ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
วัดสะพานหินตั้งอยู่บนเนินเขาที่มีความสูงประมาณ ๒๐๐ เมตร ชื่อวัดเรียกตามลักษณะทางที่ปูลาดด้วยหินจากตีนเขาขึ้นไปเป็นระยะทางประมาณ ๓๐๐ เมตร มีเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์หรือทรงดอกบัวตูมขนาดเล็กตั้งอยู่ระหว่างทางเดินขึ้นเขานี้ด้วย
.
โบราณสถานที่สำคัญบนยอดเขา คือพระพุทธรูปประทับยืน ปางประทานอภัย ขนาดใหญ่ ประดิษฐานภายในวิหาร ซึ่งน่าจะตรงกับที่ศิลาจารึกหลักที่ ๑ ของพ่อขุนรามคำแหง ที่กล่าวถึงเบื้องตะวันตกของเมืองสุโขทัยว่า “...ในกลางอรัญญิก มีพิหารอันณึ่งมนใหญ่สูงงามแก่กม มีพระอัฎฐารศอันณึ่งลุกยืน...” และน่าจะเป็นวัดที่พ่อขุนรามคำแหงทรงช้างเผือกชื่อ รูจาครี เพื่อไปนบพระในวัดนี้ทุกวันพระ ข้างขึ้นและแรม ๑๕ ค่ำ
เลขทะเบียน : นพ.บ.119/3ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 44 หน้า ; 4.3 x 54.5 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 67 (214-219) ผูก 3 (2564)หัวเรื่อง : แปดหมื่นสี่พันขันธ์ (8 หมื่น)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ชื่อผู้แต่ง ภิกขุ ปัญญานันทมุนี
ชื่อเรื่อง ทางสายกลาง
ครั้งที่พิมพ์ พิมพ์ครั้งที่ ๑
สถานที่พิมพ์ กรุงเทพฯ
สำนักพิมพ์ เจริญวิทย์การพิมพ์
ปีที่พิมพ์ ๒๕๑๖
จำนวนหน้า ๑๓๓ หน้า
หมายเหตุ พิมพ์เป็นที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพ นายคล้อย เดชดี
ณ เมรุวัดภูผาภิมุข อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง วันที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๑๖
ความสุขทุกข์ของเราเป็นผลเนื่องมาจากการกระทำของเราเอง ไม่มีใครหรือสิ่งใดมาดลบันดาลให้เราเป็นสุขหรือทุกข์ได้ ถ้าเราไม่ทำมันด้วยตัวของเราเอง ครูอาจารย์เป็นแต่เพียงผู้บอกทางให้เท่านั้น การลงมือเดินเป็นกิจที่เราเองจักต้องทำ เมื่อเป็นเช่นนั้น การกระทำความดี จึงเป็นกิจจำเป็นของเราทุกคน โลกหมุนไปตามกฎของกรรม
เลขทะเบียน : นพ.บ.129/4ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณหมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 48 หน้า ; 4.8 x 50 ซ.ม. : ล่องรัก ; ไม้ประกับธรรมดา ชื่อชุด : มัดที่ 75 (275-287) ผูก 4 (2564)หัวเรื่อง : ธฺมมปทวณฺณนา ธฺมฺมปทฎฺฐกถา ขุทฺกนิกายฎฺฐกถา (ธมฺมบท)--เอกสารโบราณ คัมภีร์ใบลาน พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม
ยันต์และคาถาอาคม ชบ.ส. ๔
เจ้าอาวาสวัดรังษีสุทธาวาส ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
มอบให้หอสมุด ๙ ก.ค. ๒๕๓๕
เอกสารโบราณ (สมุดไทย)
สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สังคิณี-มหาปัฎฐาน)
เลขที่ ชบ.บ.17/1-7
เอกสารโบราณ (คัมภีร์ใบลาน)
ชื่อเรื่อง : ส้วยถัง เล่ม 2 ชื่อผู้แต่ง : -ปีที่พิมพ์ : 2509 สถานที่พิมพ์ : กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์ : องค์การค้าของคุรุสภา จำนวนหน้า : 322 หน้า สาระสังเขป : ส้วยถัง เป็นพงศาวดารจีนที่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย โดยเรื่องราวเกิดในสมัยกษัตริย์จีนราชวงศ์ซุย และราชวงศ์ถังตอนต้น (พ.ศ. 1132-1161) เรื่องราวบอกเล่าเหตุการณ์ช่วงราชวงศ์ซุยแผ่นดินเกิดการจลาจล เหล่าผู้กล้าต่างรวมตัวต่อต้านราชวงศ์ซุย โดยในเล่มนี้เป็นเรื่องราวส้วยถังในตอนที่ 2 ตอนเตียกงกึน ซือไต้ไหน เลี่ยมเหมง ฮวนเกียนฮุยตีหักคุก ไปจนถึงตอนหลีง่วนป่าปาลูกตุ้มขึ้นไปบนฟ้า
ตู้และหีบพระธรรม เป็นเครื่องใช้สอยจำพวกหนึ่ง ที่สร้างขึ้นอุทิศไว้ในพระพุทธศาสนา มีรูปทรง และประโยชน์ใช้สอยแตกต่างกันไปเป็นหลายประเภท ตามวิถีของพระสงฆ์สาวก ซึ่งเป็นผู้ศึกษาและเผยแผ่พระธรรม ภายในวัดวาอารามต่าง ๆ จึงมีหอพระไตรปิฎก เก็บรักษาพระธรรม คัมภีร์ ใส่ในตู้หรือหีบพระธรรม รักษาไว้เป็นส่วนของวัด และใช้ในพิธีกรรมอันปฏิบัติอยู่หมู่สงฆ์ รวมถึงประเพณี พิธีกรรมอันเนื่องกับฆราวาส จำแนกได้เป็นหลายประเภท เช่น ตู้พระธรรม ตู้พระไตรปิฎก หีบพระธรรม หีบหนังสือสวด หีบหนังสือเทศน์ เป็นต้น ------------------------------------------------------เรียบเรียงข้อมูลโดย นางสาวเด่นดาว ศิลปานนท์ ภัณฑารักษ์เชี่ยวชาญ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ------------------------------------------------------
ตราดินเผารูปเรือ
จากเมืองโบราณอู่ทอง
ตราดินเผารูปเรือ พบบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี จัดแสดงห้องบรรพชนคนอู่ทอง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
ตราดินเผาทรงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๓.๕ เซนติเมตร มีรอยประทับเป็นเส้นโค้งและเส้นตรงตัดไขว้กัน สันนิษฐานว่าเป็นสัญลักษณ์รูปเรือ โดยเส้นโค้ง ๒ เส้นด้านล่างเป็นกราบเรือและท้องเรือ เส้นตรงที่กึ่งกลางเป็นเสากระโดง ๑ ต้น เส้นทแยงอาจเป็นเชือกผูกเสากระโดง หรือใบเรือ ด้านหลังของตราดินเผามีที่จับทรงกรวยซึ่งชำรุดส่วนปลายหักหายไป
ตราดินเผานี้ เป็นหลักฐานหนึ่งที่แสดงถึงรูปแบบของเรือ และการเดินเรือเข้ามาติดต่อแลกเปลี่ยนของชาวต่างชาติจากดินแดนห่างไกล ซึ่งสันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายเรื่อยมาจนถึงสมัยทวารวดี นอกจากตราดินเผาชิ้นนี้แล้ว ยังพบหลักฐานงานศิลปกรรมสมัยทวารวดีที่เกี่ยวข้องกับเรือและการเดินเรือ ได้แก่
๑. ตราดินเผารูปเรือ พบจากเมืองนครปฐมโบราณ จังหวัดนครปฐม แสดงภาพเรือแบบมีเสากระโดง ๑ ต้น เชือกผูกเสากระโดง ๒ เส้น บนยอดเสากระโดงมีธง ใบเรือรูปโค้งตรงหัวเรือ ๑ ใบ และมีคนดึงเชือกที่หัวเรือและถือหางเสือที่ท้ายเรือ ลายคลื่นที่ใต้ท้องเรือ แสดงถึงการที่เรือกำลังเดินทางในทะเล
๒. ภาพปูนปั้นเล่าเรื่องชาดก พบจากเจดีย์จุลประโทน จังหวัดนครปฐม แสดงภาพบุคคลนั่งภายในเรือที่มีเสากระโดงอยู่ตรงกลาง อาจเป็นเรื่องสุปปารกชาดกหรือสมุททวาณิชชาดก ซึ่งชาดกทั้ง ๒ เรื่อง มีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางโดยเรือ
รูปแบบของเรือที่มีเสากระโดง ๑ ต้น ซึ่งปรากฏบนตราดินเผาจากเมืองโบราณอู่ทอง ตราดินเผาจากเมืองนครปฐมโบราณและภาพปูนปั้นจากเจดีย์จุลประโทนนี้ น่าจะเป็นเรือรูปแบบหนึ่ง ที่พ่อค้าและนักเดินทางชาวต่างชาติใช้เป็นพาหนะเดินทางเข้ามาติดต่อแลกเปลี่ยนกับคนพื้นเมืองในสมัยทวารวดี
ตราดินเผารูปเรือนี้ กำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๔ หรือประมาณ ๑,๒๐๐ – ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว สันนิษฐานว่าอาจเป็นตราที่ผลิตขึ้นในท้องถิ่นโดยคนพื้นเมืองทวารวดี โดยใช้เรือที่พบเห็นเป็นต้นแบบและนำมาผลิตเป็นตราดินเผาในรูปอย่างง่าย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของบุคคลหรือกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับการค้าหรือการเดินเรือก็เป็นได้
เอกสารอ้างอิง
รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง. มรดก ๑,๐๐๐ ปี เก่าที่สุดในสยาม. นนทบุรี : มิวเซียมเพรส, ๒๕๕๖.
อนันต์ กลิ่นโพธิ์กลับ. “การศึกษาความหมายและรูปแบบตราประทับสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๗.