ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,759 รายการ



          พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ขอเชิญชมนิทรรศการปรับปรุงใหม่ เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๖ เป็นต้นไป โดยการปรับปรุงการจัดแสดงครั้งนี้ ประกอบด้วย ห้องนิทรรศการชั้นล่าง จำนวน ๑ ห้อง ได้แก่ ห้องโถงบรรยายสรุปและนิทรรศการหมุนเวียน และห้องนิทรรศการชั้นบน จำนวน ๕ ห้อง ประกอบด้วย ห้องพุทธบูชา จำนวน ๓ ห้อง ห้องเจ้าผู้ครองนครน่าน จำนวน ๑ ห้อง และห้องหอคำนครน่าน จำนวน ๑ ห้อง            พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน เปิดให้บริการทุกวันพุธ - อาทิตย์ (ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น. (ปิดวันจันทร์ - อังคาร) ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๕๔๗๗ ๒๗๗๗ หรือกล่องข้อความ เฟสบุ๊กเพจ : Nan national Museum พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน


          นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า กรมศิลปากร โดยสำนักการสังคีต ร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 4 กำหนดจัดโครงการสังคีตสัญจร “กิจกรรมโขนพบโนรา มรดกวัฒนธรรมบนวิถีสืบสานและสร้างสรรค์” ณ ศูนย์ประชุมเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง โดยมี ผศ.ธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ ศิลปินแห่งชาติ ประจำปี 2564 เป็นผู้แสดงในบทบาทโนราพระอินทร์แปลง และนายปกรณ์ พรพิสุทธิ์ นาฏศิลปิน กรมศิลปากร ร่วมแสดงเป็นพระราม เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมฟรี           กรมศิลปากร โดยสำนักการสังคีต ได้ดำเนินโครงการจัดการแสดงนาฏศิลป์และดนตรีสัญจรไปยังภูมิภาค ดุจเดียวกับ “ยกโรงละครแห่งชาติออกไปหาประชาชน” โดยการวิวัฒน์ปรับปรุงบทสำหรับการแสดงโขนให้รัดกุมขึ้น เพื่อดำเนินเรื่องไปอย่างรวดเร็ว และมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้านฉาก แสง สี เสียง มาประกอบการแสดง เพื่อเพิ่มพูนอรรถรสให้งดงามตระการตา รวมทั้งขยายโอกาสในการแสดงออกสู่สายตาประชาชนมากขึ้น ซึ่งในการจัดกิจกรรมครั้งต่อไปจะเป็นการแสดงครั้งใหญ่ของสำนักการสังคีต ที่บ่งบอกถึงการขยายบทบาทและวิสัยทัศน์ของกรมศิลปากรที่ก้าวล้ำกว่าเดิม โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง และสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 4 นำ “โขน” และ “โนรา” ซึ่งเป็นมรดกวัฒนธรรมอันจับต้องไม่ได้ (Intangible Heritage) ของมวลมนุษยชาติที่ได้รับการประกาศรับรองอย่างเป็นทางการจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) มาต่อยอดเป็นสื่อวัฒนธรรมในการยึดโยงเชื่อมไทยให้เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้แนวคิด “โขนเชื่อมไทย” ความหลากหลายของวัฒนธรรมพื้นถิ่นบนแผ่นดินเดียวกัน            โครงการสังคีตสัญจร “กิจกรรมโขนพบโนรา มรดกวัฒนธรรมบนวิถีสืบสานและสร้างสรรค์” กำหนดจัดการแสดงระหว่างวันที่ 4 - 5 สิงหาคม 2566 ณ ศูนย์ประชุมเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง โดยวันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม 2566 เวลา 14.00 น. การแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุด พระจักรีปราบกลียุค วันเสาร์ที่ 5 สิงหาคม 2566 เวลา 14.00 น. การแสดงโขนพบโนรา เรื่อง  รามมกุฎอยุธยา ผู้สนใจเข้าชมติดตามกำหนดการสำรองที่นั่งได้ที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตตรัง โทร. 0 7520 1712 หรือ facebook page: Prince of Songkla University, Trang Campus 



องค์ความรู้ส่งเสริมการอ่านผ่านออนไลน์ เรื่อง “วันรพี 7 สิงหาคม” วันรพี ตรงกับวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ผู้ทรงได้รับการยกย่องให้เป็น “พระบิดาแห่งกฎหมายไทย” เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นนักนิติศาสตร์และทรงวางระบบแบบแผนศาลยุติธรรม รวมถึงทรงจัดตั้งโรงเรียนกฎหมายขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทยอันเป็นประโยชน์ใหญ่ยิ่งแก่ประเทศชาติ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ มีพระนามเดิมว่า พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่ 14 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยประสูติจากเจ้าจอมมารดาตลับ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2417 ทรงเข้าศึกษา ในโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ แล้วเสด็จไปศึกษาต่อ ณ โรงเรียนมัธยมกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เป็นเวลา 3 ปี เมื่อสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมแล้ว ทรงสอบเรียนต่อกฎหมายที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้ด้วยพระชนมายุเพียงแค่ 14 ชันษา ได้ศึกษาต่อ จนจบหลักสูตรปริญญาตรีด้านกฎหมาย ชั้นเกียรตินิยม โดยใช้เวลาศึกษาเพียงแค่ 3 ปี ด้วยพระชันษาเพียง 20 พรรษา เมื่อปี พ.ศ. 2439 ทรงเข้ารับราชการในกรมเลขานุการ ทรงปฏิบัติงานเป็นที่พอพระราชหฤทัยในสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมชนกนาถ เป็นอย่างยิ่ง พระภารกิจของพระองคืนับได้ว่าเป็นภาระที่หนักยิ่ง ทรงเสียสละทุกอย่าง คิดถึงแต่งานเป็นใหญ่ ทรงยึดหลักที่ว่า “คนทุกคนต้องเคารพเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกัน จะทำอะไรต้องคิดถึง คนอื่น” ทรงยึดหลักความยุติธรรม และหลักที่ว่า “My life is service” คือ ชีวิตของข้าพเจ้าเกิดมาเพื่อรับใช้ประเทศชาติ ปี พ.ศ. 2462 ทรงประชวรด้วยโรควัณโรคที่พระวักกะ (ไต) ไปรักษาพระองค์ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส พระอาการ ก็ไม่ทุเลา และพระองค์ได้สิ้นพระชนม์ ในวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2463 รวมพระชนมายุได้ 47 พรรษา ในวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี วงการนักกฎหมายได้ถือเอาวันที่พระองค์สิ้นพระชนม์ เป็นวันรำลึกถึงคุณงามความดีของท่านที่มีต่อวงการกฎหมายไทย โดยใช้ชื่อว่า “วันรพี” ขนานนามพระองค์ว่า “พระบิดาและปฐมาจารย์แห่งนักกฎหมายไทย” โดยจะมีการจัดกิจกรรมวันรพี วางพวงมาลาถวายราชสักการะเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่อนุสาวรีย์พระรูปพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ หน้าสำนักงานศาลยุติธรรม ศาลที่เป็นสถานที่ราชการทั่วประเทศ และคณะนิติศาสตร์ของทุกมหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยมีการจัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2507 อ้างอิง : ประชิด สกุณะพัฒน์ ผศ., อุดม เชยกีวงศ์. วันสำคัญ. กรุงเทพฯ : ภูมิปัญญา, 2549. ธวัลกร ฉัตราธรรม. วันสำคัญในรอบ 1 ปี ที่คนไทยต้องรู้. กรุงเทพฯ : แพรธรรม, ม.ป.ป.. ผู้เรียบเรียง : นายประพนธ์ รอบรู้ นักวิชาการโสตทัศนศึกษาชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี


วันอาทิตย์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๔๙ น. นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในพิธีมหาพุทธาภิเษก การจัดสร้างพระพุทธสิหิงค์จำลอง ในโอกาสครบรอบ ๑๑๒ ปี แห่งการสถาปนากรมศิลปากร พุทธศักราช ๒๕๖๖ พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิกรมศิลปากร ผู้เชี่ยวชาญกรมศิลปากร ผู้ตรวจกระทรวงวัฒนธรรม ผู้อำนวยการสำนักส่วนกลาง ผู้อำนวยการสำนักส่วนภูมิภาค ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร ร่วมในพิธี ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ทั้งนี้กรมศิลปากรได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดสร้างพระพุทธสิหิงค์จำลอง และเหรียญพระพุทธสิหิงค์ เพื่อหารายได้นำเข้ากองทุนโบราณคดี ใช้ในการบูรณะโบราณสถาน และกิจการพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั่วประเทศ การจัดสร้างครั้งนี้ ออกแบบโดยสำนักช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ด้วยฝีมืออันงดงาม ถือเป็นการจัดสร้างครั้งแรก และจัดสร้างจำนวนจำกัด พิเศษคือใต้ฐานพระพุทธสิหิงค์จำลองทุกองค์ได้บรรจุไม้ช่อฟ้าเดิมซึ่งเป็นส่วนสูงสุดของพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ สถานที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ และเทียนชัยเข้าพรรษา ซึ่งถวายองค์พระพุทธสิหิงค์เพื่อเป็นนิมิตแห่งความสว่างไสวของชีวิต กรมศิลปากรได้จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก ภายในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ในวันอาทิตย์ที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีเถาะ เวลา ๑๓.๔๙ น. ซึ่งเป็นวันมหาสิทธิโชค และตรงกับราชาแห่งฤกษ์ โดยพระเถรานุเถระ ผู้ได้รับความเคารพนับถือจากประชาชน ได้แก่ หลวงพ่อสมชาย วัดปริวาสราชสงคราม เขตยานนาวา กรุงเทพฯ หลวงปู่จื่อ วัดเขาตาเงาะ จ.ชัยภูมิ หลวงพ่อพระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่ (พระอารามหลวง) จ.สมุทรสงคราม หลวงพ่อชำนาญ วัดชินวรารามวรวิหาร (พระอารามหลวง) จ.ปทุมธานี พระอาจารย์ธรรมนูญ วัดมณีชลขัณฑ์ จ.ลพบุรี หลวงพ่อวราห์ ปุญญวโร วัดโพธิ์ทอง เขตจอมทอง กรุงเทพฯ หลวงพ่ออวยพร วัดดอนยายหอม จ.นครปฐม หลวงพ่อเอื้อน วัดวังแดงใต้ จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อทอง วัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ทั้งนี้ จะอัญเชิญวัตถุมงคลที่จัดสร้างทั้งหมดไว้ภายในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ เป็นเวลา ๑ ราตรี เพื่อซึมซับความศักดิ์สิทธิ์จากองค์พระพุทธสิหิงค์ ถือเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง


          พระพุทธรูปปางประทานอภัย           แบบศิลปะ : ลพบุรี           ชนิด : สำริด           ขนาด : สูง 23 เซนติเมตร กว้าง 8.5 เซนติเมตร           อายุสมัย : พุทธศตวรรษที่ 18           ลักษณะ : ชิ้นส่วนภาชนะดินเผา ตกแต่งลายขูดเส้นขนานและมีลวดลายกดประทับเป็นรูปบุคคล(นักรบ)กำลังขึ้นขี่ม้า สวมเทริดและเครื่องประดับมีชายผ้าตกลงมาด้านหน้า ภายในกรอบสี่เหลี่ยม           สภาพ : ชำรุด ชิ้นส่วนนิ้วพระหัตถ์หักหายไปทั้งสองข้างและบริเวณพระอังสาขวาชิ้นส่วนเนื้อสำริดหักหายไป           ประวัติ : พบจากแหล่งเตาเผาบ้านบางปูน ตำบลพิหารแดง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี           สถานที่จัดแสดง : ห้องแหล่งเตาเผาบ้านบางปูน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี   แสดงภาพวัตถุหมุน คลิกที่นี่ http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/suphanburi/360/model/14/   ที่มา: hhttp://www.virtualmuseum.finearts.go.th/suphanburi


องค์ความรู้สุพรรณบุรี เรื่อง ครูมนตรี ตราโมท ศิลปินแห่งชาติ ปี พ.ศ.๒๕๒๘ ผู้เรียบเรียง : นางอภิญญานุช เผ่าพงษ์คล้าย บรรณารักษ์ชำนาญการ หอสมุดแห่งชาติจังหวัดสุพรรณบุรี เฉลิมพระเกียรติ


-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ : พืชผลพะเยา -- เมื่อ 32 ปีก่อน จังหวัดพะเยาเคยตั้งเป้าหมายการผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญไว้ ความน่าสนใจคือคำว่า " พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ " เพราะหมายถึงพืชที่ได้รับการพิจารณาแล้วว่า สามารถสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร ตอบสนองการค้าขายของจังหวัด หรือเพิ่มปริมาณการส่งออกระดับประเทศ .  จากรายงานข้อมูลเป้าหมายการผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของสำนักงานเกษตรจังหวัดพะเยา วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2535 ปรากฏพืชเศรษฐกิจจำนวน 35 ชนิด เรียงลำดับตามประเภท ได้แก่ 1. พืชตระกูลข้าวต่างๆ เช่น ข้าวนาปรัง ข้าวนาปี (ข้าวเจ้า) ข้าวบาร์เลย์ ข้าวบาสมาติ ข้าวเหนียว ฯลฯ 2. พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเขียวผิวมัน ถั่วฝักยาว ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ฯลฯ 3. ผักสวนครัว เช่น กระเทียม พริกเล็ก พริกใหญ่ มะเขือเทศ หอมแดง เห็ดฟาง ฯลฯ 4. ผลไม้ เช่น มะขามหวาน มะขามเปรี้ยว ลิ้นจี่ กล้วยน้ำว้า ลำไย มะม่วง ฯลฯ 5. พืชอุตสาหกรรม เช่น ฝ้าย นุ่น ละหุ่ง หม่อนไหม และกาแฟอราบิก้า ฯลฯ. ดังได้กล่าวไว้ตอนต้นว่า พืชเศรษฐกิจเหล่านี้สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร หรือเพิ่มปริมาณการส่งออกระดับประเทศนั้น รายงานข้อมูลเป้าหมายการผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญฉบับนี้ไม่ได้ให้รายละเอียดสนับสนุนเพิ่มเติมแต่อย่างใด หากรายงานสะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของจังหวัดพะเยา เพราะมีพืชเศรษฐกิจที่หลากหลาย อีกทั้งยังปลูกพืชแปลกใหม่ (ณ ขณะนั้น) ได้แก่ ข้าวบาสมาติ ข้าวพันธุ์ดีจากอนุทวีปอินเดีย และกาแฟสายพันธุ์อราบิก้า ที่รสชาติเข้มข้นหอมมันเมื่อถูกคั่วสด. สำหรับอีกประเด็นที่ปรากฏในรายงานคือ เป้าหมายการผลิตกับเป้าหมายพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งรายงานได้จำแนกเป็นตารางตั้งแต่ปีพ.ศ. 2535 - 2539 โดยเพิ่มยอดเป้าหมายตลอด 5 ปี แต่ถึงกระนั้นก็มีข้อสงสัยว่า พืชจำพวก " งา เห็ดฟาง ข้าวสาลี ถั่วฝักยาว ละหุ่ง พริกเล็ก กาแฟอราบิก้า และมะม่วงหิมพานต์ " เหตุใดจึงกำหนดเป้าหมายการผลิตแค่หลักหน่วย - หลักร้อย (ตัน) เท่านั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่า จังหวัดอื่นๆ มีผลสัมฤทธิ์ที่ดีกว่าและเกษตรกรยังไม่นิยมเพาะปลูก ? เป็นเรื่องที่ต้องศึกษาค้นคว้าต่อไป. และทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือภาพรวมของเป้าหมายการผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของจังหวัดพะเยาเมื่อ 32 ปีก่อน ในปัจจุบันจำนวนชนิดของพืช การกำหนดเป้าหมายต่างๆนั้น คงมีปริมาณมากขึ้น เพราะคู่แข่งสำคัญไม่ใช่อุปสงค์ - อุปทานภายในประเทศ หากเป็นตลาดจากประเทศจีนและอาเซียน ดังนั้น เป้าหมายต้องเน้นที่ " คุณภาพ " มากกว่าปริมาณอย่างแน่นอน.ผู้เขียน: นายธานินทร์ ทิพยางค์ (นักจดหมายเหตุ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา)เอกสารอ้างอิง: หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา. เอกสารสำนักงานเกษตรจังหวัดพะเยา พย 1.13.1/15 เรื่อง เป้าหมายการผลิตพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ [ 15 - 17 มิ.ย. 2535 ].#จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ


-- องค์ความรู้จากเอกสารจดหมายเหตุ : ผสมเทียมปลาแค้ครั้งแรก -- ปลาแค้ หรือปลากดแค้ (Bagarius bagarius) เป็นปลาไม่มีเกล็ดขนาดใหญ่ เมื่อโตเต็มที่จะมีน้ำหนักประมาณ 70 – 80 กิโลกรัม และมีความยาวประมาณ 1 – 1.5 เมตร ในอดีตพบมากในแม่น้ำขนาดใหญ่ที่มีกระแสน้ำไหลเย็นอยู่ตลอดปี โดยเฉพาะในแม่น้ำโขง ซึ่งมักจะอาศัยเกาะแก่งหินใต้ผิวน้ำ หรือตามพื้นท้องน้ำเพื่อหาสัตว์น้ำอื่นๆ กินเป็นอาหาร ปลาแค้เป็นปลาที่คนนิยมบริโภคเนื่องจากเนื้อมีรสชาติดี จึงมีการจับปลาแค้ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก และทำให้จำนวนปลาแค้ลดลงจนอาจถึงขั้นสูญพันธุ์ได้ ด้วยเหตุนี้จึงเริ่มมีการศึกษาเพื่อเพาะพันธุ์ปลาแค้ โดยสถานีประมงจังหวัดพะเยา ซึ่งมีรายละเอียดปรากฏอยู่ในเอกสารจดหมายเหตุ ชุด สถานีประมงน้ำจืดจังหวัดพะเยา ดังนี้ ปี พ.ศ. 2524 นาวาโทสว่าง เจริญผล อธิบดีกรมประมงในขณะนั้น มอบหมายให้สถานีประมงจังหวัดพะเยาดำเนินการเพาะพันธุ์ปลาแค้ อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการศึกษาเพาะพันธุ์ปลาบึกและปลาสำคัญชนิดอื่นๆ ในแม่น้ำโขง ในระยะแรกได้เริ่มทำการรวบรวมพ่อแม่พันธุ์ปลาแค้เพื่อมาศึกษาและเพาะพันธุ์แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จนกระทั่งปี พ.ศ. 2526 คณะทำงานได้ซื้อพ่อแม่พันธุ์ปลาแค้จากชาวประมงอำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย และได้ทำการผสมเทียม ณ ริมแม่น้ำโขง โดยฉีดฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองปลาจีนให้แก่แม่ปลาในอัตรา 0.7 โดส (ส่วนพ่อปลาไม่ต้องฉีดเนื่องจากมีน้ำเชื้อดี) ต่อมาอีก 8 ชั่วโมง ไข่ปลาสุกได้ที่ จึงรีดไข่จากแม่ปลามาผสมกับน้ำเชื้อจากพ่อปลา ไข่ปลาแค้นี้มีขนาดเท่ากับไข่ปลาดุก แต่เป็นไข่ประเภทครึ่งจมครึ่งลอย (Semi-buoyant egg) หลังจากผสมไข่แล้วจึงนำไข่ทั้งหมดกลับไปฟักไข่ที่สถานีประมงจังหวัดพะเยา โดยใช้กระเช้าฟักไข่แบบไข่ปลาจีน หลังจากฟักไข่ได้ 18 ชั่วโมง ไข่จึงเริ่มฟักออกเป็นตัวในน้ำอุณหภูมิประมาณ 27 – 28 องศาเซลเซียส ได้ลูกปลาแค้ประมาณ 30,000 ตัว นำลูกปลาแค้ไปอนุบาลในตู้กระจกและถังซีเมนต์กลม ใช้น้ำประปาที่พักไว้แล้ว 2 – 3 วัน และต้องคอยเปลี่ยนน้ำทุกวัน ในระยะแรกให้ลูกปลาแค้กินไรน้ำเป็นอาหาร ต่อมาให้ลูกน้ำผสมไรน้ำจนลูกปลามีอายุครบ 30 วัน จึงเริ่มหัดให้กินเนื้อปลาสดบดผสมกับอาหารลูกไก่ในอัตราส่วน 7 : 3 ในระยะนี้จะเหลือลูกปลารอดชีวิตมา 5,000 ตัว ซึ่งทางกองประมงน้ำจืดได้นำลูกปลาแค้จำนวน 4,600 ตัวไปแจกจ่ายตามสถานีประมงใกล้เคียงต่อไป การทดลองเพาะพันธุ์ปลาแค้ด้วยวิธีการผสมเทียมนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากที่ผ่านมาองค์ความรู้เกี่ยวกับปลาแค้และการเพาะพันธุ์ปลาแค้มีน้อยมาก ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญของสถานีประมงจังหวัดพะเยา อันเป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาชีวประวัติของปลาแค้ และแนวทางการอนุรักษ์และเพาะพันธุ์ปลาแค้ในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบัน ผู้เขียน: นายธัชพงศ์ พัตรสงวน (นักจดหมายเหตุปฏิบัติการ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา)เอกสารอ้างอิง: 1. หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา. เอกสารชุดสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดพะเยา หจช พย พย กษ 1.1.3/13 เรื่อง การเพาะพันธุ์และผสมเทียมปลากดแค้ของสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดพะเยา [ 16 ส.ค. 2526 ].2. หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ พะเยา. เอกสารชุดสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดพะเยา หจช พย พย กษ 1.1.3/16 เรื่อง ความสำเร็จด้านการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์สัตว์น้ำ ของสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดพะเยา [ 19 ธ.ค. 2529 ].#จดหมายเหตุ #องค์ความรู้จากจากจดหมายเหตุ #หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯพะเยา #เอกสารจดหมายเหตุ



สำหรับภาพฝีพระหัตถ์เป็นภาพ “งูขึ้นกระได” ตัวเล็กๆ ยิ้มหวานหน้าตาน่ารัก ขณะที่พรพระราชทาน มีใจความว่า            “ปีมะเส็ง ปีงูเล็ก ๒๕๖๘      งูขึ้นกระได : ชีวิตก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ            ปีมะเส็งคิดดูคืองูเล็ก      ผู้ใหญ่เด็กยินดีกันทั่วหน้า      เราเคยเล่นเกมส์กันแต่ก่อนมา      เรียกกันว่าเล่นงูตกกระได      แต่ปีนี้ชีวีจะมีสุข      ยังมีทุกข์กันอยู่ก็สู้ไหว      เรามีแต่ขึ้นบันไดสูงขึ้นไป      งูช่วยเราให้กายใจสบายเอย”


            สำนักหอสมุดแห่งชาติ "รับสมัครนักแสดงละครพูด" พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเผยแพร่พระเกียรติคุณในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 “กิจกรรมทวีปัญญา” ประจำปี 2568 ครั้งที่ 2 คุณสมบัติ  - นักเรียน นิสิต นักศึกษา และผู้ที่สนใจในการแสดงละครพูด - สามารถเข้าร่วมการอบรมการแสดงและฝึกซ้อมเพื่อเป็นนักแสดงในละครพูดเรื่อง “ช่างทอน” ที่จะจัดแสดงในเดือนพฤษภาคม 2568 ได้ เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – 3 กุมภาพันธ์ 2568 ผ่านทางคิวอาร์โค้ด หรือสมัครผ่านลิงก์ https://forms.gle/kiTK1h59M2M2ZdgT6 *ออดิชั่น 11 กุมภาพันธ์ 2568* สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หอวชิราวุธานุสรณ์ โทร. 0 2282 3264 E-mail : peeraya.kvm@gmail.com



ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ.                       76/1หมวดหมู่                   พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               52 หน้า : กว้าง 4.5 ซม. ยาว 57 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก                    เป็นคัมภีร์ใบลานได้รับจาก วัดประดู่ทรงธรรม  อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา


black ribbon.