...

งดงาม ยิ่งใหญ่สมการรอคอย จัดเต็มโขนประกอบแสงสี ณ วัดไชยวัฒนาราม



           วันที่ 9 มีนาคม 2567 นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธีเปิดการแสดงโขนประกอบแสงสี ณ วัดไชยวัฒนาราม เรื่องรามเกียรติ์ ชุด“สัจจะพาลี” โดยมีนักท่องเที่ยวและประชาชนชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียงเข้าร่วมชมการแสดงโขนเป็นจำนวนมาก
           นางสาวเพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ กล่าวว่า การจัดการแสดงโขน เรื่อง รามเกียรติ์ ชุด “สัจจะพาลี” โดยสำนักการสังคีต กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับมูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา นับเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐและเอกชน เพื่อสร้างสรรค์และพัฒนาศิลปะการแสดงแบบโบราณของไทยให้สืบทอดต่อไปอย่างยั่งยืน ซึ่งการนำมรดกโลกทั้งสองรายการ ได้แก่ วัดไชยวัฒนาราม โบราณสถานสำคัญในนครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และการแสดงโขน มารวมอยู่ในที่เดียวกัน โดยใช้เทคนิคแสง สี เสียงสมัยใหม่ ประยุกต์เข้ากับการแสดงโขนแบบโบราณ ทำให้เกิดความตระการตาและประทับใจแก่ผู้ชม สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ของนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตามนโยบายซอฟต์  พาวเวอร์ของรัฐบาล


           การแสดงโขนประกอบแสงสี ณ วัดไชยวัฒนาราม เรื่องรามเกียรติ์ ชุด “สัจจะพาลี” ประกอบด้วย เทคโนโลยีที่ทันสมัยสุดตระการตาและการออกแบบเวทีการแสดงให้กลมกลืนกับโบราณสถานในทุกมิติ เพื่อสร้างมโนภาพต่อผู้ชมให้เกิดความงดงามชวนตื่นตาตื่นใจ  จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 - 10 มีนาคม 2567  เวลา 19.00 น.  ณ วัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโบราณสถานที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันมีเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก  บูรณาการร่วมกับ ศิลปะการแสดง “โขน” ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้จากองค์การยูเนสโกเช่นกัน 
 

            สำหรับการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุด “สัจจะพาลี” มีเนื้อเรื่องย่อกล่าวถึง พระอิศวรมอบ บำเหน็จความชอบแก่พญากากาศที่ชะลอเขาพระสุเมรุที่เอนทรุดให้ตั้งตรงได้  โดยประทานนามให้ว่า “พญาพาลีธิราช” และประทานตรีเพชรสุรกานต์ให้เป็นอาวุธประจำกายแล้วประทานพรว่า เมื่อต่อสู้ให้ได้กำลังศัตรูแบ่งมาสมทบครึ่งหนึ่ง จากนั้นจึงออกพระโอษฐ์ฝากผอบบรรจุนางเทพดาราไปประทานแก่สุครีพน้องชาย แต่พระนารายณ์ทูลทัดทานว่าไม่ควรฝากไปเกรงจะไม่ถึงสุครีพ  พาลีจึงถวายสัตย์ว่าหากตนทรยศน้องชายขอให้ตายด้วยศรพระนารายณ์ เมื่อกลับถึงเมืองขีดขิน พาลีก็ผิดสัตย์สาบานจนถูกพระนารายณ์อวตารตามมาสังหารชีวิต พร้อมทั้งได้ไพร่พลวานรมาเป็นข้าทหารตามสัตย์สัญญาที่สุครีพให้ไว้ พระรามจึงยกกองทัพข้ามสมุทรไปทำสงครามสังหารทศกัณฐ์ที่ลอบลักนางสีดามเหสีมาไว้ที่กรุงลงกา  เมื่อเสร็จศึกพระพรตพระสัตรุดและสามพระมารดาเสด็จมาอัญเชิญพระราม นางสีดา และพระลักษมณ์กลับคืนสู่กรุงศรีอยุธยา พระรามเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นกษัตริย์ปกครองกรุงศรีอยุธยายังความปลาบปลื้มโสมนัสแก่เหล่าบรรดาเทพบุตรนางฟ้า มาร่วมรำถวายพระพรชัยมงคลให้ทรงพระเจริญ




























(จำนวนผู้เข้าชม 112 ครั้ง)