ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ
ชื่อเรื่อง : นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินครศรีธรรมราช
ผุ้แต่ง : กรมศิลปากร
พิมพ์ครั้งที่ : ๒
ปีที่พิมพ์ : ๒๕๔๓
สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ : รุ่งศิลปการพิมพ์ (๑๙๗๗) จำกัด
หนังสือนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราชให้รายละเอียดเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราชปัจจุบัน พัฒนาการทางโบราณและประวัติศาสตร์เมืองนครศรีธรรมราช
ชื่อเรื่อง ประชุมนิทานพระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ 6 (นิทานทองอิน ภาคที่ 2) ผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวประเภทวัสดุ/มีเดีย หนังสือหายากหมวดหมู่ ขนมธรรมเนียม ประเพณีเลขหมู่ 398.2 ม113ปสถานที่พิมพ์ พระนครสำนักพิมพ์ โรงพิมพ์พระจันทร์ปีที่พิมพ์ 2506ลักษณะวัสดุ 118 หน้าหัวเรื่อง นิทานภาษา ไทยบทคัดย่อ/บันทึกพิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ อำมาตย์ตรี พระธราทรพิทักษ์ (อั๋น กนิษฐะเสน)
ชื่อผู้แต่ง บุญส่ง เลขะกุล
ชื่อเรื่อง ชีวิตของฉัน ลูกกระทิง
พิมพ์ครั้งที่ 2
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพ
สำนักพิมพ์ โอเดียนสโตร์
ปีที่พิมพ์ 2520
จำนวนหน้า 460 หน้า
ชีวิตของฉัน ลูกกระทิง " เป็นสารคดีในรูปนิยาย ลูกกระทิงตัวน้อย ๆ ที่เที่ยวไปในป่า ดงพงไพรด้วยความเพลิดเพลิน ได้พบได้เห็นธรรมชาติของป่าและของเพื่อนสัตว์ป่านานาชนิด และต้องผจญภัยกับธรรมชาติอย่างรอบด้านอย่างน่าสงสาร แต่ไม่ว่าเจ้าลูกกระทิงจะทำอะไรที่ไหน จะมีแม่คอยสั่งสอนแนะนำอยู่เสมอด้วยความรักและเอาใจใส่ จนทำให้เกิดการเรียนรู้ถึงสภาพความเป็นอยู่ของตัวมันเองและสัตว์อื่น ตลอดจนสภาพความเป็นไปของชีวิตป่าจนเป็นประสบการณ์ที่มันสามารถจะนำมาใช้ในการดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวของมันเอง เมื่อโตขึ้นอย่างมั่นคง ถึงแม้จะไม่มีใครคอยช่วยเหลือเลยก็ตาม
ผู้แต่ง : -
ฉบับพิมพ์ : พิมพ์ครั้งที่ 1
สถานที่พิมพ์ : พระนคร
สำนักพิมพ์ : กรมศิลปากร
ปีที่พิมพ์ : 2505
หมายเหตุ : พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นายสุขุม เมาลานนท์
ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 21 นี้เป็นจดหมายเหตุเรื่องเจรจาความเมืองระหว่างไทยกับพม่า ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เริ่มตั้งแต่ รัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 4 ครั้ง ซึ่งมีรายละเอียดได้รวบรวมไว้ในหนังสือเล่มนี้แล้ว
โถพร้อมฝา
ศิลปะสุโขทัย พุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๑
ได้จากวัดตระพังป่าน เมืองโบราณสุโขทัย
เขียนลายสีดำใต้เคลือบ ตกแต่งลายดอกไม้ในช่อง เป็นสังคโลกชิ้นเด่นที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง
ที่มาของข้อมูล :
หนังสือนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง
ข้อมูลนำชมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ รามคำแหง
ผ่าน QR code
จัดทำโดย นางสาวสาธิตา วรรณพิรุณ
คณะบริหารธุรกิจและศิลปศาสตร์ สาขาการท่องเที่ยวและการโรงแรม
ชั้นปีที่ ๔ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ล้านนา ตาก
โครงการสหกิจศึกษา ปีการศึกษา ๒๕๖๓
พระพุทธรูปปางแสดงธรรม พบที่วัดราชเดชะ(ร้าง) พระครูประภัศร์ธรรมาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระลอย อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรีมอบให้ จัดแสดง ณ ห้องบรรพชนคนอู่ทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ลำพระองค์พระพุทธรูป สลักจากหิน ส่วนพระเศียรหักหายไป สูงประมาณ ๑๘๘ เซนติเมตร พระพุทธรูปครองจีวรห่มคลุม จีวรเรียบ เห็นขอบสบงบริเวณบั้นพระองค์ ขอบสบงยาวถึงข้อพระบาทมีริ้วด้านข้าง ส่วนปลายจีวรเป็นลายเขี้ยวตะขาบ ปรากฏจีวรพาดผ่านพระกรทั้งสองข้าง แล้วทิ้งชายลงเป็นวงโค้งเบื้องหน้า พระกรทั้งสองยกขึ้นเสมอพระอุระ มีรูสำหรับเสียบเดือยต่อกับข้อพระกรและพระหัตถ์ที่สลักหินแยกชิ้น ซึ่งปัจจุบันได้หักหายไป สันนิษฐานว่าพระหัตถ์ที่หักหายไปทั้งสองข้างนั้นน่าจะแสดงวิตรรกะมุทรา (ปางแสดงธรรม) โดยการจีบพระอังคุฐ (นิ้วหัวแม่มือ) กับพระดัชนี (นิ้วชี้) เข้าหากัน เทคนิคการสลักแยกส่วนพระหัตถ์ออกจากพระวรกายเช่นนี้ พบในพระพุทธรูปปางแสดงธรรมขนาดใหญ่ที่สลักจากหินในวัฒนธรรมทวารดี พระพุทธรูปองค์นี้ หากสมบูรณ์ น่าจะมีรูปแบบศิลปกรรมคล้ายคลึงกันกับพระพุทธรูปปางแสดงธรรม สลักจากหิน ที่พบจากเมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดีอื่น ๆ เช่น พระพุทธรูปปางแสดงธรรมพบที่เมืองนครปฐมโบราณ จัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์ พระพุทธรูปปางแสดงธรรมพบที่จังหวัดลพบุรี จัดแสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ นอกจากนั้นยังมีการค้นพบชิ้นส่วนพระเศียร พระหัตถ์ และพระบาทพร้อมฐานพระพุทธรูปสลักจากหิน จากการขุดแต่งเจดีย์หมายเลข ๑๓ เมืองโบราณอู่ทอง ซึ่งสันนิษฐานว่า น่าจะเป็นพระพุทธรูปยืนปางแสดงธรรม เช่นเดียวกัน สุนทรียภาพโดยรวม และรูปแบบศิลปกรรมของพระพุทธรูปองค์นี้ ได้แก่ การครองจีวรห่มคลุม จีวรเรียบบางแนบพระวรกาย ยังคงแสดงถึงอิทธิพลของศิลปะอินเดียแบบคุปตะและหลังคุปตะ ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๑ – ๑๓ แต่การปรับเปลี่ยนการยืนในท่าตริภังค์ (ยืนเอียงสะโพก) และแสดงมุทรา (ปาง) ด้วยพระหัตถ์ขวา แบบศิลปะอินเดีย มาเป็นยืนในท่าสมภังค์ (ยืนตรง) และแสดงวิตรรกะมุทราสองพระหัตถ์ (ปางแสดงธรรม) น่าจะเกิดขึ้นในช่วงที่งานศิลปกรรมสมัยทวารวดีมีพัฒนาการจากศิลปะอินเดียซึ่งเป็นต้นแบบ จนมีเอกลักษณ์ของตนเองอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการแสดงวิตรรกะมุทรา (ปางแสดงธรรม) สองพระหัตถ์ ซึ่งเป็นรูปแบบเฉพาะที่เกิดขึ้นในวัฒนธรรมทวารวดี จึงอาจกำหนดอายุพระพุทธรูปองค์นี้ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓ – ๑๔ (ประมาณ ๑,๒๐๐ – ๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว) พระพุทธรูปองค์นี้แม้จะมีสภาพไม่สมบูรณ์ แต่ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของรูปแบบศิลปกรรมที่รับอิทธิพลมาจากศิลปะอินเดีย และมีการพัฒนาจากต้นแบบจนกระทั่งมีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ทั้งยังแสดงให้เห็นถึงเทคนิคเชิงช่างในการสร้างพระพุทธรูปปางแสดงธรรมขนาดใหญ่ที่สลักจากหินในวัฒนธรรมทวารวดีด้วย --------------------------------------------------------ที่มาของข้อมูล พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง https://www.facebook.com/Uthongmuseum/posts/1464498020414612--------------------------------------------------------เอกสารอ้างอิงศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะทวารวดี : วัฒนธรรมทางศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย. กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๖๒ สุภัทรดิศ ดิศกุล, ศิลปะในประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๑๓, กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๕๐.
ชื่อผู้แต่ง ดำรงราชานุภาพ , สมเด็จกรมพระยา
ชื่อเรื่อง พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์รัชกาลที่ ๕
ครั้งที่พิมพ์ -
สถานที่พิมพ์ พระนคร
สำนักพิมพ์ โรงพิมพ์จำลองศิลป
ปีที่พิมพ์ -
จำนวนหน้า ๔๕๔ หน้า
หมายเหตุ -
พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์นี้ สมเด็จเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ได้ทรงนิพนธิ์ขณะประทับอยู่ที่ปีนัง ทรงเลือกนิพนธ์เหตุการณ์ตอนสำคัญๆ ที่ไม่สู้ปรากฏในเอกสารแพร่หลายนัก หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมาของชาติและประมุขแห่งชาติควรแก่การจดจำรักษาไว้
พระพุทธรูปยืนปางแสดงธรรม มีประภามณฑลหลังพระเศียร
สำริด สูง ๒๔.๕ เซนติเมตร
ศิลปะทวารวดี อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ (ประมาณ ๑,๒๐๐ ปี มาแล้ว)
ได้จากเจดีย์หมายเลข ๑๑ เมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
ปัจจุบันจัดแสดง ณ ห้องอู่ทองศรีทวารวดี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
พระพุทธรูปปางแสดงธรรม พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระเนตรเหลือบลงต่ำ พระนาสิกโด่ง พระโอษฐ์หนา มีขอบพระโอษฐ์เป็นเส้นตรง อมยิ้มเล็กน้อย ขมวดพระเกศาใหญ่ พระรัศมีเป็นรูปกรวย ประทับยืนตรง ครองจีวรห่มคลุม จีวรบางแนบพระวรกาย พระหัตถ์แสดงวิตรรกะมุทรา (ปางแสดงธรรม) ทั้งสองข้าง ขอบจีวรด้านหน้าตกลงจากข้อพระหัตถ์เป็นวงโค้งอยู่เหนือขอบสบง ด้านหลังตกลงเป็นสี่เหลี่ยมมุมมน เบื้องหลังพระเศียรมีประภามณฑลเป็นวงโค้งประดับลวดลายเปลวไฟอยู่โดยรอบ
พระพุทธรูปศิลปะทวารวดี ซึ่งมีประภามณฑลเป็นวงโค้งล้อมรอบด้วยเปลวไฟเช่นนี้ พบที่เจดีย์หมายเลข ๑๑ เมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี จำนวน ๓ องค์ พระพุทธรูปที่มีประภามณฑลแบบนี้ปรากฏอยู่ในศิลปะอินเดียแบบหลังคุปตะ ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๓ (ประมาณ ๑,๓๐๐ – ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว) และศิลปะอินเดียแบบปาละ ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ – ๑๗ (ประมาณ ๙๐๐ – ๑,๒๐๐ ปีมาแล้ว) ดังนั้นจึงกำหนดอายุพระพุทธรูปองค์นี้ไว้ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๔ (ประมาณ ๑,๒๐๐ ปีมาแล้ว)
พระพุทธรูปยืนปางแสดงธรรมทั้งสองพระหัตถ์แสดงถึงพัฒนาการอันเป็นรูปแบบเฉพาะของศิลปะทวารวดี ผสมผสานกับการตกแต่งด้วยประภามณฑลรูปวงโค้งที่ล้อมรอบด้วยลวดลายเปลวไฟ ซึ่งยังคงอิทธิพลของศิลปะอินเดียอันเป็นต้นแบบ ทั้งนี้การทำประภามณฑลเป็นรูปวงโค้งล้อมรอบด้วยลวดลายเปลวไฟนี้ ยังพบในประติมากรรมรูปเคารพในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และพุทธแบบมหายาน ศิลปะศรีวิชัย ซึ่งเจริญขึ้นบริเวณคาบสมุทรภาคใต้ของประเทศไทย อีกด้วย
เอกสารอ้างอิง
กรมศิลปากร. ศิลปะทวารวดี ต้นกำเนิดพุทธศิลป์ในประเทศไทย. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด, ๒๕๕๒.
พนมบุตร จันทรโชติ และคณะ. นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง และเรื่องราวสุวรรณภูมิ. กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), ๒๕๕๐.
สุภัทรดิศ ดิศกุล, ศิลปะในประเทศไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๑๓, กรุงเทพฯ : มติชน, ๒๕๕๐.
มหาสติปัฐานสูตร โพชฌงคสูตร คิริ มานนทสูตร ชบ.ส. ๑๙
เจ้าอาวาสวัดต้นสน ต.บางปลาสร้อย เขต ๑ อ.เมือง จ.ฃลบุรี
มอบให้หอสมุด ๒๐ ก.ค. ๒๕๓๕
เอกสารโบราณ (สมุดไทย)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.20/1-1
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)