ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,794 รายการ

                รัจน์ชีวาต์ ตั๋นติกุลวรา.  สื่อการแสดงพื้นบ้านจันทบุรี : คุณลักษณะและรูปแบบการปรับตัวภายในบริบทประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน.  กรุงเทพฯ: แดเน็กซ์อินเตอร์คอร์ปอเรชั่น, 2561. 331 หน้า. ภาพประกอบ.               การรักษาศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านให้คงอยู่ในพื้นที่ของสังคมยุคโลกาภิวัตน์ เป็นเจตนารมณ์ของหนังสือเล่มนี้ ที่ผู้เขียนได้สื่อสะท้อนสู่สาธารณชนอย่างมีเสน่ห์ สาระวิชาการ และสร้างสรรค์เพื่อเป็นแนวทางการมีจิตสำนึกร่วมต่อการสืบสานจารีตนิยมท้องถิ่นของจังหวัดจันทบุรี เนื้อหาประกอบด้วย แนวคิดเกี่ยวกับสื่อพื้นบ้าน วัฒนธรรม การปรับตัวทางวัฒนธรรม ความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน และสังคมวัฒนธรรมอาเซียน บริบทสื่อการแสดงพื้นบ้านจันทบุรี บริบทสื่อการแสดงพื้นบ้านชอง บริบทสื่อการแสดงพื้นบ้านละครเท่งตุ๊ก บริบทการแสดงพื้นบ้านรำสวด การพัฒนารูปแบบการแสดงพื้นบ้านจันทบุรี ภายใต้ประชาสังคมและวัฒนธรรมอาเซียนนั้น สามารถสังเคราะห์เป็นรูปแบบแนวทางการรักษาอัตลักษณ์วัฒนธรรมพื้นบ้านในบริบทอาเซียนได้ ตลอดจนการสร้างสรรค์ทางวัฒนธรรมเพื่อการดำรงอยู่ของอัตลักษณ์กับการก้าวไปข้างหน้าในระบบโลกาภิวัฒน์ต่อไป         ท         793.319326            ร319ส         (ห้องจันทบุรี)


โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี กลุ่มงานแพทย์แผนไทย. คู่มือการใช้ยาสมุนไพร ในบัญชีหลักแห่งชาติ 71 ตำรับ ระบุสีตามรสยาสมุนไพร แต่ละชนิด. จันทบุรี: โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี, [2555]. 84 หน้า. ภาพประกอบ               คู่มือการใช้ยาสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ 71 ตำรับ ระบุรสยาสมุนไพร แต่ละชนิด จัดเรียบเรียงและพิมพ์เพื่อให้ผู้ใช้ยาสมุนไพรในบัญชีหลักแห่งชาติ และเป็นคู่มือในการใช้ยารักษาผู้ป่วย โดยพิมพ์ชื่อยาเป็นสีที่มีรสยาหลัก 9 รส ที่ใช้ในตำรับยานั้นๆ รสยาอื่นๆ ที่เป็นระดับรอง เพื่อให้ผู้ใช้สมุนไพรในบัญชีหลักแห่งชาติ 71 ตำรับ เข้าใจง่ายไม่สับสน เนื้อหาด้านในประกอบด้วย ยาแผนไทยหรือยาแผนโบราณ ยารักษากลุ่มอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต  ยารักษากลุ่มอาการทางระบบทางเดินอาหาร ยารักษากลุ่มอาการทางสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา ยาแก้ไข้ ยารักษากลุ่มอาการของระบบทางเดินหายใจ ยาบำรุงโลหิต ยารักษากลุ่มอาการทางกล้ามเนื้อและกระดูก ยาบำรุงธาตุ ปรับธาตุ ฯลฯ                  ท             615.321              พ343ค           (ห้องจันทบุรี)


โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี. คู่มือส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันและรักษาโรคโดยใช้หลัก 8 อ. ของภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยเครือข่าย 8 จังหวัดภาคตะวันออก. จันทบุรี: โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี, 2556. 60 หน้า. ภาพประกอบ                 คู่มือการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันและรักษาโรค โดยใช้หลัก 8 อ. ของภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย สำหรับเครือข่าย 8 จังหวัดภาคตะวันออก จัดพิมพ์เพื่อให้เจ้าหน้าที่ สาธารณสุขทุกระดับบริการ ได้ใช้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันและรักษาโรคอย่างง่าย คู่มือการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคด้วยการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก  ปี 2555 ได้นำมาปรับปรุง เพิ่มเติม โดยมีจังหวัดจันทบุรีเป็นแม่ข่าย ใช้ในการอบรมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกระดับ เนื้อหาด้านในประกอบด้วย ธาตุสมุฏฐาน พฤติกรรมมูลเหตุก่อโรค อ.ที่ 1 : อิริยาบถ การเตรียมตัวก่อนที่จะฝึกกายบริหารแบบไทย อ.ที่ 2 : อาหาร  อ.ที่ 3 : อากาศ อ.ที่ 4 : อโรคยา อ.ที่ 5 : อาจิณ อ.ที่ 6 : อุเบกขา อ.ที่ 7 : อุดมปัญญา อ.ที่ 8. อาชีพ                    ท              615.88              พ343ค                ฉ.01             (ห้องจันทบุรี)  


พืชสมุนไพรกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดจันทบุรี. กรุงเทพฯ: กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, 2555. 343 หน้า. ภาพประกอบ.            กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์โดยสถาบันวิจัยสมุนไพร มีบทบาทหน้าที่สำคัญในการศึกษาวิจัยสมุนไพรเพื่อใช้เป็นยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นๆ โดยดำเนินการภายในกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ปัจจุบันความหลากหลายของพืชสมุนไพรที่อนุรักษ์ไว้มีจำนวนมากกว่า 600 ชนิด ส่วนหนังสือพืชสมุนไพร ณ สวนสมุนไพรกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์จังหวัดจันทบุรี ประกอบด้วยข้อมูลสมุนไพร รวม 60 ชนิด ตัวอย่างเช่น กะเจียน กระตังใบ กระทกรก กระเบา กระวาน คงคาเดือด จันทน์เทศ เถาวัลย์เหล็ก เทียนดำหลวง ปลาไหลเอก เท้ายายม่อม รงทอง ว่านเพชรหึง ส้มป่อย อัคคีทวาร ฯลฯ                   ท             581.634              พ815           (ห้องจันทบุรี)  


สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจันทบุรี. อาหารพื้นถิ่นจันทบูร. จันทบุรี: สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดจันทบุรี, [2564]. 61 หน้า. ภาพประกอบ                จังหวัดจันทบุรีเป็นจังหวัดที่อยู่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกของประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติทั้งพื้นที่ป่า ทะเล และพื้นราบ และด้วยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษจึงเกิดเมนูอาหารหลากหลายประเภท และหลากหลายรสชาติ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของอาหารพื้นถิ่นจันทบูร เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่องค์ความรู้ เกี่ยวกับอาหารพื้นถิ่นจันทบูรให้ผู้สนใจได้ทราบ สำนักงานวัฒนธรรมจึงได้จัดพิมพ์หนังสือ “อาหารพื้นถิ่นจันทบูร” ขึ้น เนื้อหาภายใน มีทั้งรายการอาหารคาว อาหารหวาน ทั้งเครื่องปรุงและวิธีทำไว้อย่างครบถ้วน                   ท              641.5              ว394อ           (ห้องจันทบุรี)


บันทึกของแผ่นดิน 9 สมุนไพร ในสภาวะโรคร้อน. พิมพ์ครั้งที่4. กรุงเทพฯ: ปรมัตถ์การพิมพ์, 2562. 171 หน้า. ภาพประกอบ             บันทึกของแผ่นดิน 9 สมุนไพร ในสภาวะโลกร้อน เป็นหนังสือเล่มล่าสุดในชุด “บันทึกของแผ่นดิน” ที่พิมพ์ต่อเนื่องจนเข้าสู่ปีที่ 9 แล้วโดยใช้ข้อมูลบันทึกของผู้เขียนในระหว่างเข้าไปตามหาความรู้สมุนไพรกับหมอพื้นบ้านและการใช้จริงในชุมชนในพื้นที่ต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้ หยิบเอาประเด็นวิกฤตของการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ส่งผลเกิดภัยพิบัติต่างๆ ที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง คลื่นความร้อน อากาศหนาวจัด ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างใหญ่หลวง โรคหลายชนิดจะหวนกลับมาอีก เช่น อหิวาตกโรค ไข้เลือดออก และโรคผิวหนัง เป็นต้น                  ท              615.321                บ268             (ห้องจันทบุรี)  


สัมมา รธนิธย์. พระมหากรุณาธิคุณเพริศแพร้ว ณ สวนบ้านแก้ว จันทบุรี. จันทบุรี: สำนักศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาชุมชน, 2564.  120 หน้า. ภาพประกอบ  สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีเสด็จประทับอยู่ ณ สวนบ้านแก้วจังหวัดจันทบุรี ระหว่างพุทธศักราช 2493 -2511 นับเป็นระยะเวลายาวนาน 18 ปี ภายหลังจากเสด็จนิวัตจากประเทศอังกฤษ ตลอดเวลาที่พระองค์ประทับ ณ สวนบ้านแก้ว จังหวัดจันบทบุรี ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ อันยังประโยชน์แก่พสกนิกรเป็นแบบอย่างที่ดีงาม ประทับใจแก่ข้าราชบริพารและชาวจันทบุรี ทั้งปวง แม้พระองค์เสด็จสวรรคตไปแล้วก็ตาม แต่พระกรณียกิจและพระราชจริยวัตร ที่ทรงริเริ่มเป็นแบบอย่างในสวนบ้านแก้ว ยังคงได้รับการสืบสานในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพสกนิกรชาวจันทบุรีตราบจนทุกวันนี้ หนังสือเล่มนี้จึงเป็นเรื่องราวของสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวจันทบุรี ในช่วงระยะเวลาที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาประทับอยู่ในจังหวัดจันทบุรี โดยแบ่งออกเป็น 9 บทย่อย ประกอบด้วย สมเด็จพระบรมราชินีศรีสยามยามเสด็จฯประทับจันทบุรี  พื้นที่สวนบ้านแก้วเพริศแพร้วค่า พัฒนาเกษตรกรรมฟาร์มตัวอย่าง สร้างศิลปาชีพหัตถกรรมชาวบ้าน อาหารชาววังเผยแพร่สู่หมู่ประชาสาธารณสุข การแพทย์ พยาบาล พระราชทานการศึกษาเพื่อประชาชน และพระกรุณาธิคุณล้นเกล้าฯชาวจันทบุรี                    ท              923.1593                ส615พ                  ฉ.01             (ห้องจันทบุรี)  


สามเมือง แก้วแหวน. ไม้ขีดไฟก้านแรก. กรุงเทพฯ: บีสแควร์ พริ้นท์ แอนด์ดีไซน์, 2564. 43 หน้า. ภาพประกอบ  จังหวัดจันทบุรี หรือที่ชาวบ้านภาคตะวันออกรู้จักกันโดยทั่วไปว่า “จันตบูน” หรือ “จันทบูร” เมืองผลไม้ที่มีชื่อเสียง เนื่องจากฝนตกมาก เป็นอันดับสองของประเทศไทย เป็นรองก็เพียงจังหวัดระนองเท่านั้น ทำให้เมืองจันท์มีดินอุดมสมบูรณ์ เป็นที่มาของคำว่า “เมืองผลไม้และเสื่อจันทบูร” หนังสือเล่มกล่าวถึงพลอยจันท์ จุดเริ่มของ เมืองอัญมณีของโลก จุดเริ่มต้นกำเนิดพลอย สถานที่ค้นพบพลอย ตลาดค้าพลอย การเผาพลอย การเจียระไน การค้าขาย ทำให้เมืองไทยกลายเป็นต้นน้ำที่สำคัญ เป็นแหล่งผลิตอัญมณีและเครื่องประดับเพื่อส่งออกที่ทัดเทียม กับนานาประเทศ เกิดการจ้างงานนับแสนนับล้านตำแหน่ง นำเงินตราเข้าประเทศมากมาย ทำให้ธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับมียอดส่งออก ติด 1 ใน 10 อันดับของประเทศไทย                    ท                923.8                ส647ม             (ห้องจันทบุรี)  


ศุภวัฒน์ เอมโอช. สถาปัตยกรรมในเมืองจันทบุรี. กรุงเทพฯ: สำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ, 2540. 93 หน้า. ภาพประกอบ  จังหวัดจันทบุรี หรือคำสามัญเรียกว่าจันทบูร วีรบุรุษไทย กอบกู้อิสรภาพขึ้นได้เพราะเมืองๆ นี้เป็นเมืองโบราณ มีฐานเมืองเก่าอยู่ 3 แห่ง แห่งแรกอยู่ในตำบลคลองนารายณ์ ชาวบ้านเรียกเมืองเพนียดบ้าง เมืองกาไวบ้าง เมืองที่ 2 อยู่ในตำบลพุงทะลาย เขตอำเภอเมืองจันทบุรี อีกเมืองหนึ่ง เรียกเมืองใหม่ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อ พ.ศ.2377 อยู่ในตำบลบางกะจะ ในหนังสือ กล่าวถึงสถาปัตยกรรมในจังหวัดจันทบุรี ได้แก่ สถาปัตยกรรมที่วัดทองทั่ว สถาปัตยกรรมที่วัดพลับ สถาปัตยกรรมค่ายเนินวง สถาปัตยกรรมที่วัดกลาง สถาปัตยกรรมที่วัดโบสถ์เมือง และสถาปัตยกรรมวัดโรมันคาทอลิก รวมถึง ตึกแดง คุกขี้ไก่ ศาลากลางจังหวัดจันทบุรีหลังเก่า (ปัจจุบันเป็นที่ทำการของหอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี)                     ท              720.9593                ศ723ส             (ห้องจันทบุรี)  


            ย้อนหลังไป 149 ปี เมื่อวันที่ 19 กันยายน พุทธศักราช 2417 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เปิดพิพิธภัณฑ์หลวง ณ หอคองคอเดีย ภายในพระบรมมหาราชวังให้ประชาชนเข้าชมเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา นับเป็นวันกำเนิดพิพิธภัณฑ์สำหรับประชาชนแห่งแรกของประเทศไทย ต่อมา พ.ศ.2538 คณะรัฐมนตรีได้มีมติ กำหนดให้วันที่ 19 กันยายน เป็นวันพิพิธภัณฑ์ไทย เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและเป็นโอกาสให้องค์กรด้านพิพิธภัณฑ์ ได้จัดกิจกรรมเผยแพร่ภารกิจแก่สังคม ในฐานะแหล่งเรียนรู้สำคัญของชาติ             ในปี พ.ศ.2566 กรมศิลปากร โดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จึงได้ร่วมมือกับเครือข่าย พิพิธภัณฑ์ 20 แห่งจัดกิจกรรมมหกรรมพิพิธภัณฑ์ไทย ระหว่างวันที่ 16 -19 กันยายน ภายใต้แนวคิด “การจัดการคลังและวัตถุพิพิธภัณฑ์สู่ความยั่งยืน” ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน และอาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร           นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากรกล่าวถึงแนวคิดการจัดงานมหกรรมพิพิธภัณฑ์ไทยประจำปี พ.ศ. 2566 ว่ากรมศิลปากรให้ความสำคัญกับการดูแลรักษา Collection หรือวัตถุพิพิธภัณฑ์ และการจัดการองค์ความรู้ ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของพิพิธภัณฑ์ทุกแห่งในโลก เพื่อการนำเสนอและเผยแพร่สรรพวิทยาการความรู้แก่สังคมอย่างมีประสิทธิภาพ กรมศิลปากรเองก็ได้มีพิธีเปิดคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อันเป็นสถานที่จัดเก็บ อนุรักษ์โบราณวัตถุตามมาตรฐานพิพิธภัณฑ์สากล และกำหนดวิธีการให้บริการศึกษาค้นคว้าโบราณวัตถุที่เหมาะสมกับภารกิจหลักในการปกป้องคุ้มครองโบราณวัตถุอันเป็นทรัพย์ของแผ่นดิน ตามแนวพระราชดำริในสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน์ฯ ราชสุดา สยามบรมราชกุมารี โดยจะเปิดให้บริการศึกษาค้นคว้าเสมือนห้องสมุดโบราณวัตถุ ในวันพิพิธภัณฑ์ไทยปีนี้ คือวันที่ 19 กันยายน 2566             ในการจัดงานมหกรรมพิพิธภัณฑ์ไทยครั้งนี้ อธิบดีพนมบุตร จึงมอบหมายให้สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชิญชวนเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ต่างๆ มาร่วมกันเผยแพร่ความรู้ ภารกิจการอนุรักษ์ ดูแลรักษาวัตถุพิพิธภัณฑ์ และการจัดการความรู้ของแต่ละพิพิธภัณฑ์ ผ่านกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างวันที่ 16 -19 กันยายน 2566             กิจกรรมในมหกรรมพิพิธภัณฑ์ไทยในปีนี้ จึงประกอบด้วย นิทรรศการพิเศษในพระที่นั่งศิวโมกขพิมาน เป็นการจัดแสดงสิ่งของสำคัญ สิ่งของแปลกจากคลังพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่มิได้เผยแพร่มาก่อน ได้แก่             - กาน้ำไข่นกกระจอกเทศ เขี้ยวปลาวาฬ            - ชุดแสตมป์ดวงแรกของประเทศไทย             - โทรศัพท์รุ่นแรกที่นำเข้ามาใช้ในประเทศไทย            - เครื่องตัดต่อภาพยนตร์โบราณ เครื่องส่งโทรเลข จากคลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ             - เขาสมัน งาช้างแปลก จากคลังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร             - ตุ๊กตาทองตัวแรกของประเทศไทย จากหอภาพยนตร์             - เครื่องพิมพ์ดีดของ ป อินทรปาลิต จากพิพิธภัณฑ์หนังสือพิมพ์ไทย             - ชุดตลับงาช้าง 20 ขนาด จากพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด             - ตราประทับชาดงาดำ เป็นตราประจำตำแหน่งเจ้ากรมตำรวจภูธร เมื่อแรกก่อตั้งหน่วยงานตำรวจภูธร ซึ่งพัฒนาต่อมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติในปัจจุบัน จากคลังพิพิธภัณฑ์ตำรวจ วังปารุสกวัน             - ตั๋วรถราง ป้ายรถราง จากคลังพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย             - ปืนพระรามหก จากคลังอนุสรณ์สถานแห่งชาติ             - รูปยาซิกาแรตชุดเจ้านายไทย บริษัทยาสูบชำมุ้ยจำกัด พ.ศ.2468 จากคลังพิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว - อัณฑะผู้ป่วยโรคเท้าช้าง จากคลังพิพิธภัณฑ์ศิริราชพิมุขสถาน             - รูปพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญสมัยกรุงศรีอยุธยาบนภาชนะดินเผา จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ชาวนาไทย              - เหรียญเงินจีนจากแหล่งเรือจมในทะเลไทย จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พาณิชย์นาวี เป็นต้น            ในบริเวณนิทรรศการ ยังเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้ร่วมกิจกรรมปฏิบัติการอนุรักษ์โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และสิ่งสะสมประเภทวัสดุกระดาษ โลหะ เช่น เหรียญเงิน เอกสารโบราณ ภาพถ่ายเก่า ภาพจิตรกรรมสีน้ำ เป็นต้น โดยประชาชนสามารถนำสิ่งสะสมของตนมาปฏิบัติการอนุรักษ์ด้วยตนเอง โดยมีวิทยากรเชี่ยวชาญอบรมให้ความรู้จากพิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และกลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ทั้งนี้สามารถสำรองที่นั่งได้ทาง เฟสบุ๊คเพจ Thai Museum Day นอกจากนี้ยังมีเวทีบรรยายความรู้ เผยแพร่ภารกิจพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ในบริเวณงานโดยวิทยากรจาก พิพิธภัณฑ์ต่างๆ มากกว่า ๒๐ พิพิธภัณฑ์             นอกจากนี้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ยังได้เปิดให้ชมพิพิธภัณฑ์ ณ วังหน้าในยามค่ำ หรือ Night Museum ไปจนถึงเวลา 20.00 น. โดยบริการรอบนำชม เวลา 17.00 น. และ 18.00 น. ตลอดวันที่ 17 - 19 กันยายน และจัดกิจกรรมพิเศษ “มหาคณปติบูชา” และตลาดอาร์ตทอยสร้างสรรค์พระคเณศ “ภัทรบูชา” ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน ณ อาคารมหาสุรสิงหนาท ติดตามรายละเอียดใน เฟสบุ๊คเพจ Education.National Museum Bangkok







black ribbon.