
ในเทศกาลเข้าพรรษานี้ พี่บรรณนี่ขอชวนผู้อ่านไปค้นพบเรื่องราวความรู้ที่น่าสนใจจากหนังสือดีที่มีให้บริการในหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี วันนี้ขอนำเสนอเรื่อง “ประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา”
“ประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา” เป็นประเพณีตักบาตรดอกไม้หนึ่งเดียวในโลก ที่จัดขึ้น ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จังหวัดสระบุรี จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน ในช่วงก่อนเข้าพรรษาระหว่างเดือนกรกฎาคมของทุกปี โดยจะมีพิธีตักบาตรดอกเข้าพรรษา วันละ 2 รอบ คือรอบเช้า และรอบบ่าย ซึ่งดอกไม้ที่ใช้ตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์นั้นจะต้องเป็น “ดอกเข้าพรรษา” เท่านั้น
“ดอกเข้าพรรษา” หรือ “ดอกหงส์เหิน” เป็นดอกไม้ที่ออกดอกปีละครั้งเฉพาะในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาเท่านั้น ชาวบ้านจึงเรียกว่า “ต้นเข้าพรรษา” ในท้องที่อำเภอพระพุทธบาท พบได้ใน 2 สกุล ได้แก่ สกุลกระเจียว มีดอกสีขาวหรือขาวอมชมพู และสกุลหงส์เหิน ลักษณะดอกมีขนาดเล็ก กลีบดอกบอบบาง มีก้านเกสรยาว มีดอกหลายสี ทั้งเหลือง เหลืองทองอมส้ม ขาว และสีชมพูอมม่วง รูปร่างคล้ายนกบินจึงเรียกว่า “หงส์เหิน” ชาวอำเภอพระพุทธบาทใช้ดอกเข้าพรรษามาตักบาตรถวายพระสงฆ์ ตามประเพณีดั้งเดิมเก่าแก่ที่เรียกว่า “ประเพณีตักบาตรดอกไม้” ในเทศกาลเข้าพรรษา เชื่อกันว่าเมื่อนำดอกไม้นี้มาตักบาตรจะได้บุญกุศลแรง พร้อมกับการล้างเท้าพระสงฆ์ขณะบิณฑบาต โดยมีความเชื่อว่าการล้างเท้าพระสงฆ์เพื่อให้เท้าสะอาดก่อนที่จะเดินขึ้นสู่รอยพระมณฑปพระพุทธบาท เสมือนการล้างพระพุทธบาทขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า และเมื่อพระสงฆ์ได้รับดอกไม้จากการบิณฑบาตแล้วก็จะนำไปสักการะรอยพระพุทธบาท อันจะส่งผลบุญให้ผู้ทำบุญตักบาตรได้ขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
สำหรับตำนานของการตักบาตรดอกไม้นั้น มีแจ้งในพุทธตำนานว่า นายมาลาการ ผู้ทำหน้าที่นำดอกมะลิสดไปถวายพระเจ้าพิมพิสาร พระราชาแห่งเมืองราชคฤห์เป็นประจำทุกวัน มาวันหนึ่งขณะที่นายมาลาการออกไปเก็บดอกมะลิอยู่ในสวน พระพุทธเจ้าได้เสด็จออกบิณฑบาตผ่านมา นายมาลาการเห็นดังนั้นจึงเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงนำดอกมะลิ 8 กำมือไปถวายแด่พระพุทธองค์ ด้วยจิตอันเปี่ยมด้วยศรัทธาอันแรงกล้าของนายมาลาการได้บังเกิดปาฏิหาริย์ทำให้ดอกมะลิลอยวนแล้วเกิดเป็นแพบังแดดบริเวณโดยรอบพระพุทธองค์ เมื่อพระเจ้าพิมพิสารทรงทราบเรื่องก็เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้า จากนั้นพระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสสั่งสอนว่า “การทำความดีนั้น แม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำได้ ผลกรรมนั้นขึ้นอยู่กับเจตนามากกว่า อย่างนายมาลาการที่มีเจตนาอันแรงกล้า จึงเป็นการทำดีอันยิ่งใหญ่” ภายหลังจากนั้นพระเจ้าพิมพิสารจึงพระราชทานสิ่งของให้นายมาลาการเพื่อเป็นบำเหน็จรางวัล ด้วยอานิสงส์ของการใส่บาตรดอกไม้แทนการตักบาตร ดังที่นายมาลาการได้รับนั้น ชาวพุทธจึงถือปฏิบัติประเพณี “ตักบาตรดอกไม้” สืบต่อกันมา
ผู้อ่านที่สนใจเรื่องราวของประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา และตำนานความเป็นมาของการตักบาตรดอกไม้ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากหนังสือ “ชื่อนี้มีที่มา เล่ม 1 ชุดประเพณีไทย” และ “เทศกาล ประเพณี และการแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีทั่วไทย 2564” โดยหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี มีให้บริการที่ห้องหนังสือทั่วไป 1
ข้อมูลอ้างอิงและภาพประกอบ
ชื่อนี้มีที่มา เล่ม 1 ชุดประเพณีไทย. กรุงเทพฯ: เพื่อนเรียน, [2549].
สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม. เทศกาล ประเพณี และการแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณีทั่วไทย 2564. กรุงเทพฯ: สำนักงาน, 2564.
ประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา จังหวัดสระบุรี. [ออนไลน์]. สืบค้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2568, จาก
https://saraburi.m-culture.go.th/th/db_30_saraburi_33/50642
#หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษกจันทบุรี
#กลุ่มเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กรมศิลปากร
สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี กลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร
(จำนวนผู้เข้าชม 100 ครั้ง)