กรมศิลปากรขอเชิญสักการะพระพุทธรูป “มงคลพุทธปฏิมา เทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๙”

         เนื่องในเทศกาลปีใหม่ พุทธศักราช ๒๕๖๙ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากร จัดกิจกรรมพิเศษสักการะพระพุทธรูป “มงคลพุทธปฏิมา เทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๙” อัญเชิญพระพุทธรูปที่กอปรด้วยพุทธศิลป์อันงดงาม โดยมีพระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เป็นพระประธาน พร้อมด้วยพระพุทธรูปอีก ๙ องค์ ที่จัดแสดงและสงวนรักษา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร โดยล้วนเป็นพระพุทธรูปที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาประชาธิปก พระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๙ ในโอกาสที่ราชบัณฑิตยสภาได้ดำเนินการปรับปรุงและขยายส่วนจัดแสดงพิพิธภัณฑสถานเดิม ให้เป็นพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร มาประดิษฐานให้ประชาชนได้สักการบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลในวาระแห่งการเริ่มต้นศักราชใหม่
         พระพุทธรูปทั้ง ๑๐ องค์ ประกอบด้วย
         ๑. พระพุทธสิหิงค์ ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ ๒๑ 
         ๒. พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๗ 
         ๓. พระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย ๒ พระหัตถ์ ศิลปะลพบุรี พุทธศตวรรษที่ ๑๘ 
         ๔. พระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะลังกา พุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๘ 
         ๕. พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะก่อนอยุธยา แบบอู่ทองรุ่นที่ ๑ ครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ ๑๘ - ๑๙ 
         ๖. พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย กลางพุทธศตวรรษที่ ๑๙ 
         ๗. พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะล้านนา พุทธศตวรรษที่ ๒๐ 
         ๘. พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ ๒๑ - ๒๒ 
         ๙. พระพุทธรูปยืนปางแสดงธรรม ศิลปะลังกา แบบสิริวัฒนบุรีหรือแคนดี พุทธศตวรรษที่ ๒๒ - ๒๔ 
         ๑๐. พระชัยเมืองนครราชสีมา เมืองนครราชสีมา ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ ๒๒ - ๒๓ 

         ขอเชิญพุทธศาสนิกชนสักการะพระพุทธรูป “มงคลพุทธปฏิมา เทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๙” 
ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๘ ถึงวันอาทิตย์ที่ ๔ มกราคม  ๒๕๖๙ เวลา ๐๙.๐๐ น. - ๑๖.๐๐ น. ทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการ
 
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

พระพุทธรูปทั้ง ๑๐ องค์ "มงคลพุทธปฏิมา เทศกาลปีใหม่ ๒๕๖๙"

๑. พระพุทธสิหิงค์
ศิลปะ ล้านนา พุทธศตวรรษที่ ๒๑ (๕๐๐ ปีมาแล้ว)
ขนาด สูงพร้อมฐาน  ๑๓๕  เซนติเมตร หน้าตักกว้าง  ๖๓  เซนติเมตร  
องค์พระสูง  ๗๘.๕  เซนติเมตร  
ประวัติ        สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท (วังหน้าพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงอัญเชิญมาจากเมืองเชียงใหม่เมื่อพุทธศักราช ๒๓๓๐ ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
 
พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปสัมฤทธิ์กะไหล่ทอง ประทับขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ทั้งสองวางซ้อนกันบนพระเพลาแสดงปางสมาธิ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ตามตำนานพระพุทธสิหิงค์ได้รับการอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นสิริยังพระนครหลวงโบราณหลายแห่ง นับแต่สุโขทัย เชียงใหม่ พระนครศรีอยุธยา ตราบเท่าถึงกรุงรัตนโกสินทร์ 
 
 
๒. พระพุทธรูปปางมารวิชัย
ศิลปะ  ศรีวิชัย พุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๗ (๙๐๐ - ๑,๐๐๐ ปีมาแล้ว)
ขนาด                สูงพร้อมฐาน  ๒๘.๒  เซนติเมตร หน้าตักกว้าง  ๙.๓  เซนติเมตร
ประวัติ               พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๙
 
         พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางมารวิชัยองค์นี้ มีรูปแบบอิทธิพลศิลปะอินเดียแบบปาละ อาทิ การประทับขัดสมาธิเพชร ชายจีวรที่แผ่ออกมาด้านหน้าบริเวณกึ่งกลางพระเพลา แผ่นประภามณฑลทึบ ขอบประดับแถบลายกระหนกเปลว ส่วนยอดด้านบนลักษณะมน ขณะเดียวกันยังแสดงอิทธิพลของศิลปะชวา อาทิ พระวรกายค่อนข้างอวบอ้วน ตลอดจนรูปแบบของงานช่างท้องถิ่น คือส่วนชายจีวรสั้นเป็นแผ่น ส่วนปลายตัดตรง รูปแบบของพระพุทธรูปองค์นี้สามารถเทียบเคียงได้กับพระพุทธรูปปางมารวิชัยที่พบในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย
 
๓. พระพุทธรูปยืนปางประทานอภัย ๒ พระหัตถ์
 
ศิลปะ ลพบุรี พุทธศตวรรษที่ ๑๘ (๘๐๐ ปีมาแล้ว)
ขนาด                 สูง  ๓๕.๕  เซนติเมตร
ประวัติ               พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๙
 
การแสดงปางประทานอภัย ๒ พระหัตถ์เป็นลักษณะพิเศษของพระพุทธรูปศิลปะลพบุรี สันนิษฐานว่าคลี่คลายมาจากปางแสดงธรรมสองพระหัตถ์ หรือ วิตรรกมุทราในพระพุทธรูปศิลปะทวารวดี ปางนี้มีที่มาจากภาษาสันสกฤตเรียกว่า อภยมุทรา (อภย แปลว่า ไม่มีภัย และมุทรา แปลว่า การแสดงท่าทางด้วยมือ) หมายถึง “การไม่มีภัยทั้งปวง” หรือ “การไม่หวั่นเกรงภัยใด ๆ”
 
 
 
๔. พระพุทธรูปปางสมาธิ
ศิลปะ   ลังกา พุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๘ (๘๐๐ - ๑,๐๐๐ ปีมาแล้ว)
ขนาด              สูงพร้อมฐาน  ๒๘  เซนติเมตร หน้าตักกว้าง  ๒๐  เซนติเมตร
ประวัติ            พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๙ เดิมได้มาจากเมืองเชียงราย
 
         พระพุทธรูปปางสมาธิสัมฤทธิ์ พุทธลักษณะที่ปรากฏเป็นพระพุทธรูปศิลปะลังกา สมัยโปลนนารุวะ สร้างขึ้นในช่วงเวลาที่ศรีลังกาย้ายเมืองหลวงจากเมืองอนุราธปุระทางตอนเหนือลงมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ พุทธศิลป์ในเวลานี้แสดงลักษณะที่สืบทอดต่อมาจากสมัยอนุราธปุระผสานกับแรงบันดาลใจจากศิลปะอินเดียใต้ นิยมสร้างพระพุทธรูปที่มีพระพักตร์กลมมน มีอุษณีษะต่ำ ยอดพระรัศมีเป็นเปลว พระเกศาขมวดเป็นก้นหอย ไม่มีอุณาโลม พระอังสากว้าง พระอุระหนา บั้นพระองค์เล็ก
 
 
๕. พระพุทธรูปปางมารวิชัย
ศิลปะ ก่อนอยุธยา แบบอู่ทองรุ่นที่ ๑ ครึ่งหลังพุทธศตวรรษที่ ๑๘ - ๑๙ (๖๕๐ - ๗๐๐ ปีมาแล้ว)
ขนาด สูง  ๔๗.๕  เซนติเมตร หน้าตักกว้าง  ๓๕.๕  เซนติเมตร 
ประวัติ              พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม     พ.ศ. ๒๔๖๙ เดิมได้มาจากเมืองสรรค์ 
 
  พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย จากพุทธศิลป์กำหนดเป็นพระพุทธรูปแบบอู่ทอง รุ่นที่ ๑ ซึ่งเป็นศิลปะก่อนสมัยอยุธยา แสดงความคาบเกี่ยวกับพระพุทธรูปในช่วงปลายของศิลปะลพบุรี พบมากบริเวณเมืองโบราณก่อนสมัยอยุธยา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตอำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท จนในอดีตขนานนามพระพุทธรูปกลุ่มนี้ว่า “พระเมืองสรรค์” เมื่อภายหลังการสถาปนาอาณาจักรอยุธยา เมืองสรรคบุรีจึงกลายเป็นเมืองสำคัญในฐานะเมืองลูกหลวงและเมืองหน้าด่าน 
   
๖. พระพุทธรูปปางมารวิชัย
ศิลปะ สุโขทัย กลางพุทธศตวรรษที่ ๑๙ (๗๐๐ ปีมาแล้ว)
ขนาด               สูงพร้อมฐาน  ๓๔.๕  เซนติเมตร หน้าตักกว้าง  ๓๐.๕  เซนติเมตร
ประวัติ              พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๙ 
 
       พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย จัดเป็นพระพุทธรูประยะแรกของศิลปะสุโขทัยอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่าง “หมวดเบ็ดเตล็ด” มีพระพักตร์ที่ค่อนข้างกลม พระหนุเป็นปม พระศอสั้น กับ “หมวดใหญ่” ที่มีพระอังสาใหญ่ พระอุระนูน บั้นพระองค์คอด พระอุทรเป็นร่องลึก สังฆาฏิพาดลงมาจากพระอังสาซ้ายเป็นแนวตรง หรือลักษณะการนั่งด้วยการประทับขัดสมาธิราบบนฐานหน้ากระดาน พระพุทธรูปองค์นี้จึงมีความสำคัญในฐานะหลักฐานแสดงจุดเชื่อมต่อของพระพุทธรูประยะแรกที่จะพัฒนาไปสู่งานพุทธศิลป์ที่ได้รับความนิยมและได้รับการยกย่องว่างดงามที่สุดของศิลปกรรมไทย 
 
๗. พระพุทธรูปปางมารวิชัย
ศิลปะ ล้านนา พุทธศตวรรษที่ ๒๐ (๖๐๐ ปีมาแล้ว)
ขนาด                สูงพร้อมฐาน  ๗๐.๕  เซนติเมตร หน้าตักกว้าง  ๔๓  เซนติเมตร
ประวัติ               พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๙
 
ภายหลังการสถาปนาอาณาจักรล้านนา ในพุทธศตวรรษที่ ๒๐ ประมาณ ๖๐๐ ปีมาแล้ว พระพุทธรูปล้านนากลับไปรับแรงบันดาลใจจากศิลปะอินเดียแบบปาละผ่านทางศิลปะพุกามอีกครั้งหนึ่ง พระพุทธรูปจึงปรากฏพระพุทธลักษณะ พระพักตร์กลม พระวรกายอวบอ้วน ครองจีวรห่มเฉียง ชายสังฆาฏิสั้นเหนือพระถัน ปลายแยกออกเป็นเขี้ยวตะขาบ ประทับขัดสมาธิเพชร แต่ลักษณะที่แตกต่างไปคือ การทำชายจีีวรบริเวณระหว่างพระเพลาแยกออกเป็นสองชาย แทนที่จะคลี่ออกเป็นรูปพัดอย่างศิลปะปาละ พุกาม และหริภุญชัย
 
     
๘. พระพุทธรูปปางมารวิชัย
ศิลปะ อยุธยา พุทธศตวรรษที่ ๒๑ - ๒๒ (๔๐๐ - ๕๐๐ ปีมาแล้ว)
ขนาด                สูงพร้อมฐาน  ๔๒.๕  เซนติเมตร หน้าตักกว้าง  ๓๓  เซนติเมตร
ประวัติ               พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๙
 
       พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชรสมัยอยุธยาตอนกลาง (พุทธศตวรรษที่ ๒๑ - ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๓) ซึ่งมีแรงบันดาลใจและรูปแบบจากพระพุทธสิหิงค์ หรือพระพุทธรูปขัดสมาธิเพชร ในศิลปะล้านนา แต่มีลักษณะเฉพาะที่ต่างไป อาทิ พระพักตร์มีการทำเส้นขอบไรพระศก จีวรมีการเล่นชายสังฆาฏิ โดยตกแต่งริ้วผ้าซ้อนทับกันเป็นชั้น ๆ และส่งอิทธิพลต่อพระพุทธปฏิมาสมัยอยุธยาพื้นที่ภาคใต้ โดยเรียกตามลักษณะพระวรกายอ้วนป้อมว่า “แบบขนมต้ม” หรือ “พระพุทธรูปขัดสมาธิเพชรศิลปะอยุธยา สกุลช่างนครศรีธรรมราช” โดยเป็นที่นิยมสร้างและจำลองแบบนับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๒๒ ต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์
๙. พระพุทธรูปยืนปางแสดงธรรม
ศิลปะ          ลังกา แบบสิริวัฒนบุรีหรือแคนดี พุทธศตวรรษที่ ๒๒ - ๒๔ (๔๐๐ - ๕๐๐ ปีมาแล้ว)
ขนาด          สูงพร้อมฐาน  ๓๔.๕  เซนติเมตร องค์พระสูง  ๓๐.๕  เซนติเมตร 
ประวัติ               พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๙ 
 
       พระพุทธรูปยืนปางแสดงธรรม ศิลปะลังกา แบบสิริวัฒนบุรีหรือแคนดี สร้างขึ้นในสมัยที่มีเมืองแคนดีเป็นเมืองหลวง อยู่ทางตอนกลางของเกาะลังกา เจริญรุ่งเรืองในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๒๓ - ๒๔ ตรงกับช่วงอยุธยาตอนปลายและต้นกรุงรัตนโกสินทร์ พระพุทธรูปสมัยแคนดีพบว่ามีการสร้างด้วยวัสดุที่หลากลาย หากเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่มักใช้การก่ออิฐถือปูน หากมีขนาดรองลงมาหรือขนาดเล็กนิยมสร้างด้วยงาช้างหรือไม้ ขณะที่พระพุทธรูปที่สร้างจากสัมฤทธิ์พบได้น้อยมาก
 
 
๑๐. พระพุทธรูปปางมารวิชัย
ศิลปะ      พม่า แบบมัณฑะเลย์ ปลายพุทธศตวรรษที่ ๒๔ – ต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๕ (๑๕๐ - ๒๐๐ ปีมาแล้ว)
ขนาด       สูงพร้อมฐาน  ๓๒.๒  เซนติเมตร หน้าตักกว้าง  ๒๗.๒  เซนติเมตร 
ประวัติ           พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนคร (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร) เมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๖๙ 
 
       พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ประทับขัดสมาธิเพชรปางมารวิชัย ศิลปะพม่าแบบมัณฑะเลย์ ช่วงปลายสมัยราชวงศ์โก้นบอง หรือที่รู้จักกันในชื่อ ราชวงศ์คองบอง หรืออลองพญา (พ.ศ. ๒๒๙๕ – ๒๔๒๘) พุทธลักษณะสำคัญคือ กรอบพระพักตร์เป็นแถบกว้างพาดเหนือพระนลาฏคล้ายไรพระศกประดับด้วยแก้วสีแดงและเขียวอย่างเทคนิคของช่างหลวง ซึ่งเตรียมพื้นผิวด้วยธาโย (thayo) เป็นวัสดุผสมน้ำรักพม่ากับผงไม้หรือปูนขาว พระอุษณีษะที่มีลักษณะสูงและกว้าง โดยไม่มียอดพระรัศมี ครองจีวรห่มเฉียงปิดพระอังสาซ้าย ชักชายจีวรมาปิดบนพระอังสะด้านขวา 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

(จำนวนผู้เข้าชม 18 ครั้ง)

black ribbon.