ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,771 รายการ
กรมศิลปากรชี้แจงประเด็นข่าวกุฏิพระโบราณ ที่วัดสิงห์ จังหวัดปทุมธานี พังทลายเสียหาย สาเหตุจากช่างที่กรมศิลปากรจ้างมาซ่อมแซมบูรณปฏิสังขรณ์
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเสมือนจริง หอศิลป: www.virtualmuseum.finearts.go.th/nationalgallery
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป หรือที่เรียกอีกชื่อว่า หอศิลปเจ้าฟ้า ตั้งอยู่บนถนนเจ้าฟ้า เขตพระนคร ในอดีตเป็นสถานที่ตั้งพระตำหนักของเจ้านายฝ่ายวังหน้า (กรมพระราชวังบวรสถานมงคล) มาตั้งแต่ครั้งรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช จนเป็นที่มาของชื่อ “ถนนเจ้าฟ้า” ในปัจุบัน (ประทุม 2532 : 9)
ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้สร้างโรงงานผลิตเงินเหรียญแห่งใหม่ที่มีความทันสมัยโดยเลือกพื้นที่บริเวณริมคลองคูเมืองเดิมใกล้วัดชนะสงคราม ดังนั้น จึงต้องรื้อถอนพระตำหนักของเจ้านายฝ่ายวงหน้าที่ตั้งอยู่บริเวณนี้ โดยพระราชทานเงินค่ารื้อถอนและสร้างวังใหม่ให้แก่เจ้านายทุกพระองค์เพื่อก่องสร้างโรงงานผลิตเหรียญดังกล่าว ซึ่งเมื่อสร้างแล้วเสร็จได้รับพระราชทานนามว่า “โรงกษาปณ์สิทธิการ” (ปทุม 2542 : 10)
โรงกษาปณ์สิทธิการ สร้างขึ้นตามลักษณะทางสถาปัตยกรรมตะวันตกโดย นายคาร์โล อัลเลกรี (Carlo Allegri) สถาปนิกชาวอิตาเลียนประจำราชสำนักสยามเป็นผู้ออกแบบ (เพ็ญสุภา 2543 : 157) โดยได้แรงบันดาลใจจากโรงงานเครื่องจักรที่เมืองเบอร์มิ่งแฮม ประเทศอังกฤษ (ประทุม 2542 : 10) มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมคือ อาคารหลักด้านหน้าเป็นทรงปั้นหยา สูงสองชั้น หลังคามุงกระเบื้องว่าว สองข้างอาคารหลักต่อเป็นปีกทอดยาว เป็นอาคารชั้นเดียวหักมุมฉากสี่ด้านบรรจบกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเชื่อมต่อกัน บริเวณสันหลังคา เชิงชายช่องบานประตู หน้าต่างประดับด้วยลวดลายฉลุไม้อย่างงดงม
การก่อสร้างโรงงานกษาปณ์สิทธิการเสร็จสมบูรณ์และเริ่มดำเนินการผลิตเหรียญครั้งแรกในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2445 ใช้งานเรื่อยมาจนถึง พ.ศ. 2511 กรมธนารักษ์ได้ย้ายไปสร้างโรงงานใหม่ โรงงานกษาปณ์สิทธิการจึงร้างลงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (ประทุม 2542 : 10-11)
ในวาระครบรอบ 100 ปี การพิพิธภัณฑ์ไทย (พ.ศ.2517) กรมศิลปากร ได้ริเริ่มโครงการจัดตั้ง พิพิธภัณฑสถานประเภทศิลปะสมัยใหม่ จึงได้เสนอขอใช้โรงกษาปณ์สิทธิการ เพื่อปรับปรุงให้เป็นหอศิลป ซึ่งกรมธนารักษ์ได้อนุมัติมอบหมายอาคารแห่งนี้ให้กรมศิลปากร เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2517 เพื่อจัดตั้งเป็น “หอศิลปแห่งชาติ” โดยมีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อเป็นสถานที่เก็บรวบรวมและจัดแสดงผลงานศิลปกรรมประเภททัศนศิลป์ของศิลปินผู้มีชื่อเสียงทั้งชาวไทยชาวต่างประเทศ ตลอดจนเป็นศูนย์ศึกษาวิจัยและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับศิลปกรรมทั้งแบบไทยประเพณีและร่วมสมัย (จิรา 2532 : 67-68)
พิพิธภัณฑ์ฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินินาถ โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีเปิดเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2520 จากการที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นองค์อุปถัมภกและทรงสนับสนุนส่งเสริมงานด้านศิลปกรรมไทยทุกแขนง กรมศิลปากรจึงถือโอกาสในปีอันเป็นมหามงคลครบรอบ 72 พรรษาของพระองค์และเป็นปีที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ได้ก่อตั้งมาครบรอบ 27 ปี ดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป เพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสดังกล่าว และเพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับงานศิลปกรรมประเภททัศนศิลป์ในประเทศไทย ให้แก่นักเรียน นักศึกษาและผู้ที่สนใจต่อไป หลังจากนั้นไม่นานหอศิลปแห่งชาติได้ปิดปรับปรุงและเปลี่ยนชื่อได้ตรงตามพระราชบัญญัติโบราณสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ว่า “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป” และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม ในวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2521 (ประทุม 2542 : 13-14)
ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2526 กรมธนารักษ์ได้มอบอาคารและที่ดินบางส่วนให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ทำให้มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้นทั้งสามารถดำเนินการปรับปรุงขยายพื้นที่อาคารจัดแสดง เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการแก่ศิลปินตลอดจนอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้เข้าชมได้อย่างครบถ้วนตามหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์ทางศิลปพระดับชาติดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
อ้างอิง : หนังสือนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (Guide to The National Gallery, Bangkok)
พิพิธิภัณฑสถานแห่งชาติเสมือนจริง เชียงใหม่: www.virtualmuseum.finearts.go.th/chiangmai
การจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ เริ่มขึ้นในปีพุทธศักราช 2512 มีการปรับปรุงพื้นที่ประมาณ 23 ไร่ มีการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑสถาน เป็นอาคารทรงไทยประยุกต์สองชั้นโครงสร้างเหล็ก ก่ออิฐถือปูน ประดับยอดจั่วด้วยกาแลแบบศิลปะพื้นถิ่นภาคเหนือ รวมพื้นที่กว่า 1,200 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการถาวรกว่า 800 ตารางเมตร
วัตถุประสงค์หลักของการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาตินี้ คือ การตั้งแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่รวบรวมได้จากบริเวณภาคเหนือตอนบน อันประกอบด้วยพื้นที่ 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน แพร่ พะเยา น่าน ลำพูน และลำปาง และสาเหตุที่พิจารณา จังหวัดเชียงใหม่ เป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเนื่องจากมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติไทย เคยเป็นที่ตั้งของราชธานีหรือเมืองหลวง ศูนย์กลางของอาณาจักรล้านนาหรือไทยฝ่ายเหนือมาก่อน อีกทั้งยังคงสถานะเป็นศูนย์กลางความเจริญของภาคเหนือสืบต่อมาจนทุกวันนี้
เมื่ออาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ แล้วเสร็จประมาณปีพุทธศักราช 2514 จึงดำเนินการจัดแสดงนิทรรศการถาวรภายในอาคารจนสามารถเปิดให้สาธารณชนเข้าชมและใช้บริการต่าง ๆ ของพิพิธภัณฑสถานได้นับตั้งแต่พุทธศักราช 2516 เป็นต้นมา กระทรวงศึกษาธิการได้ออกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 9 มีนาคม พุทธศักราช 2516 เรื่อง กำหนดสถานที่เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยกำหนดให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ในคราวเดียวกันกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ขอนแก่น และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กำแพงเพชร โดยประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 90 ตอนที่ 29 ลงวันที่ 27 มีนาคม พุทธศักราช 2516
ที่ตั้ง บ้านเมืองที ตำบลเมืองที อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์
อายุสมัย นักวิชาการได้สันนิษฐานอายุสมัยของโบราณสถานแห่งนี้ ๒ ประการ คือ
๑. พิจารณาจากลักษณะทางสถาปัตยกรรมขององค์ปราสาทที่มีลักษณะผอมเรียวและจากประวัติศาสตร์เมืองทีเมื่อสมัยอยุธยาตอนปลาย ปราสาทเมืองทีน่าจะสร้างและต่อเติมจากกลุ่มขอมและกูยที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้เมื่อปลายสมัยอยุธยา และได้พยายามพลิกฟื้นความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรขอมในอดีต
๒. โบราณสถานแห่งนี้แต่เดิมเคยเป็นศาสนสถานของวัฒนธรรมขอมโบราณมาก่อน ต่อมาสมัยอยุธยาตอนปลาย ได้ถูกต่อเติมโดยกลุ่มขอมและกูยที่เข้ามาตั้งถิ่นฐาน
รายละเอียด
ปราสาทเมืองทีตั้งอยู่ในบริเวณวัดจอมสุทธาวาส ประกอบด้วย ปรางค์ก่อด้วยอิฐฉาบปูนจำนวน ๕ องค์ บนฐานเดียวกัน ปัจจุบันได้พังทลายเหลือเพียง ๓ องค์ ซึ่งลักษณะของปรางค์ประธานจะมีขนาดใหญ่ ผอมเรียว แผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม ที่ฐานทักษิณมีบันไดทางขึ้นทั้ง ๔ ด้าน ตัวเรือนธาตุทึบตันไม่มีประตู(แต่มีร่องรอยว่าเดิมเคยมีประตู) ส่วนบนมี ๓ ชั้น เลียนแบบตัวเรือนธาตุ ส่วนยอดหักหายไป ส่วนปรางค์บริวารทั้ง ๒ องค์ มีขนาดเท่ากันแต่เล็กกว่าปรางค์ประธาน มีลักษณะผอมเรียวแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม ทรงสอบขึ้นมี ๓ ชั้น
ปัจจุบันปราสาทเมืองทียังไม่ได้รับการบูรณะ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน ไม่เก็บค่าเข้าชม
การเดินทาง จากจังหวัดสุรินทร์ ถนนสุรินทร์ – ศีขรภูมิ หมายเลขทางหลวง ๒๒๖ ถึงตำบลเมืองทีเลี้ยวซ้าย ระยะทาง ๑๘.๒ กิโลเมตร
ประกาศเรื่องการขออนุญาตใช้พื้นที่สนามหญ้าหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน จัดกิจกรรมต่างๆ ตามที่หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้มีการขออนุญาตใช้พื้นที่สนามหญ้าหน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน เพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ ทางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน เรียนให้ทราบว่า ให้ปฏิบัติตามระเบียบกรมศิลปากรว่าด้วยการขออนุญาตใช้อาคารสถานที่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๘ อย่างเคร่งครัด
วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม 2561 นางสาวระเบียบ หงส์พันธ์ หัวหน้าหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก กาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา 28 กรกฎาคม 2561 ณ บริเวณด้านหน้าศาลา 60 พรรษามหาราช จังหวัดกาญจนบุรี