ค้นหา

รายการที่พบทั้งหมด 48,755 รายการ


ชื่อเรื่อง : วัดไทยพุทธคยา (ในอุปถัมภ์ของรัฐบาลแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประเทศไทย) หัวเรื่อง : วัด -- อินเดีย             วัดไทยพุทธคยา คำค้น : - รายละเอียด : อนุสรณ์ในงานฉลองปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ [D.LITT.] รัฐบาลอินเดียถวายแด่ พระเทพวิสุทธิโมลี [ทตฺตสุทฺธิ] ณ พระอุโบสถวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2516 ผู้แต่ง : วัดไทยพุทธคยา แหล่งที่มา : หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี หน่วยงานที่รับผิดชอบ : - ปีที่พิมพ์ : 2516 วันที่เผยแพร่ : 20 มีนาคม 2568 ผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงาน : - ลิขสิทธิ์ :  - รูปแบบ : PDF ภาษา : ภาษาไทย ประเภททรัพยากร : หนังสือหายาก ตัวบ่งชี้ : - รายละเอียดเนื้อหา : กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยอินเดียในด้านพระพุทธศาสนา วัตถุประสงค์ในการสร้างวัดไทยพุทธคยาในอินเดีย สถานที่สร้าง ขนาดพื้นที่ก่อสร้าง ตำแหน่งที่ตั้ง ทุนในการก่อสร้าง ลำดับการก่อสร้าง คณะสงฆ์ที่ไปประจำอยู่วัดไทยพุทธคยา ตลอดจนกิจวัตรของพระสงฆ์ไทย พร้อมผังวัดไทยพุทธคยา และแผนที่แสดงพุทธสังเวชนียสถานในอินเดีย เลขทะเบียน : น. 68 บ. 79033 จบ. (ร) เลขหมู่ : 294.3135            ว416ว


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ.                       101/1ประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่                   พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ               22 หน้า กว้าง 5.2 ซม. ยาว 57.4 ซม.หัวเรื่อง                     พระไตรปิฎก                              พระอภิธรรมบทคัดย่อ/บันทึก           เป็นคัมภีร์ใบลาน ธรรมอีสาน ฉบับล่องชาด มีไม้ประกับ


พระธาตุ ๒๓ องค์ ประดิษฐานในพระกรัณฑ์ทองคำลงยา ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑.๒ เซนติเมตร สูง ๓.๕ เซนติเมตร เป็นภาชนะทองคำทรงโกศยอดปริกขนาดเล็กภายในประดิษฐานพระธาตุ ๒๓ องค์ เดิมทีพระกรัณฑ์นี้อยู่ในก้านพระรัศมีของพระพุทธสิหิงค์ ซึ่งประดิษฐานที่พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระราชวังบวรสถานมงคล หรือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในปัจจุบันความเป็นมาของพระธาตุนี้ ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด อาจมีการประดิษฐานไว้ในพระเศียรพระพุทธสิหิงค์มาก่อนแล้วจึงมีการสร้างพระกรัณฑ์ทองคำลงยาถวายภายหลัง หรือเป็นการประดิษฐานในภายหลังทั้งหมดก็เป็นได้ การจำหลักลายแล้วลงยาสีที่รู้จักกันในชื่อ การลงยา นั้น ปรากฏหลักฐานการใช้งานมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา แต่เนื่องจากลวดลายที่ปรากฏ รวมทั้งสีและเทคนิคในการลงยาสันนิษฐานว่า อาจจะทำขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์   พระอาทิตย์ เป็นเทพนพเคราะห์ที่มีอำนาจเหนือกว่าเทพ นพเคราะห์ทั้งปวง พระอิศวรทรงใช้ราชสีห์ ๖ ตัว ป่นเป็นผง ห่อด้วยผ้าสีแดง พรมด้วยน้ำอมฤต ลักษณะเป็นบุรุษมีผิวกาย สีแดง ทรงราชสีห์เป็นพาหนะ ประจำอยู่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นเทพนพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ มักมีอารมณ์รุนแรง ตัดสินใจไว เฉียบขาด รักอิสระแต่ซื่อสัตย์ เป็นมิตรกับพระพฤหัสบดี และเป็นศัตรูกับพระอังคาร สัญลักษณ์เลข ๑ มีกำลังพระเคราะห์เป็น ๖   พระจันทร์ พระอิศวรทรงสร้างจากเทพธิดา ๑๕ นาง บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีขาวนวล พรมด้วยน้ำอมฤตได้บุรุษรูปงาม มีสีผิวกายขาวนวล ทรงอาชา (ม้า) เป็นพาหนะประจำอยู่ทิศตะวันออก เป็นเทพนพเคราะห์ประเภทศุภเคราะห์ มีอารมณ์อ่อนโยน เพ้อฝัน รวนเร และอาจมีเล่ห์เหลี่ยมมาก พระจันทร์เป็นมิตรกับพระพุธ และเป็นศัตรูกับพระพฤหัสบดี สัญลักษณ์เลข ๒ มีกำลังพระเคราะห์เป็น ๑๕   พระอังคาร พระอิศวรทรงสร้างจากกระบือ ๘ ตัว บดป่นเป็นผง ห่อด้วยผ้าสีชมพูหม่น พรมด้วยน้ำอมฤตได้บุรุษผิวสีทองแดงทรงกระบือเป็นพาหนะ ประจำอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเทพนพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ มีอารมณ์มุทะลุ ตึงตัง ชอบใช้กำลัง ใจร้อน เป็นมิตรกับพระศุกร์ และเป็นศัตรูกับพระอาทิตย์ สัญลักษณ์เลข ๓ มีกำลังพระเคราะห์เป็น ๘   พระพุธ พระอิศวรทรงใช้ช้าง ๑๗ เชือก บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีเขียวใบไม้ พรมด้วยน้ำอมฤตได้บุรุษมีผิวกายสีเขียว ทรงช้างเป็นพาหนะ ประจำอยู่ทิศใต้ เป็นเทพนพเคราะห์ประเภทศุภเคราะห์ ชอบพูดชอบเจรจา สุขุมรอบคอบ แต่ตื่นกลัวง่าย เป็นมิตรกับพระจันทร์ และเป็นศัตรูกับพระราหู สัญลักษณ์เลข ๔ มีกำลัง พระเคราะห์เป็น ๑๗    พระพฤหัสบดี พระอิศวรสร้างจากฤษี ๑๙ ตน บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีส้มแดง พรมน้ำอมฤตได้เป็นพระพฤหัสบดี มีผิวกายสีส้มแดง ทรงกวางเป็นพาหนะ ประจำอยู่ทิศตะวันตก เป็นเทพนพเคราะห์ประเภทศุภเคราะห์ มักทำอะไรด้วยความระมัดระวัง สุขุม รอบคอบ เมตตาปรานีต่อผู้อื่น เป็นมิตรกับพระอาทิตย์ และเป็นศัตรูกับพระจันทร์ สัญลักษณ์เลข ๕ มีกำลังพระเคราะห์เป็น ๑๙ เป็นครูของเทพทั้งหลาย จึงนิยมทำพิธีไหว้ครูในวันพฤหัสบดี   พระศุกร์ พระอิศวรทรงสร้างจากโค ๒๑ ตัว บดป่นเป็นผง ห่อด้วยผ้าสีฟ้าอ่อน พรมด้วยน้ำอมฤตเป็นพระศุกร์ มีผิวกายสีฟ้าทรงโคเป็นพาหนะ ประจำอยู่ทิศเหนือ เป็นเทพนพเคราะห์ประเภทศุภเคราะห์ กิริยาน่ารัก อ่อนหวาน ชอบงานศิลปะทุกประเภท เป็นมิตรกับพระอังคารและเป็นศัตรูกับพระเสาร์ สัญลักษณ์เลข ๖ มีกำลังพระเคราะห์เป็น ๒๑ พระศุกร์เป็นครูของเหล่ายักษ์   พระเสาร์ พระอิศวรทรงสร้างจากเสือ ๑๐ตัว บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีดำ พรมด้วยน้ำอมฤตได้พระเสาร์มีสีกายดำคล้ำ ทรงเสือเป็นพาหนะ ประจำอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ เป็นเทพนพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ มีกิริยาดุดัน แข็งแรง กล้าได้กล้าเสีย บุคลิกเคร่งขรึม เป็นมิตรกับพระราหูและเป็นศัตรูกับพระศุกร์ สัญลักษณ์เลข ๗ มีกำลังพระเคราะห์เป็น ๑๐   พระราหู พระอิศวรทรงสร้างจากหัวกะโหลก ๑๒ หัว (บางตำราว่าผีโขมด ๑๒ ตัว) บดป่นเป็นผง ห่อผ้าสีทอง พรมน้ำอมฤตได้เป็นพระราหู มีกายสีนิลออกไปทางทองแดง ทรงครุฑเป็นพาหนะ มีวิมานสีนิลอยู่ในอากาศ ประจำอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นเทพนพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ ให้ผลในทาง ลุ่มหลงมัวเมา เป็นมิตรกับพระเสาร์และเป็นศัตรูกับพระพุธ สัญลักษณ์เลข ๘ มีกำลังพระเคราะห์เป็น ๑๒   พระเกตุ พระอิศวรทรงสร้างจากพญานาค ๙ ตัว กายสีทองคำทรงนาคเป็นพาหนะ มีวิมานสีดอกบุษบา (เปลวไฟ) ประจำอยู่ในทิศท่ามกลาง บ้างว่าพระเกตุเกิดจากหางของพระราหู ซึ่งขโมยดื่มน้ำอมฤต พระอินทร์โกรธจึงขว้างจักรตัดเอวขาด ด้วยอำนาจแห่งน้ำอมฤตทำให้พระราหูไม่ตาย หางที่ขาดนั้นกลายเป็นพระเกตุ ซึ่งจะไม่เสวยอายุโดยตรง แต่จะเข้าแทรกเพื่อบรรเทาเรื่องร้ายและส่งเสริมในเรื่องดี สัญลักษณ์คือเลข ๙               กรมศิลปากร ขอเชิญพุทธศาสนิกชนและประชาชนที่สนใจร่วมกิจกรรมสรงน้ำพระธาตุและเทวดานพเคราะห์ และงาน “สงกรานต์แฟร์ ๒๐๒๕ : มู x คราฟต์” เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี ๒๕๖๘ ระหว่างวันที่ ๑๒ – ๑๔ เมษายน ๒๕๖๘ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร สอบถามเพิ่มเติม โทร. ๐ ๒๒๒๔ ๑๔๐๒  


ชื่อเรื่อง                     สตฺตปฺปกรณาภิธมฺม (สงฺคิณี-มหาปฎฐาน)อย.บ.                       149/2หมวดหมู่                   พุทธศาสนาประเภทวัสดุ/มีเดีย       คัมภีร์ใบลานลักษณะวัสดุ               38 หน้า : กว้าง 4.3 ซม. ยาว 54.5 ซม.บทคัดย่อ/บันทึก                    เป็นคัมภีร์ใบลาน ฉบับทองทึบ ไม้ประกับธรรมดา ได้รับจาก จ.พระนครศรีอยุธยา 


           หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี จัดกิจกรรมโครงการส่งเสริมการเรียนรู้วรรณคดีไทย ผ่านการจัดฉายภาพยนตร์ "บทกวีบนแผ่นฟิล์ม : ตามรอยสุนทรภู่" ประจำปี 2568 ขอเชิญชวนเด็กๆ และประชาชาชนทั่วไป เข้าร่วมชมภาพยนตร์เกี่ยวกับวรรณคดีไทย ภายใต้ผลงานบทกวีของสุนทรภู่ และร่วมกิจกรรมตอบคำถามลุ้นชิงรางวัลพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 24 - 28 มิถุนายน 2568 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องโสตทัศนวัสดุ ชั้น 2 หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยในระหว่างการชมภาพยนตร์ มีขนมแจกฟรีด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 3932 1211 หรือ Facebook หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี  https://www.facebook.com/nlt.chan        


เลขทะเบียน : นพ.บ.631/1ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 36 หน้า  ; 5 x 59 ซ.ม. : ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 204 (76-83) ผูก 1 (2568)หัวเรื่อง : สัททาวิมาลา--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


ชื่อแบบฉบับ : สจฺจสงฺเขปนิสฺสย (ผูก 1ก) ชื่อเรื่อง : นิสสัยสัจจสังเขป (ผูก 1ก) เลขทะเบียน : ชม.บ.558/1ก ผู้แต่ง : ไม่ปรากฏ                     ผู้สร้าง : เจ้าธัมมกิตติ                ปีที่สร้าง : จ.ศ.899 (พ.ศ.2080) จำนวน : 1  คัมภีร์  5 ผูก (หอสมุดแห่งชาติฯ เชียงใหม่ มีผูก 1, 1ก, 3-3ก, 4)    จำนวนบรรทัด : 6 บรรทัด          จำนวนหน้า : 54 หน้า อักษร : ธรรมล้านนา                  ภาษา : บาลี-ไทยล้านนา            เส้น : จาร ฉบับ : ชาดทึบ-ลานดิบ               ไม้ประกับ : ธรรมดา                 ประเภทเอกสารโบราณ : คัมภีร์ใบลาน ประวัติ : เจ้าธัมมกิตติสร้าง จ.ศ.899  (พ.ศ.2080) ได้มาจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเชียงใหม่  เมื่อวันที่ 24 กรกฏาคม 2531 โครงการ : พัฒนาระบบบริการห้องสมุดดิจิทัล หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก เชียงใหม่ ปี พ.ศ. 2568


เลขทะเบียน : นพ.บ.758/9ห้องจัดเก็บ : ศรีโคตรบูรณ์ประเภทสื่อ : เอกสารโบราณ                                                                                หมวดหมู่ : พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ : 24หน้า ; 4.5 x 57 ซ.ม. : ชาดทึบ-ทองทึบ-รักทึบ-ลานดิบ-ล่องชาด-ล่องรัก ; ไม่มีไม้ประกับชื่อชุด : มัดที่ 236 (393-406) ผูก 9 (2568)หัวเรื่อง : เวสฺสนตรชาตก--เอกสารโบราณ             คัมภีร์ใบลาน             พุทธศาสนาอักษร : ธรรมอีสานภาษา : ธรรมอีสานบทคัดย่อ : มีเนื้อหาเกี่ยวกับพุทธศาสนา  สามารถสืบค้นได้ที่ห้องศรีโคตรบูรณ์ หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ นครพนม


          หอสมุดแห่งชาติ ขอเชิญชมละครโทรทัศน์ ย้อนวันวานละครไทยในอดีต ในวันศุกร์ เวลา 13.30 น. ณ ห้องจัดแสดง ชั้น 2 หอสมุดดนตรีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สำหรับวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568 นี้ รับชมละครโทรทัศน์ ปากกาทอง ตอน “บทเรียนสร้างชีวิต” บทประพันธ์ โดย พลตรี หลวงวิจิตรวาทการ (รับจำนวนจำกัด 100 ที่นั่ง) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 2280 9828 - 32 สามารถติดตามข้อมูลกิจกรรมต่าง ๆ ของหอสมุดแห่งชาติ ได้ทาง Facebook : National Library of Thailand https://www.facebook.com/NationalLibraryThailand


12 สิงหาคม จากวันพระราชสมภพสู่วันแม่แห่งชาติ   วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันที่ชาวไทยร่วมเฉลิมฉลองวันแม่แห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แม่หลวงของปวงชนชาวไทย พระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความห่วงใยต่อประชาชน ผ่านพระราชกรณียกิจมากมายที่ทรงทำเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพสกนิกร จึงทำให้วันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์กลายเป็นวันแม่แห่งชาติ ที่ชาวไทยทุกคนร่วมแสดงความเคารพและน้อมเกล้าถวายพระพร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงทุ่มเททั้งความรักและความเสียสละเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน การที่พระองค์ให้ความสำคัญกับการยกระดับชีวิตของประชาชนจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้วันที่ 12 สิงหาคม ถูกกำหนดเป็นวันแม่แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 เพื่อให้ชาวไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของแม่ ซึ่งไม่เพียงเป็นผู้ให้กำเนิด แต่ยังเป็นผู้ดูแลและทุ่มเทเพื่อครอบครัวและสังคม การเฉลิมฉลองวันแม่แห่งชาติไม่เพียงแต่เป็นการเทิดทูนพระเกียรติของพระองค์ แต่ยังเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสร้างความเข้าใจในบทบาทของแม่ ความรัก ความเสียสละ และการทุ่มเทของแม่ต่อครอบครัวและสังคม การทำกิจกรรมในวันแม่ เช่น การนำดอกมะลิมาถวายแม่ หรือการทำบุญตักบาตรเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แม่ เป็นการแสดงความเคารพและขอบคุณที่ท่านได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดู ดอกมะลิสีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่แห่งชาติ ได้รับการเลือกเป็นตัวแทนของความรักบริสุทธิ์และไม่มีเงื่อนไขระหว่างแม่กับลูก ซึ่งเป็นความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด กิจกรรมต่างๆ เช่น การประดับธงชาติและโคมไฟยังสะท้อนถึงความจงรักภักดีและความเคารพต่อผู้เป็นแม่ของแผ่นดิน รวมทั้งการสร้างครอบครัวและสังคมที่ดี วันที่ 12 สิงหาคม ไม่เพียงแต่เป็นการเฉลิมฉลองพระราชกรณียกิจของพระองค์ แต่ยังเป็นการระลึกถึงความสำคัญของการดูแลและความผูกพันในครอบครัว การแสดงความเคารพและขอบคุณแม่ ผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเราด้วยความรักที่ไม่มีวันสิ้นสุด หากสนใจหนังสือเกี่ยวกับวันสำคัญสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ ห้องหนังสือทั่วไป หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี   แหล่งข้อมูลอ้างอิง เกริก ท่วมกลาง.  กิจกรรมวันสำคัญของไทย.  พิมพ์ครั้งที่ 2.  กรุงเทพฯ: สถาพรบุ๊คส์, 2553. ชลิยา ศรีสุกใส.  วันสำคัญ ประเพณีการละเล่นของไทย.  กรุงเทพฯ: พีบีซี, [ม.ป.ป.] ประชิด สกุณะพัฒน์ และอุดม เชยกีวงศ์.  วันสำคัญ กิจกรรมที่ควรนำไปปฏิบัติในโอกาสต่างๆ.  กรุงเทพฯ: ภูมิปัญญา, 2549 ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์.  นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2564.  [ออนไลน์].  สืบค้นเมื่อ 14 สิงหาคม 2568, จาก https://pkkc.coj.go.th/th/content/category/detail/id/7771/iid/257603 Bonnevie.  พระราชประวัติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง.  [ออนไลน์].  สืบค้นเมื่อ 14 สิงหาคม 2568, จาก https://mthai.com/news/336429.html   เรียบเรียงโดย นางสาวทิพวรรณ จันทร์ปัญญา บรรณารักษ์ปฏิบัติการ        หอสมุดแห่งชาติรัชมังคลาภิเษก จันทบุรี        สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี  กรมศิลปากร


เลขทะเบียน  นม.บ.11/2ฆ



        พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี ขอเชิญชวนผู้ชื่นชอบท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ แวะประทับตรา เก็บไว้เป็นที่ระลึก ได้ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี และอาคารประติมากรรมขุนหลวงพะงั่วและประวัติศาสตร์สุพรรณบุรี เมื่อได้ไปเที่ยวแล้วอย่าลืม “แชร์ความประทับใจ” ให้เพื่อน ๆ ได้รู้ว่าคุณคือนักสะสมประสบการณ์ ผู้เก็บบันทึกทุกเรื่องราวไว้ในสมุดแห่งความทรงจำ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 0 3553 6100 Facebook : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี Suphanburi National Museum 


สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระราชหฤทัยงานด้านจดหมายเหตุมาตั้งแต่ครั้งยังทรงศึกษา ณ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในสาขาวิชาเอกประวัติศาสตร์ และทรงให้ความสำคัญกับเอกสารจดหมายเหตุในฐานะเป็นเอกสารชั้นต้นที่สะท้อนถึงภารกิจของหน่วยงานเจ้าของเอกสาร ซึ่งสามารถนำไปอ้างอิงวิเคราะห์เชิงประวัติศาสตร์ได้ในทุกสาขาวิชา           สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีสายพระเนตรที่กว้างไกล พระองค์มีพระราชปรารภถึงความจำเป็นที่ควรจัดให้มีหลักสูตรการศึกษาวิชาการจดหมายเหตุในระดับอุดมศึกษา เพื่อพัฒนาวิชาชีพจดหมายเหตุในประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้า เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือจากนานาอารยประเทศ อีกทั้งเพื่อปลูกฝังให้ประเทศไทยได้รู้จักงานจดหมายเหตุ เข้าใจถึงคุณค่าและมีความหวงแหนเอกสารประเภทต่างๆ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์และมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ในชั้นแรกหอจดหมายเหตุแห่งชาติได้มอบหมายให้นักวิชาการที่มีความรู้และประสบการณ์ในงานจดหมายเหตุ ร่วมกันจัดทำเอกสารเรื่อง “วิชาการพื้นฐานการบริหารและจัดการจดหมายเหตุ” เพื่อเป็นเอกสารทางวิชาการสำหรับผู้ปฏิบัติงานจดหมายเหตุและผู้สนใจทั่วไป และได้นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวาย  พร้อมทั้งจัดทำคู่มือเทคนิควิธีเกี่ยวกับกระบวนงานจดหมายเหตุ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องออกเผยแพร่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ หอจดหมายเหตุแห่งชาติยังจัดหลักสูตรการฝึกอบรมความรู้ด้านกระบวนงานจดหมายเหตุ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวตามความประสงค์ของผู้ขอรับการฝึกอบรม ทั้งที่เป็นหน่วยงาน ผู้ฝึกประสบการณ์วิชาชีพ และผู้สนใจทั่วไปด้วย           สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนพระราชหฤทัยและทรงให้ความสำคัญในขั้นตอนการซ่อมอนุรักษ์เอกสารจดหมายเหตุมากเป็นพิเศษ เพราะทรงเข้าพระราชหฤทัยในธรรมชาติของเอกสารจดหมายเหตุซึ่งเป็นของเก่า และมีอยู่เพียงชุดเดียวหรือมีเพียงจำนวนจำกัด แต่ต้องเก็บรักษาให้คงอยู่ตลอดไป จึงโปรดให้ผู้มีหน้าที่ดูแลหอพระสมุดส่วนพระองค์ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน มาเรียนวิธีซ่อมอนุรักษ์เอกสาร และหนังสือส่วนพระองค์อย่างง่ายๆ เพื่อนำความรู้ไปใช้ที่หอพระสมุดดังกล่าว ทรงแนะนำให้บรรณารักษ์หอสมุดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า มาเรียนวิธีซ่อมอนุรักษ์เอกสารที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ รวมทั้งทรงนำนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ามาศึกษาดูงานที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติและหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงไว้วางพระราชหฤทัยให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติดำเนินการอนุรักษ์และซ่อมสงวนรักษาแผนที่โบราณในหอพระสมุดส่วนพระองค์ และพระราชทานความเห็นในการซ่อมเอกสารของหอจดหมายเหตุแห่งชาติว่า “หนังสือซ่อมแล้วทำให้เอกสารอ่านยาก เพราะกระดาษสาใช้เสริมความแข็งแรงของเอกสารเป็นกระดาษสาที่ผลิตในประเทศ กระดาษสามีความหนากว่ากระดาษสาของญี่ปุ่น แต่กระดาษสาของญี่ปุ่นมีราคาสูง”หอจดหมายเหตุแห่งชาติจึงได้ประสานกับบริษัทผู้ผลิตกระดาษสาให้พัฒนาปรับปรุงการผลิตกระดาษสาให้บางลงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อีกทั้งให้มีสีหลากหลาย เพื่อให้พนักงานซ่อมเอกสารสามารถเลือกสีที่ใกล้เคียงกับสีของกระดาษของเอกสารที่จะซ่อมได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้เอกสารที่ซ่อมแล้วอ่านได้ง่ายขึ้น และนำตัวอย่างกระดาษสาไทยไปให้หน่วยงานที่ผลิตกระดาษสาสำหรับการซ่อมอนุรักษ์ของญี่ปุ่นวิเคราะห์ ซึ่งทางหน่วยงานของญี่ปุ่นชื่นชมบริษัทผลิตกระดาษสาของไทยที่ผลิตกระดาษสาได้บางมาก แม้จะยังไม่เหนียวเท่ากระดาษสาของญี่ปุ่น เพราะกระดาษสาของญี่ปุ่นมีเยื่อกระดาษมากและยาวกว่ากระดาษสาของไทย ซึ่งอาจเนื่องมาจากดินที่ปลูกต้นปอสาที่ใช้ผลิต           สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระมหากรุณาเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดนิทรรศการของหอจดหมายเหตุแห่งชาติไม่น้อยกว่า ๑๑ ครั้ง ซึ่งทุกครั้งจะทรงตรัสถามถึงความเป็นอยู่ สุขภาพพลานามัยของเจ้าหน้าที่ของหอจดหมายเหตุแห่งชาติด้วยความห่วงใย และมีพระเมตตาให้คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล จัดทำโครงการตรวจและรักษาสุขภาพเจ้าหน้าที่ของหอจดหมายเหตุแห่งชาติ เมื่อพุทธศักราช ๒๕๓๐ นอกจากนี้ ในการเสด็จพระราชดำเนินมาแต่ละครั้งได้มีพระราชดำริพร้อมคำแนะนำในการปฏิบัติงานเพื่อพัฒนางานจดหมายเหตุอยู่เสมอ           หอจดหมายเหตุแห่งชาติได้สนองพระราชดำริในด้านนี้ โดยได้จัดทำโครงการอ่านภาพเก่า โครงการประกวดภาพเก่า โครงการอวดภาพเก่า โครงการรวบรวมและรับบริจาคภาพจากบุคคลสำคัญ รวมทั้งการรับมอบภาพจากการประกวดภาพถ่ายของหน่วยงานต่างๆ           นอกจากเสด็จพระราชดำเนินเปิดนิทรรศการของหอจดหมายเหตุแห่งชาติแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงประกอบพิธีเปิดหอจดหมายเหตุแห่งชาติในส่วนภูมิภาค เช่น ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์หอจดหมายเหตุนายรัฐมนตรี พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๒๙ ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ เชียงใหม่      เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๖ ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิม   พระเกียรติฯ ตรัง เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๓๖ ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ สงขลา เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๖ ทรงประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ ยะลา เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๖ และทรงประกอบพิธีเปิดหอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช  เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓           ในการเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงกำหนดให้มีการศึกษาดูงานด้านจดหมายเหตุในหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนินในแต่ละครั้งด้วยเสมอ ซึ่งเป็นการขยายองค์ความรู้ด้านจดหมายเหตุในพระองค์ และพระราชทานพระราชดำริในการพัฒนางานจดหมายเหตุในประเทศไทย อาทิ ทรงเสนอให้จัดทำโครงการรวบรวมศึกษาเอกสารที่เกี่ยวกับประเทศไทยในต่างประเทศ หอจดหมายเหตุแห่งชาติได้สนองแนวพระราชดำริในเรื่องนี้ ซึ่งในปัจจุบัน        หอจดหมายเหตุแห่งชาติมีเอกสารที่เกี่ยวกับประเทศไทยจากประเทศต่างๆ อาทิ ประเทศออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ โปรตุเกส ฝรั่งเศส เดนมาร์ก เบลเยี่ยม ไว้ให้บริการค้นคว้า           สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสนับสนุนและพระราชทานคำแนะนำในการปฏิบัติงานด้านจดหมายเหตุเสมอมา ซึ่งบรรดาข้าราชการและบุคลากรผู้ปฏิบัติงานทุกคนของหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และซาบซึ้งในน้ำพระราชหฤทัยที่พระองค์ทรงห่วงใยอาทรบุคลากรและงานจดหมายเหตุ บุคลากรของ       หอจดหมายเหตุแห่งชาติทุกคนจึงร่วมใจกันมุ่งมั่นพัฒนาการบริหารจัดการงานจดหมายเหตุ การปฏิบัติงาน รวมทั้งให้การบริการเอกสารจดหมายเหตุให้ผู้มาใช้บริการได้รับความพึงพอใจและได้รับประโยชน์สูงสุด   เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณอย่างเต็มกำลังความสามารถตลอดไป   หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สงขลา            หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สงขลา  เกิดขึ้นจากกรมศิลปากรขยายงานหอจดหมายเหตุแห่งชาติออกไปสู่ส่วนภูมิภาคทั้ง ๑๒  เขตการศึกษา การจัดตั้งหอจดหมายเหตุแห่งชาติในเขตการศึกษาที่ ๓  ซึ่งประกอบด้วย จังหวัดชุมพร  สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง และสงขลา กรมศิลปากรพิจารณาว่าควรจัดตั้งขึ้นที่จังหวัดสงขลา และได้รับความร่วมมือจากนายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ (นายเคร่ง  สุวรรณวงศ์) อนุญาตให้ใช้ที่ดินในบริเวณสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่  จำนวน ๓ ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ในการนี้  กรมศิลปากรได้รับพระมหากรุณาจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานพระบรมราชานุญาต  ให้ใช้ชื่ออาคารนี้ว่า  “หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ  สงขลา”  เมื่อวันที่ ๗  พฤษภาคม  พุทธศักราช ๒๕๓๖ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  เสด็จพระราชดำเนินทรงวางศิลาฤกษ์อาคารแห่งนี้เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๓๖               หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สงขลาปฏิบัติงานตามภารกิจหลักในการรับมอบ ติดตาม เเสวงหา และประเมินคุณค่าเพื่อการจัดเก็บ พัฒนา อนุรักษ์  เผยเเพร่เเละให้บริการเอกสารจดหมายเหตุประเภทต่าง ๆ บันทึกเหตุการณ์สำคัญของชาติ ภารกิจดังกล่าว หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติฯ สงขลา ได้น้อมนำพระราชดำรัสของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาใช้ปฏิบัติงาน ดังกระแสพระราชดำรัสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเกี่ยวกับการศึกษาค้นคว้าข้อมูลจากภาพถ่ายเก่าและจัดทำคำบรรยายภาพที่เก็บรักษาเป็นหลักฐานด้านจดหมายเหตุในพิธีเปิดนิทรรศการ เรื่อง “สังคมไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕”   เมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๒๑  ความว่า  “การจัดนิทรรศการอย่างนี้เป็นผลดีแน่ ภาพจดหมายเหตุจะสามารถเล่าเรื่องต่างๆ ได้เอง โดยไม่ต้องอาศัยคำบรรยายมากนัก ขอแสดงความคิดเห็นบางประการ (เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ คงกำลังกระทำอยู่บ้างแล้ว)ถ้าทำได้ควรจะคอยสอดส่องหาภาพต่างๆ ในอดีตทั้งใกล้และไกลมาเก็บไว้อีก พยายามขอจากคนที่มีภาพ ถ้าเจ้าของไม่มอบให้เป็นสมบัติของหอจดหมายเหตุแห่งชาติก็พยายามขอยืมมาก๊อบปี้เอาไว้  ค่อยๆ ศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับภาพให้ดีที่สุด โดยค้นจากเอกสารและสอบถามจากผู้รู้เรื่องหลายๆ ท่าน สอบทานกัน”


black ribbon.