...

วันวาเลนไทน์ หรือ วันแห่งความรัก ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์
วันวาเลนไทน์ หรือ วันแห่งความรัก ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันที่ใครหลาย ๆ คนรอคอย... โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่ตื่นขึ้นมา พร้อมรอยยิ้ม เพื่อเตรียมของขวัญ คำหวาน และข้อความพิเศษ ๆ มอบให้กับคนรักอย่างแน่นอน วันวาเลนไทน์เกิดขึ้นได้อย่างไร และชาวตะวันตกทำอะไรกันบ้างในวันสำคัญสำหรับชาวคริสต์วันนี้
วันวาเลนไทน์ หรือ วันแห่งความรัก เริ่มต้นขึ้นจากวันฉลองเพื่อระลึกถึงคริสเตียน 2 ท่าน ที่เสียสละเพื่อมนุษย์ ชื่อ วาเลนไทน์ (Valentine) แต่ประเพณีที่เกี่ยวข้องกับวันนี้ก็ไม่มีสิ่งไหนที่เกี่ยวพันถึงชีวิตของนักบุญเหล่านี้ บางทีอาจจะมาจากประเพณีโบราณที่เรียกว่า ลูเปอร์คาเลีย (Lupercalia) ชาวโรมันฉลองวันลูเปอร์คาเลียเป็นประเพณีแห่งความรักของหนุ่มสาว ชายและหญิงสาวจะเลือกคู่สำหรับประเพณีนี้ โดยการเขียนชื่อตนใส่กล่องและจับฉลากเพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงความรัก และปกติเขาจะยังคงติดต่อสัมพันธ์กันเป็นเวลานานหลังจากประเพณีนี้ผ่านไปแล้ว หลายคู่ก็จะลงเอยด้วยการแต่งงาน
ชาวคริสเตียนจะให้ความสำคัญของประเพณีนี้ โดยจะใช้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่มีความหมายตามประเพณีการเลือกคู่ มาถือเป็นประเพณีที่ทำสืบกันมาจนถึงปัจจุบันนี้
การฉลองวันวาเลนไทน์ในยุคแรกๆ จากข้อมูลของหนังสือที่ผลิตขึ้นในปี ค.ศ. 1877 กล่าวว่า ประชาชนชาวอังกฤษยอมรับวันนี้เป็นวันหยุดตั้งแต่ปี ค.ศ. 1446 ส่วนที่สหรัฐอเมริกามานิยมกันในปี ค.ศ. 1800 ในช่วงที่มีสงครามกลางเมือง ผู้เขียนแมกกาซีนในปี 1863 เขียนไว้ว่า “ที่จริงการยอมรับวันคริสตมาสยังไม่มีประเพณีฉลองปรากฏสู่สายตาชาวโลกที่จะครอบงำความสนใจถึงครึ่งหนึ่งเหมือนกับเทศกาลครบรอบวาเลนไทน์นี้
สัญญลักษณ์จำนวนมากของวาเลนไทน์ในยุคนี้ คือ ภาพวาด ซึ่งมักจะเป็นรูปของกามเทพ ซึ่งเป็นผู้ยิงศรรักปักหัวใจคน นักบุญ 2 คน ผู้มีนามว่า “วาเลนไทน์” คนแรกเป็นผู้สอนศาสนาอยู่ในกรุงโรม ประมาณปี 200 ชาวโรมันจำคุกเขาเพื่อกลั่นแกล้งคนคริสเตียน และประมาศ ค.ศ. 270 ชาวโรมันประหารชีวิตเขาโดยการตัดศีรษะ
บางข้อมูลอาจจะบอกว่า นักบุญวาเลนไทน์ หรือเซนต์วาเลนไทน์ เป็นผู้ริเริ่มการจัดงานแต่งงานในยุคที่ไม่นิยมให้แต่งงานกัน เหตุเพราะในช่วงนั้นโรมต้องประสบกับสงคราม จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ต้องการเกณฑ์คนไปรบ แต่มีบุคคลจำนวนมากที่มีครอบครัว มีภรรยา มีคนรัก ต่างไม่อยากจะทิ้งครอบครัวไป ทำให้ จักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ตัดสินใจให้ยกเลิกการแต่งงานและการหมั้นทั้งหมดของชาวโรมันในยุคนั้นไปหมดอย่างสิ้นเชิง
แต่นักบุญวาเลนไทน์กลับสวนกระแสของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง ชักชวนคู่รักมาแต่งงานหลายต่อหลายคู่ จนโดนจับตัวไปขังเอาไว้ และในคุกที่คุมขังนักบุญวาเลนไทน์นั้น เขาได้พบรักกับสาวตาบอดนางหนึ่ง เมื่อโดนจับได้ นักบุญวาเลนไทน์จึงถูกนำตัวไปประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็น วันวาเลนไทน์ วันที่ผู้คนจะรำลึกถึงนักบุญ ผู้อุทิศตนให้ความรักนั่นเอง
นักบุญวาเลนไทน์อีกคนหนึ่งเป็นบาทหลวงของ Interaranca (ปัจจุบันคือ Tem) ห่างจากกรุงโรมประมาณ 60 ไมล์ ซึ่งมีบีนทึกไว้ว่าเขาถูกกกลั่นแกล้ง เนื่องจากการเปลี่ยนจากครอบครัวไปเป็นคริสเตียน และเขาถูกตัดศีรษะในกรุงโรม ประมาณปี ค.ศ. 273 เช่นกัน
แน่นอนว่าพอถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก คู่รักทุกคู่ ทุกรูปแบบก็เตรียมพร้อมกับการแสดงออกถึงความระหว่างที่ตนมีระหว่างกันด้วยวิธีการที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม หรือการมอบสิ่งของแทนใจที่มีความหมายแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ดอกกุหลาบ ที่เป็นสัญลักษณ์ หรือตัวแทนแห่งความรัก และสะท้อนความหมายโดยนัยผ่านสีต่างๆ ของดอกกุหลาบที่แตกต่างกัน อาจมอบให้เป็นช่อ หรือจะมอบแบบเป็นดอกเดี่ยวๆ ก็ได้เช่นกัน
การ์ดวาเลนไทน์ ไม่จำเป็นว่าจะต้องมอบให้กับคนรัก หรือแฟนเพียงอย่างเดียว แต่เรายังสามารถส่งมอบความปราถนาดี ความห่วงใย และความเอาใจใส่ผ่านตัวหนังสือไปยังคนที่เรารักคนอื่นๆได้
ช็อกโกแลต เกิดขึ้นในยุคที่นักบุญวาเลนไทน์ได้เสียชีวิต การให้ช็อกโกแลตแทนใจนับว่าเป็นสิ่งที่ล้ำค่า เนื่องด้วยในสมัยนั้นช็อกโกแลตเป็นของหายาก จึงเปรียบเป็นของที่มีค่าที่คนรักจะมอบแทนใจให้กันได้ อีกทั้ง ช็อกโกแลตยังสามารถสื่อความหมายถึงชีวิตรักของเราได้อย่างชัดเจน เพราะด้วยรสชาติของมันที่มีตั้งแต่รสขม ไปจนถึงรสหวาน เปรียบได้กับการดำเนินชีวิตคู่ที่บางครั้งก็มีทุกข์บ้าง มีสุขบ้าง หรือมีขื่นขมและมีหวานปะปนกันไป

(จำนวนผู้เข้าชม 5210 ครั้ง)