ค้นหา
รายการที่พบทั้งหมด 48,758 รายการ
ที่มา: https://datasipmu.finearts.go.th/academic/67
องค์ความรู้อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
เรื่อง : พระวรุณ ณ ปราสาทพนมรุ้ง
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมากรมอุตุนิยมวิทยานได้ประกาศเตือน “พายุโซนร้อนตาลิม” กำลังขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนาม ส่งผลให้ในประเทศไทยโดยเฉพาะ พื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง เกิดพายุฝนฟ้าคะนองในหลายจังหวัด โดยหากพูดถึง “ฝน” ในเชิงวิทยาศาสตร์ สามรถสรุปได้ว่าเกิดจากลมมรสุมลอยตัวขึ้นสูงในอากาศก่อตัวเป็นเมฆ และสะสมหยดน้ำไว้เรื่อย ๆ จนตกลงมาเป็นฝนในที่สุด แต่ในยุคที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ การเกิดขึ้นของ “ฝน” ถือว่าเป็นปรากกฎการเหนือทางธรรมชาติอย่างหนึ่ง ซึ่งผู้คนในสมัยโบราณ เช่น อินเดียโบราณ และขอมโบราณ ต่างเชื่อกันว่าปรากฏการณ์เหล่านี้ล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของ “พระวรุณ” เทพแห่งสายฝน
พระวรุณ เป็นเทพบุตร ผิวกายสีขาวผ่อง มี ๔ กร หรือ ๖ กร พระหัตถ์ถืออาโภค (ร่มที่ถูกน้ำไม่เปียก) บ่วงบาศ (ใช้คล้องคนไม่ดี) บางทีก็ถือหม้อน้ำ คันศร หอยสังข์ หีบแก้วมณี หรือดอกบัว ทรงพัสตราภรณ์แบบกษัตริย์ มีพาหนะคือหงส์ พญานาค และจระเข้ มีวิมานแก้วอยู่บนยอดเขาปุษปะศีรีซึ่งอยู่ใต้ระดับทะเล ประทับบนบัลลังก์ใต้เศียรพญานาค เดิมทีพระวรุณเป็นเทพชั้นสูงในสมัยพระเวทของอินเดียโบราณ และได้รับยกย่องให้เป็นเทพแห่งน้ำและฝน แต่เนื่องด้วยการปรับเปลี่ยนของศาสนาพราหมณ์ฮินดูในช่วงเวลาต่อมา พระวรุณจึงถูกลดขั้นกลายเป็นเพียงเทพประจำทิศด้านทิศตะวันตก ตามคติเทพผู้รักษาทิศของเขาไกรลาส
จากหลักฐานพบที่ปราสาทพนมรุ้ง พบการสลักภาพ “พระวรุณทรงนาค” บนลูกบาศก์หินทราย และ “พระวรุณทรงหงส์” บนบันแถลงซึ่งเป็นส่วนประดับบนส่วนเรือนยอดของปราสาทประธานด้านทิศตะวันตก จำนวน ๔ ภาพลดหลั่นขึ้นไปตามลำดับชั้น โดยจัดอยู่ในศิลปะขอมแบบนครวัด พุทธศตวรรษที่ ๑๗ เป็นที่น่าสนใจว่าปราสาทหินในวัฒนธรรมขอมโบราณภาพสลักพระวรุณทรงนาคนั้นพบที่ปราสาทพนมรุ้งเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
ทั้งนี้เปรียบเทียบศาสนสถานวัฒนธรรมขอมแห่งอื่น ๆ พบว่า ภาพพระวรุณจะนิยมสลักไว้บริเวณทับหลังโดยมีพาหนะเป็นหงส์ ได้แก่ ทับหลังที่ปราสาทตาเล็ง จังหวัดศรีสะเกษ , ทับหลังที่กู่พราหมณ์จำศีล จังหวัดนครราชสีมา และทับหลังบริเวณปราสาทบริเวณองค์ทิศใต้ ปราสาทเมืองต่ำ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นต้น ซึ่งตำแหน่งของทับหลังและบันแถลงล้วนอยู่เหนือกรอบประตูขึ้นไป จึงตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่าอาจเป็นการจำลองขณะพระวรุณกำลังขี่หงส์เพื่อทำหน้าที่รักษาทิศตะวันตกของเขาพระไกรลาสบนสวงสรรค์ ส่วนภาพสลักพระวรุณทรงนาคบนลูกบาศก์ที่ปราสาทพนมรุ้ง มีจุดประสงค์เพื่อตั้งไว้บนพื้นราบจึงเป็นไปได้ว่าอาจสื่อถึงพระวรุณขณะประทับอยู่บนบัลลังก์นาค ณ วิมานแก้วบนยอดเขาปุษปะศีรีซึ่งอยู่ใต้ระดับทะเล หรืออาจสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากพระวรุณและนาคเป็นสัญลักษณ์ของน้ำและฝนสำหรับเกษตรกรรม
คติความเชื่อเรื่องพระวรุณได้ถูกสืบทอดและอยู่คู่กับสังคมไทยมาจนถึงในปัจจุบัน อันเนื่องมาจากรากฐานของสังคมไทยคือเกษตรกรรมซึ่งพึ่งพาน้ำและฝนเป็นหลัก ตามความเชื่อว่าพระวรุณนั้นทรงสามารถบันดาลให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ให้มีน้ำอุดมสมบูรณ์ หรือเป็นเทพที่ให้คุณทางด้านการเกษตร ดังนั้นในปัจจุบันจึงพบพระวรุณทรงนาคอยู่ในตราของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งหมายถึงถึงความอุดมสมบูรณ์นั่นเอง
เรียบเรียงโดย : นายพงศธร ดาวกระจาย ผู้ช่วยนักโบราณคดี อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
เอกสารอ้างอิง :
ณัฐพล คำนงค์. “พระวรุณในสมัยรัตนโกสินทร์” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๕๗.
รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง. ปราสาทขอมในดินแดนไทย ความเป็นมาและข้อมูลด้านประวัติศาสตร์ศิลปะ. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร: มติชน, ๒๕๕๑.
เสน่ ประกอบทองและคณะ. เทพประจำทิศ เทพพาหนะ. พิมพ์ครั้งที่๑. นครราชสีมา: โจเซฟ พลาสติกการ์ด(โคราช)แอนด์ ปริ้นท์, ๒๕๔๗.
ชิ้นส่วนพระพิมพ์ดินเผา สมัยทวารวดี
ชิ้นส่วนพระพิมพ์ดินเผา จัดแสดง ณ อาคารจัดแสดง ๒ ชั้น ๒ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
ชิ้นส่วนพระพิมพ์ดินเผา มีขนาดกว้าง ๑๐ เซนติเมตร สูง ๘.๒ เซนติเมตร พบเฉพาะส่วนเศียร ส่วนองค์พระชำรุดหักหายไป ชิ้นส่วนที่ปรากฏเป็นภาพพระเศียรของพระพุทธเจ้า ด้านหลังมีกรอบประภามณฑลรอบล้อมพระเศียร โดยพระพักตร์แสดงเอกลักษณ์ของพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นในสมัยทวารวดี ได้แก่ อุษณีษะนูน พระเกศาขมวดเป็นเม็ดกลม พระพักตร์กลม พระนลาฏแคบ พระขนงทั้ง ๒ เชื่อมต่อกันเป็นเส้นปีกกา พระเนตรเหลือบต่ำและเปลือกพระเนตรโปลน พระนาสิกค่อนข้างใหญ่ ริมพระโอษฐ์หนา มุมพระโอษฐ์ทั้งสองข้างยกขึ้นแย้มพระสรวล ปลายพระกรรณทั้งสองยาว
รอบพระเศียรมีกรอบประภามณฑลรูปครึ่งวงกลม ภายในกรอบประภามณฑลมีการลงสีแดงอมส้ม ซึ่งพบพระพิมพ์ที่มีการลงสีลักษณะดังกล่าวที่เมืองฟ้าแดงสงยาง จังหวัดกาฬสินธุ์ กรอบประภามณฑลมีลวดลายกนกสามเหลี่ยม น่าจะหมายถึงเปลวไฟ การทำกรอบประภามณฑลมีลวดลายเปลวไฟรอบพระเศียรของพระพุทธเจ้าในสมัยทวารวดี สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะอินเดียสมัยปาละ ด้วยพระพักตร์ที่มีรูปแบบเฉพาะของศิลปะทวารวดี ประกอบกับอิทธิพลจากศิลปะอินเดียที่ปรากฏ จึงกำหนดอายุในสมัยทวารวดี ช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๔ - ๑๕ หรือประมาณ ๑,๑๐๐ – ๑,๒๐๐ ปีมาแล้ว
นอกจากนี้ยังพบพระพิมพ์ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันที่เมืองคันธารวิสัย อำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เมืองฟ้าแดดสงยาง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ และบริเวณเมืองลพบุรี เป็นต้น พระพิมพ์ดังกล่าวหากมีสภาพสมบูรณ์ สันนิษฐานว่าเป็นภาพพระพุทธเจ้านั่งขัดสมาธิราบแบบหลวมๆ มีกลีบบัวมารองรับ และรอบพระเศียรมีประภามณฑลเปลวไฟ เป็นลักษณะพิมพ์ที่พบมากในเมืองโบราณแถบลุ่มแม่น้ำชี การพบพระพิมพ์รูปแบบคล้ายกันกระจายในเมืองโบราณที่ร่วมสมัยวัฒนธรรมทวารวดี น่าจะเกิดจากการเดินทางติดต่อระหว่างชุมชนในช่วงเวลาดังกล่าว
เอกสารอ้างอิง
รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง. “พระพุทธรูปและพระพิมพ์ทวารวดีภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”. วิทยานิพนธ์ตามหลักสูตรปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาประวัติศาสตร์ไทย บัณฑิตวิทยาลัย ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๕๒.
วิริยา อุทธิเสน. “การศึกษาคติความเชื่อของชุมชนโบราณสมัยทวารวดีในลุ่มแม่น้ำชีตอนกลาง กรณีศึกษาจากพระพิมพ์ดินเผา”. วิทยานิพนธ์ตามหลักสูตรปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ บันฑิตวิทยาลัย ภาควิชาโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๖.
ศักดิ์ชัย สายสิงห์. ศิลปะทวารวดี : วัฒนธรรมทางศาสนายุคแรกเริ่มในดินแดนไทย. นนทบุรี : เมืองโบราณ, ๒๕๖๒.
สุภาพสตรี (หม่อมปริม บุนนุค)
ผลงาน : สุภาพสตรี (หม่อมปริม บุนนุค)
ศิลปิน : พิมาน มูลประมุข
เทคนิค : ประติมากรรมสำริด
ขนาด : สูง 74 เซนติเมตร
ปีที่สร้างสรรค์ : พ.ศ.2470 - 2480
ประวัติ : พิมาน มูลประมุข สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนประณีตศิลปกรรม เป็นศิษย์รุ่นแรกของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ต่อมาเข้ารับราชการในแผนกหัตถศิลป์ กรมศิลปากร ได้รับมอบหมายให้ช่วยงานศาสตราจารย์สิลป์ ในการออกแบบอนุสาวรีย์ที่สำคัญหลายแห่ง พิมานมีความเชี่ยวชาญในการปั้นรูปเหมือนตัวอย่างงานประเภทนี้ได้แก่รูปเหมือนหม่อมปริม บุนนาค เป็นรูปหญิงสาวที่ดูสงบแฝงไว้ด้วยความสุภาพเรียบร้อย (สุธี 2545 : 53) จากผลงานอันเป้นที่ประจักษ์ พิมานจึงได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติสาขาทัศนศิลป์ (ประติมากรรม) เมื่อปี พ.ศ.2531 (ขนิษฐา และคณะ 2535 : 46)
อ้างอิง : หนังสือนำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป (Guide to The National Gallery, Bangkok)
ที่มา: http://www.virtualmuseum.finearts.go.th/nationalgallery/
สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี ขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังการเสวนาทางวิชาการ ทศวรรษแห่งการค้นพบใหม่ของกรมศิลปากร เนื่องในสัปดาห์วันอนุรักษ์มรดกไทย พ.ศ. ๒๕๖๗ ขอเสนอการค้นพบลวดลายที่ถูกลืมเลือนจากประวัติศาสตร์กว่าเกือบ ๑๐ ทศวรรษ เรื่อง "ภาพ Stencil ลวดลายที่พบใหม่ ณ ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร" ในวันเสาร์ที่ ๖ เมษายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๕.๓๐ - ๑๗.๓๐ น. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร วิทยากรโดย นางสาววรรัก นวลวิไลลักษณ์ นายช่างศิลปกรรมอาวุโส สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี ดร. ศศิพันธุ์ คะวีรัตน์ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ดำเนินรายการโดยนางสาวสุภาวดี อินทรประเสริฐ นักโบราณคดีชำนาญการ สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี
ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานรับฟังการเสวนาโดยแสกน QR Code หรือกรอกแบบฟอร์ม https://forms.gle/XkgbXpfUL5a5GKGA6 ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม 2567 หรือจนกว่าจะเต็ม รับจำนวนจำกัดเพียง 100 ท่าน (โปรดรีบสำรองที่นั่ง มีลุ้นตอบคำถามชิงรางวัล)
สำนักหอสมุดแห่งชาติ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม โดย กลุ่มงานสำรวจเอกสารโบราณ กลุ่มหนังสือตัวเขียนและจารึก ได้ดำเนินโครงการสำรวจเอกสารโบราณ ประจำปีงบประมาณ 2567 ครั้งที่ 2 จังหวัดอุดรธานี และนครราชสีมา ระหว่างวันที่ 14-23 มีนาคม 2567 มีผู้ไปปฏิบัติงานตามโครงการจำนวน 6 ราย ดังนี้
1. นางสาววชรพร อังกูรชัชชัย นักภาษาโบราณชำนาญการ (หัวหน้ากลุ่มงานสำรวจเอกสารโบราณ)
2. นายสันติ วงศ์จรูญลักษณ์ นักภาษาโบราณชำนาญการ
3. นายจามีกร ชูทรัพย์ นักภาษาโบราณชำนาญการ
4. นายนรวิชญ์ มีชัย นักภาษาโบราณ
5. นางสาวกุลริศา รัชตะวุฒิ นักภาษาโบราณ (หอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ จังหวัดนครราชสีมา)
6. นายธน ซึมไพศาล พนักงานขับรถยนต์
คณะทำงานเข้าไปปฏิบัติงาน จำนวน 2 พื้นที่ ดังนี้
1. วัดป่าดงหนองตาล (โนนตูมสราราม) อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ได้รับความเมตตาจากพระอธิการพิศนุ สนฺตมโน เจ้าอาวาส อนุญาตให้เข้าไปปฏิบัติงาน และมอบหมายให้พระมานะ อชฺชริโย และนายรัฐสิทธิ์ ชุมแสง คอยอำนวยความสะดวกแก่คณะทำงาน
ขอขอบพระคุณ อาจารย์ ดร.ชัชพิสิฐ ปาชะนี ภาควิชาภาษาตะวันออก คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ที่กรุณาช่วยอ่านชื่อคัมภีร์ใบลานภาษาเขมร
ผลการดำเนินการลงทะเบียนและจัดเก็บเอกสารโบราณ ประเภทคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน อักษรไทยน้อย และอักษรธรรมล้านนา ภาษาไทย บาลี และเขมร
อ่านและลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
- คัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ขนาดยาว จำนวน 573 รายการ จัดกลุ่มลงทะเบียนได้ 66 เลขที่ จัดมัดได้ 35 มัด
- จารึกฐานพระพุทธรูป จำนวน 3 รายการ
อ่านชื่อเรื่องแล้ว รอการลงทะเบียน
- คัมภีร์ใบลาน เส้นจาร ขนาดสั้น จำนวน 350 รายการ
รออ่านชื่อเรื่องและทำทะเบียน
- คัมภีร์ใบลาน จำนวน 200 รายการ
- หนังสือสมุดไทย จำนวน 10 รายการ
- จารึกฐานพระพุทธรูป จำนวน 16 รายการ
2. วัดบึง (พระอารามหลวง) อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ปฏิบัติงานสำรวจและจัดเก็บเอกสารโบราณประเภทคัมภีร์ใบลาน (ต่อเนื่องครั้งที่ 6) โดยได้รับความเมตตาจาก พระเทพสีมาภรณ์ เจ้าอาวาส อนุญาตให้เข้าไปปฏิบัติงานภายในวัด และมอบหมายให้นายไพฑูรย์ คงจันทร์ ไวยาวัจกร เป็นผู้ประสานงานและอำนวยความสะดวกแก่คณะทำงาน
และขอขอบพระคุณ นางสาวอิสรีย์ นวกุลย์ชัย ผู้มีจิตศรัทธาภาคประชาชน เป็นผู้สนับสนุนการอนุรักษ์มรดกไทยดีเด่น ประจำปี 2563 และคณะได้บริจาคผ้าห่อคัมภีร์ใบลาน และไม้ประกับ เพื่อการอนุรักษ์เอกสารโบราณ ให้วัดบึง (พระอารามหลวง) จังหวัดนครราชสีมา
ผลการดำเนินงาน
- จัดเก็บคัมภีร์ใบลาน เส้นจาร แตกผูก จำนวน 18 ห่อ
การดำเนินการสำเร็จลงได้ด้วยดี จึงขอขอบพระคุณและขอบคุณทุกท่านที่ได้เมตตาและอำนวยความสะดวกเป็นอย่างดี โดยเฉพาะพระเทพสีมาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดบึง จังหวัดนครราชสีมา พระอธิการพิศนุ สนฺตมโน เจ้าอาวาสวัดป่าดงหนองตาล จังหวัดอุดรธานี ท่านอธิบดีกรมศิลปากร ท่านผู้อำนวยการหอสมุดแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ ร.9 จังหวัดนครราชสีมา ท่านผู้บริหารตามสายงาน หวังว่าจะได้รับความเมตตาอนุเคราะห์ ในโอกาสต่อไป
สำนักศิลปากรที่ ๔ ลพบุรี ขอเชิญร่วมฟังการเสวนาทางวิชาการ "สุดยอดการค้นพบใหม่" ในทศวรรษที่ผ่านมาของกรมศิลปากร เนื่องในงานสัปดาห์วันอนุรักษ์มรดกไทย พุทธศักราช ๒๕๖๗ หัวข้อ "การค้นพบภาพเขียนสีและแหล่งฝังศพยุคก่อนประวัติศาสตร์ครั้งแรกในภาคกลางของประเทศไทย ถ้ำเลียงผา เขาผาแรต อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี" วิทยากรโดย นายเดชา สุดสวาท นักโบราณคดีชำนาญการพิเศษ นายเจตน์กมล วงษ์ท้าว นักโบราณคดีชำนาญการ และนายปริวรรษ เจียมจิตต์ นักโบราณคดีปฏิบัติการ ในวันพฤหัสบดีที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๓.๓๐ - ๑๕.๐๐ น. ณ ห้องประชุมอาคารดำรงราชานุภาพ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมฟังการเสวนา ผ่านการสแกน QR Code หรือตามลิงก์นี้ https://shorturl.at/alrNO รวมทั้งยังสามารถติดตามชมการถ่ายทอดสดได้ทาง Facebook Live : กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
ชื่อเรื่อง เทวทูตสุตฺต (เทวทูตสูตร)
สพ.บ. 436/3ประเภทวัสดุมีเดีย คัมภีร์ใบลานหมวดหมู่ พุทธศาสนาลักษณะวัสดุ 72 หน้า กว้าง 5 ซม. ยาว 40 ซม.หัวเรื่อง พระสูตร
บทคัดย่อ/บันทึก เป็นคัมภีร์ใบลาน อักษรธรรมอีสาน ภาษาบาลี-ไทยอีสาน เส้นจาร ฉบับลานดิบ-ทองทึบ ได้รับบริจาคมาจากวัดลานคา ต.โคกคราม อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี