ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ
วิธีการตรวจสอบรอยแตกร้าวบนพื้นผิวของโบราณสถานและการเคลื่อนตัวของโครงสร้างโบราณสถาน ที่คาดว่าอาจจะเกิดความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหว ขอให้สังเกตุเบื้องต้นดังนี้
1.เกิดรอยร้าวบนพื้นผิวขึ้นใหม่ โดยรอยร้าวนั้นจะมีลักษณะเกิดใหม่ ไม่มีรังของสัตว์หรือใยแมงมุม หรือ เชื้อราหรือคราบตะไคร่ หรือ คราบของเหลวซึมออกมาหรือ รอยร้าวที่เกิดจากรากของวัชพืช หรือรอยการซ่อมแต่งผิวที่มีมาก่อน
2.การทรุดตัวจะปรากฏให้เห็นชัดเจน การเคลื่อนตัวของโบราณสถานในแนวราบ ตามชิ้นส่วนโครงสร้างต่างๆของอาคารประเภทเครื่องมุง จะปรากฏให้เห็นชัดเจน
3.ปรากฏลักษณะพังทลายของสิ่งก่อสร้างชัดเจน
โดยการสังเกตุและพิจารณาตามภาพดังนี้ครับ
ชื่อเรื่อง สังฮอมธาตุ (สังฮอมธาตุ)สพ.บ. 199/1ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 32 หน้า กว้าง 5.2 ซ.ม. ยาว 55.2 ซ.ม. หัวเรื่อง พุทธศาสนา บทสวดมนต์บทคัดย่อ/บันทึก
เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน เส้นจาร ฉบับล่องชาด ได้รับบริจาคมาจาก วัดกกม่วง ต.บางปลาม้า อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
พระราชอาสน์อย่างฝรั่งในรัชกาลที่ ๔
สูง ๑๔๐ เซนติเมตร กว้าง ๘๑ เซนติเมตร
รับมาจากกองทัพเรือ เมื่อเดือนกันยายน ๒๕๐๑
ปัจจุบันจัดแสดงในพระที่นั่งวายุสถานอมเรศ ห้องเครื่องสูง พระแท่นราชบัลลังก์ และพระโธรน
พระราชอาสน์อย่างฝรั่ง ลักษณะเป็นเก้าอี้จำหลักไม้แบบตะวันตก ท้าวแขนเก้าอี้ทั้งสองข้างจำหลักเป็นรูปหัวสิงโต ขาเก้าอี้ทั้งสี่ขา จำหลักเป็นรูปเท้าสิงห์ เหนือพนักพิงประดับพระบรมราชสัญลักษณ์ รัชกาลที่ ๔ พระมหามงกุฎ ขนาบด้วยฉัตรเครื่องสูง ๕ ชั้น ล้อมรอบด้วยสายเข็มขัดซึ่งบรรจุพระปรมาภิไธยย่ออักษรโรมัน S.P.B.P.M.M. ปิดทองลายบางส่วน
ตามธรรมเนียมไทยพระมหากษัตริย์ประทับพระแท่นราชบัลลังก์ ในการเสด็จออกว่าราชการ โดยเป็นแท่นไม้ยกพื้นสูงจำหลักลวดลายลงรักปิดทองประดับกระจก ต่อมาเมื่อสยามรับอิทธิพลวัฒนธรรมตะวันตก ในสมัยรัชกาลที่ ๔ จึงพบหลักฐานการทอดพระเก้าอี้ฝรั่ง ในท้องพระโรงพระที่นั่งอนันตสมาคม และต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ พุทธศักราช ๒๔๑๖ โปรดให้ข้าราชการยืนเข้าเฝ้าฯ จึงโปรดให้สร้างพระโธรน ลักษณะเป็นเก้าอี้แบบตะวันตกมีพนักสูง มีที่วางแขนสองข้าง เป็นครั้งแรก
รายละเอียดของพระบรมราชสัญลักษณ์ รัชกาลที่ ๔ และพระปรมาภิไธยย่ออักษรโรมัน S.P.B.P.M.M. เหนือพนักพิงพระราชอาสน์
รายละเอียดของท้าวแขนและขาของพระราชอาสน์อย่างฝรั่งในรัชกาลที่ ๔ ซึ่งจำหลักเป็นรูปหัวสิงโต เท้าสิงโต ปัจจุบันจัดแสดงในพระที่นั่งวายุสถานอมเรศ ห้องเครื่องสูง พระแท่นราชบัลลังก์ และพระโธรน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ภาพด้านข้างของพระราชอาสน์อย่างฝรั่งในรัชกาลที่ ๔ ปัจจุบันจัดแสดงในพระที่นั่งวายุสถานอมเรศ ห้องเครื่องสูง พระแท่นราชบัลลังก์ และพระโธรน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
เลขทะเบียน : นพ.บ.85/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 42 หน้า ; 4.5 x 59 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 50 (78-93) ผูก 1 (2564)หัวเรื่อง : อาการวตฺตสุตฺต (อาการวัตตสูตร) --เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
คาถาพระมโหสถ ชบ.ส. ๗๓
เจ้าอาวาสวัดเทพประสาท ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
มอบให้หอสมุด ๒๓ ก.ค. ๒๕๓๕
เอกสารโบราณ (สมุดไทย)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.28/1-1
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
วัวต่าง
ต่าง คือภาชนะสำหรับบรรทุกสิ่งของ มีคานพาดไว้บนหลังสัตว์ เช่น วัว ม้า ลา มักสานด้วยหวายหรือไม้ไผ่ เป็นรูปทรงกระบอกมีหูสำหรับสอดคานพาดบนหลังสัตว์ เรียกชื่อตามชนิดของสัตว์ที่ใช้บรรทุกสิ่งของ เช่น วัวต่าง ม้าต่าง ลาต่าง
จากลักษณะภูมิประเทศแถบดินแดนล้านนาที่มีลักษณะเป็นเทือกเขาสูงสลับกับที่ราบหุบเขาขนาดเล็กซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนที่กระจายตัวกันอยู่ห่างๆ แม่น้ำส่วนใหญ่เป็นแม่น้ำที่มีน้ำไหลเชี่ยวและมีเกาะแก่งจำนวนมาก ไม่สะดวกในการใช้ติดต่อสัญจรระหว่างชุมชน การเดินทางของผู้คนในดินแดนล้านนาในอดีตจึงใช้การเดินเท้าเป็นหลัก ส่วนการลำเลียงสิ่งของในการเดินทางนั้นนิยมใช้สัตว์ต่างบรรทุกสิ่งของ เนื่องจากสามารถเดินบนทางแคบๆ ทุรกันดารและปีนป่ายภูเขาได้สะดวกกว่าการใช้เกวียน อีกทั้งในอดีตไม่มีถนนเชื่อมต่อระหว่างเมือง การใช้สัตว์ต่างบรรทุกของทำให้สามารถลำเลียงสิ่งของได้มากกว่าการใช้แรงงานคน โดยชาวล้านนาและชาวไทใหญ่นิยมใช้วัวเป็นสัตว์พาหนะในการลำเลียงสิ่งของ ในขณะที่ชาวจีนฮ่อนิยมใช้ม้าและล่อในการบรรทุกสิ่งของ
การบรรทุกสิ่งของโดยใช้วัวต่างนี้ เดิมน่าจะใช้เพื่อการขนสิ่งของในการเดินทางมากกว่าเพื่อการค้า เนื่องจากในอดีตผู้ที่ทำการค้าขายส่วนใหญ่เป็นเจ้านาย ขุนนาง หรือกลุ่มคนที่ได้รับสิทธิพิเศษจากรัฐ สำหรับประชาชนทั่วไปมีการค้าขายไม่มากนักเนื่องจากวิถีชีวิตในอดีตเป็นการผลิตเพื่อเลี้ยงตัวเองมากกว่าการผลิตเพื่อการค้า โดยสินค้าที่มีการซื้อขายในอดีตจำกัดอยู่เพียงไม่กี่ประเภท เช่น เกลือ ปลาแห้ง เครื่องใช้ที่ทำจากโลหะ เมี่ยง จนกระทั่งกลางพุทธศตวรรษที่ ๒๔ เป็นต้นมาจึงเริ่มมีการนำสินค้าอื่นๆ ที่ผลิตจากโรงงาน เช่น ผ้า ด้าย ไม้ขีดไฟ เทียนไข น้ำมันก๊าด เป็นต้น มาขายตามหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกล โดยพ่อค้าจะนำสินค้าจากท้องถิ่น เช่น ผลไม้ ของป่า น้ำผึ้ง น้ำมันยาง ขี้ครั่ง หนังสัตว์ มาขายแล้วซื้อสินค้าสำเร็จรูปกลับไปขายในหมู่บ้านที่เดินทางผ่าน สำหรับเมืองน่านพ่อค้านิยมเดินทางไปซื้อสินค้าที่ท่าอิฐ ท่าเสา จ.อุตรดิตถ์ โดยท่าอิฐนี้เป็นที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าที่มีพ่อค้านำมาจากที่ต่างๆ เช่นจากมะละแหม่ง รวมถึงสินค้าจากเรือที่ล่องขึ้นมาตามลำน้ำน่าน กับสินค้าที่พ่อค้าวัวต่างนำมาจากหมู่บ้านต่างๆ
หลังจากปีพ.ศ.๒๔๕๗ เป็นต้นมา ได้เริ่มมีการสร้างได้เริ่มมีการสร้างทางเกวียนซึ่งภายหลังได้ขยายเป็นทางรถยนต์เชื่อมพื้นที่ระหว่างจังหวัดต่างๆ ในภาคเหนือ ส่งผลให้การใช้วัวต่างในการขนส่งสินค้าค่อยๆ น้อยลงจนกระทั่งหมดไปในที่สุดเมื่อมีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมได้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ
เอกสารอ้างอิง
พจนานุกรมหัตถกรรม เครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้าน : รศ.วิบูลย์ ลี้สุวรรณ สนพ.เมืองโบราณ
รายงานการวิจัยเรื่องพ่อค้าวัวต่าง : ชูสิทธิ์ ชูชาติ ศูนย์ศึกษาภูมิปัญญาท้องถิ่น, ๒๕๔๕
“ชวนชม” โบราณวัตถุชิ้นเด่นของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา วันนี้ขอนำเสนอ “ชุดจานเปลพร้อมฝา ภาชนะเครื่องเงินของพระยาสุนทรานุรักษ์”
....................................................................................
ชุดจานเปลพร้อมฝา
ภาชนะเครื่องเงินของพระยาสุนทรานุรักษ์ (เนตร ณ สงขลา)
วัสดุ เงิน
ขนาด ปากกว้าง ๘.๒ เซนติเมตร / สูงพร้อมฝา ๘ เซนติเมตร
ศิลปะรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๕
ที่มา พันเอกจินดา – นางพิมสิริ ณ สงขลา มอบให้
ปัจจุบันจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา
....................................................................................
ชุดภาชนะเครื่องเงิน หรือชุดจานเปลพร้อมฝาครอบ ผลิตด้วยเงิน ตัวจานมีลักษณะเป็นทรงรี และทรงกลม ก้นลึก ใต้ก้นจานบางใบมีขาขนาดเล็กสำหรับรองจาน บริเวณขอบจานมีการสลัก ลวดลายต่าง ๆ อาทิ ลายเถาวัลย์พฤกษา ลายจุดไข่ปลา ฯลฯ และสลักชื่อภาษาอังกฤษ “Phya Sundra” และ “Singora” ในส่วนของฝามีลักษณะคล้ายตัวจานที่คว่ำประกบกัน มีหูสำหรับจับทรงกลม และสลักลวดลายเรขาคณิตขนาดเล็ก ใต้ภาชนะปรากฏตราสัญลักษณ์ “TRIPLE DEPOSIT”
ชุดภาชนะเครื่องเงินชุดนี้เป็นชุดเครื่องเงินที่สั่งผลิตขึ้นเป็นพิเศษสำหรับเป็นสมบัติส่วนตัวของพระยาสุนทรานุรักษ์ (เนตร ณ สงขลา) ผู้ช่วยเจ้าเมืองสงขลา ใต้ก้นภาชนะมีตรา TRIPLE DEPOSIT ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของโรงงาน MEPPIN & WEBB’S PRINCE’S PLATE ซึ่งเป็นโรงงานที่มีชื่อเสียงในเรื่องการผลิตเครื่องประดับ และเครื่องเงินที่เก่าแก่ของประเทศอังกฤษ
ในส่วนของชื่อภาษาอังกฤษที่มีการสลักคำว่า “Phya Sundra” บริเวณขอบจาน หมายถึงชื่อของพระยาสุนทรานุรักษ์ (เนตร ณ สงขลา) บุตรของเจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น ณ สงขลา) เจ้าเมืองสงขลาคนที่ ๖ ซึ่งพระยาสุนทรานุรักษ์ในครั้งอดีตเคยดำรงค์ตำแหน่งเป็นผู้ช่วยราชการเมืองสงขลา อีกทั้งยังเป็นผู้สร้างคฤหาสน์อันเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา และคำว่า “Singora” ที่ปรากฏด้านล่างขอบจานนั้นเป็นชื่อเรียกเมืองสงขลาในครั้งอดีตก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น “สงขลา” ในปัจจุบัน
โดยในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๔-๒๕ เป็นต้นมานั้น เมืองสงขลาภายใต้การปกครองของผู้นำชาวจีนตระกูล ณ สงขลา ได้เริ่มฟื้นฟูเศรษฐกิจ และพัฒนาเมืองให้กลับสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าทางทะเลที่สำคัญของหัวเมืองปักษ์ใต้อีกครั้ง ซึ่งในช่วงระยะเวลาดังกล่าว มีการซื้อขาย ตลอดจนการสั่งผลิตสินค้าจากตะวันตก เพื่อจำหน่ายให้แก่กลุ่มผู้ที่มีฐานะ และกลุ่มชนชั้นสูง จึงสันนิษฐานว่าชุดภาชนะเครื่องเงิน หรือชุดจานเปลพร้อมฝาครอบ ผลิตขึ้นเพื่อใช้สำหรับบรรจุอาหารคาว-หวาน
.......................................................................................
เรียบเรียง : นางสาวอันดามัน เทพญา เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์
กราฟฟิก : ฝ่ายวิชาการ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา
อ้างอิง
๑. สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ. “โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสงขลา.” กรุงเทพฯ : รุ่งศิลป์การพิมพ์, ๒๕๔๙.
....
การค้าขายและเงินตราที่ใช้ในล้านนา ตอนที่ ๒
ในการนำโลหะมาเป็นสื่อกลางการแลกเปลี่ยนสินค้านั้น มีการกำหนดมูลค่าของโลหะจากความสวยงาม ความยากง่ายที่พบ เหตุที่นิยมใช้เงินเป็นสื่อกลางเนื่องจากเป็นโลหะที่มีมูลค่าไม่สูงเท่าทองคำ แต่ไม่ต่ำเท่าทองแดงและดีบุก
เพื่อให้ได้น้ำหนักที่เป็นมาตรฐานกว่าการตัดแบ่งก้อนโลหะ จึงเริ่มมีการนำเงินและโลหะอื่นๆ มาหล่อเป็นรูปแบบต่างๆ ให้ได้น้ำหนักตามที่ต้องการแล้วใช้ตราของผู้มีอำนาจประทับรับรองความถูกต้องของขนาดและน้ำหนัก เช่น การประทับตราลงบนเงินเจียง เงินพดด้วง
เงินตราที่ใช้กันแพร่หลายในล้านนามีหลายประเภท เช่น หอยเบี้ย เงินท๊อก เงินเจียง เงินดอกไม้ หลังจากที่พม่าเข้าปกครองล้านนาได้มีการนำเงินตราของพม่ามาใช้ ต่อมาเมื่ออังกฤษเข้าปกครองพม่าจึงมีการนำเหรียญรูปีมาใช้ จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ ๕ จึงเริ่มมีการนำเงินตราของสยามมาใช้ในล้านนา
หอยเบี้ย
เป็นหอยทะเลส่วนใหญ่มาจากหมู่เกาะมัลดีฟ และฟิลิปปินส์ นิยมนำมาใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าเนื่องจากเป็นของหายากและมีขนาดเล็ก เป็นเงินตราที่มีมูลค่าต่ำสุดในระบบเงินตรา
เงินท๊อก
มีลักษณะเป็นแผ่นกลม คล้ายเปลือกหอย ด้านหน้านูนส่วนด้านหลังบุ๋มลึกลงไป ขนาดตั้งแต่ ๒.๕-๕.๕ เซนติเมตร ทำจากวัสดุหลายประเภท เช่น สำริด ทองแดง เป็นเงินที่มีมูลค่าต่ำสุดในหมู่เงินตรา แต่มีมูลค่าสูงกว่าหอยเบี้ย พบว่ามีการเจาะรูที่ริมขอบสำหรับร้อยเชือกเพื่อความสะดวกในการพกพา
เงินท๊อกสามารถแยกย่อยและมีมูลค่าต่างกันไปตามขนาด น้ำหนัก และโลหะที่ใช้ผลิต หนังสือเงินตราล้านนาและผ้าไท แบ่งเงินท๊อกเป็น ๖ ประเภทตามลักษณะ ได้แก่ เงินใบไม้หรือเงินเส้น เงินท๊อกน่าน เงินท๊อกเชียงใหม่หรือเงินหอย เงินวงตีนม้า เงินหอยโข่ง และเงินปากหมู
โดยเงินท๊อกที่ทำจากทองแดงเป็นเงินท๊อกที่มูลค่าต่ำสุด ส่วนเงินใบไม้เป็นเงินท๊อกที่ทำจากสำริดชุบเงินด้านบนมีเส้นนูนขึ้นมา ทั้งแบบเส้นเดียวและเป็นกิ่งแยกออกไป มีมูลค่าต่ำกว่าเงินท๊อกที่ทำจากสำริดล้วน
เอกสารอ้างอิง
เงินตราล้านนา : นวรัตน์ เลขะกุล/ธนาคารแห่งประเทศไทย นพบุรีการพิมพ์ เชียงใหม่, ๒๕๕๕
เงินตราล้านนาและผ้าไท : ธนาคารแห่งประเทศไทย อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๔๓
เบี้ย บาท กษาปณ์ แบงค์ : นวรัตน์ เลขะกุล สนพ.สารคดี, ๒๕๔๗