ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,796 รายการ
นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากรเป็นประธานในพิธีเจริญชัยมงคลคาถา เพื่อเป็น ปฐมฤกษ์ในการประกอบคืนบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น ในโครงการอนุรักษ์ซ่อมแซมบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นในประเทศไทย ณ พระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ “ความร่วมมือนับเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินงานอนุรักษ์มรดกศิลปวัฒนธรรมให้เกิดสัมฤทธิผล อย่างยั่งยืนในปัจจุบัน ทั้งแง่มุมการรักษาอันเป็นภารกิจของกรมศิลปากรเอง ความร่วมมือทางวิชาการจากสถาบันทั้งในและต่างประเทศ การให้ความสำคัญร่วมทำหน้าที่ปกป้องของวัดอันเป็นที่ตั้งของมรดกศิลปวัฒนธรรมนั้น ตลอดจนแรงสนับสนุนด้วยความศรัทธาเห็นคุณค่าจากภาคเอกชน” อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวหลังเป็นประธานในพิธีเจริญชัยมงคลคาถา นำโดยพระพรหมวัชราจารย์ (พูนศักดิ์ วรภทฺโก) พร้อมด้วย Mr. Shigeki Kobayashi ที่ปรึกษาสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย คุณมุกดา จิราธิวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล และคุณจุฬาลักษณ์ ปิยะสมบัติกุล เพื่อเป็นปฐมฤกษ์ในการประกอบคืนบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น ภายในพระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม นับตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๕๘ กรมศิลปากรร่วมกับสถาบันวิจัยมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม นำโดยพระวชิรธรรมเมธี ศึกษาแผ่นไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นบนบานประตูและหน้าต่างภายในพระวิหารหลวง วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม ซึ่งสั่งนำเข้ามาจากประเทศญี่ปุ่นเพื่อประดับพระวิหารเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๘ เพื่อหาวิธีการอนุรักษ์ซ่อมแซมที่ถูกต้องตามเทคนิควิธีงานประดับมุกศิลปะญี่ปุ่น โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากภาคเอกชน ได้แก่ คุณมุกดา จิราธิวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล และคุณจุฬาลักษณ์ ปิยะสมบัติกุล กระทั่ง พ.ศ. ๒๕๖๔ กรมศิลปากรจึงจัดสรรงบประมาณโครงการอนุรักษ์ซ่อมแซมบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นในประเทศไทยแก่สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ เพื่อเริ่มดำเนินการอนุรักษ์ซ่อมแซมบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นภายในพระวิหารหลวงวัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม จำนวน ๗๖ แผ่น และบานไม้ประดับรักลายนูน จำนวน ๓๘ แผ่น ร่วมกับสำนักช่างสิบหมู่ และการให้คำปรึกษาด้านเทคนิควิทยาจาก Ms.Yoko Futakami และ Mr.Yoshihiko Yamashita ผู้เชี่ยวชาญแห่งสถาบัน วิจัยมรดกทางวัฒนธรรมแห่งชาติ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กำหนดดำเนินงานระหว่าง พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๖๘ การดำเนินงานหนึ่งปีที่ผ่านมาของโครงการ มีผลสัมฤทธิ์ในส่วนขององค์ความรู้เรื่ององค์ประกอบงานลงรักประดับมุก นำไปสู่การอนุรักษ์ซ่อมแซมแผ่นประดับมุกบานหน้าต่างด้วยวัสดุดั้งเดิมจำนวน ๑ คู่ ที่ได้นำมาประกอบคืนบานหน้าต่างเป็นปฐมฤกษ์พร้อมทำพิธีเจริญชัยมงคลคาถา เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน เป็นสิริมงคลแก่ทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินงานตลอดมา อธิบดีกรมศิลปากร ได้กล่าวอีกว่า กรมศิลปากรมุ่งหวังให้โครงการอนุรักษ์ซ่อมแซมบานไม้ประดับมุกศิลปะญี่ปุ่นในประเทศไทยนี้ เป็นต้นแบบของการดำเนินงานอนุรักษ์มรดกศิลปวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน ที่ประกอบด้วยกระบวนงานศึกษาเทคนิควิทยาการอนุรักษ์อย่างรอบคอบ การบันทึกองค์ความรู้วิธีการอนุรักษ์เพื่อเป็นจดหมายเหตุสำหรับอนาคต และการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคม มาร่วมดำเนินงานกับกรมศิลปากร ทั้งวัด สถาบันวิจัย ตลอดจนภาคเอกชน
วันนี้ (วันพุธที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕) เวลา ๑๔.๐๐ น. ณ ห้องประชุม ชั้น ๕ กรมศิลปากร อาคารเทเวศร์ นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร เป็นประธานในการแถลงข่าวผลการแข่งขันรางวัล The Cultural Heritage Game Jam และการจัดการแข่งขันสร้างสรรค์เกม FIT Game Jam (Fine Arts Game Jam) นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า กรมศิลปากร โดยศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศมรดกศิลปวัฒนธรรม ได้ส่งผลงานเกม Siamese: Puzzle Heritage Game ซึ่งเป็นเกมการต่อ Puzzle รูปแบบสถาปัตยกรรมโบราณสถานในพื้นที่มรดกโลก สุโขทัย ศรีสัชนาลัย กำแพงเพชร และพระนครศรีอยุธยา เข้าร่วมประกวด ภายใต้หัวข้อ The Cultural Heritage Game Jam ซึ่งได้รับรางวัลที่ ๕ จากทั้งหมด ๑๑๖ เกมทั่วโลก ในงาน Global Game Jam® (GGJ) งานผลิตเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดโดย Global Game Jam® (GGJ) องค์กรสากลที่ไม่แสวงหาผลกำไร ก่อตั้งขึ้นในเมืองซานหลุยส์ โอบิสโป รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา นับเป็นมิติใหม่ของกรมศิลปากรที่แสดงถึงผลงานการขับเคลื่อน Soft Power ด้านวัฒนธรรม ผสมผสานงานสื่อเทคโนโลยีดิจิทัลกับงานมรดกวัฒนธรรมอย่างลงตัว มุ่งเน้นให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงข้อมูลมรดกวัฒนธรรมผ่านสื่อในรูปแบบเกม กระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และดึงดูดคนทั่วโลกให้เข้ามาเที่ยวชมแหล่งมรดกวัฒนธรรมของประเทศไทยมากยิ่งขึ้น โดยผู้สนใจร่วมเล่นเกม Siamese: Puzzle Heritage Game การต่อรูปแบบสันนิษฐานโบราณสถานของกรมศิลปากร สามารถดาว์นโหลดแอปพลิเคชั่น Siam Puzzle Heritage เกมผ่านสมาร์ทโฟน ได้ทั้งระบบ Android และ iOS ซึ่งผู้ที่เล่นเกมได้ครบ ๓๖ ด่าน โดยทำเวลาได้ดีที่สุดจะได้ร่วมลุ้นรับรางวัลจากผู้สนับสนุนมากมายด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการต่อยอดการสร้างสรรค์ และพัฒนาแนวทางการเสริมสร้างองค์ความรู้ผ่านเกมกรมศิลปากร จึงได้ร่วมกับผู้สนับสนุนภาคสถาบันการศึกษาจัดการแข่งขัน FIT Game Jam (Fine Arts Game Jam) เพื่อส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนที่ศึกษาในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง เช่น การออกแบบพัฒนาเกมคอมพิวเตอร์มัลติมีเดีย หลักสูตรดิจิทัลแนวสร้างสรรค์ และสาขาการพัฒนาสื่อผสมและเกม มาร่วมแข่งขันสร้างสรรค์เกมโดยใช้เนื้อหาจากข้อมูลมรดกวัฒนธรรมไปต่อยอดสร้างสรรค์ แลกเปลี่ยน เรียนรู้ร่วมกันในวงกว้าง เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนา Soft Power ด้านวัฒนธรรมอีกประการหนึ่ง โดยรับสมัครทีมเข้าแข่งขันจำนวน ๑๒ ทีม แบ่งเป็นทีมละ ๕ คน จากมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วประเทศ สร้างเกมมรดกวัฒนธรรมจากโจทย์ของกรมศิลปากร ชิงเงินรางวัล พร้อมโล่รางวัล และประกาศนียบัตร จากกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ผู้สนใจสามารถสมัคร และติดตามรายละเอียดการเข้าแข่งขันได้ที่เว็บไซต์กรมศิลปากร www.finearts.go.th เฟสบุ๊ก และช่อง YouTube ของกรมศิลปากร ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
แถลงข่าวผลการแข่งขันรางวัล Cultural Heritage Game Siamese ของกรมศิลปากร และแถลงข่าวการจัดการแข่งขันสร้างสรรค์เกมส์ FIT Game Jam (Fine Arts Game Jam) วันพุธที่ 11 พฤษภาคม 2565 เวลา 13.00 - 16.30 น.
ชมการสาธิต วิธีเล่นเกม และทดลองเล่นเกม Cultural Heritage Game Siamese และการ Presentation การแข่งขันเกม และเชิญชวนเล่มเกม
อธิบดีกรมศิลปากรแถลงข่าว ผลการแข่งขันรางวัล Cultural Heritage Game Siamese ของกรมศิลปากรอธิบดีกรมศิลปากร รับช่อดอกไม้ แสดงความยินดี ผลรางวัล Cultural Heritage Game Siamese
วันอังคารที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ผู้อำนวยการหอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ เข้าร่วมโครงการจิตอาสาปลูกต้นรวงผึ้ง เนื่องในวันต้นไม้ประจำปีของชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ณ บริเวณโบราณสถานวัดอีก้าง เวียงกุมกาม ตำบลท่าวังตาล อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่
พินิจชนคดี, พระ. ตำรวจกับลู่ทางผู้ร้ายและตำรวจกับลายนิ้วมือ. พระนคร: โรงพิมพ์อักษรนิติ, 2477.
ถวิล อังคณารักษ์. ความรู้เรื่องภาษีการค้าและอากรแสตมป์. พระนคร: โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น, 2505.
มหรรณพารามสมาคม. ประวัติการศึกษาของไทย. พระนคร: กำจายการพิมพ์, 2502.
กรมศิลปากร โดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จัดอบรมเชิงปฏิบัติการสำหรับภัณฑารักษ์ เพื่อ ตรวจพิสูจน์โบราณวัตถุศิลปะคันธาระ ระหว่างวันที่ ๙ – ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ณ ห้องประชุมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป และคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นายกิตติพันธ์ พานสุวรรณ อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า ในระยะเวลา ๒ ปีที่ผ่านมา มีผู้นำ วัตถุเลียนแบบโบราณวัตถุสกุลช่างคันธาระ มาขอรับใบอนุญาตจากกรมศิลปากรเพื่อนำส่งออกนอกราชอาณาจักรไทยมากขึ้น ซึ่งสกุลช่างคันธาระนั้นเป็นผลงานการสร้างพุทธศิลปกรรมภายใต้ราชวงศ์กุษาณะเมื่อราว ๑,๙๐๐ ปีมาแล้ว บริเวณประเทศปากีสถานในปัจจุบัน เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่าเป็นสมัยแรกที่มีการสร้างพระพุทธรูป จึงเป็นมรดกวัฒนธรรมสำคัญของโลก กรมศิลปากรเล็งเห็นถึงความสำคัญในการตรวจพิสูจน์ของภัณฑารักษ์กรมศิลปากร ที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองมรดกของโลกนี้ได้ หากมีความแม่นยำในการตรวจพิสูจน์ และรู้เท่าทันสถานการณ์ลักลอบค้าโบราณวัตถุดังกล่าว จึงมอบหมายสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ เพื่อให้ภัณฑารักษ์ผู้ปฏิบัติงานตรวจพิสูจน์โบราณวัตถุได้รับความรู้ความเข้าใจในเรื่องศิลปะคันธาระอย่างครอบคลุม ในหลายมิติ โดยได้รับเกียรติจากนายฟารุก ชารีฟ อุปทูตที่ปรึกษาด้านการค้าและการลงทุน สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามปากีสถานประจำประเทศไทย มาให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายและนโยบายด้านการคุ้มครองมรดกวัฒนธรรมของปากีสถาน Dr.E’tienne CLE’MENT ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายลักลอบค้าโบราณวัตถุระหว่างประเทศของยูเนสโก บรรยายเรื่องสถานการณ์และนโยบายการควบคุมการลักลอบค้าโบราณวัตถุระหว่างประเทศ ดร.วรรณพร เรียนแจ้ง นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์โบราณคดีคันธาระ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้แทน กรมศุลกากร ร่วมบรรยายกับภัณฑารักษ์และนักวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ ของสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อธิบดีกรมศิลปากร ยังกล่าวอีกว่า กิจกรรมนี้นับเป็นความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทยและ ปากีสถานที่กรมศิลปากรดำเนินงานต่อเนื่องมาจากปี ๒๕๖๔ ซึ่งเป็นปีที่ครบรอบ ๗๐ ปี สัมพันธไมตรีทางการทูตระหว่างรัฐบาลไทยและปากีสถานพระพุทธรูป หิน และชิ้นส่วนพระพุทธรูปปูนปั้น ศิลปะคันธาระ อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๐ พบที่เมืองฮัดดา ประเทศอัฟกานิสถาน จัดแสดงที่ห้องเอเชีย อาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร