็ญ เดือน ๑๐ สำเร็จเป็นเจดีย์โดยสมบูรณ์ พระนางติโลกจุฑาเทวีพร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ สมณะ ชี พราหมณ์ อุบาสก อุบาสิกา ร่วมทำพิธียกฉัตรยอดมหาเจดีย์อันสร้างด้วยทองคำหนัก ๘,๙๐๒ เสี้ยวคำ ทั้งเอาแก้วสามดวงชุมนุมกันใส่ยังยอดมหาเจดีย์นั้นไว้ ส่วนสูงนับแต่ธรณีถึงยอด ๓๙ วา มหายอดเจดีย์นั้นกว้าง ๒๐ วาในทุกด้าน  พระมหาเจดีย์ประดับไปด้วยซุ้มประตูทั้ง ๔ ด้าน มีพระพุทธรูปใหญ่นั่งสมาธิ ทั้ง ๔ ด้าน มีรูปนาค ๘ ตัวๆ ๕ หัว อยู่ใน ๒ ข้างบันได มีราชสีห์ ๔ ตัว ยืนค้ำตีนชายปราสาท มีรูปช้างรอบพระธาตุเจดีย์หลวง ๒๘ เชือก ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๐๒๒ ตรงกับจุลศักราช ๘๔๐ ปีจอ พระเจ้าติโลกราช ทรงวางดินเป็นปฐมฤกษ์ โดยพระองค์โปรดให้ปฏิสังขรณ์พระธาตุเจดีย์หลวงจากแบบเดิมให้ใหญ่ขึ้น พระองค์ทรงโปรดให้หมื่นด้ำพร้าคต พร้อมด้วยคณะช่างเขียนไปถ่ายแบบโลหะปราสาท และรัตนมาลีเจดีย์ ณ เมืองลังกา ประเทศอินเดีย เพื่อดูพระเจดีย์ที่มีลักษณะรูปทรงงาม และมีลักษณะแปลกกว่าองค์อื่นๆ แล้วกลับมาปฏิสังขรณ์กุฏิมหาธาตุ หรือเจดีย์ลักษณะบุราคม คือเจดีย์หลวง กลางเวียงเมืองเชียงใหม่ ครั้นแล้วเสร็จทรงบรรจุพระบรมธาตุ ซึ่งนำมาจากทวีปลังกา เพื่อมาไว้ในมหาสถูป แล้วหุ้มทองจังโกพระเจดีย์ โดยมีฐานกว้างประมาณด้านละ ๒๘ วา และสูงประมาณ ๔๕ วา มีพระพุทธรูปใหญ่สร้างด้วยปูนนั่งสมาธิอยู่ ณ โขงไม้มหาโพธิ์ อยู่ภายในซุ้มทั้งสี่ด้าน มีบันไดทั้งสี่ด้านเป็นรูปพญานาคอยู่ ๘ ตัวๆ ละ ๕ หัว มีราชสีห์ ๔ ตัว ยืนค้ำตีนชายประสาท มีรูปช้าง ๒๘ ตัวอยู่รอบๆ องค์พระเจดีย์ก่อสร้างแล้วเสร็จในปีพ.ศ. ๒๐๒๔ ตรงกับจุลศักราช ๘๔๓ นับเป็นเวลา ๓ ปี นอกจากนี้พระเจ้าติโลกราช โปรดให้หมื่นด้ำพร้าคต สร้างพญาช้างทั้ง ๘ เชือกไว้ตุ้มตีนปราสาท และได้มีการตั้งชื่อให้เฉพาะ พร้อมสวาดธิยายมนต์ทั้งหลายใส่ แล้วใส่ยันตรเพทในหัวช้างทั้ง ๘ เชือก ซึ่งชื่อพญาช้างทั้ง ๘ เชือก ล้อมพระธาตุเจดีย์หลวง จะนับตามลำดับตั้งแต่พญาช้างเชือกแรกทางทิศอีสาน (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) ถือว่าเป็นชัยภูมิเมืองเชียงใหม่ แล้วเวียนมาตามทางทิศตะวันออก การสร้างรูปปั้นพญาช้างที่อยู่ล้อมพระธาตุเจดีย์หลวง เพื่อเป็นการส่งเสริมกำลังเมืองในทางด้านไสยศาสตร์ทำให้บ้านเมืองมีความแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยทำพิธีบวงสรวงสักการะพญาช้างทั้ง ๘ เชือก เนื่องจากมีความเชื่อว่าจะทำให้เกิดสวัสดิมงคล นำความสงบสุขมาสู่บ้านเมือง ศัตรูทั้งหลายไม่กล้าเข้ามารุกรานย่ำยีเมืองได้ สำหรับความหมายของชื่อพญาช้าง เป็นนามที่มีพลังอำนาจก่อเกิดเดชานุภาพ อิทธิฤทธิ์ ข่มขู่บดบัง ขวางกั้น กำจัด ปราบปรามอริราชศัตรูที่จะเข้ามารุกรานให้แพ้ภัยแตกพ่ายหนีไปเองมีความหมายดังต่อไปนี้ ๑. เหตุที่พญาช้างชื่อ “เมฆบังวัน” หรือ “เมกฆะบังวัน” ด้านทิศอีสาน (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อศัตรูยกพลเสนามารุกราน ล่วงล้ำเข้ามาในเขตพระราชอาณาจักร ทั้ง ๔ ทิศ หรือ ๘ ทิศก็ตาม จะเกิดอาเพศท้องฟ้ามืดมิดด้วยเมฆหมอกปกคลุม ธรรมชาติวิปริตแปรปรวน น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ทำให้ผู้รุกรานหวาดผวาภัยพิบัติตกใจกลัวแตกพ่ายหนีไป ๒. เหตุที่พญาช้างชื่อ “ข่มพลแสน” ด้านทิศอุดร (ทิศเหนือ) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อผู้รุกรานยกทัพเข้ามาใกล้ แม้จะมีพลโยธาทหารกล้าเรือนแสน ก็จะเกิดอาการมึนเมาลืมหลง ไม่อาจครองสติยับยั้งอยู่ได้ ต้องระส่ำระส่ายแตกพ่ายหนีไป ๓. เหตุที่พญาช้างชื่อ “ดาบแสนด้ำ” หรือ “ดาบแสนด้าม” ด้านทิศพายัพ (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อข้าศึกศัตรูผู้รุกรานเข้ามา แม้จะมีกำลังพลมากมาย มีศาตรา มีด พร้า ด้ามคมเป็นแสนเล่มมาประจญ ก็ไม่อาจเข้าใกล้ทำร้ายได้ มีแต่จะเกิดความหวาดหวั่นขาดกลัวแตกพ่ายหนีไปหมดสิ้น ๔. เหตุที่พญาช้างชื่อ “หอกแสนคัน” หรือ “หอกแสนลำ” ด้านทิศประจิม (ทิศตะวันตก) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อข้าศึกศัตรูผู้รุกรานเข้ามา แม้จะมีกำลังพลกล้าหาญมากมาย มีศาสตราอันคมยาวหอกเป็นแสน ก็ไม่อาจเข้ามาราวีได้ จะต้องแตกพ่ายหนีไป ๕. เหตุที่พญาช้างชื่อ “กอนแสนแหล้ง” หรือ “ปืนแสนแหล้ง” ด้านทิศหรดี (ทิศตะวันตกเฉียงใต้) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อข้าศึกศัตรูผู้รุกรานเข้ามา แม้จะมีกำลังพลจำนวนมากมีอาวุธปืน (โบราณเรียก ลูกศรว่าเป็น ปืน) เป็นแสนแล่ง (ซองบรรจุลูกศร) ก็ไม่สามารถทำอันตรายได้ จะต้องแตกพ่ายหนีไป ๖. เหตุที่พญาช้างชื่อ “หน้าไม้แสนเกียง” (ออกเสียง หน้าไม้แสนเกี๋ยง) ด้านทิศทักษิณ (ทิศใต้) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อผู้รุกรานบุกรุกเข้ามา แม้จะมีกำลังพลมากมาย มีหน้าไม้คันธนูเป็นแสนดอก ก็ไม่สามารถทำอันตรายได้ ต้องแตกพ่ายล่าถอยหนีไป ๗. เหตุที่พญาช้างชื่อ “แสนเขื่อนค้าน” หรือ “แสนเขื่อนกั้น” (ออกเสียง แสนเขื่อนก๊าน) ด้านทิศอาคเนย์ (ทิศตะวันออกเฉียงใต้) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อข้าศึกอาจหาญล้ำแดนเข้ามาล้อมถึงเมืองถึงแสนชั้น แม้ด้วยกองทัพช้างมีเป็นแสนเชือก ก็ไม่อาจหักหาญเข้ามาได้ จะเกิดอลหม่านแตกตื่นหนีไป ๘. เหตุที่พญาช้างชื่อ “ไฟแสนเตา” หรือ “ไฟแสนเต๋า” ด้านทิศบูรพา (ทิศตะวันออก) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อข้าศึกเข้ามาหมายย่ำยี ก่อไฟหุงหาอาหารเลี้ยงกันนับแสนเตา ก็จะเกิดอาการร้อนเร่าเหมือนเพลิงเผาผลาญรอบด้านด้วยความทุกข์ทรมานเลยแตกพ่ายหนีไป จากตำนานเชียงใหม่ปางเดิมกล่าวถึง วิธีใช้อิทธิฤทธิ์ของช้างอารักษ์ดังกล่าวว่าหากข้าศึกมาถึงเมืองให้เจ้าเมืองและเสนาอำมาตย์ทั้งหลายเขียนชื่อช้างทั้ง ๘ เชือก และช้างเผือกหัวเวียงอีก ๒ เชือก พร้อมกับพญาราชสีห์สองตัวที่อยู่หัวเวียงใส่ ช่อ คือใส่ในธงสามเหลี่ยมไปบูชาที่ประตูเวียงทั้ง ๕ และที่แจ่ง (มุม) กลางเวียงทุกแห่งจะสามารถป้องกันข้าศึกได้ เรียบเรียงโดย : นายธีรบูลย์ มิตรมโนชัย นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม แหล่งอ้างอิง :ธนจรรย์, พระครู.  เกร็ดประวัติวัดเจดีย์หลวง ฉบับสมโภช ๗๐๐ ปี นครเชียงใหม่.  เชียงใหม่: วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร. ๒๕๓๙. นานาสาระ.  เชียงใหม่: ส.ทรัพย์การพิมพ์, ๒๕๓๕. (อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระธรรมดิลก (ขันติ์ ขนติโก) ณ เมรุชั่วคราววัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ๔ มกราคม ๒๕๓๕) ประชากิจกรจักร, พระยา (แช่ม บุนนาค).  พงศาวดารโยนก.  กรุงเทพฯ: บุรินทร์การพิมพ์, ๒๕๑๖. ประชาสัมพันธ์ จังหวัดเชียงใหม่.  สมโภช ๖๐๐ ปี พระธาตุเจดีย์หลวง.  เชียงใหม่ : ส.ทรัพย์การพิมพ์, ๒๕๓๘. พระรัตนปัญญาเถระ.  ชินกาลมาลีปกรณ์.  แปลโดย แสง มนวิทูร.  พระนคร: กรมศิลปากร, ๒๕๐๑. วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่.  ตำนานวัดเจดีย์หลวง และตำนานอินทขิล.  ม.ป.ท.: ม.ป.พ., ๒๕๒๓. สมหมาย เปรมจิตต์ และคนอื่นๆ.  ตำนานเชียงใหม่ปางเดิม.  เชียงใหม่: สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ๒๕๓๖.


สมัยพระเจ้าสามฝั่งแกน พระมหากษัตริย์แห่งล้านนา พระองค์ที่ ๘ แห่งราชวงศ์มังราย ผู้เป็นรัชทายาทสืบพระราชสมบัติ ซึ่งในขณะนั้นพระเจ้าสามฝั่งแกนนั้นยังทรงพระเยาว์อยู่มาก พระมารดาของพระองค์ทรงพระนามว่า “พระนางติโลกจุฑาราชเทวี” พระนางทรงทรงดำเนินการก่อสร้างพระมหาเจดีย์ เป็นเวลา ๔ ปี เมื่อปี พ.ศ. ๑๙๕๕ ในวันเพ็ญ เดือน ๑๐ สำเร็จเป็นเจดีย์โดยสมบูรณ์ พระนางติโลกจุฑาเทวีพร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ สมณะ ชี พราหมณ์ อุบาสก อุบาสิกา ร่วมทำพิธียกฉัตรยอดมหาเจดีย์อันสร้างด้วยทองคำหนัก ๘,๙๐๒ เสี้ยวคำ ทั้งเอาแก้วสามดวงชุมนุมกันใส่ยังยอดมหาเจดีย์นั้นไว้ ส่วนสูงนับแต่ธรณีถึงยอด ๓๙ วา มหายอดเจดีย์นั้นกว้าง ๒๐ วาในทุกด้าน  พระมหาเจดีย์ประดับไปด้วยซุ้มประตูทั้ง ๔ ด้าน มีพระพุทธรูปใหญ่นั่งสมาธิ ทั้ง ๔ ด้าน มีรูปนาค ๘ ตัวๆ ๕ หัว อยู่ใน ๒ ข้างบันได มีราชสีห์ ๔ ตัว ยืนค้ำตีนชายปราสาท มีรูปช้างรอบพระธาตุเจดีย์หลวง ๒๘ เชือก ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๐๒๒ ตรงกับจุลศักราช ๘๔๐ ปีจอ พระเจ้าติโลกราช ทรงวางดินเป็นปฐมฤกษ์ โดยพระองค์โปรดให้ปฏิสังขรณ์พระธาตุเจดีย์หลวงจากแบบเดิมให้ใหญ่ขึ้น พระองค์ทรงโปรดให้หมื่นด้ำพร้าคต พร้อมด้วยคณะช่างเขียนไปถ่ายแบบโลหะปราสาท และรัตนมาลีเจดีย์ ณ เมืองลังกา ประเทศอินเดีย เพื่อดูพระเจดีย์ที่มีลักษณะรูปทรงงาม และมีลักษณะแปลกกว่าองค์อื่นๆ แล้วกลับมาปฏิสังขรณ์กุฏิมหาธาตุ หรือเจดีย์ลักษณะบุราคม คือเจดีย์หลวง กลางเวียงเมืองเชียงใหม่ ครั้นแล้วเสร็จทรงบรรจุพระบรมธาตุ ซึ่งนำมาจากทวีปลังกา เพื่อมาไว้ในมหาสถูป แล้วหุ้มทองจังโกพระเจดีย์ โดยมีฐานกว้างประมาณด้านละ ๒๘ วา และสูงประมาณ ๔๕ วา มีพระพุทธรูปใหญ่สร้างด้วยปูนนั่งสมาธิอยู่ ณ โขงไม้มหาโพธิ์ อยู่ภายในซุ้มทั้งสี่ด้าน มีบันไดทั้งสี่ด้านเป็นรูปพญานาคอยู่ ๘ ตัวๆ ละ ๕ หัว มีราชสีห์ ๔ ตัว ยืนค้ำตีนชายประสาท มีรูปช้าง ๒๘ ตัวอยู่รอบๆ องค์พระเจดีย์ก่อสร้างแล้วเสร็จในปีพ.ศ. ๒๐๒๔ ตรงกับจุลศักราช ๘๔๓ นับเป็นเวลา ๓ ปี นอกจากนี้พระเจ้าติโลกราช โปรดให้หมื่นด้ำพร้าคต สร้างพญาช้างทั้ง ๘ เชือกไว้ตุ้มตีนปราสาท และได้มีการตั้งชื่อให้เฉพาะ พร้อมสวาดธิยายมนต์ทั้งหลายใส่ แล้วใส่ยันตรเพทในหัวช้างทั้ง ๘ เชือก ซึ่งชื่อพญาช้างทั้ง ๘ เชือก ล้อมพระธาตุเจดีย์หลวง จะนับตามลำดับตั้งแต่พญาช้างเชือกแรกทางทิศอีสาน (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) ถือว่าเป็นชัยภูมิเมืองเชียงใหม่ แล้วเวียนมาตามทางทิศตะวันออก การสร้างรูปปั้นพญาช้างที่อยู่ล้อมพระธาตุเจดีย์หลวง เพื่อเป็นการส่งเสริมกำลังเมืองในทางด้านไสยศาสตร์ทำให้บ้านเมืองมีความแข็งแรงยิ่งขึ้น โดยทำพิธีบวงสรวงสักการะพญาช้างทั้ง ๘ เชือก เนื่องจากมีความเชื่อว่าจะทำให้เกิดสวัสดิมงคล นำความสงบสุขมาสู่บ้านเมือง ศัตรูทั้งหลายไม่กล้าเข้ามารุกรานย่ำยีเมืองได้ สำหรับความหมายของชื่อพญาช้าง เป็นนามที่มีพลังอำนาจก่อเกิดเดชานุภาพ อิทธิฤทธิ์ ข่มขู่บดบัง ขวางกั้น กำจัด ปราบปรามอริราชศัตรูที่จะเข้ามารุกรานให้แพ้ภัยแตกพ่ายหนีไปเองมีความหมายดังต่อไปนี้ ๑. เหตุที่พญาช้างชื่อ “เมฆบังวัน” หรือ “เมกฆะบังวัน” ด้านทิศอีสาน (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อศัตรูยกพลเสนามารุกราน ล่วงล้ำเข้ามาในเขตพระราชอาณาจักร ทั้ง ๔ ทิศ หรือ ๘ ทิศก็ตาม จะเกิดอาเพศท้องฟ้ามืดมิดด้วยเมฆหมอกปกคลุม ธรรมชาติวิปริตแปรปรวน น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ทำให้ผู้รุกรานหวาดผวาภัยพิบัติตกใจกลัวแตกพ่ายหนีไป ๒. เหตุที่พญาช้างชื่อ “ข่มพลแสน” ด้านทิศอุดร (ทิศเหนือ) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อผู้รุกรานยกทัพเข้ามาใกล้ แม้จะมีพลโยธาทหารกล้าเรือนแสน ก็จะเกิดอาการมึนเมาลืมหลง ไม่อาจครองสติยับยั้งอยู่ได้ ต้องระส่ำระส่ายแตกพ่ายหนีไป ๓. เหตุที่พญาช้างชื่อ “ดาบแสนด้ำ” หรือ “ดาบแสนด้าม” ด้านทิศพายัพ (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อข้าศึกศัตรูผู้รุกรานเข้ามา แม้จะมีกำลังพลมากมาย มีศาตรา มีด พร้า ด้ามคมเป็นแสนเล่มมาประจญ ก็ไม่อาจเข้าใกล้ทำร้ายได้ มีแต่จะเกิดความหวาดหวั่นขาดกลัวแตกพ่ายหนีไปหมดสิ้น ๔. เหตุที่พญาช้างชื่อ “หอกแสนคัน” หรือ “หอกแสนลำ” ด้านทิศประจิม (ทิศตะวันตก) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อข้าศึกศัตรูผู้รุกรานเข้ามา แม้จะมีกำลังพลกล้าหาญมากมาย มีศาสตราอันคมยาวหอกเป็นแสน ก็ไม่อาจเข้ามาราวีได้ จะต้องแตกพ่ายหนีไป ๕. เหตุที่พญาช้างชื่อ “กอนแสนแหล้ง” หรือ “ปืนแสนแหล้ง” ด้านทิศหรดี (ทิศตะวันตกเฉียงใต้) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อข้าศึกศัตรูผู้รุกรานเข้ามา แม้จะมีกำลังพลจำนวนมากมีอาวุธปืน (โบราณเรียก ลูกศรว่าเป็น ปืน) เป็นแสนแล่ง (ซองบรรจุลูกศร) ก็ไม่สามารถทำอันตรายได้ จะต้องแตกพ่ายหนีไป ๖. เหตุที่พญาช้างชื่อ “หน้าไม้แสนเกียง” (ออกเสียง หน้าไม้แสนเกี๋ยง) ด้านทิศทักษิณ (ทิศใต้) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อผู้รุกรานบุกรุกเข้ามา แม้จะมีกำลังพลมากมาย มีหน้าไม้คันธนูเป็นแสนดอก ก็ไม่สามารถทำอันตรายได้ ต้องแตกพ่ายล่าถอยหนีไป ๗. เหตุที่พญาช้างชื่อ “แสนเขื่อนค้าน” หรือ “แสนเขื่อนกั้น” (ออกเสียง แสนเขื่อนก๊าน) ด้านทิศอาคเนย์ (ทิศตะวันออกเฉียงใต้) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อข้าศึกอาจหาญล้ำแดนเข้ามาล้อมถึงเมืองถึงแสนชั้น แม้ด้วยกองทัพช้างมีเป็นแสนเชือก ก็ไม่อาจหักหาญเข้ามาได้ จะเกิดอลหม่านแตกตื่นหนีไป ๘. เหตุที่พญาช้างชื่อ “ไฟแสนเตา” หรือ “ไฟแสนเต๋า” ด้านทิศบูรพา (ทิศตะวันออก) เป็นเพราะว่าหากได้บูชาพญาช้างเชือกนี้แล้ว เมื่อข้าศึกเข้ามาหมายย่ำยี ก่อไฟหุงหาอาหารเลี้ยงกันนับแสนเตา ก็จะเกิดอาการร้อนเร่าเหมือนเพลิงเผาผลาญรอบด้านด้วยความทุกข์ทรมานเลยแตกพ่ายหนีไป จากตำนานเชียงใหม่ปางเดิมกล่าวถึง วิธีใช้อิทธิฤทธิ์ของช้างอารักษ์ดังกล่าวว่าหากข้าศึกมาถึงเมืองให้เจ้าเมืองและเสนาอำมาตย์ทั้งหลายเขียนชื่อช้างทั้ง ๘ เชือก และช้างเผือกหัวเวียงอีก ๒ เชือก พร้อมกับพญาราชสีห์สองตัวที่อยู่หัวเวียงใส่ ช่อ คือใส่ในธงสามเหลี่ยมไปบูชาที่ประตูเวียงทั้ง ๕ และที่แจ่ง (มุม) กลางเวียงทุกแห่งจะสามารถป้องกันข้าศึกได้ เรียบเรียงโดย : นายธีรบูลย์ มิตรมโนชัย นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ สำนักศิลปากรที่ ๗ เชียงใหม่ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม แหล่งอ้างอิง :ธนจรรย์, พระครู.  เกร็ดประวัติวัดเจดีย์หลวง ฉบับสมโภช ๗๐๐ ปี นครเชียงใหม่.  เชียงใหม่: วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร. ๒๕๓๙. นานาสาระ.  เชียงใหม่: ส.ทรัพย์การพิมพ์, ๒๕๓๕. (อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพพระธรรมดิลก (ขันติ์ ขนติโก) ณ เมรุชั่วคราววัดสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ๔ มกราคม ๒๕๓๕) ประชากิจกรจักร, พระยา (แช่ม บุนนาค).  พงศาวดารโยนก.  กรุงเทพฯ: บุรินทร์การพิมพ์, ๒๕๑๖. ประชาสัมพันธ์ จังหวัดเชียงใหม่.  สมโภช ๖๐๐ ปี พระธาตุเจดีย์หลวง.  เชียงใหม่ : ส.ทรัพย์การพิมพ์, ๒๕๓๘. พระรัตนปัญญาเถระ.  ชินกาลมาลีปกรณ์.  แปลโดย แสง มนวิทูร.  พระนคร: กรมศิลปากร, ๒๕๐๑. วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่.  ตำนานวัดเจดีย์หลวง และตำนานอินทขิล.  ม.ป.ท.: ม.ป.พ., ๒๕๒๓. สมหมาย เปรมจิตต์ และคนอื่นๆ.  ตำนานเชียงใหม่ปางเดิม.  เชียงใหม่: สถาบันวิจัยสังคม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ๒๕๓๖.


หมวด 000 วิทยาการคอมพิวเตอร์ สารสนเทศ และความรู้ทั่วไป บุญปาลิตวิชชาสาสก์, หลวง.  บันทึกการเดินทางจากปารีสมากรุงเทพ ข้อเปรียบเทียบลอนดอนปารีส และอเมริกา และคำบรรยายเรื่องการศึกษาในสหรัฐอเมริกาและ      ข้อสังเกตอื่นๆ.  พระนคร: การพิมพ์ไชยวัฒน์, 2504. (089.95911 บ512บ) พ่อบ้าน-แม่เรือน (กฤตลักษณ์เดิม).  พระนคร: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2513. (089.95911 ค695บ)   หมวด 100 ปรัชญา วิจิตรวาทการ, พล.ต. หลวง.  วิธีทำงาน.  พระนคร: โรงพิมพ์พระจันทร์, 2485. (174 ว527ว)   หมวด 200 ศาสนา พระธรรมวโรดม.  นินทา - สรรเสริญ.  กรุงเทพฯ: ร.พ.แสวงสุทธิการพิมพ์, 2518. (294.308 พ336น) พระพรหมมุนี (วิน ธมฺมสาร).  อ.สํ.วิ.  พระนคร: บางกระบือการพิมพ์, 2512. (294.304 พ349อ) พระพุทธอิริยาบท.  ธนบุรี: โรงพิมพ์ประยูรวงศ์, 2505. (294.309 พ354ฮ) พระมหาสิงห์ทน นราสโภ.  สมาธิและศาสนากับโลกปัจจุบัน.  พระนคร: โรงพิมพ์วรพากย์พินิจ, 2514. (294.308 พ358สอ) พระอาจารย์เกศแก้ว.  ปาฐกถาเรื่องอ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องใช้สายตา.  กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์สุทธิสารการพิมพ์, 2519. (294.304 พ418ป) พระอุดมสารโสภณ.  อนุสรณ์เจ้าคุณนรรัตนราชมานิต (ตรึก จินตยานนท์).  พระนคร: อนันต์การพิมพ์, 2515. (294.30922 พ418อ) พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท).  ทสบารมี.  พระนคร: โรงพิมพ์มิตรไทย, 2513. (294.304 พ419ท) วินัยปิฏก.  สมันตปาสาทิกา อรรถกถาวินัย ตอน อาทิกรรม.  พระนคร: ศิวพร, 2512. (294.318102 ว623สพ) ศิล เศรษฐบุตร.  สันติวรบท.  พระนคร: โรงพิมพ์ประชาธิปัตย์, 2479. (294.3076 ศ522ส) สโมสรสหมิตร.  สหมิตรรำลึก.  พระนคร: บุญส่งการพิมพ์, 2509. (294.308 ส458ส) สนติ์ แสวงบุญ.  ทำเนียบสมณศักดิ์ สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระราชาคณะและพระราชาคณะ ฉบับของกองศาสนูปถัมภ์ กรมการศาสนา พุทธศักราช 2511.       พระนคร: หน่วยพิมพ์และจำหน่ายศาสนภัณฑ์ (โรงพิมพ์การศาสนา), 2511. (294.3025593 ส187ท) สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์.  กรรม.  พระนคร: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2510. (294.31883 ส245) สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวิชิรญาณวงศ์.  พุทธศาสนาวงศ์.  กรุงเทพฯ: พุทธอุปถัมภ์การพิมพ์, 2517. (294.309 ส246พ) เสถียร โพธินันทะ.  คำบรรยายประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ตอน 4.  กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย, 2498. (294.309 ส894ค) สำรวจวิถีสมุทร, น.อ. หลวง.  พุทธชัยมงคลคาถา คำฉันท์.  พระนคร: บุญส่งการพิมพ์, 2503. (294.31881 ส696พ) อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพขุนถาวรประศาสน์ (ทองอินทร์ ถาวรจิตต์).  กรุงเทพฯ: นนทชัย (แผนกการพิมพ์), 2516. (294.308 อ231ถ) อนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพเรือเอก หลวงตะรีกลรักษ์ ป.ม. (บุนนาก เทศวิศาล) ณ เมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันพฤหัสบดี ที่ 14 ธันวาคม 2510.       ธนบุรี: โรงพิมพ์ประยูรวงศ์, 2510. (294.3182 อ231ต)   หมวด 300 สังคมศาสตร์ กฎมนเทียรบาลพะม่า นับเป็นลัทธิธรรมเนียมภาคที่ 26.  พระนคร: โรงพิมพ์พระจันทร์, 2479. (340.09591 ก113ต) ดำรงราชานุภาพ, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา.  ประชุมนิทานกระทู้.  พระนคร: สำนักข่าวพาณิชย์, 2497. (398.2 ด495ปอ) ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ นายสาณิศ ประภาสะโนบล ณ สุสานหลวง วัดเทพศิรินทราวาส วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พุทธศักราช 2503.  พระนคร: โรงพิมพ์ภักดีประดิษฐ์, 2503.      (336.3 ท539ส) เวทย์ นิจถาวร.  การปกครองตำบลและหมู่บ้าน.  กรุงเทพฯ: บพิธ, 2518. (352.007 ว911ก) เอกสารเกี่ยวกับการพัฒนาที่ดิน.  พระนคร: สหกรณ์ขายส่งแห่งประเทศไทยจำกัดสินใช้, 2508. (333.76 อ884ก)   หมวด 400 ภาษา ที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพ คุณแม่เชื่อม อัศวเมธี ณ เมรุวัดมกุฎกษัตริยาราม 27 มกราคม 2515.  กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ไทยสัมพันธ์, 2515. (495.9181 ท535ช)   หมวด 500 วิทยาศาสตร์ สอาด สุนทโรวาท.  รวบรวมผลงานด้านคณิตศาสตร์.  กรุงเทพฯ: ศึกษาสัมพันธ์, 2516. (510 ส488รส) หนังสือชุํนุํสํข์ยา และเหง้าศักราช.  พระนคร: โรงพิมพ์พิศาลบรรณนิติ์, 2459. (529.2 ห144ส)   หมวด 600 เทคโนโลยี วิธีประกอบอาหารต่างๆ.  พระนคร: บุญส่งการพิมพ์, 2504. (641.5 ว614พ) สุวพันธุ์ สนิทวงศ ณ อยุธยา.  เรื่องเข้าของประเทศสยาม.  [ม.ป.ท.]: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2470. (633.18 ส868รส) อนุสรณ์งานประชุมเพลิงศพนางถนอม หงสนันทน์ ณ เมรุสุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส 26 เมษายน 2509.  พระนคร: โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ, 2509. (640 อ915ถ) อนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพนางบัญชาพิชิตราษฎร์ (จันทน์ รังสิกุล) ณ สุสานหลวงวัดเทพศิรินทราวาส 25 มกราคม 2507.  พระนคร: โรงพิมพ์ไทยสัมพันธ์, 2507. (641.5 อ233บ) อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายสอาด มีชูธน ท.ช,ท.ม. ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันจันทร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2515.  กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์กระดาษไทย, 2515. (658 ส486อ)   หมวด 700 ศิลปะและนันทนาการ เจริญ วรรธนะสิน.  มาเล่นแบดมินตันกันเถอะและแบดมินตันแห่งความหลัง.  พระนคร: ศิวพร, 2515. (796.345 จ723มป) ศุภมงคล.  พระนคร: โรงพิมพ์ศิวพร, 2509. (736.6 ศ698ศ)   หมวด 800 วรรณคดี จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ.  พระราชหัตถเลขาถึงเจ้าพระยาธรรมาธิกรณาธิบดี (ม.ร.ว.ปุ้ม มาลากุล).  พระนคร: โรงพิมพ์ไทยเขษม, 2485.  (896.916 จ657พ) ไซ่ฮั่น.  พงศาวดารจีนเรื่องชิดก๊กไซ่ฮั่น.  กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์ตีรณสาร, 2515. (895.913 ซ981พต) นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าฯ กรมพระยา.  สาส์นสมเด็จลายพระหัตถ์สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ และสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ      (ภาค5).  พระนคร: โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย, 2498. (895.916 น254สว) นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าฯ กรมพระยา.  สาส์นสมเด็จลายพระหัตถ์ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงค์ และสมเด็จกรมพระยาดำรงราชา     นุภาพ (ภาค 33).  พระนคร: โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ, 2499. (895.914 น254สอ) นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าฯ กรมพระยา.  สาสน์สมเด็จ (ภาคที่ 54) : ลายพระหัตถ์ สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ และ     สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ.  กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรม, 2503. (895.916 น254สต) บทสักวา คุมพระกฐินวัดคูเตา จังหวัดสงขลา.  พระนคร: โรงพิมพ์การศาสนา, 2505. (895.9112 บ131ส) ปรุงศรี วัลลิโภดม.  ความรักของแม่ในวรรณคดี.  กรุงเทพฯ: กรุงเทพการพิมพ์, 2517. (808.803 ป475คท) พระเทพเมธี.  ภัทรมุนีพากย์ประพันธ์.  ธนบุรี: โรงพิมพ์ประยูรวงศ์, 2505. (895.911 พ329ภ) รามเกียรติ์.  รามเกียรติ์ ตอนนางลอย.  พระนคร: ศิวพร, 2513. (895.911082 ร445) วิจิตรวาทการ, พลตรี หลวง.  เลือดสุพรรณ.  พระนคร: รัชดารมภ์การพิมพ์, 2505. (895.912 ว527ล) หอสมุดวชิรญาณ.  ประชุมโคลงจารึกวัดพระเชตุพล.  พระนคร: โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร, 2462. (895.9113082 ห379ป)   หมวด 900 ประวัติศาสตร์ คำไว้อาลัยเนื่องในงานพระราชทานเพลิงศพ ศาสตราจารย์ นายแพทย์เฉลิม พรมมาส ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 1 กันยายน 2518.  กรุงเทพฯ: มิตรเจริญการพิมพ์, 2518. (926.1 ค383) ไทย.  พระนคร: โรงพิมพ์กรมแผนที่, 2483. (959.301 ท931) นริศรานุวัดติวงศ์, สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าฯ กรมพระยา.  เรื่องไปชวา : ลายพระหัตถ์และบันทึก ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์      เมื่อคราวเสด็จชวา.  พระนคร: โรงพิมพ์พระจันทร์, 2514. (915.982 น254รป) ประชุมพงศาวดารภาคที่ 71.  พระนคร: โรงพิมพ์กรุงเทพบรรณาคาร, 2481. (959.6 ป247อ) พระวินัยโกศล.  พระไทยไปญี่ปุ่น.  ธนบุรี: โรงพิมพ์ดำรงธรรม, 2511. (915.2 พ389พ) เฟลตัส, ยอร์ช เอช.  หมอเฮาส์ในรัชกาลที่ 4.  พระนคร: โรงพิมพ์รวมมิตรไทย, 2504. (922.5 ฟ636ห) มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ.  จดหมายเหตุรายวันในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว.  กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์มหามกุฎราชวิทยาลัย, 2517. (959.3058 ม113จช) สมาคมศิษย์เก่าวิศวกรรมชลประทาน.  พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมหลวงชูชาติ กำภู ม.ป.ช.,ม.ว.ม.,ท.จ.ว. อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง      พัฒนาการแห่งชาติ.  พระนคร: โรงพิมพ์เซ็นต์หลุยส์, 2512. (923.2593 ช648ศ) หรรษา บัณฑิตย์ พิมพ์ถวายในงานพระราชทานเพลิงศพ หม่อมเจ้าวงศ์ทิพย์สุดา เทวกุล ท.จ. ณ เมรุหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 18 มิถุนายน      พุทธศักราช 2512.  พระนคร: โรงพิมพ์ไทยเขษม, 2512. (923.7593 ห268ว)


วันพุธที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๘ เวลา ๐๙.๓๐ น. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ โรงเรียนบ้านดินแดง ตำบลดินแดง อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน ๓๕ คน คุณครูและผู้ปกครอง ๒๐ คน เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ โดยมี นายกรภัทร์ สุขใหญ่ พนักงานประจำพิพิธภัณฑ์ ให้การต้อนรับและบรรยายนำชม


วันพุธที่ ๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๘ เวลา ๑๓.๓๐ น. นักเรียนชั้นอนุบาล ๒ ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ โรงเรียนบ้านอาแวะ ตำบลบุแกรง อำเภอจอมพระ จังหวัดสุรินทร์ จำนวน ๑๓๕ คน คุณครูและผู้ปกครอง ๓๔ คน เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุรินทร์ โดยมี นายธนากร วงศ์สิริพัฒนะ นักวิชาการวัฒนธรรม นางสาวอภิญญา สุขใหญ่ นางศรีสุดา ศรีสด พนักงานประจำพิพิธภัณฑ์ ให้การต้อนรับและบรรยายนำชม


สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเจริญอริยมรรค “สัมมาทิฏฐิ” ระลึกถึงพระรัตนตรัย ด้วยบทว่า พุทโธ เม นาโถ (พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า) ธัมโม เม นาโถ (พระธรรมเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า) สังโฆ เม นาโถ (พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า) (โดยให้ระลึกย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ต่อเนื่องได้ในทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน) เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันนวมินทรมหาราช ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๘ ผ่านแอปพลิเคชัน “สมาธิเสบียงบุญ” บันทึกเวลาการทำสมาธิเจริญจิตตภาวนา ตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๘.๐๐ น. ถึง วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๘.๐๐ น. ทั้งนี้ สามารถ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ทั้ง Play Store และ App store


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมลงพื้นที่อยุธยาติดตามสถานการณ์น้ำท่วม กำชับกรมศิลป์เฝ้าระวังใกล้ชิด พร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนป้องโบราณสถานและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ            วันที่ 10 ตุลาคม 2568 นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและผลกระทบที่มีต่อโบราณสถาน พร้อมรับฟังรายงานสรุปภาพรวมการป้องกันโบราณสถานจากเหตุอุทกภัย ปัจจุบันพื้นที่เกาะเมืองพระนครศรีอยุธยาซึ่งเป็นพื้นที่โบราณสถานสำคัญสูงสุดยังไม่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ตลอดจนเส้นทางคมนาคมยังสามารถเข้าถึงได้ตามปกติ          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า จากสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางของประเทศไทย ส่งผลให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้รับผลกระทบ จึงได้เดินทางมาตรวจติดตามสถานการณ์น้ำยังโบราณสถานสำคัญในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งกรมศิลปากร โดยอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 เขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำท้ายเขื่อนที่ 2300 ลบ.ม/วินาที ระดับน้ำตามจุดต่างๆ ลดลง ประมาณ 10-15 เซนติเมตร แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าตลิ่ง จึงกำชับให้อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันโบราณสถาน ซึ่งมีโบราณสถานที่รับผิดชอบ จำนวน 394 แห่ง เป็นโบราณสถานในเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา 189 แห่ง และนอกเกาะเมือง 205 แห่ง อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้ดำเนินการป้องกันโบราณสถานร่วมกับวัดหรือเจ้าของ/ผู้ครอบครองโบราณสถาน มณฑลทหารบกที่ 18 สระบุรี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะโบราณสถานสำคัญ อาทิ วัดไชยวัฒนาราม ดำเนินการติดตั้งแผงป้องกันน้ำท่วมแบบพับเก็บได้ และทำคันดินกั้นน้ำด้านหลังวัด โบราณสถานป้อมเพชร ดำเนินการเสริมแนวกระสอบทรายให้สูงขึ้น 3 ชั้น ทั้งนี้ กรมศิลปากรได้บรรจุแผนงานมาตรการลดผลกระทบจากภัยพิบัติไว้ในแผนปฏิบัติการการอนุรักษ์และพัฒนานครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา พุทธศักราช 2566 - 2575 มีการบริหารจัดการเป็นขั้นตอนในทุกปี           สำหรับการลงพื้นที่ในวันนี้ นางสาวซาบีดา ได้เดินทางไปยังโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม โบราณสถานป้อมเพชร ตรวจเยี่ยมแนวป้องกันน้ำท่วมด้านตะวันตกของเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา ณ โบราณสถานเจดีย์ศรีสุริโยทัย พร้อมทั้งมอบสิ่งของให้ผู้ประสบภัย ณ วัดศาลาปูนวรวิหาร จากนั้นได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ณ มัสยิดดารุซซุนนะห์ 


สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเจริญอริยมรรค “สัมมาทิฏฐิ” ระลึกถึงพระรัตนตรัย ด้วยบทว่า พุทโธ เม นาโถ (พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า) ธัมโม เม นาโถ (พระธรรมเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า) สังโฆ เม นาโถ (พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า) (โดยให้ระลึกย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ต่อเนื่องได้ในทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน) เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันนวมินทรมหาราช ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๘ ผ่านแอปพลิเคชัน “สมาธิเสบียงบุญ” บันทึกเวลาการทำสมาธิเจริญจิตตภาวนา ตั้งแต่วันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๘.๐๐ น. ถึง วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๘.๐๐ น. ทั้งนี้ สามารถ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ทั้ง Play Store และ App store


black ribbon.